เหยาอี้เหยาฟื้นจากพิษไข้ในวันถัดไป ซึ่งเป็นวันกำหนดการเดินทางของฉู่ซีเย่พอดี นางร้อนใจเพราะก่อนหน้านี้ไท่จื่อหย่งสวินบอกนางไว้ว่าให้นางติดตามฉู่ซีเย่ ทำให้เขาโปรดปรานนางให้ได้ แต่ถ้าหากฉู่ซีเย่ลงใต้ไปเมืองหลวง นางก็จะเสียโอกาสในการใกล้ชิดเขา
นางจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนแต่รุ่งสาง แต่งตัวแล้วรีบไปพบเขาแม้จะยังไม่หายดี เรือนของฉู่ซีเย่แยกตัวห่างจากทุกเรือน นางใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเดินถึงเรือนบูรพา แจ้งเจตนากับจินเฟยว่านางต้องการพบฉู่ซีเย่ จินเฟยบอกให้นางรออยู่ด้านนอกก่อน เขาจะไปเรียนนายท่าน เหยาอี้เหยารอ นางรู้สึกยังอ่อนล้าอยู่บ้างจึงนั่งลงบนพื้นหิมะ ลานโดยรอบของเรือนฉู่ซีเย่ขาวโพลน ต้นไม้ซึ่งนางเดาไม่ออกว่าคือต้นอะไรยืนไร้ใบอยู่กลางลาน ภายในไม่มีสาวรับใช้ประจำเรือน จะว่าไปนางก็ไม่เคยเห็นสาวรับใช้ของฉู่ซีเย่ หรือเขาไม่มีกันนะ “คุณหนูเหยา ซื่อจื่ออนุญาตให้ท่านเข้าพบได้” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” จินเฟยเปิดประตูให้นางเข้าไป เขารอจนนางข้ามธรณีประตูไปแล้วจึงปิดบานประตู ส่วนตนเองเฝ้าอยู่ด้านนอก ขณะนั้นฟ้ายังไม่สว่างดี ทุกอย่างยังขมุกขมัวไม่สดใส เหยาอี้เหยาเดินเข้าไปในเรือนผ่านประตูโค้งพระจันทร์ ทางเดินยาวทอดอยู่จรดปลาย ไม่แน่ว่าเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็นหรือไม่ เรือนของฉู่ซีเย่จึงดูอึมครึมและโดดเดี่ยวยิ่ง สายลมพัดมาระเรื่อย หิมะโปรยปรายลงโดยไร้สุ้มเสียง เหยาอี้เหยาเดินเลี้ยวผ่านประตูเข้าไปอีกชั้น นางก็พบกับเงาของฉู่ซีเย่ที่ยืนแต่งกายอยู่ในห้อง นางรีบก้มหน้าหลังฉากกั้น เรียนเขาว่านางมาถึงแล้ว ฉู่ซีเย่หยุดมือซึ่งกำลังผูกเอว “ได้ยินว่าเมื่อวานเจ้าป่วยหนัก คงไม่ใช่เพราะตกใจจนขวัญเสียกระมัง ไม่อย่างนั้นสิ่งแรกที่เจ้าทำหลังดีขึ้น คงไม่ใช่มาหาข้า” นางเหมือนรนหาที่ตาย รู้ว่าเขาจะทำร้ายก็ยังมา “ข้าน้อยได้ยินว่าท่านจะลงใต้วันนี้” เหยาอี้เหยาย่อมกลัวเขา แต่นางก็กลัวว่าไท่จื่อหย่งสวินจะฆ่านางด้วย ในตัวนางมียาพิษหากไม่ได้รับยาทุกๆ สิบห้าวัน นางจะถูกแมลงคุณไสยกัดกินจนตายได้ “จะตามไปด้วยรึ” “ซื่อจื่อไม่มีสาวรับใช้ติดกายสักคน ให้ข้าน้อยติดตามไปรับใช้ท่านสักคนนะเจ้าคะ” “เจ้าคิดว่าข้าต้องการสาวรับใช้งั้นรึ” “อย่างไรมีไว้ก็ไม่เสียหาย” “ย่อมเสียหายแน่ เมื่อเจ้าเป็นคนของไท่จื่อ” ฉู่ซีเย่ก้าวออกมาจากฉากกั้นบังลม “ก้มหน้าของเจ้าไว้ อย่าได้บังอาจมองข้า” “เจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาก้มลงมองพื้น ทว่าพื้นเงางับสะท้อนให้เห็นเงาคนรางเลือน ฉู่ซีเย่สวมเพียงเสื้อตัวในสีขาวบางพริ้ว ผ้าคาดเอวซึ่งยังไม่ได้ผูกให้เรียบร้อยแหวกแผ่นอกให้ปรากฏร่ำไร “ขัดคำสั่งข้าอีกแล้วนะ คุณหนูเหยา” ฉู่ซีเย่ดับเทียบ ชั่วพริบตาเดียว เหยาอี้เหยาก็ถูกเขากุมคอไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว “หย่งสวินบอกให้เจ้าติดตามข้าลงใต้ด้วยรึ” “เจ้าค่ะ” เรื่องนี้ฉู่ซีเย่รู้อยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง อีกทั้งนางไม่กล้าโกหกเขา ด้วยกลัวว่าเขาจะบีบคอนางให้ตายจริงๆ “ติดตามข้าแล้วอย่างไร เขาจะให้เจ้าทำอะไร” เสียงนั้นอยู่ห่างจากนางไม่เท่าไหร่ ไอความเย็นจากเขาทำนางหนาวสั่น “รายงานความเคลื่อนไหวของท่านว่าทำอะไรบ้าง” “เจ้าเคยคิดจะทำร้ายข้าหรือไม่ มองตาข้าแล้วตอบ” คนโกหกเก่งมักจะจับโกหกเก่งเช่นกัน ทว่าเมื่อนางตอบพร้อมมองตาเขาฉู่ซีเย่รู้ว่านางไม่ได้โกหก นางไม่เคยคิดจะทำร้ายเขา “ไม่เคยเจ้าค่ะ” “ข้าเองก็ไม่อยากทำร้ายเจ้าเช่นกัน” ฉู่ซีเย่ปล่อยมือ เขาจุดเทียนขึ้นมาอีกครั้ง ความสว่างและอบอุ่นจึงเกิดขึ้น ร่างสูงเดินไปนั่งบนตั่ง เขามองนางที่คุกเข่าอยู่ไกลๆ ด้วยนัยน์ตาอันเรียบนิ่ง เขารู้ว่านางถูกพิษแมลงคุณไสยควบคุม จึงต้องทำตามคำสั่งของหย่งสวิน แน่นอนว่าความเป็นตายของนางไม่อยู่ในความสนใจของเขา ทว่านางคือหลานของแม่ทัพหลิน ซึ่งเคยมีบุญคุณกับเขาครั้งหนึ่ง ทำให้ยากจะทำใจอำมหิตได้เหมือนที่ผ่านมา หย่งสวินเองคล้ายจะรู้เรื่องนี้ ทำให้ตัดสินใจส่งนางมาเป็นสาย เพราะรู้ว่าเขาจะไม่กำจัดนาง เหมือนทุกคนที่ผ่านมา “คุณหนูเหยา เจ้าคงไม่ปรารถนาจะถูกไท่จื่อควบคุมใช่หรือไม่” “ท่านรู้หรือว่าข้า…” “พิษแมลงคุณไสย” ฉู่ซีเย่พูด “ข้าช่วยแก้พิษให้เจ้าได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้” “ท่านจะแก้ให้ข้าจริงหรือเจ้าคะ” เหยาอี้เหยารู้ว่าพิษแมลงคุณไสยในตัวนางเป็นพิษที่แก้ยากมาก มีเพียงคนที่วางยานางเท่านั้นจึงจะสามารถแก้ได้ แต่ครั้นเห็นสายตาอันมั่นคงของฉู่ซีเย่ นางก็มั่นใจว่าเขาแก้ได้ถ้าอยากจะทำ “ไม่เกินความสามารถข้าหรอกเพียงแต่…” “ท่านไม่อยากแก้ให้ข้า” “ต้องบอกว่าทุกอย่างย่อมต้องแลกเปลี่ยนกันมากกว่า” ฉู่ซีเย่ถามนาง “เจ้าอยากให้ข้าแก้พิษให้ ย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน” “ท่านอยากให้ข้าทำอะไรให้ท่านหรือ หรืออยากให้ข้าเป็นสายให้ท่านคอยล้วงข้อมูลจากไท่จื่อ หักหลังไท่จื่อ” ฉู่ซีเย่อาจจะอยากให้นางย้อนเกล็ดใส่ไท่จื่อบ้างก็ได้ “หย่งสวินไม่โง่ เขาย่อมต้องมองออกหากเจ้าหักหลังเขา” ฉู่ซีเย่ไม่นิยมแผนการสกปรกเช่นนี้ “เช่นนั้นท่านอยากให้ข้าทำอะไรให้ท่าน” “ข้าจะให้เจ้าดูแลคนผู้หนึ่งระหว่างที่ข้าไม่อยู่ เจ้าต้องไม่บอกเรื่องนี้ให้ไท่จื่อรู้ ทั้งยังต้องเก็บเป็นความลับไม่ว่ากับใครก็ห้ามบอก นอกจากข้า นอกจากจินเฟย เรื่องนี้ให้คนที่สามรู้ไม่ได้” “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะหักหลังท่านหรือ” ในใจเขาย่อมต้องมีความระแวงแน่อยู่แล้ว นางเป็นคนของไท่จื่อ การเก็บความลับไว้กับนาง เสี่ยงถูกเปิดโปงยิ่ง “ไม่หรอก ตราบใดที่พิษในตัวเจ้ายังไม่ถูกแก้ เจ้าไม่มีทางหักหลังข้าเเน่” เหยาอี้เหยาพูดเสริม นางต้องการให้ฉู่ซีเย่รู้ว่านางอาจไม่มีทางเลือก หากไท่จื่อหย่งสวินให้ทางเลือกมา “แล้วถ้าหากไท่จื่อบอกว่าจะแก้พิษให้ข้า เเลกกับการเปิดโปงความลับข้อนี้ของท่าน ข้าคงจะเลือกหักหลังท่าน” “เขาไม่มีทางแก้พิษให้เจ้า” “ท่านมั่นใจได้อย่างไร” “พิษแมลงคุณไสยเป็นวิชาต้องห้าม เจ้าคิดว่าทำไมถึงเป็นวิชาต้องห้ามเล่า” ฉู่ซีเย่บอกนาง “เพราะถอนไม่ได้อย่างไรล่ะ” เหยาอี้เหยานิ่งงัน นางไม่อาจพิสูจน์คำพูดของฉู่ซีเย่ได้ แต่นางก็ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ไท่จื่อพูดเช่นกัน และถ้าหากนางอยากรู้ว่าแมลงคุณไสยถอนได้หรือไม่ นางคงต้องใช้ชีวิตตนเองเข้าแลก “หย่งสวินคงบอกเจ้าว่าถ้ากินยาทุกๆ สิบห้าวัน เจ้าจะไม่เป็นอะไร แต่เขาได้บอกเจ้าหรือไม่ ว่าหากเจ้าอายุสิบห้าปีแล้วยังไม่ถอนยาพิษไป แมลงคุณไสยในตัวเจ้าจะค่อยๆ แผลงฤทธิ์ ทำให้เจ้าอ่อนแอลงเรื่อยๆ และตายไปในเวลาอันสั้น” “ถ้าหากไม่มีทางถอนพิษได้ แล้วท่านจะถอนพิษให้ข้าได้อย่างไร” “กว่าจะถึงวันที่เจ้าอายุสิบห้าปี ข้าจะคิดค้นวิธีรักษาให้ได้ ระหว่างนี้เจ้าภักดีกับไท่จื่อไปก่อน แต่เจ้าต้องไม่หักหลังข้า” เหยาอี้เหยาสมองตื้อไปชั่วขณะ นางเป็นสายให้ไท่จื่อก็เสี่ยงชีวิตราวกับเหยียบลงบนแผ่นน้ำแข็งที่แตกร้าว ทว่าตอนนี้นางต้องเป็นสายให้ไท่จื่อ แต่ไม่หักหลังฉู่ซีเย่ด้วย นางจะทำได้อย่างไร “ข้าจะลงใต้ ส่งร่างองค์หญิงกลับต้าหย่ง เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ดูแลคนผู้หนึ่งให้ข้า” “ไท่จื่อต้องการให้ข้าไปกับท่าน” “เรื่องนี้เจ้าต้องไปจัดการเอง ใช้สมองที่มีคิดหาวิธีที่เหมาะสม” ฉู่ซีเย่รินสุราหนึ่งจอก มือเรียวจับขอบเรียบลื่น “คุณหนูเหยาเจ้าจะหักหลังข้าแล้วนำเรื่องที่เราคุยกันไปบอกไท่จื่อก็ได้ แต่เจ้าจะได้อะไร เจ้าจะเสียอะไร ชั่งน้ำหนักให้รอบคอบเถิด” เหยาอี้เหยาเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อคิดให้รอบคอบอย่างที่ฉู่ซีเย่บอก ไท่จื่อเป็นคนอำมหิต กระทั่งน้องสาวตนก็ฆ่าได้ แล้วชีวิตของนางที่ต่ำต้อย พระองค์จะมาสนใจหรือสักวันเมื่อหมดประโยชน์นางคงถูกเก็บ แต่สิ่งที่ทำให้เหยาอี้เหยาทั้งรังเกียจและกลัวไท่จื่อ เพราะเขาใช้ชีวิตของคนทั้งสกุลเหยามาต่อรองกับนาง ในใจนางย่อมขุ่นเคือง ส่วนฉู่ซีเย่ไม่ได้ขออะไรมาก ทั้งเขายังจะแก้พิษที่ไม่มีใครแก้ได้ให้นาง ต่อให้นางโง่เขลามากเพียงใด นางก็ต้องเลือกฉู่ซีเย่แน่อยู่แล้ว แม้นางจะวางใจในตัวฉู่ซีเย่ไม่ได้เพราะเขาก็เป็นคนอำมหิตเช่นกัน แต่ฉู่ซีเย่ไม่คล้ายจะอยากฆ่านางมากขนาดนั้น นางจึงขอเดิมพันชีวิตตัวเองเพื่อเลือกข้างที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด “คนที่ท่านต้องการให้ดูแล เขาเป็นใครหรือเจ้าคะ” “คนผู้หนึ่ง เจ้าต้องดูแลเขาให้ดีจนกว่าข้าจะกลับมา” ไม่ใช่แค่เหยาอี้เหยาที่เดิมพันอยู่ ฉู่ซีเย่ก็เดิมพันอยู่เช่นกัน เหยาอี้เหยาได้เลือกข้างแล้ว นางรู้ดีว่าตนเองกำลังจะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตขนาดไหน แต่ก็รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่เลือกไม่ได้ ฟ้ายังไม่สางดี เหยาอี้เหยากลั้นใจแล้วกรอกเหล้าเข้าปาก นางต้องล้มหมอนนอนเสื่อจนร่างกายไม่ไหวเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางตามคำสั่งของไท่จื่อ ปล่อยให้ฉู่ซีเย่ได้เดินทางลงใต้เพียงลำพัง ทันทีที่สุราตกถึงท้อง เพียงอึดใจหนึ่ง นางก็รู้สึกว่าร่างกายของนางร้อนผ่าว บางสิ่งบางอย่างในตัวนางกำลังเคลื่อนไหว ราวกับกำลังฉีกกระชากร่างกายนางเป็นชิ้นๆ เหยาอี้เหยาทำสุราหลุดมือ กัดฟันข่มความเจ็บปวดที่กำลังรู้สึก นางโซซัดโซเซกลับไปจากเรือนฉู่ซีเย่จนถึงประตู แล้วล้มลงกับพื้นหิมะ เส้นเลือดสีแดงอันน่ากลัวกำลังลามขึ้นมาจนถึงลำคอ นางรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว นางคงไม่อาจจะเดินหรือคลานไปได้มากกว่านี้ นางจึงล้วงเอานกหวีดออกมาเป่า เสียงนกหวีดไม่ได้เข้าสู่โสตประสาทของนางเลย นางไม่ได้ยินอันใดแล้ว ทุกอย่างที่นางเห็นล้วนขาวโพลนและเชื่องช้า แม้กระทั่งซ่างเจวี๋ยที่พุ่งมาหานางก็ยังรางเลือน "ได้ยินจริงหรือ..." นางไม่คิดว่าซ่างเจวี๋ยจะได้ยินเสียงนกหวีด และมาทันทีอย่างรวดเร็วเช่นนี้ "อี้เหยา! เจ้าเป็นอะไรไป" เหยาอี้เหยาบอกเขา "ข้าเผลอดื่มสุรา..." "เจ้าโง่รึ เจ้ากินสุราไม่ได้" กงจิ้งที่ตามด้วยหิ้วนางเข้าไปด้านใน สั่งให้จางลี่รีบไปเรียกลู่หมิงมา "แม่ทัพกง เจ็บยิ่ง ทรมานยิ่ง..." ราวกับเข็มนับพันนับหมื่นเล่มกำลังทิ่มแทงนางซ้ำแล้วซ้ำแล้ว เหยาอี้เหยาเจ็บจนมือเท้าเกร็ง นางไม่อาจนอนเฉยๆ โดยไม่ดิ้นทุรนทุราย ต่อให้พยายามอดกลั้นเพียงไหน ซ่างเจวี๋ยจึงต้องกดนางไว้ "แม่ทัพกง ทำอะไรสักอย่างซิ!" "คุณหนูเหยา หลับไปก่อนนะ" กงจิ้งทำให้นางหลับ นางสิ้นสติไป แต่กระทั่งในห้วงที่ไร้สตินั้น นางก็ต้องพบกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนเกือบจะพรากลมหายใจนางไป หย่งสวินได้รับรายงานว่าเมื่อเช้าตรู่เหยาอี้เหยาอาการกำเริบอีกแล้ว ลู่หมิงจึงมาเบิกยากระงับพิษอีก "เหตุใดจึงกำเริบได้อีก ซ้ำยังกำเริบในวันนี้ที่ฉู่ซีเย่จำต้องเดินทาง" หย่งสวินต้องการให้นางติดตามฉู่ซีเย่ เขาจะได้รับรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่าง แต่นางก็มาป่วยเสียได้ ช่างไม่สบอารมณ์นัก "ไท่จื่อ นางคงไม่ฟื้นจากไข้ดี จึงเผลอกินสุราเข้าไปโดยบังเอิญ"เรื่องนี้โทษนางไม่ได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ไท่จื่อวางยาพิษแมลงคุณไสยกับนาง หย่งสวินสงบจิตสงบใจยอมรับว่าตอนนี้เขาไม่อาจทำอะไรได้อีก แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉู่ซีเย่ก็พ่ายแพ้แล้วที่ต้องเสียเมืองให้ฉู่กวงเยี่ยน รวมทั้งต้องจากดินแดนไปชั่วคราว เขาพึงพอใจอยู่จึงไม่คิดจะเอาเรื่องเหยาอี้เหยาในตอนนี้ "เอายาให้นาง รักษาชีวิตนางไว้ ข้ายังต้องใช้นางอีกหลายเรื่อง" ฉู่ซีเย่ขึ้นหลังม้า ขบวนในครั้งนี้มีคนเพียงน้อยนิดเพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ผู้มาส่งเขามีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นไท่จื่อหรือพ่อลูกสกุลฉู่หรือบรรดาพี่น้องสกุลหยาง แต่ไร้เงาของเหยาอี้เหยา ฉู่ซีเย่กล่าวลาหย่งสวินที่ยืนส่งด้วยสายตาที่ยิ้มเพียงปากเมื่อเขากล่าวอวยพร "ฉู่ซื่อจื่อ ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัย ถึงต้าหย่งโดยสวัสดิภาพ"หย่งสวินเก็บซ่อนสีหน้ามิดชิด เขารู้สึกว่าอากาศกำลังปลอดโปร่งโล่งสบายมากขึ้นเมื่อไร้ฉู่ซีเย่ "ขอบคุณไท่จื่อ ท่านเจ้าเมืองชง ทางนี้ขอฝากท่านดูแลชั่วคราว แล้วข้าจะกลับมา" "ไม่ต้องห่วง ทางนี้ลุงจะดูแลอย่างดี" ฉู่กวงเยี่ยนน้อมส่ง ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้ม ฉู่ซีเย่รั้งบังเหียนม้า ดึงหมวกคลุมผมขึ้น แววตาเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมุ่งหน้าสู่หนทาง ม้าพุ่งทะยานออกไปกลางหิมะที่โปรยปราย ฉู่ซีเย่จากไปโดยทิ้งไว้เพียงรอยเท้า ก่อนจะถูกลบเลือนด้วยรถม้าอีกคันฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ
เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “
“เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน
“เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา
ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู
เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”