Share

บทที่ 9

last update Last Updated: 2025-05-14 20:20:51

เมืองหลวงแค้นเป่ยหลี่

"ฝ่าบาท ได้ข่าวของน้องบ้างหรือไม่" สตรีสูงศักดิ์ที่อยู่เหนือคนทั้งแผ่นดินเอ่ยตามบุตรชายที่ตอนนี้ครองตำแหน่งฮ่องเต้ปกครองแคว้น

"มิมีผู้ใดพบเห็นผู้ที่มีลักษณะคล้ายน้องรองเลยพะยะค่ะเสร็จแม่" บุรุษที่อยู่ในชุดลายมังกรเอ่ยด้วยอ่อนใจ

"นานมากแล้ว แม่ไม่รู้ว่าเยี่ยนเออร์จะเป็นเยี่ยงไรบ้าง" ไทเฮาเอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าโศก  เกือบยี่สิบปีแล้วที่เขาไม่รู้ว่าบุตรคนรองเป็นตายร้ายดีเช่นไร

"เสด็จแม่อย่าได้กังวลพระทัย ลูกสัญญาว่าจะตามหาเยี่ยนเออร์จนกว่าจะพบ หากยังไม่พบลูกจะมิมีวันเลิกตามหาน้องพะยะค่ะ" เซียวเฟยหลงเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

"แม่เป็นห่วงน้องเหลือเกินฝ่าบาท" ไทเฮาพูดพลางน้ำตาคลอ ตั้งแต่โอรสคนรองหายไปนางรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากแต่จำต้องเข้มแข็งมิเช่นนั้นบัลลังค์โอรสองค์โตของนางอาจสั่นคลอนได้

"ท่านแม่โปรดถนอมพระวรกายเถิดพะยะค่ะ ไม่ใช่แค่ลูกที่ส่งคนออกตามหาน้อง ตอนนี้คนของน้องสามเองก็เริ่มตามหาน้องรองเช่นกัน" หน่วยเหยี่ยวดำที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นโดยชินอ๋องได้ไม่นานมากนักขึ้นชื่อเรื่องการสืบข่าว ยามนี้ปลอดภัยสงครามแล้วชินอ๋องจึงให้หน่วยเหยี่ยวดำเริ่มออกตามหาน้องชายของตนหวังพาหวนคืนสู่บ้านเกิด

"แม่จะดูแลตัวเองเพื่อรอน้องของเจ้ากลับมา เราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง"

แคว้นเป่ยหลี่ ถูกปกครองด้วยราชวงศ์ เซียว  ฮ่องเต้องค์ก่อนมีนามว่า เซียวอี้ซวน อภิเษกสมรสกับคุณหนูตระกูลหาน นามว่า หานเสวี่ยอิง หรือก็คือองค์ไทเฮาในปัจจุบัน แม้พระองค์จะมีสนมมากมายแต่กลับมีพระโอรสที่เกิดจากฮองเฮาของพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นเหตุเพราะพระองค์นั้นไม่เคยมีคืนวสันต์กับสนมเหล่านั้นเลยเนื่องจากพระองค์ทรงมีใจรักฮองเฮาของพระองค์เพียงผู้เดียว ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระโอรสทั้งสิ้นสามคน นั่นก็คือ เซียวเฟยหลง โอรสองค์โตที่เป็นเอกบุรุษและเป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน   เซียวเฟยเยี่ยน โอรสคนรองที่เป็นเกอและหายสาปสูญไปตั้งแต่พ้นวัยปักปิ่นได้ไม่นาน  คนสุดท้าย เซียวเฟยเทียน โอรสองค์สุดท้องเป็นเอกบุรุษ  ดำรงตำแหน่งชินอ๋องแม่ทัพใหญ่ของแคว้น    หลังจากพระโอรสองค์รองหายตัวไปทำให้ฮ่องเต้เซียวอี้ซวนเป็นกังวลจนถึงขั้นประชวร เพราะเซียวเฟยเยี่ยนนั้นเป็นบุตรที่พระองค์และทั้งสามคนนั้นรักเป็นอย่างมากด้วยว่าเป็นบุตรเกอเพียงคนเดียวทำให้ประคบประหงมมาเป็นอย่างดี  หลังจากที่ฮ่องเต้เซียวอี้ซวนประชวรได้ซักพักใหญ่พระองค์ทรงทราบว่าพระวรกายของตนเองไม่อาจฝืนไปมากกว่านี้แล้วจึงตัดสินใจยกบัลลังค์ให้แก่โอรสองค์โตเพราะเกรงว่าจะมีการก่อกบฏจากเหล่าขุนนางที่คิดไม่ซื่อขึ้นเสียก่อน  แม้ถึงคราวผลัดเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่แต่สิ่งที่ยังคงมีรับสั่งเฉกเช่นเดิมแม้เวลาจะผ่านมานานจนถึงปัจจุบันก็คือ

"ตามหาน้องชายของเจิ้นให้เจอ  แม้ต้องว่าต้องตามหาทั่วหล้าหรือเหลือเพียงป้ายวิญญาณก็ต้องพาน้องชายของเจิ้นกลับมาที่วังหลวงให้ได้ "

 

 

​​​​​​หมู่บ้านเซียนซาน

"ท่านพี่ขอรับ  ท่านพี่ว่าเราล้อมรั้วที่ดินดีหรือไม่ขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถามความเห็นสามี

"ดีสิ เจ้าต้องการล้อมที่ตรงไหนบ้างเล่า" หวังลี่หมิงก็ยังคงตามใจภรรยาเช่นเคย

"ข้าต้องการล้อมรั้วที่ดินทั้งหมดขอรับ  รวมถึงบ้านของเราด้วย" หลี่เฟินหนิงเอ่ยตอบ

"ได้สิ ว่าแต่เจ้าต้องการรั้วแบบใดหรือ"

"ข้าต้องการรั้วอิฐขอรับ" หลี่เฟินหนิงต้องการรั้วที่มีความแข็งแรงทนทานหน่อยและคนนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้

"เช่นนั้นพรุ่งนี้ขายของเสร็จเราไปสอบถามช่างในเมืองกัน" หวังลี่หมิงเอ่ยบอก หากต้องการสร้างรั้วที่เป็นอิฐต้องไปจ้างช่างในเมืองเท่านั้นชาวบ้านธรรมดาไม่สามารถทำได้

"ขอรับ  อ้อ ข้าอยากได้คนงานมาขุดดินสำหรับทำสวนและขุดบ่อน้ำด้วยขอรับ" หลี่เฟินหนิงนึกขึ้นได้ก็รีบเอ่ยบอก

"ถ้าทำแปลงผักเราจ้างคนในหมู่บ้านดีหรือไม่ ชาวบ้านจะได้มีรายได้" หวังลี่หมิงออกความเห็น ชาวบ้านนั้นหมู่บ้านเซียนซานนั้นค่อนข้างยากจนแร้นแค้นเป็นอย่างมาก หลี่เฟินหนิงได้ยินดังนั้นก็มองสามีด้วยรอยยิ้ม

"มีอันใดหรือ เหตุใดเจ้าถึงมองพี่เช่นนี้" หวังลี่หมิงที่เห็นภรรยามองตนเองด้วยสายตาชื่นชมจึงอดที่เอ่ยถามออกไปไม่ได้

"ท่านพี่ช่างเป็นคนจิตใจดีนักขอรับ  แม้ว่าหลายคนในหมู่บ้านไม่ชอบท่านแต่ท่านพี่ยังหยิบยื่นโอกาสหารายได้ให้แก่พวกเขา" หลี่เฟินหนิงมองสามีด้วยรอยยิ้มภูมิใจ

"พี่เพียงเข้าใจคนที่ไม่มีจะกินเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับโอกาสที่พี่หยิบยื่นให้หรือไม่" หหวังลี่หมิงไม่เคยคิดแค้นคนที่รังเกียจตนเองเลยสักนิด 

"ถ้าเขาไม่รับเราไม่จ้างคนอื่นก็ได้ขอรับ" หลี่เฟินหนิงไม่ได้สนใจพวกชาวบ้านปากมากพวกนั้นอยู่แล้ว  ไม่อยากได้เงินก็ไม่ต้องมาทำสิ 

"เช่นนั้นพี่จะไปหาท่านลุงจางให้รับสมัครคนงานไว้ให้" หวังลี่หมิงบอกกับภรรยา จะว่าจ้างคนในหมู่บ้านจำนวนมากคงต้้องให้ผู้นำหมู่บ้านประกาศหาให้

"ขอรับ ข้าจะทำอาหารเย็นรอนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามี อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากบ้านไป  หลี่เฟินหนิงจึงลุกขึ้นเดิเข้าครัว   วันนี้เขาคิดจะทำข้าวผัด กินกับผัดผักบุ้งและน้ำพริกกะปิ  โดยเริ่มจากตำน้ำพริกกะปิก่อน หลี่เฟินหนิงนำกะปิไปย่างไฟจากนั้นนำพริกขี้หนูใส่ลงไปในครกหนึ่งกำมือเต็มๆ ใส่กระเทียม น้ำตาลลงไปโขลกทุกอย่างพอหยาบๆแล้วจึงใส่กะปิที่ย่างแล้วลงไปโขลกทุกอย่างให้เข้ากันอีกครั้งจึงเทน้ำอุ่นลงไปให้พอดีกับสัดส่วนของเครื่องที่โขลกไว้ตบท้ายด้วยการบีบมะนาวและคนทุกอย่างให้เข้ากัน   ต่อมาก็ลงมือทำข้าวผัด เขาหั่นหมูเป็นชิ้นๆตามด้วยมะเขือเทศและผักคะน้า จากนั้นก็นำกระทะขึ้นตั้งไฟใส่น้ำมันรอให้ร้อนแล้วจึงใส่กระเทียบสับหยาบลงไปเมื่อกระเทียมเริ่มส่งกินหอมจึงใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้สุกตามด้วยไข่ไก่อีกสองฟอง ยีไข่ให้แตกแล้วจึงใส่ข้าวยสวยที่กินไม่หมดในตอนเที่ยงลงไปปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน ผัดทุกอย่างให้เข้ากันแล้วจึงใส่ผักคะน้าและมะเขือเทศลงไปผัด รอจนผักคะน้าสุกก็เป็นอันเสร็จ  อย่างสุดท้ายคือผัดผักบุ้ง หลี่เฟินหนิงเลือกจะปรุงผักบุ้งตั้งแต่ยังไม่นำลงไปผัดเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ผักสุกจนเกินไป

 

อีกทางหนึ่งหวังลี่หมิงก็เดินเท้าไปที่บ้านผู้นำหมู่บ้านซึ่งก็ได้รับสายตารังเกียจและคำนินทาเช่นเคยแต่เขาก็ไม่สนใจยังคงเดินไปที่บ้านของผู้นำหมู่บ้านต่อ

"ท่านลุงจางขอรับ อยู่ หรือไม่ขอรับ" หวังลี่หมิงตะโกนเรียกผู้นำอยู่หน้าบ้าน

"นี่เจ้ามาทำไมอีก" นางจางหวินได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจึงออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถามด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจทันที

"ข้ามาหาท่านลุงจางขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นเดิม

"เจ้ามีธุระอันใดเล่า" นางจางหวินเอ่ยถาม แม้จะไม่ชอบหน้าแต่ความอยากรู้อยากเห็นนั้นมีมากกว่า

"ข้าจะพูดคุยเรื่องว่าจ้างชาวบ้านน่ะขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบ

"เจ้าจะจ้างงานชาวบ้านรึ" นางจางหวินถามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจะมีเงินถึงขนาดจ้างคนงาน แล้วมาแจ้งผู้นำหมู่บ้านเช่นนี้นั่นหมายความว่าต้องการจ้างหลายคนมิใช่หรือ แต่เมื่อนึกได้ว่าก่อนหน้านั้นสองสามีภรรยานั่นซื้อเกวียนไปแล้วก็เริ่มคิดว่าสองคนนี้คงจะมีเงินไม่น้อยเลยทีเดียว

"ใช่ขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบโดยไม่สนใจท่าทีของคนตรงหน้า

"รอสักประเดี๋ยว ข้าจะไปตามตาแก่นั่นมาให้" เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงินนางจางหวินก็เปลี่ยนท่าทีเป็นมิตรในทันที คนมีเงินมีทองนางควรผูกมิตรไว้วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบากคิดได้ดังนั้นจึงรีบไปตามสามีมาให้บุรุษหนุ่มทันที

"มีอะไรหรือลี่หมิง" จางเหว่ยที่ถูกภรรยาไปตามก็เดินออกมาพบหวังลี่หมิงที่หน้าบ้าน

"ข้าต้องการคนงานไปขุดแปลงผักและขุดบ่อน้ำนะขอรับ  ข้าจึงมาขอให้ท่านลุงจางช่วยประกาศหาชาวบ้านที่สนใจให้ข้าได้หรือไม่ขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตนเองทันที

"ได้สิ ว่าแต่เจ้าจะจ้างพวกเขาเท่าใดเล่าข้าจะได้แจ้งแก่คนที่สนใจ" จางเหว่ยไม่ได้แปลกใจที่หวังลี่หมิงต้องการจ้างคนเพราะเจ้าตัวเพิ่งจะซื้อที่ดินจำนวนมากไป แต่การจ้างงานก็ควรที่จะให้ค่าแรงที่สมเหตุสมผล

"ข้าให้วันละ 30 อีแปะขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยตอบด้วยท่าทีสบายๆ

"30 อีแปะเชียวรึ! " สองสามีภรรยาถึงกับต้องใจกับค่าจ้างนั่นมันมากกว่ารับจ้างในเมืองเสียอีก หากไปรับจ้างในเมืองนั้นยังได้เพียง 20 อีแปะเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกอยากผูกมิตรของนางจางหวินเพิ่มขึ้นอีก

"ขอรับ"

"เช่นนั้นย่อมมีคนสนใจแน่ เดี๋ยวข้าจะจัดการบอกชาวบ้านให้แล้วเจ้าค่อยมากคัดคนเอาเองก็แล้วกัน " จางเหว่ยเอ่ยบอก

"ขอบคุณท่านลุงจางมากขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยบอก คนตรงหน้า

"ไม่เป็นไรๆ อย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องคอยช่วยเหลือลูกบ้าน" จางเหว่ยตอบกลับ

"เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อนนะขอรับ" หวังลี่หมิงเอ่ยลาแล้วรีบเดินกลับบ้านเพราะมีภรรยาคนงามรอกินข้าวอยู่

"ท่านพี่กลับมาแล้วหรือขอรับ ข้าทำอาหารเสร็จพอดี" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามีในขณะที่นำอาหารจานสุดท้ายวางลงบนโต๊ะกินข้าว

"กลิ่นหอมเสียจริง ภรรยาของพี่ช่างเก่งนัก" หวังลี่หมิงพูดหยอดภรรยาทันที

"ท่านพี่ก็ " หลี่เฟินหนิงรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนจนแทบแตก

"หึหึ แล้วนี่เจ้าทำสิ่งใดให้พี่กินหรือ" หวังลี่หมิงมองอาหารหน้าตาแปลกประหลาดก่อนจะถามภรรยาเช่นเคย

"อันนี้เป็นข้าวผัดขอรับ  อันนี้เป็นผัดผักบุ้งกับน้ำพริกกะปิกินกับข้าวผัดอร่อยมากนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงรีบนำเสนอเมนูอาหารให้สามีฟัง

"เหตุใดน้ำพริกนี่ถึงกลิ่นแรงเช่นนี้" เมื่อตักน้ำพริกกะปิเข้้ามาใกล้หวังลี่หมิงก็ได้กลิ่นกะปิ

"กลิ่นกะปิน่ะขอรับ ถึงจะกลิ่นแรกไปหน่อยแต่รวฝสชาติดีนะขอรับ" หลี่เฟินหนิงเอ่ยบอกสามี

"อื้ม เป็นจริงดังเจ้าว่า" เมื่อตักเข้าปากก็พบว่าน้ำพริกกลิ่นแรงนี้รสชาติไม่ได้แย่ เมื่อกินกับข้าวผัดก็เข้ากันได้ดียิ่ง อาหารวันนี้ถูกหวังลี่หมิงซัดหมดเช่นเคยสร้างความสุขใจให้แก่คนทำยิ่งนัก

 

 

 

 ยังไม่ได้แก้คำผิด

​​​​​

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 25

    เฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงถูกพามาที่ตำหนักเยว่ซินที่ฮ่องเต้ได้พระราชทานให้ ตัวตำหนักค่อนข้างกว้างขวางกว่าตำหนักของเหล่าสนมเสียอีก ภายในประดับด้วยของล้ำค่างดงามวิจิตร ภายนอกร่มรื่นด้วยไม้นานาพันธุ์และหลากสีสันด้วยดอกไม้หากยาก อีกทั้งมีลำธารน้ำจำลองพร้อมกับสะพานข้ามเล็กๆอยู่ นับว่าเป็นตำหนักที่งดงามมากเลยทีเดียว หน้าตำหนักมีนางกำนัลที่รอรับใช้อยู่"ถึงแล้วพะยะค่ะ" หลีกงกงเอ่ยบอก"ขอบใจหลีกงกง" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"เป็นหน้าที่ของกะหม่อม พวกเจ้าดูแลองค์ชายและท่านชายให้ดี" หลีกงกงหันไปสั่งนางกำนัลทั้งสองคน"เจ้าค่ะ""องค์ชายหก ท่านชายเฝิง กระหม่อมขอตัวลา" หลีกงกงคำนับก่อนจะเดินออกไปจากตำหนัก"ถวายพระพรองค์ชายหก ท่านชายเฝิงเพคะ" นางกำนัลทั้งสองคนย่อคุกเข่าหนึ่งข้างเป็นการเคารพเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์"พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอก"ขอบพระทัยองค์ชายหก" นางกำนัลทั้งสองคนยืนขึ้นประสานมือไว้ด้านหน้าและก้มหน้าเล็กน้อย"พวกเจ้ามีชื่อว่าอันใดหรือ" เซียวเฟินหนิงเอ่ยถาม"ทูลองค์ชาย หม่อมฉันเจียวหลินเพคะ""หม่อมฉัน เจียวเจียวเพคะ""อ้อ" เซียวเฟินหนิงมองหน้าสามีเพราะไม่รู้ว่าต้องทำ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 24

    "ท่านเจ้าเมืองมาพอดี สามีภรรยาสองคนนี้มาขัดขวางไม่ให้ข้านำบุตรสาวไปให้ท่านขอรับ" ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างนอบน้อม ท่านเจ้าเมืองหันไปมองทางด้านสองสามีภรรยาก็ต้องตกตะลึง ใบหน้างดงามนี่คืออันใดกัน เทพเซียนมาลงมาจากสวรรค์หรือ"เจ้าสนใจมาเป็นฮูหยินรองของข้าหรือไม่" เจ้าเมืองซานหลีใช้สายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดปัง เฝิงลี่หมิงถึงกับกัดฟันกรอด"อย่ามายุ่งกับภรรยาข้า!" เฝิงลี่หมิงดึงภรรยามาหลบด้านหลังก่อนจะตวาดลั่นดวงตาจ้องเขม็งไปที่ชายตรงหน้าราวกับจะฆ่าทิ้งเสีย"เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้างั้นรึ! พวกเจ้าสั่งสอนมันเสียแล้วนำเกอผู้นั้นมาให้ข้า" เจ้าเมืองซานหลีหันไปสั่งมือปราบ เซียวเฟินหนิงถึงกับขมวดคิ้ว ไอ้แก่บ้ากามนี่มันถึงกับกล้าคิดจะฉุดภรรยาผู้อื่นต่อหน้าคนมากมายเชียวหรือ"หยุด! ท่านเจ้าเมือง นั่นภรรยาผู้อื่นนะขอรับ ท่านจะฉุดพรากภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ไม่ได้!" นายอำเภอที่เหมือนจะหมดความอดทนกับเหตุการณ์เหล่านี้เอ่ยขึ้น"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า! จัดการมัน" เจ้าเมืองซานหลีเอ่ยเหล่ามือปราบก็ตรงมาหาสองสามีภรรยาทันที"ท่านพี่ ดูเหมือนว่าเมืองซานหลีต้องการเจ้าเมืองใหม่เสียแล้ว" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกสามี"พี่ก็ค

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 23

    เพราะต้องอัญเชิญป้ายวิญญาณของมารดาและบิดาของเซียวเฟินหนิงไปที่เมืองหลวงสองสามีภรรยาจึงต้องจัดแบ่งงานให้กับคนงานอย่างชัดเจน ตอนนี้พวกเขารับคนในหมู่บ้านให้มาทำงานเพิ่มแล้วรวมถึงบิดาบุญธรรมอย่างท่านเจ้าเมืองก็สั่งให้คนมาคอยดูแลระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่"ระหว่างที่พวกข้าไม่อยู่ก็ให้พวกท่านก็ทำตามที่ข้าแบ่งหน้าที่ไว้ให้นะขอรับ" เฝิงลี่หมิงแม้จะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นองค์ชายแต่เขาก็ยังคงพูดจานอบน้อมเช่นเดิม"การไปเมืองหลวงครั้งนี้อาจใช้เวลาร่วมเดือนหากพวกท่านมีปัญหาอันใดให้แจ้งกับท่านลุงเมิ่งได้เลยนะขอรับ เขาจะเป็นผู้ดูแลพวกท่านระหว่างที่ข้ากับท่านพี่ไม่อยู่" เซียวเฟินหนิงเอ่ยบอกแก่คนงาน "พะยะค่ะ" เหล่าคนงานเอ่ยรับมองดูเจ้านายทั้งสองด้วยสายตาที่ชื่นชม ดูสิจากเด็กน้อยที่ถูกครอบครัวขับไล่ออกจากตระกูลมาวันนี้ได้เป็นท่านชายองค์ชายเสียแล้ว ณ จวนเจ้าเมืองซานหลางเฝิงลี่หมิงกับเซียวเฟินหนิงอยู่ในชุดสีขาวจากผ้าไหมชั้นดีดูงดงามและสูงศักดิ์ปักลวดลายด้วยดิ้นเงิน เฝิงลี่หมิงสวมใส่หน้ากากครึ่งใบหน้าสีเงินที่ชินอ๋องประทานให้ยิ่งทำให้ดูสง่างามลึกลับน่าค้นหา ทั้งสองแม้อยากจะคุกเข่าคำนับลาบิดามารดาบุญธรรมเม

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 22

    "บังอาจ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าชินอ๋อง!! " เสียงขององครักษ์ประจำตัวชินอ๋องประกาศกร้าวสร้างความตกใจให้กับทุกคนที่พากันมาชมเหตุการณ์เมื่อรู้ว่าบุรุษที่มากับท่านเจ้าเมืองนั้นเป็นผู้ใด"กะ โกหก ชินอ๋องจะมาทำอะไรที่นี่และคงไม่แต่งงานธรรมดาเช่นนี้ เจ้าอย่ามาแอบบอ้าง" หลี่อู๋เจี๋ยพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อแม่ว่าชาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม ชินอ๋องยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับม้วนกระดาษที่มีตรามังกรปิดผนึกอยู่"ฝ่าบาทมีราชโองการ พวกเจ้าคุกเข่าลง! " ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็พากันคุกเข่าลงทั้งสองข้าง"หลี่เฟินหนิงรับราชโองการ ทางราชสำนักสืบทราบมาว่า ฮูหยินน้อยเฝิง หลี่เฟินหนิง เป็นบุตรขององค์ชายรอง เซียวเฟยเยี่ยน ที่หายสาบสูญไปจึงนับว่ามีสายเลือดราชวงศ์ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งแต่งตั้งหลี่เฟินหนิงเป็น องค์ชายหกหลี่เฟินหนิง สามารถใช้แซ่เซียวได้ตามมารดาโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสกุลเดิม พระราชทานผ้าไหมชั้นดี 20 หีบ ผ้าไหมปักดิ้นทอง 10 หีบ ไข่มุก สวรรค์ 10 หีบ ไข่มุกนิลกาฬ 20 หีบ เครื่องเพชร 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ 5 หีบ ปิ่นทองคำแท้ลวดลายหงส์ 1 หีบ เงินจำนวน 100,000 ตำลึงทอง คุณชายเฝ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 21

    ตำหนักชินอ๋องย้อนกลับไปก่อนฤดูหนาวจะมาเยือนจดหมายถึง ชินอ๋องเซียวเฟยเทียนถวายพระพรชินอ๋อง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าเมืองซานหลางให้เขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพระองค์ เมื่อไม่นานมานี้ท่านเจ้าเมืองได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลอบทำร้ายแต่ได้มีบุรุษผู้หนึ่งให้ความช่วยเหลือ บุรุษผู้นั้นมีจุดเด่นคือปานสีดำขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าด้านขวาคราแรกท่านเจ้าเมืองเพียงรู้สึกซาบซึ้งใจจึงเชิญให้ชายผู้นั้นมาพบที่จวนเพื่อตอบแทนแต่ภายหลังฮูหยินเฝิงรู้สึกถูกชะตาทั้งยังเห็นใจที่สองสามีภรรยาถูกครอบครัวรังแกจึงรับชายผู้นั้นเป็นบุตรบุญธรรม ชายผู้นั้นมีภรรยาเป็นเกอคราเเรกที่ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินได้พบใบหน้าของภรรยาชายผู้นั้นทั้งสองรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านั้นจึงรีบให้กระหม่อมเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งถึงพระองค์ เกอผู้นั้นมีนามว่า หลี่เฟินหนิง บิดามีนามว่า หลี่อู๋ซิน ส่วนมารดามีนามว่า เซียวเฟยเยี่ยน เกอผู้นั้นบอกว่าบิดามารดาของตนได้เสียชีวิตลงตั้งแต่ตนเพิ่งมีอายุเพียงเก้าหนาว ที่สำคัญคือเกอผู้นั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับองค์ชายรองถึงแปดส่วน ท่านเจ้าเมืองให้กระหม่อมบอกแก่ท่านอ๋องว่าหากต้องการมาพบเกอผู้นี้ก็ให้รอฤดูหนาวผ่านพ้

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 20

    การแจกจ่ายอาหารจากสองสามีภรรยายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกว่าหิมะจะตกลงมาอีกครั้ง ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกัน เพียงแต่วันนี้เขาเห็นว่าดูเหมือนจะมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นมาด้วยหลี่เฟินหนิงจึงเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มชาวบ้านที่เพิ่งลงมาจากเกวียน"พวกท่านมาทำอันใดกันหรือขอรับ" หลี่เฟินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตากวาดดูชาวบ้านราวๆ 30 กว่าคนกับเกวียนสี่เล่มมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่"พวกเราได้ยินมาว่าหมู่บ้านนี้แจกจ่ายอาหาร พวกเราจึงรวมเงินกันจ้างเกวียนเพื่อมาดูเจ้าค่ะว่าพอจะมีอาหารปันให้พวกเราบ้างไหม" สตรีวัยกลางคนถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พวกเธอเป็นคนต่างหมู่บ้านไม่รู้ว่าจะได้รับอาหารที่แจกหรือไม่แต่นี่เป็นทางรอดระหว่างรอความช่วยเหลือจากทางการผู้ใหญ่นั้นยังพออดทนได้แต่เด็กและคนแก่นี่สิ"พวกท่านมาจากต่างหมู่บ้านกันหรือขอรับ แล้วเดินทางมาไกลหรือไม่" หลี่เฟินหนิงเอ่ยถาม"ใช่เจ้าค่ะ หมู่บ้านของพวกเราอยู่ห่างไป 10 ลี้ลึกเข้าไปในหุบเขาทำให้การช่วยเหลือจากทางการมาช้ากว่าหมู่บ้านอื่น" สตรีวัยกลางคนอีกคนตอบ"ไกลอยู่นะขอรับ แล้วพวกท่านทราบได้อย่างไรขอรับว่าที่นี่มีอาหารแจกชาวบ้าน" "มีคนจากหมู่บ้านนี้นำอาหารไปให้ญาติที

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 19

    เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงพากันเดินเท้ามาที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ได้เห็นชาวบ้านที่เริ่มออกมากวาดหิมะและพูดคุยกัน ชาวบ้านหลายคนต่างมองว่าสองสามีภรรยานั้นจะเดินไปที่ใด เมื่อเห็นว่าทั้งสองไปหยุดที่หน้าบ้านของผู้นำหมู่บ้านก็หันมาพูดคุยเรื่องอื่นต่อ ผู้ใดจะกล้าไปยุ่งเรื่องของบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าเมืองกันเล่า"คาระวะท่านป้าจาง ท่านลุงจางอยู่หรือไม่ขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยถามนางจางเหม่ยที่กำลังกวาดหิมะอยู่ลานหน้าบ้าน"อยู่ๆ เจ้าสองคนมีธุระอันใดเล่า" นางจางเหว่ยที่ตอนนี้เปลี่ยนท่าทีต่างจากเมื่อก่อนจนสองสามีภรรยาได้แต่แปลก"ข้ากับภรรยาจะมาพูดคุยเรื่องทำอาหารแจกชาวบ้านน่ะขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยตอบ"เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามาพูดคุยกันในบ้านเถิด อากาศข้างนอกหนาวเย็นประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา" นางจางเหว่ยรีบเชิญทั้งสองคนเข้ามาบ้านทันที"อ้าวลี่หมิง เฟินหนิง เจ้าสองคนมีอันใดหรือ" เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบกับจางเหว่ย"คาระวะท่านลุงจางขอรับ" สองสามีทำการคำนับผู้อาวุโสกว่าทันที"ที่ข้าสองคนมาวันนี้เพราะมีเรื่องให้ท่านลุงจางช่วยขอรับ" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอก"เรื่องอันใดรึ" จางเหว่ยถามอย่างสงสัย ยังมีเรื่อง

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 18

    "ไอ้ลูกอกตัญญู หากเจ้าไม่ยอมให้เงินและสะเบียงกับพวกข้าเช่นนั้นเจ้าก็มิต้องใช้แซ่หวังอีก" หวังหยวนคุนพูดอย่างโมโห"บุตรชายของข้าคงไม่กล้าใช้แซ่หวังอันสูงส่งของเจ้าหรอก" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองพบเป็นบุรุษวัยกลางคนแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีดูภูมิฐาน เมื่อผู้นำหมู่บ้านเห็นว่าเป็นผู้ใดก็รีบทำการคำนับทันที"ข้าน้อย จางเหว่ย ผู้นำหมู่บ้านเซียนซาน คาระวะท่านเจ้าเมืองขอรับ" "ตามสบายเถิดท่านผู้นำจาง" เฝิงคงหรันพูดอย่างเป็นกันเอง เหล่าชาวบ้านเมื่อทราบว่าผู้ที่มาเป็นใครก็ต่างพากันตกใจและสงสัยว่าเหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงมาอยู่ที่นี่"คาระวะท่านพ่อขอรับ" เฝิงลี่หมิงกับหลี่เฟินหนิงทำการคำนับบุรุษผู้น่าเกรงขาม คำที่ใช้เรียกยิ่งสร้างความตกใจตะลึงให้แก่ชาวบ้านและครอบครัสตระกูลหวัง"ท่านพ่องั้นหรือ""เหตุใดทั้งสองถึงเรียกท่านเจ้าเมืองว่าท่านพ่อเล่า""ท่านพ่อมีธุระอันใดหรือขอรับถึงได้มาถึงที่นี่" เฝิงลี่หมิงไม่ได้สนใจเสียงซุบซิบของชาวบ้านแต่อย่างใด เขาเอ่ยถามธุระของพ่อบุญธรรมทันที"มารดาของเจ้าให้พ่อมาดูว่าบ้านของเจ้าเป็นเช่นไร ฤดูหนาวนี้จะอยู่ได้หรือไม่นางเป็นห่วงเกรงว่าเจ้ากับสะใภ้จะลำบาก" เ

  • ผู้ใดก็บอกว่าสามีของข้านั้นอัปลักษณ์   บทที่ 17

    เมื่อฤดูหนาวมาถึงการเก็บเกี่ยวก็เสร็จสิ้นพอดีตอนนี้สองสามีภรรยากำลังจ่ายค่าแรงวันสุดท้ายให้กับเหล่าคนงานก่อนที่หิมะเเรกจะมาเยือน เหล่าคนงานต่างพากันเหงาหงอยเพราะคิดว่าพวกเขาจะไม่ถูกจ้างอีกเลยแต่ก็เข้าใจเพราะที่ผ่านมารายได้จากการทำงานที่นี่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ลำบาก"ท่านใดรับเงินไปแล้วรอสักครู่นะขอรับ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับพวกท่าน" เฝิงลี่หมิงเอ่ยบอกคนงานก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับไป คนงานจึงอยู่รอฟังและได้แต่หวังว่าสองสามีภรรยาจะบอกว่าจะจ้างพวกเขาหลังจากฤดูหนาวผ่านพ้นไป เพื่อจ่ายค่าแรงให้คนงานครบทุกคนเฝิงลี่หมิงจึงพูดขึ้น"ทุกท่านครับ ข้ารู้ว่าทุกท่านกำลังกังวลว่าข้ากับภรรยาจะเลิกจ้างพวกท่านข้าจึงอยากอธิบายว่าข้าจะหยุดจ้างงานแค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้นขอรับ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปข้าจะให้ทุกท่านกลับมาทำงานอีกครั้ง" สิ้นประโยคเหล่าคนงานก็ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจที่พวกเขายังจะได้ทำงานกับนายจ้างดีๆเช่นนี้"เรื่องต่อไปคือข้าอยากจะขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจทำงานให้ข้า""เจ้าไม่ต้องขอบใจพวกข้าหรอกหวังลี่หมิง ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกเจ้าสองคนที่ให้งานพวกข้าอีกทั้งยังเลี้ยงอาหารดีๆให้พวกข้าไ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status