Home / โรแมนติก / ผู้สาวสายฝอ / 3. จิตแตกกระเจิง

Share

3. จิตแตกกระเจิง

last update Last Updated: 2025-05-20 22:08:06

หลอน...มู...จนขาสั่น จิตกระเจิง

--------------------------------

“สะ...สะ เสียงดังกังวาน...ออกมาจาก หะ...หัวกะ...กะ...โหลกนั่น...” คนึงนิจหันไปกอดกับน้อยหน่าหลับตาปี๋ เสียงเบาตะกุกตะกัก

“บอกแล้วไม่ต้องกลัว...พ่อปู่สื่อวิญญาณอยู่” ลุงหมอดูเดินเข้ามาจับหัวสาวทั้งสอง และตบหลังพวกเธอเบาๆ

เอาล่ะสิ...คนึงนิจสะดุ้งขาสั่น ขนใต้ผิวหนังตั้งชันเหมือนจับไข้ น้อยหน่าเหงื่อแตกด้วยความกลัว สองสาวยังกอดกันค่อยเขยิบก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ

“ห้ามออกไปจากห้องเด็ดขาด...เข้ามานั่งพับเพียบตรงหน้าพ่อปู่” ชายชราหมอดูเสียงเปลี่ยนเป็นห้าวก้อง หน้าตาจากที่เหี่ยวแห้งกลับดูเป็นหนุ่มมีพละกำลัง

เขานั่งลงในท่าขัดสมาธิหลับตาลง สองสาวมองหน้ากันอยากวิ่งออกไปแต่ประตูห้องดันถูกปิดจากด้านนอก พวกเธอจำยอมค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้น ก้มหน้าไม่ยอมมองตรงไปข้างหน้า กลัวพวกหัวกะโหลกแยกเขี้ยวอยู่เต็มห้อง มองไปทางไหนเหมือนกำลังจ้องมาที่พวกเธอ

“วิธังเสติ ......” พ่อปู่ร่ายคาถายาวไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ และยกมือทำท่าเหมือนโปรยคาถาครอบคลุมไปทั่วห้อง

“โอม...นะมะจิตตัง...ยะจับใจ ...พุทธะหลงใหล...” เสียงของผู้เฒ่าหน้าทารก ณ บัดนาวดังกึกก้องราวหนุ่มน้อยไม่ปาน

น้อยหน่าเงยหน้าขึ้นหลังจากที่พ่อปู่สั่งให้เธอขยับเข้าไปใกล้อีกนิด

“เฮ้ย...เอามือออกไป” น้อยหน้ายกมือปัดฝ่ามือของพ่อปู่ เขากำลังจับหน้าผากเธอประคองหัวเข้าไปใกล้ปากของเขา

“ไม่ต้องกลัว พ่อปู่กำลังจะเป่าหน้าผากให้ผัวรักผัวหลง” ชายชราตอนนี้อยู่ในร่างคนหนุ่มแน่นกำลังจะทำอะไรบางอย่าง เขาเริ่มถอดเสื้อสีดำคลุมร่างตัวโคร่งออก เห็นกล้ามหน้าอกเป็นมัด คนึงนิจตัวสั่นเอามือปิดตาแต่ยังแอบมองลอดนิ้วออกมา

“อีหนูอีกคน เข้ามาใกล้กว่านี้หน่อย พ่อปู่จะเป่ามนต์ปกป้องไม่ให้เกิดอะไรขึ้น” พ่อปู่ในร่างชายหนุ่มอายุราวสามสิบเศษกำลังโน้มตัวเข้ามาและลุกยืนขึ้นส่วนบนเปลือยเปล่า ส่วนล่างสวมกางเกงสีดำตัวฟิตเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ร่างกายเหมือนพวกเล่นกล้าม

“ขะ...ขออยู่ห่างๆ ได้ไหมคะ...” เสียงคนึงนิจสั่นๆ และพยายามขยับตัวถอยออกมาเรื่อยๆ แต่เหมือนชายชราในร่างใหม่ขยับใกล้เข้ามาอยู่เรื่อยๆ

“ไม่ต้องกลัว...อีหนู พ่อปู่กำลังปัดเคราะห์หนักให้” เขาพยายามจะเข้ามากอดเธอ แต่คนึงนิจไม่ยอม หันไปมองน้อยหน่าว่ายังไง

“เฮ้ย...ทำอะไรเพื่อนฉันน่ะ...” เสียงน้อยหน่าตะโกนขึ้น ตกใจที่เขากำลังถอดกางเกงสีดำตัวฟิต

ทั้งสองสาวลุกยืน น้อยหน่าตัวอวบกว่าคนึงนิจเลยพยายามผลักชายชราในร่างใหม่ออกไปห่างๆ แต่เหมือนร่างกายของเขาแทบจะไม่ไหวติงกับแรงผลักของสาวอวบนี้เลย ทำไมชายชราจึงกลายเป็นคนแข็งแรงดุจปีศาจ

คนึงนิจตกใจที่เห็นร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยสักเป็นรูปประหลาดที่บริเวณลำตัวส่วนล่าง และเจ้าหนูลูกมหาเทพนั้นเธอนึกถึงคำตลกเรียกมันว่า apple เต็มไปด้วยลวดลายงูเลื้อยพันกันจนถึงต้นขา

“เวร...มาเจอเรื่องลามก วิชามารให้แล้ว” คนึงนิจตะโกนกรีดร้องอย่างสุดเสียง

“ไม่ต้องโหยหวนเป็นเปรต ข้ากำลังทำพิธี...” ชายร่างใหม่กำลังนั่งลงร่างกายเปลือยเปล่า แต่สาวทั้งสองลุกยืนถอยหลังชนประตูห้อง แต่ยังไงก็ไม่สามารถดันประตูออกไปได้เหมือนมันถูกล็อกไว้จากด้านนอก

“มานั่งลง...ข้าจะทำพิธีต่อ” เสียงชายหนุ่มสั่งแบบไม่พอใจพวกเธอสองคน

ทั้งสองคนเห็นเขานั่งหลับตาบริกรรมคาถาเงียบๆ โดยไม่ลืมตาเลย สองสาวมองหน้ากันว่าจะยังไงดี คนึงนิจพยักหน้าให้เพื่อนสาวอย่างใจกล้า ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าและนั่งพับเพียบต่อหน้าเขา ตามด้วยสาวอวบที่ยังตกใจอยู่

และแล้วพวกเธอกำลังนั่งเงียบๆ อยู่เฉยๆ เสียงดังตูมตามด้านนอกทั้งประตูถูกเขย่าแทบจะแตกออก ทำให้ทั้งสองสาวขยับเข้ามาใกล้กันหันหลังไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ต้องหันไปดู!!!...” เสียงก้องกังวานจากชายร่างกำยำสั่ง

“ห้ามออกจากที่ห้องนี้เด็ดขาด” เขายังสั่งเสียงดุ

แต่เสียงด้านนอกยังเหมือนกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด เสียงคล้ายประทัดระเบิดตูมตามราวกับหนังไซไฟ คนึงนิจร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว น้อยหน่าตัวสั่นเข้าไปกอดเพื่อน รู้สึกผิดมากๆ ที่ชวนเธอมาเป็นเพื่อนแล้วเกิดเหตุการณ์สยองจนขนหัวลุก

“ข้าจะเอาอีนาง...พวกนี้ไป” เสียงแหลมทะลุจากด้านนอกเข้ามา

“มึงเข้ามากูจะเอาให้เข็ด...ไป ไป ไป” เสียงชายร่างกำยำตะโกนเสียงดังไล่เสียงที่ทะลุเข้ามาตลอด สองสาวกอดกันแน่นมือของทั้งสองเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง

เวลาแห่งความน่าหวาดผวาผ่านไปจนเกือบย่ำรุ่ง น้อยหน่าง่วงนอนมากเธอหลับฟุบลงไปนอนที่พื้นข้างคนึงนิจ ส่วนสาวน้อยหน้าหวานใจสั่นเครียดจนสมองล้า เธอก็นั่งหลับสัปหงกหัวทิ่มอยู่เช่นกัน

รุ่งสางประมาณตีสี่เศษ ลุงหมอดูเปิดประตูออกไป และยังคงไม่ปลุกสาวสองคน เขาออกไปเดินบริกรรมจงกรมอยู่ด้านหลังบ้านที่เป็นลานสำหรับอาบน้ำมนต์

ทันใดนั้นคนึงนิจตกใจตื่นและเขย่าตัวเพื่อนสาวทันที บอกให้ลุกขึ้นและมองไปยังประตูเห็นเปิดอยู่ ภายในห้องเธอไม่เห็นชายหนุ่มกำยำนั้นเลย น้อยหน่ายังเอาแต่งัวเงียสะลึมสะลือ

“เฮ้ย...น้อยหน่าไปเถอะ อย่าอยู่อีกคืนเลย ฉันกลัวแทบจะช็อกตายอยู่แล้ว”

“เออ...ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานจนป่านนี้ ไม่รู้สึกหิวเลยว่ะ” สาวอวบจิตผวาไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย

“นั่นดิ...เราเหมือนกัน จิตแตกกระเจิง”

ทั้งสองลุกขึ้นค่อยย่องออกจากห้องเดินไปที่ประตูด้านหน้าแล้วผลักออกไป เมื่อไม่เห็นมีใครทั้งสองจึงก้าวออกจากรั้วบ้าน พวกเธอรีบสาวเท้าไปที่รถเก๋งแล้วน้อยหน่าก็เปิดประตูสตาร์ทรถทันที แต่เธอยังอดไม่ได้หันไปมองตัวบ้านที่โทรมจนไม่น่าเรียกว่าอะไรได้ นอกจากคำว่า ‘บ้านผีสิง’

รถบึ่งออกไปอย่างรวดเร็วไปจนถึงหน้าปากซอย น้อยหน่าเห็นร้านข้าวแกงเปิดอยู่เลยจอดรถแล้วเดินลงไปหาอะไรกิน

“ป้าคะ...รู้จักบ้านหมอดูญาณทิพย์ข้างในไหม” น้อยหน่าเริ่มถามขณะเจ้าของร้านกำลังยกจานอาหารมาส่งให้

“น่ากลัวใช่ไหมล่ะ”

“ค่ะ...”

“...มีคนมาทำพิธีกันอยู่บ่อยๆ เห็นเข้าออกกันอยู่เป็นประจำ”

“แล้วป้าเคยเข้าไปดูไหมคะ” คนึงนิจยิงคำถาม

“เคยไปดูครั้งหนึ่ง แกให้ไปเข้าพิธีอะไรนี่ล่ะ ป้ากลัวจนต้องไปหาหมอ”

ทั้งสองคนมองหน้าป้าตาค้าง

“ขนาดนั้นเลยรึคะ”

“ใช่...ลุงแกเป็นปีศาจ”

“ฮะ...อะไรนะคะ”

“แกถอดเสื้อผ้า รอยสักเต็มตัว แล้วก็ทำอะไรประหลาดๆ”

“ยังไงคะ”

“อย่าให้ป้าเล่าเลย...เดี๋ยวญาณแกมาทำร้ายป้า”

“โห...ขนาดนั้นเลยหรือ” ป้าจ้องหน้าสองคนแล้วเดินเข้าไปหลังร้าน

น้อยหน่ามีสีหน้ากังวล รีบกดโทรศัพท์หาป้าเธอทันที

“ป้าสร้อยคะ...หนูกลัวมากเลยค่ะ ลุงหมอดูเป็นคนแปลกๆ ไหมคะ”

“แม่นมากกก  อย่าทำอะไรให้แกโกรธนะ จะตามมาเอาคืน”

“ฮะ...ตายห่า...”

“มันจะยุ่งล่ะ ต้องอยู่ให้ครบสองวัน ถ้าแกบอกให้ไปปัดวิบาก” ป้าของเธอยังแนะนำต่อ

“ป้าไม่กลัวรึ น่ากลัวมากเลย”

“ฉันเจอมาเยอะ สมัยก่อนน่ากลัวกว่านี้ นี่แค่น้องๆ”

“อะไรนะ...หนูไม่เข้าใจ”

“พิธีกรรม...ไม่ได้มีอะไรเลย แค่นั่งสมาธิ ลุงแกจะถอดเสื้อถอดผ้าก็เรื่องของแก เพราะแกมีวิชาอาคม และบางทีแปลงร่าง...”

“โห...ขนาดไม่มีอะไรนะเนี่ย กลัวจนขนหัวลุกหมดแล้ว”

“ถ้าไม่อยู่ต่อ ไม่มีใครว่า ลุงแกแค่เตือนเท่านั้น”

“ค่ะ...แค่นี้นะคะ” น้อยหน่าวางสาย เธอหันไปมองหน้าคนึงนิจที่ละเลียดข้าวแทบไม่ลงคอ เพื่อนสาวดื่มน้ำตลอดเหมือนคอแห้งกลืนข้าวไม่ลง

“เอาไงดี...” น้อยหน่าขอความเห็นเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้างหน้า

“ไปกันเถอะ...เราจะเป็นลม ว่าจะแวะคลินิกแถวใกล้ๆ บ้าน ส่งเราลงตรงนั้น” คนึงนิจไม่อยากอยู่ต่อ เธอเหมือนกำลังจับไข้ เหมือนคนโบราณบอกว่าจับไข้หัวโกร๋น

ทั้งสองคนไปถึงคลินิกขณะกำลังนั่งรอหมอ

“กรี๊ด...กรี๊ด...กรี๊ด ช่วยด้วย!!!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผู้สาวสายฝอ   9. พ้นมนต์ดำ

    ด้วยศักดิ์ศรี...จะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ------------------------หลังจากกินข้าวเช้าที่บ้าน แม่สุภาเร่งให้สุธนพาคนึงนิจไปหาหลวงตาที่วัด แม่ของเขาไปด้วย แต่จะตามไปพร้อมป้าสำเนียงและทวี เธอรู้ว่าสุธนรู้จักหลวงตารูปนี้ดี เขาเคยมาบวชอยู่ที่วัดนี้ ท่านเป็นผู้มีอาคมขมังเวทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มเคยไปฝึกสายกรรมฐานแถวอีสานอยู่นับสิบปี ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเดิมแห่งนี้“กราบนมัสการหลวงตา...ครับ” สุธนเข้าไปนั่งกับพื้นพร้อมคนึงนิจก้มลงกราบท่าน ขณะท่านมองมาทั้งคู่อย่างยินดี“วันนี้...เราว่างหรือ” ท่านถามขึ้น“ไม่ว่างหรอกครับ แต่ผมต้องมาจัดการตามที่หลวงตาสั่งโยมแม่ไป”“เอ่อ...ไว้รอมากันให้ครบทุกคน หลวงตาจะเป่ามนต์เสกล้อมพวกเราไว้ทุกคน ไม่งั้นมันจะกลับมาเล่นงานทุกคนที่เข้าไปยุ่งกับอิหนูคนนี้” ท่านกล่าวเตือน“โยม...ไม่นาน จะกลับมาหาหลวงตาอีก”“ทำไมหรือครับ...”“ไม่มีอะไร...จะกลับมา... หลวงตาต้องเรียก โยมผู้กำกับ” ท่านหัวเราะเสียงแห้ง“โอ...จริงหรือครับ”“ตอนนี้...มีใครเป็นใหญ่ในสน.ล่ะ”“ยังไม่มีคำสั่งลงมาครับ...ผมรักษาการแทน” สุธนตอบ“นั่นล่ะ...วิบากของโยมกำลังตามมา...ระวังด้วย อิหนูนี

  • ผู้สาวสายฝอ   8. ต้องมนต์ดำ...คำสาป

    เพราะสายลมนี้ทำให้ฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง------------------------รุ่งขึ้นแม่สุภาพาคนึงนิจสาวน้อยที่นางคิดว่าเธอต้องถูกหมอดูเสกคาถาใส่ทำให้เธอกลายเป็นคนสติไม่อยู่กับตัว“กินข้าวแล้ว แม่จะพาเธอไปพบหลวงตาที่วัด” แม่ของสุธนพูดกับเขาเสียงเบา ไม่อยากให้สาวน้อยของเขาได้ยิน“ครับ...ฝากแม่ดูแลเธอด้วยนะครับ” เขายังดูกังวลกับเธอ“แม่จะให้สำเนียงไปด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยแม่ดูแล” แม่เขาดูกังวลเช่นกัน“ขอบคุณครับ วันนี้ผมมีประชุมทั้งวัน เสร็จงานจะรีบกลับมา อาจค้างที่นี่อีกคืนถ้าถึงดึก”แม่ไปเรียกป้าสำเนียงข้างบ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนคนึงนิจ ส่วนนางรีบโทรไปหามัคนายกที่ดูแลปรนนิบัติหลวงตา โชคดีที่วันนี้หลวงตาไม่มีกิจนิมนต์ เธอจึงรีบพาสาวน้อยออกจากบ้านให้หลานชายลูกป้าสำเนียงขับรถไปส่งหลวงตามองดูสาวน้อยที่เดินตามสุภาเข้ามานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าท่าน ขณะเธอกำลังก้มลงกราบท่านจึงทักขึ้นทันที“โยม...พานางหนูนี่มาทำไม...”“อิฉันเห็นว่า อาการมันแปลกๆ คะ หลวงตา”“ลูกสาวโยมรึ” ท่านมีสีหน้ากังวล“ไม่ใช่ค่ะ...เป็นแฟนของลูกชาย”“จะอยู่ที่นี่นานไหม...ต้องทำพิธีถอนมนต์ดำ” ท่านบอกกับสุภา“ให้พ่อหนุ่มไปเอาไข่ไก่มา..

  • ผู้สาวสายฝอ   7. อยากกอดคนนั้น

    แผงอกอุ่นนี้...จะให้ไอรักซึมซาบเข้าไปในหัวใจเธอ...สักวัน------------------------คนึงนิจสาวน้อยนอนกอดสุธนตั้งแต่เธอยังไม่หลับจนหลับไปจนถึงรุ่งเช้า หนุ่มใหญ่เช่นเขาเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาสองสามวัน ไปทำงานก็ยังคิดถึงเป็นห่วงเธอ กังวลว่าเธอจะเป็นอะไรมากกว่านี้ไหม บางครั้งต้องให้จ่าแดงคนสนิทที่รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากกว่าทุกคน โทรมาหาป้าสมใจคอยถามเรื่องอาหารการกินและอาการของเธอ เขาพยายามบอกให้ป้าสมใจหลอกล่อให้เธอกินยาตามที่หมอสั่งเช้าวันนี้เขารู้สึกไม่อยากไปทำงาน แต่อยากพาสาวน้อยคนนี้ไปเที่ยวนอกเมืองแถวบ้านเดิมของเขาก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี พาเธอไปพบแม่ของเขาที่อายุค่อนมากแล้ว ท่านอยู่กับหลานสาวอายุสิบเจ็ดปี“หนูนิจ วันนี้ไปเที่ยวกันนะ” เขาเอ่ยปากชวนระหว่างกินข้าวมื้อเช้าด้วยกัน“เหรอคะ...ที่ไหน” เธอแต่งตัวสวยเหมือนพร้อมออกบ้าน“ไปบ้านแม่ผม...ไม่ไกลจากนี่สักหนึ่งชั่วโมงก็ถึง ไปทานข้าวบ้านแม่ ท่านทำอาหารอร่อยนะ” เขาเอ่ยชวนเธอ“ดีจังค่ะ...”“ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ชุดนี้สวยดีแล้ว” เขาบอกเธอ และหันไปสั่งป้าสมใจให้ขึ้นไปเอายาลงมา เขาจะเอาไปด้วย“หนูต้องทำอะไรบ้าง เวลาเจ

  • ผู้สาวสายฝอ   6. ใครคนนั้น

    จะกลายเป็นเพื่อนใจตัวร้าย...ในวันที่เธอหายดี------------------------น้อยหน่าทำเรื่องลางานให้คนึงนิจส่งไปที่ฝ่ายบุคคล และคนที่ลงชื่ออนุมัติคือมาร์คุส ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทที่เธออยู่ใต้สายงานโดยตรง มาร์คุสสงสัยว่าทำไมสาวน้อยที่มีภารกิจต้องดูแลประสานงานกับลูกค้าช่วยเขา ไม่มาทำงานวันที่สองแล้ว“ให้คุณชนากานต์ขึ้นมาพบผมตอนบ่ายสามโมง” เขาสั่งเลขาให้ตามน้อยหน่ามาพบเพื่อสอบถาม“คุณชนากานต์ลาช่วงบ่ายแล้วค่ะ บอส” เลขาตอบเขา“โทรหาเธอเลย”เลขาติดต่อน้อยหน่าได้แล้วโอนสายให้เขา...“คุณนิจเป็นอะไรไม่มาทำงาน ลาพักร้อน” เขาถามด้วยความสงสัย เพราะมีงานหลายอย่างที่ยังคั่งค้าง“เธอไม่สบายค่ะ บอส”“เป็นอะไร...มากหรือ” เขาพูดภาษาไทยได้ชัดเจน เพราะอยู่ที่นี่เกือบห้าปี“บอสอยากไปเยี่ยมไหมคะ”“เธออยู่บ้านตรงไหน ส่งโลเคชั่นมาให้ ผมจะให้คนขับรถไปดูพรุ่งนี้”รุ่งขึ้นสุธนฝากให้ป้าสมใจดูแลเรื่องอาหารการกิน เขาบอกให้สั่งจากร้านในหมู่บ้านมาส่งไม่ต้องทำกับข้าวให้ลำบาก เขามีภารกิจประชุมเรื่องคดีสำคัญทั้งวัน จึงไม่มีเวลาที่จะโทรสอบถาม แต่สั่งให้ป้าโทรกลับไปถ้าเธอมีอาการผิดปกติมาร์คุสนายใหญ่ของคนึงนิจให้คนขับรถไ

  • ผู้สาวสายฝอ   5. ฝันกระเจิง

    ทำหัวใจกระเจิง-------------------สุธนมองจ้องหน้าคนึงนิจสาวน้อยนัยน์ตาคมขนตาเป็นแพยาว ผิวสีน้ำผึ้งของเธอขับกับรูปใบหน้าเหลี่ยมจมูกมีสันเล็กน้อย แก้มแดงเรื่อๆ องค์ประกอบบนใบหน้าของเธอได้รูปเป็นสาวยุคใหม่ที่สวยสะอาง แต่ตอนนี้สติของเธอไม่ได้เรื่องได้ราวไปเสียแล้ว เขาเกิดความกลัวจนไม่น่าเป็นไปได้ พื้นอารมณ์ที่นิ่งสุขุมของเขาจากอาชีพและอุปนิสัยแต่เดิมนั้น ทำให้เขาไม่เคยหวาดกลัวอะไรมาก่อนเท่านี้ หรือเป็นเพราะเขาเริ่มใกล้ชิดเธอในความสัมพันธ์เพียงแค่สามเดือนที่ผ่านมาเขาตัดสินใจเขียนข้อความไปในแช็ตถึงน้อยหน่าเพื่อนของเธอ“ผมอยากขอให้คุณช่วยลางานพักร้อนให้นิจได้ไหมครับ”“ค่ะ...จะลองถามฝ่ายบุคคลดูก่อนนะคะ”“พรุ่งนี้จะแจ้งคุณนะคะ”เขาต้องหาคนมาอยู่เฝ้าเธอ ท่าทางแบบนี้ไม่น่าไว้ใจแล้ว เขาจึงโทรขอให้ป้าที่ทำความสะอาดในสำนักงานช่วยหาคนมาดูแลเธอด่วน“นิจ...ผมจะหาคนมาเฝ้าคุณนะ” เขาบอกเธอ วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน สั่งงานทางออนไลน์“ไม่ต้องค่ะ คุณพ่อ นิจดูแลตัวเองได้ค่ะ” เธอยังรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร“ไม่ได้...ถ้าเป็นอะไรไป ผมแย่เลย”เขากลัวว่าเธอเกิดเพ้อเจ้อทำร้ายตนเองขึ้นมา เขาจะรู้สึกผิดและไม่แน่ว่

  • ผู้สาวสายฝอ   4. เรื่องจริง (หรือฝัน)

    เธอพบเขาในฝัน-------------------สองสาวตกใจเมื่อหญิงสาวอายุประมาณสามสิบวิ่งถลันออกมาจากห้องด้านในที่เป็นห้องพบแพทย์“คุณ!...หมอยังไม่ทันตรวจ เป็นอะไร” หมอตามออกมาหน้าตาตกใจ“ไม่ค่ะ...ฉันกลัว” หญิงสาวคนนี้วิ่งเข้ามากอดคนึงนิจแน่นไม่ยอมปล่อย แม้หมอจะให้ผู้ช่วยในคลินิกมาช่วยกันพูดก็ตาม“คุณ...ไม่ต้องกลัวนะ” คนึงนิจเสียงเบากำลังจะเป็นลม ใจเต้นหวาดผวาไปด้วยแล้วน้อยหน่าต้องรีบประคองเพื่อนสาวที่ถูกผู้หญิงที่ส่งเสียงร้องกรี๊ดกอดเอาไว้แน่น เธอตกใจเช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรที่แปลกประหลาดขนาดนี้“เฮ้ย...นิจ อย่าหลับเชียวนะ ฉันกลัวอ่ะ” น้อยหน่าตบหน้าคนึงนิจเบาๆน้อยหน่าเรียกหมอให้เข้ามาดูว่าเพื่อนของเธอเป็นอะไร“ผมจะตรวจดูก่อน...ช่วยประคองเพื่อนคุณเข้าไปห้องตรวจข้างใน เร็วนะ” หมอเร่งให้ผู้ช่วยในคลินิกสองคนมาช่วยน้อยหน่า“เพื่อนคุณเป็นลม ชีพจรเต้นเบา คงต้องฉีดกลูโคส” หมอจัดเตรียมยาฉีดให้เพื่อนสาว ส่วนผู้หญิงคนที่ร้องกรี๊ด ถูกผู้ช่วยในร้านพาเธอไปนอนพักที่ห้องตรวจอีกห้องเพื่อรอญาติมารับกลับ“คุณหมอคะ ผู้หญิงคนที่ร้องกรี๊ดเธอเป็นอะไรคะ” น้อยหน่ายังสงสัย จึงถามขึ้น“เธอประสาทหลอน ญาติพามาตรวจ แล้วออกไ

  • ผู้สาวสายฝอ   3. จิตแตกกระเจิง

    หลอน...มู...จนขาสั่น จิตกระเจิง--------------------------------“สะ...สะ เสียงดังกังวาน...ออกมาจาก หะ...หัวกะ...กะ...โหลกนั่น...” คนึงนิจหันไปกอดกับน้อยหน่าหลับตาปี๋ เสียงเบาตะกุกตะกัก“บอกแล้วไม่ต้องกลัว...พ่อปู่สื่อวิญญาณอยู่” ลุงหมอดูเดินเข้ามาจับหัวสาวทั้งสอง และตบหลังพวกเธอเบาๆเอาล่ะสิ...คนึงนิจสะดุ้งขาสั่น ขนใต้ผิวหนังตั้งชันเหมือนจับไข้ น้อยหน่าเหงื่อแตกด้วยความกลัว สองสาวยังกอดกันค่อยเขยิบก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ“ห้ามออกไปจากห้องเด็ดขาด...เข้ามานั่งพับเพียบตรงหน้าพ่อปู่” ชายชราหมอดูเสียงเปลี่ยนเป็นห้าวก้อง หน้าตาจากที่เหี่ยวแห้งกลับดูเป็นหนุ่มมีพละกำลังเขานั่งลงในท่าขัดสมาธิหลับตาลง สองสาวมองหน้ากันอยากวิ่งออกไปแต่ประตูห้องดันถูกปิดจากด้านนอก พวกเธอจำยอมค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้น ก้มหน้าไม่ยอมมองตรงไปข้างหน้า กลัวพวกหัวกะโหลกแยกเขี้ยวอยู่เต็มห้อง มองไปทางไหนเหมือนกำลังจ้องมาที่พวกเธอ“วิธังเสติ ......” พ่อปู่ร่ายคาถายาวไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ และยกมือทำท่าเหมือนโปรยคาถาครอบคลุมไปทั่วห้อง“โอม...นะมะจิตตัง...ยะจับใจ ...พุทธะหลงใหล...” เสียงของผู้เฒ่าหน้าทารก ณ บัดนาวด

  • ผู้สาวสายฝอ   2. ปัดวิบากกรรม

    ปัดวิบาก...ตัดกรรม-----------------------สุธนเดินเข้าไปในห้องนอนของคนึงนิจ มองสำรวจไปรอบๆ เห็นตุ๊กตาหล่นอยู่ที่พื้นหนึ่งตัว ซึ่งเป็นตัวเดียวกับเมื่อวานที่เขามอบให้เธอ เขาเดินไปหยิบขึ้นมาและมองจ้องเปิดดูเสื้อผ้าที่ใส่เป็นเดรสสีชมพู หน้าตาของตุ๊กตายิ้มสวยกว่าอีกตัวที่เธอเพิ่งเอามาด้วยซ้ำ เขาคิดว่าน่าจะเป็นตัวนี้ที่ส่งเสียงกรี๊ดจนเธอตกใจรีบทิ้งลงพื้นแล้ววิ่งออกมากอดเขา“ไม่เห็นมีอะไรเลย...นิจ เข้ามาดูสิ ผมอุ้มขึ้นมากอดอยู่” เขากอดตุ๊กตาไว้ที่อกตะโกนออกมา แต่ไม่ได้ยินเสียงของเธอ เลยเดินออกจากห้องเพื่อเอาไปให้ดูว่าไม่มีอะไร“ไม่ค่ะ...นิจ ขอคืนให้คุณพ่อนะคะ” สาวน้อยแทบไม่อยากมองมันเลย“หนูว่า...คงจริงอย่างที่พ่อปู่เตือน” คำพูดเธอทำให้สุธนสงสัย“มีอะไร...รึ”“ลุงหมอดูเตือนว่าหนูมีเคราะห์ และไม่ควรอยู่ที่บ้าน”“อย่างมงาย...”“แล้วตุ๊กตานี่ไปได้จากที่ไหนมาคะ...” เธออยากรู้“ผมไม่รู้ เพราะลูกน้องใน สน. มอบให้ผู้กำกับ แต่ท่านไม่เอา ดันมาวางไว้บนโต๊ะผม” เขามองหน้าสาวน้อยส่ายหัว“ไว้เข้า สน.พรุ่งนี้ผมจะถามพวกนั้นดู”“แล้วจะให้ผมเอาไปไว้ไหนดี...” เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ แต่จะพยายามเอาใจเพื่อให้เธ

  • ผู้สาวสายฝอ   1. วิชามาร

    อวิชชา...วิชามาร หรือ อะไรกัน--------------------------------ช่วงเย็นเลิกงานน้อยหน่ารีบมาที่โต๊ะของคนึงนิจได้เวลาห้าโมงตรงเผง แล้วทั้งคู่รีบออกจากตัวตึกข้ามไปฝั่งตรงข้ามสั่งอาหารจานเดียวมากินอย่างเร่งรีบ เพราะเพื่อนเธอบอกว่าบ้านหมอดูอยู่ไกลแถวนอกเมือง น่าจะแถวๆ บ้านของคนึงนิจ เส้นทางเลยออกไปทางบางบัวทองทั้งสองไปถึงค่อนข้างค่ำมากเกือบทุ่มเศษ บ้านไม้สองชั้นเก่ามากตัวบ้านน่าจะเกินสามสิบปี น้อยหน่าจับมือคนึงนิจอย่างไม่แน่ใจ“เฮ้ย...ไหนๆ มาถึงแล้ว มันจะถอยไม่ได้นะ” เธอบอกน้อยหน่าแบบใจกล้า แต่ในใจก็ตื่นเต้น หน้าตาของบ้านเหมือนบ้านผีสิง“นี่ถ้ามาคนเดียว ฉันหนีก่อนเลย ไม่กล้าลงจากรถอ่ะ” น้อยหน่าทำหน้าหวาดกลัว“ใครแนะนำ...”“ป้าฉันนะสิ...”ทั้งสองคนโผล่หน้าเข้าไปก่อน ขณะที่คนข้างในเปิดออกมาพอดี ข้างในเป็นโถงกว้างมีคนกำลังรออยู่แล้วสามคน หนึ่งในสามกำลังเข้าไปทำพิธีอยู่“โห...นี่มูกันแบบสุดๆ เลยว่ะ” คนึงนิจมองพิธีแบบเสกคาถาร่ายภาษาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน“นั่นดิ...เข้าท่าไหม กลัวเสียเงินฟรี”“ไม่ลองไม่รู้”และแล้วผู้ชายแต่งตัวแบบพราหมณ์ห่มผ้าสีขาวผ้านุ่งแบบโจงกระเบน กวักมือเรียกสองคน“อีหนูสองค

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status