Masukวันเวลาดำเนินผ่านพ้นมาเข้าเดือนที่สี่ อันนาไม่ได้ข่าวของผู้เป็นพ่ออีกเลย นับจากวันที่ทิ้งหนี้ก้อนโตจากการติดการพนันในครั้งนั้น
จนทำให้เธอต้องโคจรมาพบกับมาร์คัส เรื่องการติดหนี้การพนันของพ่ออันนาไม่เคยบอกเล่ากับเพื่อนทั้งสองว่าเหตุใดถึงได้แต่งงานกับมาร์คัส เพียงแค่บอกเล่าเหตุการณ์เบื้องต้นคร่าวๆ ว่ามีเหตุจำเป็น ทุกวันนี้อันนาจะได้นอนที่ห้องของมาร์คัสเป็นประจำ มาร์คัสไม่อนุญาตให้อันนานอนคนเดียว วันนี้อันนาไม่มีเรียนเพราะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ อันนาจึงได้ตื่นขึ้นมาเพื่อทำอาหารที่เธออยากจะกินโดยที่ไม่ได้ใช้แม่บ้าน "ป้าสมศรีจ๊ะ วันนี้อันนาอยากกินต้มข่าไก่ วันนี้ขออันนาทำเองได้ไหม" อันนาหันมายิ้มให้กับป้าสมศรี ผู้หญิงชราใจดีที่ดูแลเธอดีตั้งแต่หัวจรดเท้าตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในคฤหาสน์หลังงามของมาร์คัส "ได้สิคะคุณหนูอันนา งั้นเดี๋ยวป้าให้เด็กเตรียมเครื่องให้นะคะ คุณหนูแค่ปรุงแล้วก็ชิมอย่างเดียวจะดีกว่า" ป้าสมศรีก็ไม่ได้อยากให้อันนาลงมาทำครัวแบบเต็มตัวเพราะกลัวมาร์คัสจะดุเอา "ได้ค่ะป้า ขอบคุณมาก" อันนาหันไปยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วก็ยืนรอให้แม่บ้านคนอื่นเข้ามาเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำอาหารให้เธอ ผ่านไปสักพัก อันนาก็เข้ามาทำต้มข่าไก่แล้วก็ไข่เจียวที่เธออยากกิน เธอไม่อยากกินฝีมือของคนอื่นไม่ใช่ว่าไม่อร่อย แต่เธออยากจะทำกินเองมากกว่า มาร์คัสที่เห็นว่าอันนาหายไปจากห้องนอนเป็นเวลานานก็เดินตามหาไปทั่วคฤหาสน์จนได้ยินเสียงคุยเจื้อยแจ้วออกมาจากห้องครัว "ป้าสมศรีลองชิมให้อันนาหน่อยได้ไหมคะว่ารสชาตินี้อร่อยหรือเปล่า ในฐานะที่เป็นแม่ครัวเปิดร้านข้าวแกงเก่า อันนาอยากให้ป้าชิมกับข้าวฝีมืออันนาที่สุด" อันนาเธอพูดติดตลก "จริงเหรอคะคุณหนูอันนา" ป้าสมศรีที่เอ็นดูอันนาเป็นพิเศษก็หันมายิ้มด้วยความโอบอ้อมอารี "จริงสิคะ ก่อนที่อันนาจะมาอยู่กับคุณมาร์คัส อันนาเปิดร้านขายข้าวแกงที่บ้านด้วยค่ะ" อันนาพูดด้วยความภาคภูมิใจ "ไหนขอป้าชิมฝีมือของแม่ค้าหน่อย" พูดจบป้าสมศรีก็ใช้ช้อนแยกชิมมาหนึ่งคำ ถึงกับเอ่ยปากชมไม่ขาดสายว่าเธอทำกับข้าวได้อร่อยจริงๆ "รสชาติไม่แพ้เชฟในภัตตาคารเลยนะคะคุณหนูอันนา" ป้าสมศรีเอ่ยชม "งั้นป้าแบ่งเอาไปทานด้วยได้ไหม อันนาทำเยอะ อันนาทานคนเดียวไม่หมดค่ะ" อันนาหันมายิ้ม ขณะที่กำลังยืนคุยกับป้าสมศรีอย่างสนิทสนมและสนุกสนาน ก็มีเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้นมา "ขอฉันชิมด้วยได้ไหม" เสียงนั้นคือมาร์คัสที่ได้ยืนมองเหตุการณ์มาแต่ไกล เขาเห็นอันนาหัวเราะและยิ้มได้ก็มีความสุข "คุณมาร์คัส" อันนาหันมายิ้ม ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มาร์คัสได้ลบเลือนภาพเลวร้ายไปจากใจของอันนาและใจดีกับอันนามากขึ้น "ขอฉันชิมหน่อยสิ ฉันก็ไม่เคยทานกับข้าวฝีมือเธอเลยนะ" มาร์คัสที่พยายามผูกไมตรีกับอันนาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะ "ได้สิคะ คุณมาร์คัสชอบทานอาหารไทยไหม" อันนาหันมายิ้มหวานให้ "ชอบสิ งั้นวันนี้ฉันขอทานข้าวเช้าฝีมือเธอแล้วกันนะ" มาร์คัสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่มแต่ช่างดูน่ารักและอบอุ่น ป้าสมศรีที่เห็นว่าเจ้านายทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ก็ได้ปลีกตัวออกมาแล้วเฝ้ามองอยู่ห่างๆ "ป้าดูคุณอันนากับคุณมาร์คัสสิน่ารักเนาะ" นางปู แม่บ้านสาวหน้าตาน่ารักชื่นชมอันนามากเป็นพิเศษ "น่าจะอย่างนั้น ฉันหวังว่ามันจะอยู่ยืนยาว" ป้าสมศรีพูดเป็นนัยเหมือนมีความใน "ทำไมมันจะไม่อยู่ยืนยาวล่ะป้า ปกติคุณมาร์คัสไม่เคยอนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาเหยียบที่คฤหาสน์หลังนี้เลยนะนอกจาก....." ปูไม่กล้าเอ่ยชื่อผู้หญิงปริศนาและได้กลืนหายเข้าไปในลำคอ ป้าสมศรีหันมาทำตาดุใส่ "ฉันว่ามีอะไรก็ไปทำเถอะ" ป้าสมศรีบอกให้ปูหยุดพูดแล้วไปทำงานของตัวเอง บรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูอบอุ่นสบายตา ต้มข่าไก่ ไข่เจียว แล้วก็อีกเมนูง่ายๆ คือน้ำพริกผักต้ม อันนาทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่จัดเรียงถ้วยจานและรอเสิร์ฟ "คุณมาร์คัสมาแล้วเหรอคะ" อันนาส่งยิ้มไปให้ที่เห็นมาร์คัสเดินมาที่ห้องทานอาหาร "ไหนขอดูฝีมือแม่ครัวคนเก่งของวันนี้หน่อย" มาร์คัสปกติเป็นคนยิ้มยาก แต่เขากลับยิ้มให้อันนามากในเวลานี้ "ลองดูสิคะ อันนาหวังว่าคุณมาร์คัสจะชอบนะ" อันนาก็ใจเย็นลงและชอบที่จะอยู่ข้างๆ มาร์คัส เพราะเธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากผู้เป็นพ่อเลย มาร์คัสเริ่มตักคำที่หนึ่งเข้าปาก คำที่สอง คำที่สาม และข้าวก็หมดจาน นี่เป็นครั้งแรกที่แม่บ้านทุกคนเห็นว่ามาร์คัสขอเพิ่มข้าวสวยจานที่สอง "อร่อยใช่ไหมคะ" อันนาหันมายิ้มขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก "ใช้ได้ ไม่ถึงกับแย่" มาร์คัสไม่ยอมเอ่ยปากชมอันนา "จริงเหรอคะ แต่อันนาเห็นคุณมาร์คัสกำลังเบิ้ลข้าวอยู่นะคะ" อันนาหัวเราะคิกคักชอบใจ "ฉันก็แค่หิวข้าวเท่านั้นเอง" มาร์คัสยังคงวางฟอร์มและปากแข็ง สรุปว่าต้มข่าไก่ของอันนาและเมนูอื่นๆ ที่เธอทำหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำพริก มาร์คัสกินอย่างเอร็ดอร่อย แม่บ้านที่เข้ามาเก็บถ้วยจานก็ถึงกับตกตะลึงเพราะไม่เคยเห็นอาหารเกลี้ยงจานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ "ป้าสมศรี คุณมาร์คัสเขาไปหิวข้าวมาจากไหนคะเนี่ย ดูสิแม้แต่ผักสักชิ้นก็ไม่เหลือ" ปูหันมาทำตาโตขณะที่เก็บโต๊ะทานอาหารของผู้เป็นเจ้านาย "นางปูไม่ต้องมานินทาเจ้านายเลย เก็บเข้าไป" ป้าสมศรีตีไปที่ต้นแขนของปูเบาๆ "ไม่ได้นินทา แต่ป้าก็ดูสิ" ปูเอามือลูบแขนเล็กน้อยเพราะโดนป้าสมศรีตีดังแปะ หลังจากทานอาหารเสร็จ มาร์คัสตั้งใจอยากจะพาอันนาไปขับรถเล่นที่บาร์หรูของเพื่อนเขาที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงย่านทองหล่อ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอันนาค่อนข้างเรียนหนักและทำงานหนักมากที่จะต้องทำวิทยานิพนธ์และไหนจะต้องดูแลมาร์คัสอีก "อันนา" มาร์คัสที่มาเคาะประตูห้องนอนของอันนา เธอกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง "ค้า...คุณมาร์คัส" อันนาเดินออกมาด้วยสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและใส่เพียงแค่นุ่งกระโจมอกผ้าขนหนูโผล่หน้าออกมาเล็กน้อย "เธอทำอะไรอยู่เนี่ย" มาร์คัสถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เพราะอันนาหายมานานจากห้องนอนของเขา "เมื่อเช้านี้ที่อันนาทำกับข้าวแล้วก็ทานข้าว อันนายังไม่ได้อาบน้ำเลยค่ะ มีแต่กลิ่นกับข้าวทั้งนั้นเลยก็เลยอาบน้ำ" อันนาก็อธิบายไปตามเหตุผลความเป็นจริง "ขอฉันเข้าไปในห้องได้หรือเปล่า" มาร์คัสถามแต่ยังไม่ได้รอให้อันนาอนุญาต เขากแทรกตัวเข้ามาในห้องของอันนาแล้ว "คุณมาร์คัส..!" อันนาแอบร้องเสียงหลงเพราะรู้ว่ามาร์คัสเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน การที่ขออนุญาตเข้ามาในห้องของเธอคงไม่ใช่แค่มาพูดคุย....เรื่องในคืนนั้นที่ผ่านมาผ่านมาแล้วเกือบสองเดือนกว่า อันนาที่สอบเทอมสุดท้ายจนเสร็จเรียบร้อยก็รอฟังผลว่าเธอจะสอบสำเร็จหรือติดตัวไหนบ้าง ความสัมพันธ์ของอันนากับมาร์คัสมันกลับมาเย็นชาดูเหมือนไร้หัวใจในทุกคืนอันนาแยกห้องนอนกับมาร์คัสนับจากวันที่ลาริสากลับมาและแสดงตัวว่าเป็นรักแรกของมาเทส ลลิสาพยายามปรากฏตัวทุกที่ที่มาคัดไปแม้อันนาจะไม่ได้ตามไปด้วยเธอก็พอรู้ว่าตอนนี้มาร์คัสกำลังพยายามเว้นช่องว่างระหว่างเธอและเขา"คืนนี้เธอนอนก่อนเลยนะไม่ต้องรอฉันแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้ฉันอยากนอนคนเดียว" น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาถูกพ่นออกมาจากปากหนา มาร์คัสที่พยายามตีตัวออกห่างอันนาเขาอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเคลียร์หัวใจของตัวเอง "ค่ะ" อันนาตอบกลับเสียงเรียบ หลังจากเสร็จภารกิจบนเตียงมาร์คัสก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เธอ และไล่ให้เธอกลับมานอนที่ห้องและมันเป็นอย่างนี้เสมอมาตลอดสองเดือนกว่า ๆ หัวใจของอันนาเจ็บปวดเกินทนเธอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาในทุกคืนและเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของของเธอเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงหรือรั้งเขาเอาไว้"อดทนสิอันนา อีกแค่ห้าเดือนสุดท้ายแค่ ห้าเดือนสุดท้ายเท่าน
มาร์คัสที่เห็นอันนาในสภาพที่โอนเอนไปมาอย่างน่าเวทนา หัวใจของเขาก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวดและความโกรธที่ผสมปนเปกัน เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเขากัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธกับคนตรงหน้าที่ไร้สติ ก่อนจะเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของใครก็ตาม"เฮ้ย! นี่คุณเป็นใคร" คริสที่กำลังพูดคุยกับอันนาอยู่เห็นมาร์คัสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคุกคามก็รีบเข้ามาขวางหน้าไว้ "คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาทำแบบนี้ในบาร์ผม"มาร์คัสหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคริส แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา "หลีกไปซะ ก่อนที่กูจะไม่มีความอดทน" น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ จนคริสรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา"นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ" คริสยืนกรานเสียงแข็งที่จะไม่ให้มาร์คัสเข้าใกล้อันนา"นี่คือเมียกู ของกู!" มาร์คัสตะโกนเสียงดังลั่น แล้วผลักคริสออกไปอย่างแรง จนเขาล้มลงไปกองกับพื้น อันนาที่ได้ยินคำว่า "เมีย" ก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอส่ายหน้าไปมาอย่างเมามายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และบวกกับความเสียใจสติของอันนาเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย"ฮึก...เมีย...ฮึก...คุณไม่เคยเห็นอันนาเป็น..เมีย..." อันนาพูดพึมพำด้วยความเจ็บปวดคำพูดของอั
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่มาร์คัส จะรู้ว่าอันนาหายออกไปจากคฤหาสน์ ..ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส มาร์คัสที่เพิ่งจะกลับจากขับรถเล่นก็รู้สึกถึงความเงียบสงัดที่ผิดปกติป้าสมศรีที่มักจะคอยมารอรับมาร์คัสเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้กลับดูมีบางอย่างพิรุธเปลี่ยนไปคือความเงียบสงบที่เงียบจนผิดปกติ"มีอะไรหรือเปล่าป้า อันนาล่ะนอนหรือยัง" มาร์คัสที่มาถึงก็ถามถึงอันนาเป็นคนแรกเพราะเขามีเรื่องให้คิดมากมายจนลืมโทรหาอันนาแต่พอกลับมาได้สติเขาก็รีบกลับมาที่คฤหาสน์เพราะเป็นห่วงร่างบาง"เออคือว่า.." ป้าสมศรีไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยว่าอันนาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงเที่ยงคืนตอนนี้ก็ยังไม่ถึงที่คฤหาสน์"ป้ามีอะไรก็รีบพูดมาเถอะอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละฉันอยากไปพักผ่อน" มาร์คัสที่เห็นท่าทีของป้าสมศรีก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย"ฉันถามว่าอันนาอยู่ที่ไหน.!" มาร์คัสเริ่มพูดเสียงเข้มขณะที่นางปูก็อยู่ด้านหลังยืนตัวสั่นพอได้ยินเสียงที่ดุเข้มของมาร์คัส"คุณหนูอันนา ตั้งแต่ออกไปเรียนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะนายท่าน" ป้าสมศรีก็บอกความจริงออกไปตามตรง"ป้าว่าอะไรนะ.!" มาร์คัสที่ได้ยินว่าอันนาไม่ได้อยู่ท
อันนาในชุดราตรีสีดำที่เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนดูโดดเด่นสะดุดตา เธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวให้เซ็กซี่ขนาดนี้ แต่พลอยกับสมหญิงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเดินเข้ามาในผับ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ อันนารู้สึกอึดอัด แต่ก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชาและไร้อารมณ์"เห็นไหมล่ะยัยอันนา บอกแล้วว่าแกสวย" สมหญิงที่เป็นสาวสอง แต่งตัวจัดเต็มไม่แพ้กันในชุดรัดรูปสีเงินเมทัลลิกวาววับ พูดขึ้นพร้อมกับส่งสายตาให้บรรดาหนุ่มๆ ที่จ้องมองมาอย่างสนุกสนานส่วนพลอยในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่ทั้งสวยและร้อนแรง ก็ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ "คืนนี้พวกเราต้องเป็นดาวเด่นของงาน!"แต่สำหรับอันนาแล้ว เธอไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด เธอเดินไปที่บาร์แล้วสั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แรงที่สุด บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เธอไม่สนใจ เธอดื่มมันหมดแก้วอย่างรวดเร็วราวกับจะดับไฟในใจที่กำลังลุกโชน"อันนา... พอแล้ว" สมหญิงพยายามจะห้าม แต่ไม่ทัน เธอสั่งแก้วที่สองทันที"อยากให้ฉันลืมความเจ็บปวด ก็ต้องดื่มให้เมาไม่ใช่เหรอ" อันนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลอยกับสมหญิงมองหน้ากันด้วยค
วันนี้อันนาจึงอยากจะดื่มให้ลืมความทุกข์ที่เธอได้รับชีวิตของเธอมันบัดซบมากพออยู่แล้วเงินที่ มาคัสให้ตลอดสี่เดือนเดือนละแสนมันมากพอสำหรับที่เธอจะตั้งตัวใหม่ได้เลยวันนี้เธอจึงตัดสินใจหยิบบางส่วนออกมาใช้ก็คงไม่ผิด"งั้นวันนี้ฉันเลี้ยงเองนะ" อันนาเผยรอยยิ้มแต่มันก็ยังคงดูเศร้าในสายตาของเพื่อนอยู่ดีสามสาวพากันนั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้านของพลอยโดยที่อันนาไม่เดินทางกลับคฤหาสน์และมาร์คัสที่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของลลิสา ผู้หญิงที่เป็นคนส่งข้อความปริศนามาให้เขาจนลืมสั่งให้ราเชนทร์ตามติดมาดูอันนาส่วนราเชนก็ยุ่งกับงานใต้ดินของเจ้านายทุกคนต่างพากันลืมอันนาไปหมดมาร์คัสขับรถไปยังสถานที่นัดหมายที่ลลิสาเป็นคนบอกมา มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เงียบสงบในซอยลึก ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขาชอบมานั่งกันบ่อยๆ สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมาร์คัสอย่างไม่ขาดสายเมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นลลิสานั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมสุด เธอสวยเหมือนเดิม...หรืออาจจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลลิสายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน"สวัสดีมาร์คัส"ลลิสาในชุดสีแดงเพลิงเหมือนแม่หม้ายกระดังงาลนไฟมาร์คัสเดินไปนั่งลงตรงข้ามเธอ "
เช้าวันนี้ที่คฤหาสน์หรูของมาร์คัส บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด อันนาก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าเหมือนคนอมทุกข์ ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกนอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ในชีวิตของเธอเอาหัวใจไปผูกไว้ที่ข้อเท้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้และสามีตีตราของเธอ“อันนามีอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสพยายามพูดให้บรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้น ซึ่งเขาก็รู้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องแคร์อันนาก็ได้ แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” อันนาเงยหน้าขึ้นแล้วฝืนยิ้ม ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนร้องไห้ตาแดงบวม แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอาง แต่ก็ยังมองออก“ทำไมตาบวมขนาดนั้นล่ะอันนา” มาร์คัสสังเกตไปที่ดวงตาสวยที่บวมเปล่งแทบจะปิด“สงสัยเมื่อคืนอันนานอนดึกมั้งคะ นอนไม่หลับน่ะ” อันนาพูดออกไปด้วยท่าทีไม่ได้คิดอะไร เพราะในใจตอนนั้นกำลังจมดิ่งกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น“ทำไมนอนไม่หลับล่ะ คิดถึงฉันหรือไง” มาร์คัสพยายามพูดหยอกเย้าให้อันนาอารมณ์ดี“ค่ะ อันนาคิดถึงคุณมาร์คัส” อันนารับสารภาพออกมาตรง ๆ เพราะเธอก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหาย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเธอรักมาร์คัสเข้าให้แล้วมาร์คัสที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับไป