ฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบกินยาที่นางส่งให้ในทันทีเจี่ยนอันอันเองก็กินยาหนึ่งเม็ดเช่นกันเช่นนี้แล้ว แม้สวีจงฉือจะไออีก ก็ไม่อาจแพร่เชื้อมายังพวกเขาได้สวีจงฉือมองดูการกระทำของเจี่ยนอันอันด้วยความงุนงง“แม่นางเจี่ยน ข้าป่วยเป็นโรคอะไรหรือ เหตุใดพวกเจ้าต้องกินยาด้วย?”เจี่ยนอันอันตอบตรงไปตรงมา “จากอาการที่เจ้ากล่าวมา เจ้าป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งมีการติดต่อรุนแรง”“ดังนั้นพวกเราสามคนจึงจำเป็นต้องกินยาป้องกันการติดโรค”เมื่อได้ยินว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรค สวีจงฉือก็รู้สึกหน้ามืดทันทีเหตุใดเขาจึงต้องป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดคนที่สวมหน้ากากเงินที่เคยสนทนากับเขา จึงต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกและปากขณะพูดคุยเมื่อคิดดูในตอนนี้ ชายคนนั้นคงกลัวว่าจะติดโรคจากเขาเป็นแน่เขาซึ่งเป็นถึงเถ้าแก่ร้านขายยา กลับไม่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคติดต่อเช่นนี้แล้วบรรดาลูกค้าที่มาซื้อสมุนไพรจากร้านของเขาเล่า จะถูกเขาแพร่โรคไปหรือไม่?สวีจงฉือรู้สึกผิดที่ร้ายผู้คนไปไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว หากข้ารู้แต่แรกว่าป่วยเป็นโรคนี้ ข้าคงปิดร้านขายยาไปนานแล้วแม้จะต้องตาย
เจี่ยนอันอันหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเห็นกู้มั่วหลีที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้าง ๆ นางตั้งแต่เมื่อใดใบหน้าของนางเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของกู้มั่วหลีเจี่ยนอันอันรู้สึกขนลุกวาบ นางรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที“เจ้าอีกแล้วหรือ เจ้าคนน่าชัง เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”ในขณะที่พูด มือของเจี่ยนอันอันก็ปรากฏมีดสั้นเคลือบพิษด้ามหนึ่งทันทีด้านนอกมีเจ้าหน้าที่ทางการคอยเฝ้าอยู่ แล้วกู้มั่วหลีเข้ามาโดยไร้สุ้มเสียงได้อย่างไรเมื่อกี้เขาเข้ามาใกล้นางถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว!เจี่ยนอันอันจำต้องตั้งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับกู้มั่วหลีกู้มั่วหลีหัวเราะเบา ๆ มองมีดสั้นในมือของเจี่ยนอันอันเขายิ้มออกมาอีกครั้ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับส่งไปไม่ถึงแววตา“เจี่ยนอันอัน ข้าเคยบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันอีก”กู้มั่วหลีกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว ยกมือขึ้นราวกับจะสัมผัสใบหน้าของเจี่ยนอันอัน“กู้มั่วหลี เจ้าอยากตายหรือ!”เมื่อเห็นมือของกู้มั่วหลียื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของนางเจี่ยนอันอันพลันตวาดเสียงกร้าว พลางกำมีดสั้นในมือแน่น แล้วแทงตรงไปยังข้อมื
ที่ว่าการอำเภอก็มีสถานที่กว้างใหญ่เพียงแค่นี้ ห้องครัวเองก็อยู่ไม่ไกลนักเจี่ยนอันอันไม่มีทางที่จะปรุงยานานถึงขนาดนี้ แล้วยังไม่กลับมาอีกเขารีบนำฉู่จวินสิงมุ่งหน้าไปทางด้านห้องครัวทันทีทั้งสองคนล้วนแต่กังวลอยู่ในใจ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจี่ยนอันอันในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงบริเวณใกล้ๆ ห้องครัวนั้น ก็มองเห็นเจ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งที่เฝ้าประตูอยู่ นอนอยู่บนพื้นในใจของฉู่จวินเคร่งขรึมขึ้นมา รีบวิ่งไปยังห้องครัวอย่างรวดเร็วก็เห็นว่าไฟบนเตายังคงลุกอยู่ ยาที่ปรุงอยู่ในเตายาถูกเผาจนแทบจะแห้งแล้วทว่าเจี่ยนอันอันกลับหายไปในตอนที่ฉู่จวินสิงกำลังจะออกไป เท้ากลับเตะไปโดนอะไรบางอย่างเข้าเขาย่อกายลงไปมอง เป็นกริชเล่มหนึ่งกริชเล่มนี้เขาเคยพบที่เจี่ยนอันอันมาก่อนฉู่จวินสิงหยิบกริชขึ้นมา ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายมากยิ่งขึ้นใบหน้าของเขาเคร่งขรึม รีบเดินออกไปจากห้องครัวเซิ่งฟางมาถึงด้านนอกห้องครัว แล้วตรวจดูลมหายใจจากจมูกของเจ้าหน้าที่ทางการดีที่เจ้าหน้าที่ทางการเพียงแค่ถูกตีจนสลบไป ไม่ได้เป็นอะไรมากนักเมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่ฉู่จวินสิงคนเดียวที่เดินออกมา เซิ่งฟางก็รีบถามขึ้น “เป็นอย
ส่วนด้านล่างของนางนั้น ก็มีฟูกวางอยู่เจี่ยนอันอันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา แล้วลอบคิดกับตัวเองในใจเจ้าบ้ากู้มั่วหลีนี่ คงจะกลัวว่านางจะหนาวแล้วเป็นหวัดอย่างนั้นหรือ ถึงได้ใจดีหาฟูกให้นางเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน แล้วรีบตามหาทางออกนางเคาะกำแพงหิน ก็พบว่ากำแพงหินทุกอันล้วนแต่ถูกปิดตายเอาไว้ที่นี่ไม่มีกลไกใดที่จะสามารถเปิดกำแพงหินออกได้เจี่ยนอันอันพยายามท่องจุดหมายปลายทางในใจ คิดจะใช้วิธีการเคลื่อนย้ายกายออกไปจากที่นี่ แล้วกลับไปหาฉู่จวินสิงแต่ไม่คิดเลยว่าความสามารถที่ตนเองภาคภูมิใจนี้ กลับไม่อาจใช้ที่นี่ได้นางคิดถึงในตอนต้นที่นายอำเภอคนก่อนขังเอาไว้ในที่ว่าการอำเภอนั้น ก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนเช่นกันในตอนนั้นฉู่จวินสิงตกลงไปในหลุมใต้ดิน นางก็คิดจะใช้วิธีเคลื่อนย้ายกาย เพื่อไปหาฉู่จวินสิงในตอนนั้นเป็นเหมือนกับตอนนี้ ความสามารถนี้ของนางใช้ไม่ได้เลยเจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวกายของนาง หากว่าเมื่อพบกับห้องที่เป็นหินก็จะไม่ประสบผลในตอนที่เจี่ยนอันอันกำลังค้นหากลไกอยู่นั้น กำแพงหินด้านหลังนั้นก็จู่ๆ ก็เกิดเสียง ‘ครืด’ ดังขึ้นเจี่ยนอันอันหันกลับไปอย่างรวดเ
กู้มั่วหลีวางชามและตะเกียบลง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก “เจ้าอยากออกไปมากเช่นนี้ ไม่กลัวหรือว่าคนของที่ว่าการจะมาจับเจ้าไป?”เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นมองไปที่กู้มั่วหลี คำพูดนี้ของเขาหมายความว่าอะไรกัน?เรื่องของเจ้าเมืองจงโจว จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด หากว่ามีคนของทางการมาจับตัวนาง ก็คงจะส่งคนมาจับเสียนานแล้วคงจะไม่รอจนถึงตอนนี้ถึงได้เริ่มจับเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันมองมายังตนเองโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด กู้มั่วหลีก็ลุกขึ้นยืนเขาส่งเสียงพูดออกมา “เจ้ากินต่อไปเถอะ ข้าอิ่มแล้ว”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินมายังกำแพงหินที่เพิ่งจะเปิดออกเมื่อครู่นี้และไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับกำแพงหิน ไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกกู้มั่วหลีก้าวขาออกไปได้เพียงแค่ก้าวเดียว เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไปเจี่ยนอันอันก็รีบส่งเสียงเรียกออกมา “เจ้ารอก่อน เดี๋ยวค่อยไป”กู้มั่วหลีดึงเท้ากลับมา แล้วหันไปมองเจี่ยนอันอัน “อะไรกัน ตัดใจให้ข้าจากไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เขาพูดขึ้น มุมปากก็ยกเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเจี่ยนอันอันกลอกตามองบน แล้วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ข้าเพียงแต่อยากจะถามคำถามเจ้
เรื่องที่มีระเบิดนั้น มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่รู้เกรงว่าทั้งชาตินี้กู้มั่วหลีก็ไม่มีทางที่จะคาดถึงว่านางจะใช้วิธีการนี้หลบหนีออกไปเมื่อคิดถึงตรงนี้เจี่ยนอันอันก็อารมณ์ดีขึ้นมากนางยังรู้สึกได้ว่าอาหารดูน่าอร่อยเป็นพิเศษอาศัยในตอนที่กู้มั่วหลียังไม่กลับมา เจี่ยนอันอันก็รีบกินอาหารให้เสร็จแล้ววิ่งไปยังกำแพงหินที่เพิ่งเปิดออกเมื่อครู่นี้นางคิดจะใช้ดินปืนระเบิดกำแพงหินนี้ออก แต่เมื่อคิดอีกทีหากว่ากู้มั่วหลียังไปได้ไม่ไกลนางใช้ดินปืนระเบิดจะต้องเกิดเสียงดังขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นกู้มั่วหลีจะต้องกลับมาจับนางดูเหมือนว่านางคงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน รอเมื่อกู้มั่วหลีกลับมาแล้วนางค่อยคิดหาวิธีออกไปเจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าด้านนอกตอนนี้นั้นเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนนางอยู่ในห้องลับนี้อย่างเบื่อหน่ายจึงเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำในห้วงมิติรอจนเมื่อนางออกมาแล้วกลับได้ยินเสียงของกำแพงหินดัง ‘ครืด’ ขึ้นอีกครั้งกู้มั่วหลีเดินเข้ามาเขามองไปยังเจี่ยนอันอันที่กำลังนั่งอยู่บนฟูกอย่างว่าง่ายดูไม่มีทีท่าร้อนรนจะออกไปเหมือนกับก่อนหน้านั้นกลิ่นหอมลอยอวลอยู่ในห้องลับ กู้มั่วหลีหรี่
นางพบว่ากู้มั่วหลีทำท่าทางนั้นอยู่บนกำแพงหินอยู่สามรอบ กำแพงหินถึงได้เปิดออกเจี่ยนอันอันรีบวิ่งกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมกู้มั่วหลีหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองยังเจี่ยนอันอัน“รอข้ากลับมาอย่างว่าง่าย ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขทั้งกายทั้งใจจนตลอดชีวิตนี้ไม่อาจลืมข้าได้”เมื่อกู้มั่วหลีพูดจบ ก็เดินก้าวใหญ่ออกไปเจี่ยนอันอันเหวี่ยงหมัดไปด้านหลังกายของเขา โกรธเสียจนอยากจะวิ่งไปทุบตีเขารอจนเมื่อกู้มั่วหลีเดินออกไปไกลแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบวิ่งไปยังด้านหน้าของกำแพงหิน แล้วทำท่าทางมือเช่นเดียวกับเขาบนกำแพงหินไม่นานนักกำแพงหินก็เปิดออกขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะออกไปนั้น ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาว่า นางไม่ควรจะออกไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนางซื้อหุ่นไม้และผมปลอมออกมาจากร้านค้าก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตนเอง แล้วสวมลงบนหุ่นไม้ แล้วนำหุ่นไม้ย้ายไปด้านหลังโต๊ะ ให้มันนั่งลงอยู่ตรงนั้นเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็นำอีกชุดหนึ่งออกมา แล้วรีบสวมใส่เข้าไปก่อนจะเหลือบมองไปยังหุ่นไม้อย่างพึงพอใจ นางจึงรีบพุ่งออกไปในตอนที่นางออกจากห้องลับนั้น กำแพงหินก็ปิดลงเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไ
ฉู่จวินสิงหันกลับมาทันทีก็มองเห็นคนที่กอดเขาอยู่นั้นเป็นเจี่ยนอันอันที่เขาตามหามาตลอดทั้งคืนเขากอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่นอย่างตื่นเต้นหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาในที่สุดก็วางลงได้“ทั้งคืนมานี้เจ้าถูกจับไปไว้ที่ใดกัน แล้วเจ้าหนีมาได้อย่างไร?”น้ำเสียงทุ้มลึกของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้เจี่ยนอันอันพูดออกมาสั้นๆถึงเรื่องที่นางถูกขังเอาไว้ในห้องลับ“จวินสิงพวกเราตอนนี้รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ หากกู้มั่วหลีพบว่าข้าลอบหนีออกมาแล้วจะต้องตามมาจับข้าแน่”ฉู่จวินสิงพยักหน้ากอดเจี่ยนอันอันแล้วลอยทยานลงมายังรถม้าเขาขับรถม้ารีบออกไปจากเมืองหลักทางด้านของกู้มั่วหลีหลังจากที่จัดการกับเหล่าสมาชิกในครอบครัวหญิงเหล่านั้นแล้ว ก็กลับมายังห้องลับที่ขังเจี่ยนอันอันเอาไว้เขามองเห็นเจี่ยนอันอันกำลังนั่งหันหลังให้กับเขาอยู่ด้านหลังโต๊ะ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองใดกู้มั่วหลีพูดขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะว่าง่ายเช่นนี้ นี่กำลังรอข้ากลับมากอดเจ้าอย่างนั้นหรือ”เมื่อเห็นว่า ‘เจี่ยนอันอัน’ ไม่แม้แต่จะตอบกลับ กู้มั่วหลีก็กอด ‘เจี่ยนอันอัน’ ด้วยรอยยิ้
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ