ไม่สามารถเลือกคนใดคนหนึ่งแล้วตัดอีกคนหนึ่งออกไปได้
เพราะเขาทั้งคู่คือคนที่มอบโอกาสในชีวิตให้
------------------------
คำตอบของคนึงนิจทำให้หนุ่มใหญ่อย่างมาร์คุสไม่เชื่อหูตนเองว่าเขาได้รับคำตอบนั้นจริงๆ หรือเพราะเขาเมากันแน่
“พูดอีกครั้ง...ได้ไหม” เขาสะบัดหน้าไปมาเพราะยังไม่แน่ใจว่าหูฝาดไปไหม
“บอสถามนิจ...ก็ตอบไปแล้วนี่คะ” สาวน้อยยอกย้อนได้แสบมาก
“นิจ...อย่าให้ผมอารมณ์เสีย” เขาหงุดหงิดใส่เธอ
“พรุ่งนี้เรานัดเอเจนซี่ไปดูอพาร์ตเม้นท์ ไปนอนเถอะ” เขาไล่เธอกลับห้อง
“ค่ะ...บอส” คนึงนิจดีใจจนแทบกระโดดออกจากห้อง
“เจอกันที่ห้องอาหาร ตอน 10 โมง” เขาสั่งเธอขณะล้มตัวฟุบบนเตียงหลับไปทันที
ก่อนที่หญิงสาวจะย่องออกจากห้องของเขาอย่างใจเย็น เธอเดินกลับไปดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา เกรงว่าเขาจะไม่สบายด้วยอากาศค่อนข้างเย็น เธอปรับฮีตเตอร์ให้อุ่นขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเธอพึมพำเบาๆ ก่อนออกจากห้อง
“บายค่ะ...คุณสามีที่คิดเอาเอง” เธออดขำอยู่ในใจไม่ได้
“บอสขา... นิจยังไม่อยากมีผัวหรอกนะคะ ไม่ค่อยอิสระ แบบฟรีเบิร์ด...นกน้อยอิสระ สบายออก!...”
เธอกลับไปที่ห้องซึ่งไม่ได้นอนอยู่ในนี้เกือบสองวัน เมื่อคืนวานและคืนนี้ก็เกือบเสร็จท่าชายหนุ่มฝรั่งคนนี้ไปแล้ว ดีที่เขาเมาจนไม่น่าจะทำอะไรเธอได้ และที่เหลือเชื่อคือเขาเมามายกับความเชื่อที่ฝังใจกับพวกหมอดู สาวน้อยอย่างเธอแม้จะเกิดมาทีหลังผู้ชายพวกนี้ไม่ว่าสุธนหรือมาร์คุส แต่เธอไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับความงมงาย อยากจะไปปรึกษาต้องหาข้อมูลเพื่อให้แน่ใจเสียก่อน คราวนั้นทำให้เธอได้จดจำเป็นบทเรียนที่ถูกมนต์ดำไสยศาสตร์เข้าสิงร่างกลายเป็นคนเสียสติ นับว่าโชคดีได้ผ่านพ้นวิบากกรรมนั้นมาอย่างหวุดหวิด
เธอหลับลึกฝันไปจนถึงรุ่งเช้า แล้วผวาตกใจตื่นเมื่อคนในความฝันส่งเสียงเรียกเธอขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ไม้ดอกได้บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจายไปทั่วบริเวณ เธอกำลังเพลิดเพลินนั่งชมความงามของทิวทัศน์อยู่ตรงม้านั่งรับลมแสนอบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งพัดโชยเอื่อยๆ ปะทะผิวหน้า
“นิจ...ผมรอหนูอยู่นะ” เสียงผู้ชายในฝันดังกังวาน
“ค่ะ...หนูจะรีบไป” เธอส่งเสียงตอบ
“อย่าช้านะ...” เสียงนั้นค่อยๆ เลือนหายไป
“อยู่ไหนคะ...นิจไม่เห็นเลย” เธอส่งเสียงตะโกน
เธอตะโกนเสียงดังจนผวาตกใจตื่นลุกขึ้นนั่งมองหาชายในฝัน แล้วจึงรู้สึกตัวว่าได้ฝันไป เธอมองนาฬิกาที่บนผนังห้อง จากนั้นกระโดดลงจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำทันที อาบน้ำแค่ห้านาทีแต่งหน้าอีกห้านาทีอย่างลวกๆ เธอไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าไหร่ในวันนี้เพียงใส่เสื้อตัวในหนาๆ สีดำและโค้ตตัวนอกสีเทาหม่นๆ คงอบอุ่นได้มากพอที่จะป้องกันความหนาวเย็นข้างนอก เธอสายมากจริงๆ จึงรีบเปิดประตูห้องและก็เห็นมาร์คุสเจ้านายฝรั่งได้ยืนรออยู่แล้ว
“Morning ค่ะบอส...ออกมาพอดีเลย ดีจัง” เธอยิ้มทักทาย
“ผมขึ้นมาดู...กำลังจะกดกริ่ง” เขาทำหน้าหงิก
“sorry ค่ะ นิจนอนหลับนานไป” เธอไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“นอนไม่หลับรึ” เขาจ้องหน้าเธอ
“หลับดีมากค่ะ”
“ลงไปกินข้าว ผมจะรอที่ห้อง เสร็จแล้วโทรขึ้นมา” เขาสั่งเธอแล้วเปิดประตูห้องข้างเดินเข้าไปก่อนประตูจะปิดอัตโนมัติ
คนึงนิจลงไปกินข้าวคนเดียวรู้สึกไม่สบายใจ ท่าทีของเจ้านายไม่ค่อยเบิกบานเลยเช้านี้สีหน้าและแววตาดูซีเรียสกังวลจนเธอหวั่นใจ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องอาหารเพียงสิบห้านาที จากนั้นจึงโทรขึ้นไปแจ้งเขาว่ารถโรงแรมพร้อมออกเดินทาง เขาสวมโค้ตสีดำทับสเวตเตอร์คอเต่าสีขาว เดินออกมาจากลิฟต์ด้วยใบหน้ายับยู่เหมือนเพิ่งตื่น ที่บอกว่าจะรออยู่ในห้องขณะเธอลงมากินข้าวนั้น คิดว่าเขาน่าจะเข้าไปงีบต่อ
“นิจ...ผมจะมาประชุมตอนคุณอยู่ที่นี่” เขาเอ่ยขณะนั่งอยู่ในรถ
“บอสจะนอนที่อพาร์ตเม้นท์ด้วยใช่ไหมคะ” เธอเดาใจเขาออก
“อืม...No! but …คงไม่...แต่น่าจะดีถ้าอยู่รวมกัน” เขาพูดภาษาไทยไม่ค่อยถูก แต่เธอเข้าใจได้
“ค่ะ...” เธอคิดในใจว่า เขาต้องหาอพาร์ตเม้นท์ สองห้องนอน”
รถโรงแรมมาส่งทั้งสองคนที่บริเวณตึกทำการไม่ห่างจากย่าน South Bank ฟากตรงข้าม West Minster ซึ่งแถบนี้เมื่อวานได้มาพบหมอดูนั่นเอง สำนักงานตั้งอยู่บริเวณชั้นสองของตัวตึก ชายกลางคนรุ่นเดียวกับมาร์คุสเดินออกมาต้อนรับและกล่าวทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
“This is my assistant...นี่ผู้ช่วยผม เธอจะมาอยู่ที่นี่สามเดือน ต้องการอพาร์ตเม้นท์มีแพนทรี ส่วนนั่งทำงานและรับแขกด้วย” เขาชี้แจงความต้องการ
“Waterloo มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงนี้จะสะดวก” เจ้าหน้าที่แจ้งมาร์คุส ซึ่งเจ้านายเธอเห็นด้วยจึงตกลงเดินทางไปดู
อพาร์ตเม้นท์ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มาร์คุสต้องการให้เธออยู่ที่นี่ เขามองว่าชั้นหกซึ่งไม่สูงนักจะปลอดภัยสำหรับเธอ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างน้อยเธอสามารถเอาตัวรอดได้
“บอสรอบคอบมากเลยค่ะ”
“คอนโดในลอนดอนเคยเกิดไฟไหม้มาแล้ว”
“ที่นี่ดีมาก...สะดวกการเดินทาง” เขามองโดยรอบของตัวอาคาร ที่อยู่ใจกลางเมือง
“บอส...คงพักกับนิจไม่ได้ล่ะค่ะ มีห้องนอนหนึ่งห้อง” เธอแค่บอกเขาเฉยๆ
“...ถ้าไม่อยากให้อยู่ด้วย ผมพักโรงแรม”
“ตกลงที่นี่นะคะ...” เธอรีบตัดบทเลือกเพราะค่าเช่าไม่แพงมาก และแอบดีใจที่ไม่มียูนิตไหนมีสองห้องนอน
“ได้...เรากลับไปพบเจ้าหน้าที่ทำสัญญาเช่า ต้นเดือนหน้าบินมา...จะได้อยู่ที่นี่” เขายิ้มให้เธอ
“ค่ะ...บอสต้องไปอุบลนะคะ”
“คุณบินมาคนเดียว...ผมคงไม่ต้องมา”
“ขอบคุณมากค่ะ...บอส” เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขา
“ไปตั้งเบิกค่าใช้จ่ายที่นี่ทั้งหมดมา ผมจะส่งให้มาร์ควิช ซันเดรย์อนุมัติ”
“Yes, sir… ค่ะ บอส”
“น่าจะขอบคุณผมมากกว่านี้” แววตาของเขาจ้องมาที่หญิงสาวอย่างวิงวอน คนึงนิจหลบสายตาซึ่งกำลังเรียกร้องอยู่นั้นทันที
“เจ้านาย...คะ นิจตั้งใจทำงานให้ ถือว่าตอบแทนให้คุ้มสุดๆ”
เมื่อทำสัญญาที่บริษัทเอเจนซี่เสร็จแล้ว มาร์คุสพาเธอเดินไปแถวโซโหหาอะไรกินมื้อเที่ยงซึ่งเลยเวลามาเกือบบ่ายสองโมง จากนั้นจึงพากันมาชมวิวหอนาฬิกาบิกเบน ซึ่งมองเห็น London Eye แต่ไกล
“ผมนึกถึงคืนนั้น” เขาพูดขึ้นขณะยืนกอดอกมองไปที่หอนาฬิกาซึ่งบอกเวลาบ่ายสามโมงกว่า
“ทำไมคะ”
“นิจ...ไม่ยอมให้ผม kiss” เขาวกกลับมาเรื่องเดิม
“ผมอยากรู้จัก ผู้ชายคนนั้น” เขาคงหมายถึงสุธน
“เขาเป็นคนสำคัญใช่ไหม” คำถามนี้ทำให้คนึงนิจอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง
“นิจขอไม่ตอบค่ะ” เธอเงียบไปพักใหญ่
เขาเหม่อมองไปยังสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เบื้องหน้า
“ผมอยากให้คุณสัญญากับผม...ที่แม่น้ำเทมส์”
“ต้องขนาดนั้นเลยหรือคะ” เธอหวั่นใจ
“ครั้งหน้า... ผมอยากได้คำตอบ” เขาพูดสั้นๆ แต่มันตรงมากจนเธอถอนหายใจ
“ถ้าคำตอบไม่ถูกใจล่ะคะ”
“I need a right answer! มันจำเป็นมาก”
“ยังไงคะ”
“ผมอยากอยู่กับคุณ...”
“บอสคะ...ถ้านิจตอบไปว่าโอเค เหมือนให้ความหวังกับบอส แต่ถ้าไม่โอเค บอสจะโมโหไหม”
“อนาคตยังไม่มาถึง...ผมยังหวังได้อยู่ใช่ไหม” เขาถามเธอ
“ไว้ถึงวันนั้นก่อนนะคะ...นิจไม่อยากทำให้บอสกังวล”
มาร์คุสปล่อยให้เธอเป็นอิสระกลับมาคิดทบทวนชั่งใจระหว่างเขากับสุธน ซึ่งเธอเองยอมรับว่าไม่สามารถเลือกคนใดคนหนึ่งแล้วตัดอีกคนหนึ่งออกไปได้ ทั้งคู่คือคนที่มอบโอกาสในชีวิตให้เธอ สุธนเข้ามาช่วยปลดภาระอันหนักอึ้งเรื่องค่าเล่าเรียนแพทย์ของน้องชายและยังให้ที่พักพิงซึ่งเหมือนให้ชีวิตใหม่อันสวยงาม ส่วนมาร์คุสเข้ามาในจังหวะทับซ้อนเรื่องเวลาและโอกาส เขากลายเป็นบุคคลที่สามไปทันทีแม้ว่าเธอยังไม่มีความสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งกับสุธนก็ตาม เขาเป็นคนแสนดีในสายตาของเธอซึ่งมอบทั้งโอกาสในเรื่องการงานและยังหัวใจของเขานั้นอีกที่อดทนรอคอยคำตอบจากเธอ
ระหว่างนั่งคอยรอเรียกขึ้นเครื่องบินขากลับ เธอได้รับข้อความจากสุธนว่าเขาจะมารับที่สนามบิน ในใจเธอกระวนกระวายกับคนทั้งสองที่ต้องเผชิญหน้ากันครั้งแรกแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“Who’s that guy? นั่นใคร” เขาถามขึ้นขณะเห็นชายหนุ่มในเครื่องแบบตำรวจกำลังยกมือส่งสัญญาณเรียกเธออยู่ตรงบริเวณทางออก meeting point
“คนที่บอสอยากเจอไงคะ” เธอตอบไม่ค่อยเต็มคำ
“งั้นดีเลย...He’s the police?! เขาเป็นตำรวจรึ” เขาถามเธอ
“ค่ะ...”
แล้ววินาทีที่สุธนเดินเข้ามาหาคนทั้งสอง เขาโค้งให้มาร์คุสแบบเจ้าพนักงานสายบังคับบัญชา ส่วนมาร์คุสยื่นมือออกไปให้เขาจับ เขาทั้งสองยิ้มให้กันแล้วสุธนเป็นฝ่ายทักทายเจ้านายของเธอเป็นภาษาอังกฤษ
“ผมพูดไทยได้ครับ” เขาเอ่ยแล้วหันมายิ้มให้คนึงนิจ
“ผม...มาร์คุส”
“ผม...สุธน...ยินดีครับ ได้พบเจ้านายของนิจ”
“นิจ...See you on Monday! เจอกันวันจันทร์” เขากล่าวลาเธอและสุธน จากนั้นรีบเดินไปหาคนขับรถของเขาที่รออยู่ทันที
“เขาดีมากเลย...บอสของหนู” สุธนเอ่ยชม
“ค่ะ...ทำไมวันนี้ว่างล่ะคะ”
“ผมอยากทำหน้าที่...นี้บ้าง”
“อะไรคะ...คุณพ่อแสนดีใช่ไหม” เธอหันหน้าไปยิ้มให้เขา
“ไม่ใช่....”
“อ้าว...ยังไงคะ” เธอทำหน้างง
“หน้าที่ดูแล...คนแสนดีของผม!!!”
ตำแหน่งใหม่...ทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์------------------------คนึงนิจกลับมาถึงบ้านเจอป้าสมใจคอยต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอแอบกระซิบเมื่อสุธนยกกระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นบันไดไปไว้ที่ห้องชั้นบน“ป้าคะ...หนูซื้อของฝากมาให้ด้วยค่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยขึ้นไปเอาที่ห้องนะคะ”“ค่ะ...คุณนิจไม่อยู่ ท่านรองผู้กำกับไม่กลับบ้านเลยค่ะ” ป้าสมใจแอบกระซิบ“คุณพ่อคงมีธุระมั้งคะ...ป้าอยู่คนเดียวเหงาล่ะสิ” เธออมยิ้ม“แล้วเย็นนี้จะให้ป้าเตรียมอาหารไหมคะ”“ไว้หนูถามคุณพ่อก่อนนะคะ” คนึงนิจกำลังเดินขึ้นไปห้องนอนของเธอ หันหลังมาเมื่อได้ยินป้าสมใจเอ่ยขึ้น“มีคนมาหาคุณนิจ ชื่อบุศรินทร์” ป้าสมใจนึกขึ้นได้เธอไม่ตอบอะไรได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ใครกันที่มาหาเธอ ไม่เคยรู้จักกันเลย ชื่อนี้ไม่มีอยู่ในรายชื่อเพื่อนหรือคนรู้จัก เธอเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยจากการจัดเก็บของป้าแม่บ้าน ความสงสัยยังอยู่ในสมองทำให้เธอเปิดหน้าจอมือถือหารายชื่อที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ ... ไม่มีคนชื่อนี้สุธนเปิดประตูห้องนอนชะโงกหน้าเข้ามาเห็นเธอกำลังนอนดูโทรศัพท์อยู่บนเตียง“เย็นนี้...ไปกินข้าวกัน มีคนอยากเจอหนูด้วย” เขา
ไม่สามารถเลือกคนใดคนหนึ่งแล้วตัดอีกคนหนึ่งออกไปได้ เพราะเขาทั้งคู่คือคนที่มอบโอกาสในชีวิตให้------------------------คำตอบของคนึงนิจทำให้หนุ่มใหญ่อย่างมาร์คุสไม่เชื่อหูตนเองว่าเขาได้รับคำตอบนั้นจริงๆ หรือเพราะเขาเมากันแน่“พูดอีกครั้ง...ได้ไหม” เขาสะบัดหน้าไปมาเพราะยังไม่แน่ใจว่าหูฝาดไปไหม“บอสถามนิจ...ก็ตอบไปแล้วนี่คะ” สาวน้อยยอกย้อนได้แสบมาก“นิจ...อย่าให้ผมอารมณ์เสีย” เขาหงุดหงิดใส่เธอ“พรุ่งนี้เรานัดเอเจนซี่ไปดูอพาร์ตเม้นท์ ไปนอนเถอะ” เขาไล่เธอกลับห้อง“ค่ะ...บอส” คนึงนิจดีใจจนแทบกระโดดออกจากห้อง“เจอกันที่ห้องอาหาร ตอน 10 โมง” เขาสั่งเธอขณะล้มตัวฟุบบนเตียงหลับไปทันทีก่อนที่หญิงสาวจะย่องออกจากห้องของเขาอย่างใจเย็น เธอเดินกลับไปดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา เกรงว่าเขาจะไม่สบายด้วยอากาศค่อนข้างเย็น เธอปรับฮีตเตอร์ให้อุ่นขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเธอพึมพำเบาๆ ก่อนออกจากห้อง“บายค่ะ...คุณสามีที่คิดเอาเอง” เธออดขำอยู่ในใจไม่ได้“บอสขา... นิจยังไม่อยากมีผัวหรอกนะคะ ไม่ค่อยอิสระ แบบฟรีเบิร์ด...นกน้อยอิสระ สบายออก!...”เธอกลับไปที่ห้องซึ่งไม่ได้นอนอยู่ในนี้เกือบสองวัน เมื่อคืนวานและคืนนี้ก็เกือบเ
เมามายกับความเชื่อ------------------------ที่ประชุมบอร์ดตกลงให้คนึงนิจมาทำหน้าที่ประสานงานดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการที่สำนักงานในลอนดอนกับฝ่ายโอเปอร์เรชั่นของบริษัทที่สำนักงานเมืองไทยซึ่งมาร์คุสเป็นซีอีโอ ประธานฝ่ายบริหาร มาควิส ซันเดรย์ มอบหมายให้ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการที่นี่ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับตำแหน่งผู้ประสานระหว่างประเทศ ซึ่งเธอจะบินกลับมาเริ่มงานในต้นเดือนถัดไป“ผมมีนัดกับ psychic ผมเลื่อนเอเจนซี่เป็นพรุ่งนี้บ่าย” มาร์คุสกระซิบเบาๆ หลังจากเลิกประชุม “ค่ะ...” เธอทำหน้าสงสัย“รถโรงแรมกำลังมารับ” เขาเร่งเธอให้เก็บเอกสารสำคัญ“บอสคะ ต้นเดือนหน้าเรามีประชุมที่อุบล” เธอเปิดกำหนดการของเขาจากไลน์ผู้บริหารของบริษัท“No worry ลินจะดูแลเอง” เขาหมายถึงเลขาชื่อ ลินนา มาร์คุสเคยต่อว่าเธอต่อหน้าคนึงนิจถึงความผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอครหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของคนทั้งคู่“ผมจะให้ชนากานต์ขึ้นมาแทนคุณ” เขาเริ่มเห็นเค้าความยุ่งยาก หากให้ลินนาทำหน้าที่แทนเธอ“ดีค่ะ น้อยหน่าเหมาะมากค่ะ บอส” เธอเห็นด้วยจากเท่าที่เพิ่งสนิทกัน เธอรอบคอบและไม่ปากมาก“ไป... รถโรงแรมมาถึงแล้ว” เ
ภาพรักของเขาและเธอแค่ในฝัน------------------------หลังการประชุมระหว่างฝ่ายประสานงานของบริษัทที่นี่ มาร์คุสได้แจ้งกับคนึงนิจว่าผู้บริหารของบริษัทเชิญเธอร่วมประชุมกับบอร์ดเพื่อขอความเห็นชอบการรับเธอมาประจำอยู่ในลอนดอน“ผมจะออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้” มาร์คุสแจ้งเธอคร่าวๆ“พรุ่งนี้หลังประชุมบอร์ด เราไปหาที่พักกัน ผมมีเอเจนซี่ที่รู้จักอยู่ที่นี่” เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่อยากให้สาวน้อยลำบาก“บอสคะ...นิจ ขอถามค่ะ”“มีอะไร...” เขาจ้องหน้าเธออย่างสงสัย“เอ่อ...มีเงื่อนไขอะไรบ้างคะ คือต้องตอบแทนบอสหรือเปล่า” เธอตะขิดตะขวงใจไม่อยากเอ่ยตรงๆ“ทำไม...มาทำงานนะ” เขาทำหน้างงกับคำถาม“ค่ะ...นิจรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ”“ผมไม่เข้าใจคนไทย...” เขายักคิ้ว ส่งสายตาให้เธอ“มาทำงานที่นี่แล้วต้องตอบแทนผม...ยังไง” เขาเริ่มหงุดหงิด“บอส...อยากให้นิจรับรักไม่ใช่หรือคะ” เป็นคำถามที่เธอไม่อยากถามเขาเลย“ใช่...แต่ผมไม่ชอบบังคับ”“ค่ะ...เอ่อ แล้วเกิดบอสอยากให้ตอบแทนล่ะคะ” เธอไม่แน่ใจกับอนาคต เพราะเธอยังเป็นหนี้บุญคุณกับสุธนอยู่ แล้วมาร์คุสกลายมาเป็นคนที่สร้างบุญคุณใหม่ซ้ำซ้อนทำให้เธอเริ่มคาดการณ์ไม่ถูก วัฒนธรรมของฝร
หัวใจยังไม่พร้อม...รักใครในเวลานี้------------------------สัปดาห์ถัดมาคะนึงนิจกลับไปทำงานและมาร์คุสดีใจมากที่เธอกลับมาปกติเหมือนเดิม จึงสั่งให้เธอเร่งเตรียมเอกสารเพื่อเดินทางไปอังกฤษกับเขา น้อยหน่าเข้ามาซักถามคนึงนิจด้วยความเป็นห่วง“หายดีแล้วเหรอ...ไปทำอะไรมา กินยาที่หมอสั่งใช่ไหม” น้อยหน่าถามด้วยแววตาสงสัย“ไม่หรอก...ไปหาหลวงตาทำพิธี”“เหรอ...แล้วตุ๊กตานั้นเธอยังกอดอยู่ไหม”“หลวงตาท่านเอาไปทำพิธี และทิ้งไปแล้วน่ะ” เธอตอบสั้นๆ“ดีแล้วน่ะ...แม่ฉันก็ให้เอากุมารทองไปไว้ที่วัดเหมือนกัน เพราะลูกร้องกวนทั้งวันทั้งคืน”“อีลุงนั่น มันเป็นปีศาจ” น้อยหน่ากระซิบเบาๆ กลัวว่าคนนั่งทำงานที่มีแผ่นกั้นใกล้ๆ จะได้ยิน“ใช่...หลวงตาให้สายสิญจน์ฉันด้วยเนี่ย” คนึงนิจชูข้อมือให้น้อยหน่าดู“เออ...แล้วท่านทักอะไรบ้างล่ะ”“อย่าออกไปไหนหลังเที่ยงคืน” เธอเล่าสั้นๆ ถึงคำเตือนของหลวงตาต้นเดือนถัดมาคนึงนิจพร้อมมาร์คุสเดินทางไปถึงลอนดอนนัดพบปะลูกค้าตามนัดหมาย บอสหนุ่มใหญ่อิตาเลียนชอบกินอาหารอิตาเลียนจึงชวนเธอไปหาอะไรกินแถวทราฟัลการ์แสควร์เพื่อว่าหลังจากมื้อค่ำ จะได้เดินไปดูน้ำพุที่มีสีสันยามค่ำคืนที่นั่น อากาศช
ด้วยศักดิ์ศรี...จะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ------------------------หลังจากกินข้าวเช้าที่บ้าน แม่สุภาเร่งให้สุธนพาคนึงนิจไปหาหลวงตาที่วัด แม่ของเขาไปด้วย แต่จะตามไปพร้อมป้าสำเนียงและทวี เธอรู้ว่าสุธนรู้จักหลวงตารูปนี้ดี เขาเคยมาบวชอยู่ที่วัดนี้ ท่านเป็นผู้มีอาคมขมังเวทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มเคยไปฝึกสายกรรมฐานแถวอีสานอยู่นับสิบปี ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเดิมแห่งนี้“กราบนมัสการหลวงตา...ครับ” สุธนเข้าไปนั่งกับพื้นพร้อมคนึงนิจก้มลงกราบท่าน ขณะท่านมองมาทั้งคู่อย่างยินดี“วันนี้...เราว่างหรือ” ท่านถามขึ้น“ไม่ว่างหรอกครับ แต่ผมต้องมาจัดการตามที่หลวงตาสั่งโยมแม่ไป”“เอ่อ...ไว้รอมากันให้ครบทุกคน หลวงตาจะเป่ามนต์เสกล้อมพวกเราไว้ทุกคน ไม่งั้นมันจะกลับมาเล่นงานทุกคนที่เข้าไปยุ่งกับอิหนูคนนี้” ท่านกล่าวเตือน“โยม...ไม่นาน จะกลับมาหาหลวงตาอีก”“ทำไมหรือครับ...”“ไม่มีอะไร...จะกลับมา... หลวงตาต้องเรียก โยมผู้กำกับ” ท่านหัวเราะเสียงแห้ง“โอ...จริงหรือครับ”“ตอนนี้...มีใครเป็นใหญ่ในสน.ล่ะ”“ยังไม่มีคำสั่งลงมาครับ...ผมรักษาการแทน” สุธนตอบ“นั่นล่ะ...วิบากของโยมกำลังตามมา...ระวังด้วย อิหนูนี
เพราะสายลมนี้ทำให้ฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง------------------------รุ่งขึ้นแม่สุภาพาคนึงนิจสาวน้อยที่นางคิดว่าเธอต้องถูกหมอดูเสกคาถาใส่ทำให้เธอกลายเป็นคนสติไม่อยู่กับตัว“กินข้าวแล้ว แม่จะพาเธอไปพบหลวงตาที่วัด” แม่ของสุธนพูดกับเขาเสียงเบา ไม่อยากให้สาวน้อยของเขาได้ยิน“ครับ...ฝากแม่ดูแลเธอด้วยนะครับ” เขายังดูกังวลกับเธอ“แม่จะให้สำเนียงไปด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยแม่ดูแล” แม่เขาดูกังวลเช่นกัน“ขอบคุณครับ วันนี้ผมมีประชุมทั้งวัน เสร็จงานจะรีบกลับมา อาจค้างที่นี่อีกคืนถ้าถึงดึก”แม่ไปเรียกป้าสำเนียงข้างบ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนคนึงนิจ ส่วนนางรีบโทรไปหามัคนายกที่ดูแลปรนนิบัติหลวงตา โชคดีที่วันนี้หลวงตาไม่มีกิจนิมนต์ เธอจึงรีบพาสาวน้อยออกจากบ้านให้หลานชายลูกป้าสำเนียงขับรถไปส่งหลวงตามองดูสาวน้อยที่เดินตามสุภาเข้ามานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าท่าน ขณะเธอกำลังก้มลงกราบท่านจึงทักขึ้นทันที“โยม...พานางหนูนี่มาทำไม...”“อิฉันเห็นว่า อาการมันแปลกๆ คะ หลวงตา”“ลูกสาวโยมรึ” ท่านมีสีหน้ากังวล“ไม่ใช่ค่ะ...เป็นแฟนของลูกชาย”“จะอยู่ที่นี่นานไหม...ต้องทำพิธีถอนมนต์ดำ” ท่านบอกกับสุภา“ให้พ่อหนุ่มไปเอาไข่ไก่มา..
แผงอกอุ่นนี้...จะให้ไอรักซึมซาบเข้าไปในหัวใจเธอ...สักวัน------------------------คนึงนิจสาวน้อยนอนกอดสุธนตั้งแต่เธอยังไม่หลับจนหลับไปจนถึงรุ่งเช้า หนุ่มใหญ่เช่นเขาเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาสองสามวัน ไปทำงานก็ยังคิดถึงเป็นห่วงเธอ กังวลว่าเธอจะเป็นอะไรมากกว่านี้ไหม บางครั้งต้องให้จ่าแดงคนสนิทที่รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากกว่าทุกคน โทรมาหาป้าสมใจคอยถามเรื่องอาหารการกินและอาการของเธอ เขาพยายามบอกให้ป้าสมใจหลอกล่อให้เธอกินยาตามที่หมอสั่งเช้าวันนี้เขารู้สึกไม่อยากไปทำงาน แต่อยากพาสาวน้อยคนนี้ไปเที่ยวนอกเมืองแถวบ้านเดิมของเขาก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี พาเธอไปพบแม่ของเขาที่อายุค่อนมากแล้ว ท่านอยู่กับหลานสาวอายุสิบเจ็ดปี“หนูนิจ วันนี้ไปเที่ยวกันนะ” เขาเอ่ยปากชวนระหว่างกินข้าวมื้อเช้าด้วยกัน“เหรอคะ...ที่ไหน” เธอแต่งตัวสวยเหมือนพร้อมออกบ้าน“ไปบ้านแม่ผม...ไม่ไกลจากนี่สักหนึ่งชั่วโมงก็ถึง ไปทานข้าวบ้านแม่ ท่านทำอาหารอร่อยนะ” เขาเอ่ยชวนเธอ“ดีจังค่ะ...”“ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ชุดนี้สวยดีแล้ว” เขาบอกเธอ และหันไปสั่งป้าสมใจให้ขึ้นไปเอายาลงมา เขาจะเอาไปด้วย“หนูต้องทำอะไรบ้าง เวลาเจ
จะกลายเป็นเพื่อนใจตัวร้าย...ในวันที่เธอหายดี------------------------น้อยหน่าทำเรื่องลางานให้คนึงนิจส่งไปที่ฝ่ายบุคคล และคนที่ลงชื่ออนุมัติคือมาร์คุส ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทที่เธออยู่ใต้สายงานโดยตรง มาร์คุสสงสัยว่าทำไมสาวน้อยที่มีภารกิจต้องดูแลประสานงานกับลูกค้าช่วยเขา ไม่มาทำงานวันที่สองแล้ว“ให้คุณชนากานต์ขึ้นมาพบผมตอนบ่ายสามโมง” เขาสั่งเลขาให้ตามน้อยหน่ามาพบเพื่อสอบถาม“คุณชนากานต์ลาช่วงบ่ายแล้วค่ะ บอส” เลขาตอบเขา“โทรหาเธอเลย”เลขาติดต่อน้อยหน่าได้แล้วโอนสายให้เขา...“คุณนิจเป็นอะไรไม่มาทำงาน ลาพักร้อน” เขาถามด้วยความสงสัย เพราะมีงานหลายอย่างที่ยังคั่งค้าง“เธอไม่สบายค่ะ บอส”“เป็นอะไร...มากหรือ” เขาพูดภาษาไทยได้ชัดเจน เพราะอยู่ที่นี่เกือบห้าปี“บอสอยากไปเยี่ยมไหมคะ”“เธออยู่บ้านตรงไหน ส่งโลเคชั่นมาให้ ผมจะให้คนขับรถไปดูพรุ่งนี้”รุ่งขึ้นสุธนฝากให้ป้าสมใจดูแลเรื่องอาหารการกิน เขาบอกให้สั่งจากร้านในหมู่บ้านมาส่งไม่ต้องทำกับข้าวให้ลำบาก เขามีภารกิจประชุมเรื่องคดีสำคัญทั้งวัน จึงไม่มีเวลาที่จะโทรสอบถาม แต่สั่งให้ป้าโทรกลับไปถ้าเธอมีอาการผิดปกติมาร์คุสนายใหญ่ของคนึงนิจให้คนขับรถไ