LOGINแค่ครั้งเดียว แค่ปิดปากเรื่องก็จบ มินตราท่องในใจตลอดทาง ระหว่างที่เดินไปกับนาคินเขาก็กุมมือให้กำลังใจตลอด พวกเขาขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม
เมื่อลิฟต์เปิดออกก็พบห้องส่วนตัวที่ใหญ่ขนาดเท่าตึกทั้งชั้น แยกย่อยเป็นห้องเหมือนยกบ้านมาอยู่บนนี้ มินตรามองกระจกฝั่งขวามือที่มองเห็นทะเลและวิวฮ่องกงทั้งเกาะ ส่วนทางซ้ายถูกแบ่งออกเป็นห้องครัว ห้องรับแขก ห้องฟิตเนส ฯลฯ เรียกได้ว่าอยู่ที่นี่ก็แทบไม่ต้องออกไปไหน
คนของกาสิโนพาพวกเขาไปยังห้องปีกซ้ายสุด เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเป็นห้องทำงาน มีโต๊ะวางอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนขวามือนั้นเป็นโซฟามีเฟยถังนั่งอยู่ ด้านข้างมีหยางเจินผู้ช่วยยืนอยู่
ดวงตาเธอหลุบลงต่ำ มือเริ่มเย็นเฉียบ เท้าเริ่มก้าวไม่ออก
“มานั่งนี่สิ พวกเราต้องเซ็นสัญญากันก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง”
คำว่าสัญญาทำให้นาคินรีบไปนั่งลงแล้วอ่านมัน ข้อความในสัญญาก็ไม่มีอะไร นอกจากจะยกหนี้ทั้งหมดให้เขาแล้ว ยังมีเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งล้านบาทสำหรับบินกลับเมืองไทยอีก
ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้ เขาจะไม่ยินดีได้ยังไง
จนกระทั่งมาถึงข้อความสุดท้ายที่เขียนเอาไว้
ความสัมพันธ์คืนเดียวระหว่างคุณมินตราและคุณหวังเฉินต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายออกไป หากเรื่องนี้แพร่ออกไป สัญญาฉบับนี้จะเป็นโมฆะ
เธอสำคัญขนาดนั้นเชียว แม้นาคินจะไม่สนใจไยดี แต่ก็ต้องท่องเอาไว้ เพราะกลัวว่าหนี้จะกลับมา
“ตารีบมาเซ็นชื่อเร็วเข้า” สายตาเขามองเช็คที่วางอยู่ด้วยแววตายินดี ไม่มีแววตาเสียใจที่ต้องส่งคนรักให้ไปนอนกับคนอื่นสักนิด
มินตราที่ตอนนี้เหมือนถูกปิดตาจนมองอะไรไม่เห็นก็ขยับมานั่งลง ก่อนจะหยิบสัญญามาอ่าน แต่นาคินก็รีบพูด “พี่อ่านดีแล้ว เราก็รีบเซ็นเถอะ เรื่องจะได้จบเร็วๆ”
จริงเหรอ เธอถามในใจอีกรอบ แต่ก็ถูกนาคินยัดปากกาใส่มือแล้วบังคับให้ลงชื่ออย่างรวดเร็ว เธอที่ตามไม่ทันก็ลงชื่อตามไป จนเมื่ออักษรสุดท้ายจบลง นาคินก็รีบคว้าเช็คมาถือเอาไว้
“พี่ไปรอที่ห้องนะ เชิญพวกคุณตามสะดวก”
“พี่คิน” มินตราที่หวาดกลัวตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามารีบลุกขึ้นจะเดินตามเขา แต่ชายหนุ่มกลับขมวดคิ้ว แล้วผลักเธอให้นั่งลง
“เราตกลงกันแล้ว อย่าทำให้พี่เดือดร้อนสิ” เขาดุเธอแล้วหันไปพูดเอาใจคนที่นั่งอยู่ “จะทำอะไรก็ทำเลยครับ แต่ถ้าเธอทำอะไรให้ไม่พอใจก็ไม่เกี่ยวกับผมนะ เพราะผมเต็มใจทุกอย่าง” เขาพูดเอาใจไปหลายรอบจนเฟยถังอยากเอากระสุนปิดปากมัน
“เชิญ” คำเดียวเท่านั้นนาคินก็รีบหุบปาก ก่อนจะขอตัวออกไป
จังหวะนั้นมินตราที่กลัวมานานก็รีบลุกขึ้น แต่นาคินกลับรีบปิดประตูใส่แล้วพูดกับคนด้านนอก “อย่าให้เธอออกมาเด็ดขาด” เขาไม่อยากตาย อยากมีเงินติดตัวกลับเมืองไทย
มินตราทุบประตูจนมือแดง คนที่นั่งมานานก็ลุกขึ้น เฟยถังขยับไปหาหญิงสาว มินตราก็รีบขยับหนี
“ฉันยังไม่พร้อม”
เขาก็ไม่พร้อมเหมือนกัน เพราะไม่ใช่เรื่องของเขา อันที่จริงแล้วคุณชายหวังสามารถพาสาวงามมานอนทอดกายได้ทั้งเกาะ แต่ทำไมถึงอยากได้แมวที่ตื่นกลัวตรงหน้าด้วย เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“อันที่จริงแล้วผมไม่ใช่คุณหวัง”
อะไรนะ มินตราตกใจยิ่งกว่าที่เขาบอกว่าไม่ใช่คุณหวัง เธอจึงหันมองหยางเจินที่ยืนด้านหลัง บอดีการ์ดของคุณหวังรีบยกมือขึ้นแล้วพูด
“ผมก็ไม่ใช่ครับ”
“และคุณไม่ต้องกลัว คุณหวังเป็นคนใจดีมาก” ใจดีในที่นี้คือสำหรับคนที่เขาคิดจะดีด้วย ส่วนไม่ดีคือแล้วแต่อารมณ์ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นอย่างหลัง
“และผมจะพาคุณไปที่หนึ่ง” หยางเจินพูดต่อ
“ไปที่ไหนคะ”
“ตามผมมาเดี๋ยวคุณก็รู้ครับ” หยางเจินนำทางเธอออกจากห้อง จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังบนดาดฟ้า เมื่อไปถึงเธอก็พบว่ามีเฮลิคอปเตอร์อยู่บนนั้น
“คุณหวังกำลังรออยู่บนเรือสำราญ”
บนเรือสำราญ เขาจะเอาผู้หญิงขัดดอกแบบเธอบนเรือสำราญ มินตราหวาดกลัว แต่จะกลับหลังหันก็ไม่ได้ เพราะคนของเขายืนคุมอยู่เต็มไปหมด มีเพียงทางเดียวคือเดินหน้า และพยายามให้คืนนี้ผ่านไปโดยเร็ว
เธอยอมขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อพาเธอไปส่งที่เรือสำราญขนาดใหญ่ เมื่อเธอลงเรียบร้อยแล้วเฮลิคอปเตอร์ก็บินกลับ เธอหันมองโดยรอบ ไม่มีเรืออื่นสักลำ จะหนีทางไหนก็ไม่ได้เลย ยกเว้นจะกระโดดลงทะเลเท่านั้น
“คุณมินตราใช่ไหมครับ” คนสวมชุดสูทสีดำ สวมถุงมือสีขาว ท่าทางเหมือนพนักงานบริการเอ่ยทักเธอที่ยืนอยู่กลางลานจอด
“ค่ะ”
“เชิญทางนี้ครับ” เขาผายมือให้ เธอเดินตามมาจนถึงหัวเรือด้านหน้าสุด เมื่อไปถึงเธอกลับพบโต๊ะสีขาวที่มีเชิงเทียนและดอกไม้สีขาวประดับอยู่บนนั้น
“เชิญนั่งครับ โปรดรอสักครู่ ไม่นานคุณหวังจะลงมาครับ”
ตอนแรกเธอคิดว่าจะถูกพาไปที่ห้องเพื่อทำเรื่องอย่างว่า แต่พนักงานกลับพาเธอมานั่งที่โต๊ะอาหาร
มินตรามองอาหารที่วางบนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นล็อบสเตอร์ ไข่ปลาคาเวียร์ ตลอดจนอาหารราคาแพงที่วางอยู่บนนั้น เธอมองมันไม่ได้อยากกินอาหาร แต่เธอ
จ๊อกก ท้องเธอร้องเพราะไม่ได้กินอาหารตั้งแต่เช้าจรดเย็น มีแค่ของว่างเล็กๆ ที่เธอหยิบมากินนิดหน่อยเท่านั้น แต่เธอจะเสียมารยาทไม่ได้ ยังไงก็ต้องรอเจ้าของโต๊ะก่อน
ผ่านไปห้านาทีเขาก็ยังไม่มา ผ่านไปสิบนาทีเขาก็ยังไม่มา จนกระทั่งพนักงานบริการคนเดิมเดินมาแล้วพูด
“พอดีคุณหวังมีสายด่วนครับ เลยให้กระผมมาบอกให้คุณมินตรากินก่อนได้เลย”
มินตราไม่ได้สนใจนาคินอีกแล้ว เธอติดตามหวังเฉินไปยังโรงแรมที่จองเอาไว้ โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวที่ใหญ่ที่สุดในพัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมคัดเลือกนักธุรกิจในการสร้างโรงแรมจากความร่วมมือระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย ห้องที่หวังเฉินจองเอาไว้นั้นเป็นห้องสวีตที่แพงที่สุด สามารถมองเห็นทะเลของพัทยา และแสงสีเสียงทั่วทั้งเมือง พอมาถึงเด็กน้อยก็เลือกที่จะเล่นสระน้ำ เขาชอบสระน้ำประเทศไทย เพราะว่ามีน้ำอุ่นๆ และบรรยากาศก็ไม่ได้เย็นอย่างฮ่องกง มินตราเดินไปสำรวจห้องนอน พบว่ากระจกบานใหญ่นั้นสามารถมองวิวทะเลได้ 360 องศา พอเห็นทะเลเธอก็รู้สึกมีความสุข รู้สึกถึงความอิสระเสรี แม้ว่าอิสระเสรีครั้งนี้จะเป็นการผูกมัดครั้งใหม่ แต่หวังเฉินก็ดูแลเธออย่างดี “จริงสิคะ คุณหยางไม่ได้มาด้วยเหรอคะ” เธอไม่เห็นเขาอีกเลยตั้งแต่ศึกแย่งไก่วันนั้น หวังเฉินทำสีหน้าไม่พอใจที่มินตราพูดถึงผู้ชายอีกคน แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นบอดีการ์ดคนสนิทของเขาก็ตาม เขาบอกด้วยน้ำเสียงขุ่น “ผมใช้เขาไปทำงานสำคัญ” ร่างสูงนั้นขยับเข้ามาหาเธอจากทางด้านหลังแล้วกอด สาย
ชายหนุ่มครางต่ำออกมา ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องมองหญิงสาวอย่างไม่ให้คลาดสายตา ใบหน้าขึ้นริ้วแดง ยิ่งมองก็ยิ่งน่าชม เหงื่อหยดบนใบหน้าทั้งที่แอร์กำลังเย็นฉ่ำ เข่าของเธอกำลังงอลงต่ำเรื่อยๆ เหมือนใกล้ยืนไม่ไหว “อะ อืม ซี้ด” เธอริมฝีปากจนเลือดซึมออกมา แต่ดวงตานั้นก็ยังจับจ้องมองเขาที่กำลังช่วยเหลือตัวเอง เหมือนเทพบุตรที่ลงจากสวรรค์แล้วมาโชว์ของดีให้เธอ อยากกินมันแล้ว เธอใกล้เสร็จแล้ว ร่างกายบิดเกร็งไปทั่วร่าง เธอขยับนิ้วเข้าออกเร่งเข้าเร่งอีก เสียงครางที่ร้องประสานกันสองคนยิ่งทำให้แรงปรารถนาในใจผุดขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วน จนสุดท้ายแล้วตัวเธอก็สั่นเทาทั่วร่าง หญิงสาวไม่ได้หยุดแค่นั้น เธอตรงไปหาเขา จากนั้นก็คุกเข่าจับท่อนเอ็นเข้ามา แล้วอ้าปากกลืนไปทั้งแท่ง ดูดกลืนซ้ำแล้วซ้ำอีก “ตอนนี้คุณเก่งมาก เก่งจนทำให้ผมทนไม่ไหวแล้ว” เขาจับท่อนเอ็นออกจากปากเธอ จากนั้นก็ฉีดพ่นน้ำเหนียวสีขาวใส่หน้าเธอ พอเห็นภาพเหล่านั้นแล้วเขาก็ยิ่งตื่นเต้น และไม่อยากจะจบแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เอาเถอะ พวกเขายังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองไทย น้ำขาวขุ่นที่มีกลิ่นเฉพาะคร
“ถือว่าฉันเตือนคุณแล้ว ถ้าคุณไม่ฟังก็ตามใจคุณ แต่คุณจะทนได้หรือเปล่าที่ต้องเห็นเขาแต่งงานกับคนอื่น เข้าหอกับคนอื่น นอนกับคนอื่น มีอะไรกับคนอื่นและตัวเองพร้อมๆ กัน เขาใช้ท่าไหนกับคุณ เขาก็ใช้ท่านั้นกับผู้หญิงอีกคน คุณจะมีความสุขจริงๆ เหรอ ฉันขอถามตรงๆ ที่ฉันละลาบละล้วงก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันต้องทนทุกข์ทรมานถึง 4 ปี นอนคิดถึงลูกทุกวัน แต่ไม่สามารถมาได้ เพราะเขาไล่ฉัน จับฉันทำสัญญาไม่ให้ติดต่อกับลูกอีกเลยตลอดชีวิต” จู่หลิงยังคงพูดอีกว่า “ตอนนี้คุณยังมีทางเลือก คุณยังสามารถหนีออกมาได้ ภาระที่คุณแบกเอาไว้คุณไม่จำเป็นต้องรับเพียงคนเดียว ปล่อยให้พวกเขารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำบ้าง” หญิงสาวหยิบทิชชูขึ้นมาแล้วเขียนเบอร์โทรด้านใน “ถ้าคุณต้องการหนีก็โทรหาฉัน มีคนที่จะสามารถพาคุณหนีได้” หญิงสาวพูดจบก็รีบจากไปทันที ในจังหวะนั้นก็เดินสวนกันกับเด็กน้อย แต่หญิงสาวไม่แม้แต่ชายตามองสักนิด หวังซื่อเดินมาที่โต๊ะแล้วถาม “ไอติมมาหรือยังครับ” ทันทีที่พูดจบพนักงานก็มาเสิร์ฟไอศกรีมที่โต๊ะพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หวังเฉิน ไ
ทั้งชีวิตเธอถูกกระทำ ถูกเอาเปรียบ มีแต่คนหาผลประโยชน์จากเธอมากกว่าจะใส่ใจและรักเธอจริง อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เธอควรรับรู้ตั้งแต่แรกว่า เขาคือเจ้าหนี้ ไม่ใช่คนที่เธอควรรัก ดังนั้นความรู้สึกที่เธอมีให้เขาควรถอยห่างให้มากที่สุด และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ให้เขามีความสุขในสิ่งที่เขาต้องการ “ทำไมถึงเงียบไป” หวังเฉินหันมองคนข้างๆ ที่เงียบตั้งแต่เขาออกจากห้องประชุมแล้ว ส่วนเหมยลี่กลับไปนานแล้ว เพราะคิดว่าเธอได้บรรลุจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องคุยกับหวังเฉินอีก มินตราหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เก็บความรู้สึกตัวเองไว้“รู้สึกเหนื่อย เหมือนจะปวดหัวค่ะ อาจจะเพราะเมื่อคืนนอนดึก” อย่าเรียกว่านอนดึกเลย เรียกว่าไม่ได้นอนมากกว่า แถมตอนเช้ายังต้องรีบตื่นขึ้นมาจัดการให้เด็กน้อยไปโรงเรียน และตามเขามาที่กาสิโน ใช้ข้ออ้างเรื่องนี้เขาคงไม่สงสัย ว่าเธอรู้ว่าแม่ของอาซื่อกำลังจะกลับมา จังหวะรถติดไฟแดงพอดี ชายหนุ่มหันมายกมือแตะหน้าผากเพื่อดูว่าหญิงสาวตัวร้อนหรือเปล่า เพราะถ้าหากป่วย เขาจะแวะโรงพยาบาลก่อน แต่แทนท
เธอหันมองนาฬิกาข้างฝาก็เห็นว่าใกล้เวลาโรงเรียนเข้าแล้ว ตอนนี้ไม่ทันแล้ว เธอจึงตัดสินใจแทน “ถ้าเช่นนั้นเราไปส่งอาซื่อก่อนแล้วค่อยไปที่ทำงานของคุณนะคะ พวกเราไม่ต้องเถียงกันแล้ว” เธอรีบจูงมือสองพ่อลูกขึ้นรถก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนใจหรือทะเลาะกันอีก โรงเรียนของอาซื่อเป็นโรงเรียนขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่มากอย่างที่เธอคิด เมื่อสำรวจตึกข้างในก็พบว่ามีเพียงไม่มีกี่หลัง แต่จำนวนครูกลับมีมากกว่าหรือพอๆ กับนักเรียน แสดงว่าหวังเฉินใส่ใจในการเลือกโรงเรียนให้เด็กน้อย ไม่ได้ปล่อยปละละเลยอย่างที่ทุกคนเห็น ครูที่หน้าโรงเรียนรีบโค้งให้เมื่อเห็นคุณหวังเฉินลงจากรถ แล้วรีบทักทาย “วันนี้คุณพ่อมาส่งที่โรงเรียนเลยเหรอครับ” หวังซื่อยิ้มหน้าบาน และพูดต่อ “หม่าม้าก็มาส่งครับ” จากนั้นก็จูงมือเธอไปแนะนำให้คุณครูรู้จัก คุณครูหน้าเจื่อนเล็กน้อย เพราะเข้าใจว่าพ่อของเด็กเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาตลอด เด็กน้อยแนะนำคุณครูแล้ว ก็จูงมือเธอไปแนะนำให้เพื่อนๆ ในห้องได้รู้จักอีก มินตรายิ้มและทักทายทุกคน ก่อนจะฝากว่าฝากดูแลอาซื่อ และเอ็นดูด้วย เด็กก็คือเด็
“เขาบอกว่าคนที่พูดเสียงดังคือคนนิสัยไม่ดี แสดงว่าคุณอาก็เป็นคนนิสัยไม่ดี ถ้าอย่างงั้นผมก็ไม่ควรช่วย” “อ้าว แล้วก็ทิ้งหน้าตาเฉย กลับมาช่วยฉันก่อน” เด็กคนนี้ใจดำเหมือนใครนะ คนที่สร้างเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนใจจับจูงมือมินตราเข้าไปในห้องนอน เมื่อประตูปิดลงเขาก็จู่โจมจูบอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นก้มลงสูดดมกลิ่นตรงผมก็ได้กลิ่นน้ำมันทอดไก่ “เหม็นน้ำมันค่ะ ฉันขออาบน้ำก่อน” ไม่รู้ว่ารอบนี้จะขอสำเร็จหรือเปล่า “ที่จริงแล้วไก่วันนี้ผมยังกินไม่อิ่ม ถ้าได้กินต่ออีกหน่อยก็คงดี”ก็กำลังหมายถึงฉันที่กำลังจะเป็นไก่หรือเปล่า ว่าแต่เธอเป็นไก่ที่มีชีวิตหรือไก่ที่ตายแล้วที่พร้อมทอดกันนะ พร้อมทอดหรือเปล่า

![สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



![เจ้าเวหา [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

