로그인หลังพุ่มไม้ริมลำธาร ซึ่งห่างออกมาไกลพอควรจากตัวบ้านไม้ไผ่ที่มีรอยถูกไฟไหม้เสียหายไปหลายส่วน
สายน้ำเย็นใสไหลเอื่อยเฉื่อยสะท้อนแสงตะวันแผดกล้า บุรุษหนุ่มหลังค่อมสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบทั้งเก่าทั้งขาด นั่งตกปลาอย่างเงียบงัน ท่าทางเคร่งขรึมเย็นชา แผ่กลิ่นอายแห่งราชันย์ออกมา
เยื้องไปทางข้างกายด้านซ้ายของเขา คือชายชุดดำกำลังค้อมศีรษะ ประสานมือ คุกเข่าหนึ่งข้างอยู่อย่างเงียบเชียบ
ภายใต้หนวดเครารุงรังเต็มไปด้วยริ้วรอยแผลเป็นอันปิดบังรูปโฉมหล่อเหลาจนเผยเพียงความน่าเกลียดน่ากลัวออกมา กำลังมีแววตาเย็นเยียบทวีความหงุดหงิดอย่างรุนแรง สืบเนื่องจากเรื่องราวอันแสนจะอัปยศเมื่อคืนวาน
ถังจ้าวเหว่ย คือนามที่แท้จริงของเขา
น้ำเสียงแหบพร่าฟังดูแปล่งหูทว่ากลับแฝงความทรงอำนาจเอาไว้ เริ่มเอ่ยคำออกมาจากริมฝีปากได้รูปที่ถูกหนวดสากระคายปกคลุมจนมิด
“เมื่อคืนข้าถูกวางยาปลุกกำหนัด หาไม่คงมิทำเรื่องหยาบช้าเช่นนั้นกับนางเป็นแน่!”
บุรุษชุดดำสะดุ้งสุดตัว นึกตระหนกกับความผิดของตน ที่เจ้านายถูกวางยาแต่ไม่อาจช่วยเหลือ เขาเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า
“เพื่อความแนบเนียนในการซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ กระหม่อมจึงไม่อาจขัดขวางแผนการบ้านหานพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวเหว่ยปรายตามองอย่างเยือกเย็น แม้ว่ารูปร่างยามนี้จักมีกระดูกโค้งงอผิดรูปจนอัปลักษณ์ หากแต่สายตาคมกล้าภายใต้เรียวคิ้วกระบี่เข้มหนากลับแผ่บารมีกดข่มรุนแรงออกมา
ชายชุดดำข่มกลั้นอาการไหล่สั่นหนาวสะท้าน ค่อยๆ เหลือบตามองเจ้านายหนุ่ม เอ่ยอย่างระมัดระวังอีกว่า
“ยามนี้พระองค์จำต้องเป็นกงหนิว ชายอัปลักษณ์พิการหลังค่อมแสนโง่เขลาที่ผู้คนคุ้นชินไปก่อน ใช้ชีวิตสามัญมิอาจแตกต่างจากคนทั้งหมู่บ้าน ทั้งไม่อาจให้เรื่องราวไร้สาระลุกลามใหญ่โตไปถึงทางการ อันอาจจะนำพาให้คนร้ายล่วงรู้ตัวตนพระองค์ งานแต่งนี้ยังมีพยานเป็นชาวบ้านมากมาย ทั้งยังไม่แน่ว่าอาจมีสายลับแฝงตัวมาด้วย หลายคนยังยืนอยู่รอบห้องหอตามประเพณี การหยุดยั้งมิอาจกระทำ”
เขากลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก กลั้นใจเอ่ยต่อ
“อีกอย่าง...หากกล่าวกันตามจริง แค่รับสตรีอุ่นเตียงสักคนมิใช่เรื่องใหญ่ ได้แต่งงานด้วยซ้ำนับเป็นเรื่องดี สตรีนางนั้นก็เป็นคนของพระองค์แล้ว แค่หญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง ไม่นับว่าเป็นอะไร การปรนนิบัติรับใช้ยิ่งสมควร ได้ปลดปล่อยตัวตนไม่ต่างจากครั้งอยู่ในวังบูรพา พระองค์จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าหอคณิกา นางเองก็งดงามมิใช่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
จบคำก็ยกยิ้มเอาใจนายเหนือหัว คิดว่าตนเองคงได้รางวัลที่รู้ใจเป็นแน่แท้
ทว่านอกจากมิได้คำชมจากปากบุรุษตรงหน้า ยังได้เห็นเพียงสายตาเย็นชา สีหน้าเย็นเยียบ และปราณอันตรายแผ่ซ่าน องครักษ์อู๋เจี๋ยคนสนิทรีบก้มหน้าหยุดวาจาทันที
อันที่จริง ...เขาพยายามปลอบใจองค์รัชทายาทผู้สูงส่งหยิ่งทะนงอย่างสุดความสามารถ หาใช่ดูแคลนหญิงชาวบ้านไม่
เพราะสายตารังเกียจของสตรีนางนั้นต่างหากที่เป็นปัญหา มิใช่ศึกบนเตียงนอนยามเข้าหอเพราะถูกวางยา
ชายชุดดำกำลังร่ำไห้อยู่ในอก คล้ายมีนรกอยู่ในใจ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า
“แม่นางชิงหลินก็ไม่เลวนะพ่ะย่ะค่ะ ผ่านไปซักพักนางคงทำใจได้ กิริยาเยี่ยงนั้นย่อมไม่เกิดขึ้นอีก นางต้องชอบพระองค์แน่นอน” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบา หากเขาเงียบไปน่าจะดีกว่านี้
จ้าวเหว่ยเอ่ยเสียงเย็น “ข้ามิได้ชอบนาง และการที่นางรังเกียจข้าย่อมสมควรแล้ว”
ครานี้องครักษ์อู๋เจี๋ยเผยสีหน้าเจ็บปวด ดั่งถูกคมมีดกรีดเฉือนไปทั่วหัวใจ
เขาอยู่ข้างกายองค์ชายมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์รูปงามสมบูรแบบดั่งเทพสวรรค์ลงมาจุติยากหาใครเทียม รัศมีแห่งเอกบุรุษแผ่กำจายไปทั่วไม่ว่าจะเยื้องกรายไปทางใด ใบหน้ายิ่งงดงามราวเทพเซียนจำแลง ทุกสารทิศที่องค์ชายปรากฏกายล้วนเป็นที่หมายปองของอิสตรี ใครเห็นต่างชมชอบพร้อมพลีกายทั้งสิ้น หากแต่ยามนี้กลับต้องถูกสายตาดูแคลนถึงเพียงนั้น ถูกสตรีสามัญนางหนึ่งแสดงท่าทีขยะแขยงกันถึงเพียงนี้ เขาทำใจมิได้จริงๆ
อู๋เจี๋ยยิ่งคิดยิ่งรวดร้าว ใบหน้าบิดเบี้ยวจนยับย่น
ทว่าสีหน้าจ้าวเหว่ยยังคงเย็นชา เขาเอ่ยเสียงเนิบช้า
“จงไปเสีย ข้าอยากอยู่เงียบๆ”
องครักษ์ได้แต่ก้มหน้าล่าถอย พริบตาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่ออยู่คนเดียว จ้าวเหว่ยจึงค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้านึกระอาในโชคชะตาของตนไม่น้อย
ริมลำธารห่างจากบ้านไม้ไผ่ ท่ามกลางแสงแดดแผดเผา ยอดหญ้าโอนเอน มีบุรุษอัปลักษณ์นั่งตกปลาอยู่อย่างเดียวดาย
แท้จริงชายร่างใหญ่หลังค่อมผู้นี้มิได้พิการกระดูกส่วนใด ทั้งยังมิได้เป็นใบ้ และที่สำคัญยังเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าถัง ผู้เร้นกายจากศึกภายในราชวงศ์ ตามรับสั่งพระบิดา
จ้าวเหว่ยนับเป็นเอกบุรุษผู้หล่อเหลาสง่างามและสูงส่ง ยามเยื้องย่างปรากฏโฉมไปทางใด ล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้คนทั้งหลายต้องใจเต้นระส่ำ ทว่ายามนี้กลับไม่เหลือเค้าโครงของหนุ่มเจ้าเสน่ห์แม้แต่น้อย ทั้งยังถูกสายตาเหยียดหยันดูแคลนอย่างเหลือร้ายส่งให้
เดิมทีเขามีรูปร่างสูงใหญ่ตามเชื้อสายแห่งองค์ราชันย์ รูปลักษณ์สมบูรณ์พร้อมตามแบบฉบับเชื้อสายพระวงศ์ผู้เป็นว่าที่โอรสแห่งสวรรค์ ยามนี้แม้ว่าเขาอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น แต่กลับโดดเด่นสะดุดตานับเป็นยอดบุรุษแล้ว
เพียงแต่ต่อมาตัวเขากลับถูกลอบทำร้ายอย่างแสนสาหัส วรยุทธ์ถูกทำลายจนสิ้น ความทรงพลังที่มีจึงอันตรธานหายไป ความงามสง่าไม่มีเหลือ กระทั่งกระดูกโก่งโค้งงอข้อเคลื่อนเสียรูปดูไม่ได้ ยามเดินเหินจึงงุ้มไหล่งอตัวก้มหน้าด้วยท่วงท่าทึ่มทื่อไปเช่นนั้น
ส่วนเรื่องอาการเบื้อใบ้เป็นเพราะถูกยาพิษทำลายลำคอจนเสียหาย แม้ยังคงพูดได้แต่ทว่าน้ำเสียงกลับแหบพร่าน่าเกลียด เขาจึงคล้ายกับกลายเป็นคนใบ้ไป และด้วยไม่จำเป็นต้องเสวนากับใครจึงปล่อยไปเช่นนี้ ไม่คิดแก้ต่าง
ทุกสิ่งทั่วร่าง มีเพียงริ้วรอยแผลเป็นเท่านั้นที่จ้าวเหว่ยจงใจทำขึ้น เพื่ออำพรางรูปโฉมงดงาม หนวดเคราก็เช่นกันล้วนต้องการบดบังใบหน้าที่แท้จริงจนสิ้น
ส่วนนามกงหนิวก็เป็นชาวบ้านที่ตั้งชื่อให้ตามอำเภอใจ
ทั้งหมดล้วนเกิดจากการลอบสังหารครั้งล่าสุดจนต้องระหกระเหินมาเร้นกายแถบนี้ นานร่วมปีแล้ว
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น จ้าวเหว่ยจึงกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากชายพิการอย่างแท้จริง จำต้องหลบซ่อนอย่างน่าละอาย
หนึ่งปีมาแล้วที่ราชวังต้าถังตกอยู่ในภาวะเลวร้าย
หลังจากจ้าวเหว่ยได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทเพียงไม่นานก็ถูกลอบสังหารจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต้องเสียท่าอย่างไม่น่าให้อภัย
ฮ่องเต้ต้าถังผู้รับรู้เรื่องราวของโอรสเป็นอย่างดี จึงออกคำสั่งผ่านองครักษ์เงาว่าให้เขาเร้นกายรั้งอยู่ในสถานที่ปลอดภัยไปก่อน จนกว่าเรื่องวุ่นวายจะคลี่คลาย
ตำแหน่งผู้ครองตำหนักบูรพาของจ้าวเหว่ยคล้ายราบรื่น ทว่าเรื่องกลับไม่ง่ายนัก เส้นทางแห่งบัลลังก์ทองของตัวเขาที่เป็นองค์รัชทายาทโดยสมบูรณ์ในยามนี้ยิ่งไม่ง่ายดายเช่นกัน
การคงอยู่ด้วยตัวตนอันอัปลักษณ์นามว่ากงหนิวจึงจำต้องดำเนินต่อไป อย่างไร้ทางเลือก
อ๋องทมิฬผู้นี้กำลังได้ค้นพบตนเองอีกด้านอย่างคาดไม่ถึงทว่าความกลัวของถังไห่เฉิงพลันสลายหายไปจนสิ้น เพราะลี่เซียนถึงขั้นเก็บเรื่องในสวนบุปผาไปฝันร้ายนางละเมอออกมาคล้ายเด็กหญิงตัวน้อยว่าเขากลับไปหาหญิงอื่นที่เป็นคนรักเก่า ในฝันของนาง หญิงผู้นั้นเป็นหลิงเจิน นางพูดออกมายามหลับฝันว่าต่อให้หลิงเจินเป็นคนดีสักปานใด และเขากับหลิงเจินจักรักกันมากแค่ไหน นางก็ยังไม่อาจวางใจนางพร้อมจะหลีกทางให้จริงๆ เพียงแต่กลับมิอาจตัดใจจากเขาได้เลย จึงคิดเอาไว้แบบไม่บอกใครว่าจะใช้พลังเร้นกายลอบติดตามปกป้องเขาเงียบๆ ไม่ต้องเป็นพระชายาก็ได้หลิงเจินคงไม่รู้ใช่ไหม? ว่านางมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้!แม้ไม่สามารถกดกอดคลอเคลียร่วมรักกันได้เหมือนเก่า แต่นางขอตามปกป้องเงียบๆ แบบหญิงแพศยาลอบมีความรู้สึกอันดีกับเขาได้หรือไม่เขาที่กำลังกล่อมนางนอนถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดกราม ลี่เซียนมีความคิดเถรตรงเหมือนมารดาของเขามากเลยทีเดียวอ๋องหนุ่มคิดไปคิดมาก็สรุปได้ว่าสตรีที่เขารักสองคนนี้เหมือนกันจริงๆกาลก่อนเสด็จแม่ก็ลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสด็จพ่อแม้มิใช่ความคิดที่ดีเท่าใด หากแต่เสด็จแม่เป็นนางมารที่ต้องกลับใจมิให้ทำเรื่องชั
อ๋องหนุ่มเดินตรงเข้ามาทางหญิงสาวที่เก้าอี้หินอย่างเร็ว สีหน้าของเขาเย็นชา สายตายิ่งดุดัน กระนั้นเขากลับไม่พูดไม่จาต่อจากนั้น เพียงโน้มตัวลงและยื่นมือเรียวยาวให้ลี่เซียนเพราะหากชักช้า ภรรยาของเขาคงได้นอนหลับตรงนี้แน่ทุกครั้งที่นางฟังนิทาน พลังมหาศาลคล้ายถูกสูบจนสิ้น และนางย่อมต้องได้นอนกลางวันหลังกินอาหารอิ่มก่อนเท่านั้นอ๋องทมิฬผู้เคร่งขรึมเหี้ยมโหดโฉดทุกสมรภูมิผู้นี้เป็นสามีที่ดูแลเอาใจใส่และทะนุถนอมภรรยาหนึ่งเดียวของเขามากเมื่อแม่นางน้อยเหลือบตาเห็นถังไห่เฉิง สองแขนเรียวเล็กก็กางออกโดยสัญชาตญาณชายหนุ่มโอบร่างนุ่มด้วยอ้อมแขนอย่างรักใคร่หวงแหน ให้นางได้ซุกซบแผงอกอุ่นของเขา มองนางถูใบหน้านวลเนียนคลอเคลียไปมาเบาๆ เพื่อหามุมสบาย ฟังเสียงครางหวิวอย่างผ่อนคลายคล้ายลูกแมวน้อยอยู่ครู่หนึ่งจึงปรายตามองหลิงเจินอย่างอำมหิตคาดโทษ แม้อีกฝ่ายจักเป็นสหายตั้งแต่เด็ก เป็นถึงศิษย์รักของพี่หญิงใหญ่ เขาก็ไม่ละเว้นรุ่ยชินอ๋องอุ้มพระชายาเดินจากไปอย่างเป็นธรรมชาติ ปล่อยทุกสายตาโดยรอบบริเวณให้มองอย่างคาดไม่ถึงอยู่เช่นนั้น หลิงเจินถึงกับอ้าปากตาค้างนั่นใช่ถังไห่เฉิงที่นางรู้จักหรือไม่?อิงอิงยิ่งตก
ภายใต้ต้นไม้กฤษณาหอมกรุ่นร่มรื่นเย็นสบายลี่เซียนเห็นอีกฝ่ายจู่ๆ เงียบงัน ก็มิได้เอ่ยคำทำลายความเงียบนั้น เพียงพินิจอีกฝ่ายนิ่งๆ สังเกตจากรูปร่างหน้าตางดงามและผิวพรรณเนียนละเอียดขาวผ่องเปล่งประกาย ดูก็รู้ว่าเชื้อสายคงเป็นสตรีชั้นสูง นางจึงคาดเดาได้ไม่ยาก พลางถามเสียงเนือย“เจ้าเป็นลูกของภรรยาเอกผู้แทรกกลางนางนั้นหรือ?”หลิงเจินยังคงทอดมองเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า หาได้เปล่งวาจาใด แต่นั่นย่อมเพียงพอแล้วสำหรับลี่เซียนหมอหญิงแค่นยิ้มเย็นชา แต่ในใจกลับรู้สึกเป็นมิตรต่อพระชายามากยิ่งขึ้นนางจึงกล่าวต่ออย่างเถรตรงเฉกเช่นสหายที่ดีที่พึงกระทำต่อกัน ไร้ฐานันดรของอีกฝ่ายกางกั้น ปราศจากความห่างเหินแบ่งแยกชนชั้นเหมือนเช่นคราแรก สรรพนามที่เรียกขานยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย“สามีมากภรรยานับเป็นเรื่องธรรมดาของชายหญิงทั่วไป ทว่าบุตรของพวกเขามิได้คิดเช่นนั้นกันทุกคน ข้าหนีออกจากบ้านด้วยเงินทองที่แอบเก็บออมเอาไว้ รวมกับที่แอบขโมยท่านแม่มา”“...”ลี่เซียนชะงักพลางมุ่นคิ้ว ขโมย?หลิงเจินปรายตามองลี่เซียนนิ่งๆ ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาที่หรี่แคบพร้อมคำถามคาดคั้นกับคำว่า ‘ขโมย’นางเหยียดยิ้มหยันแล้วเล่าต่อ “เงิน
หลิงเจินไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่านางกำลังจะกลายเป็นสหายที่รู้ใจที่สุดผู้หนึ่งของลี่เซียนหมอหญิงจับประคองพระชายาเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้หิน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้กฤษณากลิ่นหอมกรุ่นจรรโลงจิตใจ ส่งผลให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่หนักอึ้งเมื่อครู่ได้ผ่อนคลายเมื่อนั่งเคียงกันแล้ว สองตาหลิงเจินเพียงมองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่อันไกลโพ้น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า“หมู่บ้านห่างไกลความเจริญมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเป็นเพียงหมอชาวบ้านธรรมดา ทว่ากลับมีรูปร่างหน้าตาสง่างามโดดเด่น พื้นเพของเขาเป็นเพียงสามัญชนไร้สกุลยิ่งใหญ่ บิดามารดาล้วนตายจากไป ญาติมิตรอพยพย้ายถิ่นฐานจนหมดสิ้น เนื่องจากไม่เคร่งครัดธรรมเนียมปฏิบัติจึงอยู่กินกับภรรยาตั้งแต่อายุยังน้อยโดยมิได้ผ่านการแต่งงานอันใด ยามนั้นพวกเขายังไม่มีฐานะอะไร ต่อมา...ฝ่ายชายมีโอกาสสร้างผลงานความดีความชอบเพราะสามีภรรยาเดินทางเข้าเมืองหลวงและได้รักษาอาการเจ็บป่วยปางตายให้ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งจนขุนนางผู้นั้นหายดีเป็นปลิดทิ้ง จากนั้น...หมอหนุ่มซึ่งเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาจึงเริ่มมีชื่อเสียง เงินทองไหลมาเทมา กระทั่งมีหน้ามีตาและมีฐานะที่ดี ผู้คนนับถือ มีเกียรติย
ทางฝั่งลี่เซียน…หญิงสาวยังคงมองหลิงเจินด้วยสองตากระจ่างใส นางเอ่ยต่ออย่างจริงใจว่า “ข้าเลือกถามเจ้า ทว่า...เจ้าเองก็ควรเอ่ยปากกับข้าตามตรงเช่นกัน มิใช่ลอบโพทะนากล่าวหาท่านอ๋องว่าเป็นบุรุษชั่วร้ายหลายใจ ร้างเยื่อใยจากสตรีอีกคนโดยการลอบมีสัมพันธ์กับสตรีอีกคน ถึงขั้นพาข้ามาหยามเกียรติเจ้าถึงที่นี่ เรื่องเยี่ยงนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ต่อให้ท่านอ๋องเป็นคนไม่ดีอย่างไร ทำเรื่องโหดเหี้ยมแค่ไหน เขาก็ยังเป็นผู้มีพระคุณของข้า และเจ้าไม่มีสิทธิ์คิดทำร้ายเขา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม”ลี่เซียนยังคงเป็นเหรินเซียนนางน้อยที่มีความคิดสัตย์ซื่อแต่กระจ่างแจ้งทุกเรื่องราว นางมีความคิดเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ทั้งยังแยกแยะความรักและบุญคุณความแค้นชัดเจนประโยคยาวเหยียดนั้นทำถังไห่เฉิงชะงักงันไปชั่วขณะ หัวใจในอกแกร่งวูบไหวอ่อนยวบสองตาคู่คมจ้องมองลี่เซียนอย่างลึกซึ้งสุดจะหยั่ง มีความรักใคร่ท่วมท้นอยู่ในนั้นอย่างไม่ปิดบังในขณะที่หลิงเจินถึงกับก้าวเท้าถอยหลังอย่างตระหนกนี่...นางเคยพูดอะไรไปตอนเมาเหล้าหรือไม่? แย่แล้ว...ลี่เซียนถอนหายใจอย่างคนปลงตก เอ่ยอีกครา “หากเจ้าจะต่อว่าย่อมเป็นข้าที่สมควรถูกกระทำ เพราะ
เมิ่งหรูให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก นางจึงหยิกเอวของหวังหย่งไปหนึ่งทีแบบแรงมากแม่ทัพหนุ่มสะดุ้งตัวโยน เจ็บบั้นเอวจนต้องขบกราม สูดปากร้องออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงรับรู้ได้ถึงโทสะของภรรยาหลังจากหาจังหวะเอ่ยแทรกบทสนทนาระหว่างถังไห่เฉิงกับอู๋จวินได้ หวังหย่งก็เริ่มเข้าเรื่องทันทีแบบไม่มีอ้อมค้อมว่า“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานอิงอิงเข้ามาประกาศต่อหน้าทุกคนว่าพระองค์ทรงขอหลิงเจินแต่งงาน พวกท่านทั้งสองเป็นคนรักกัน และยามนี้พระชายาคงรู้เรื่องนั้นแล้ว จึงได้พาอิงอิงกับหลิงเจินแยกตัวออกไป กระหม่อมเกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงหวังหย่ง ถ้วยชาพลันหลุดมือจากบุรุษสูงศักดิ์“อะไรกัน?" ถังไห่เฉิงขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”อู๋จวินเพียงเลิกคิ้วนิ่งฟังเงียบๆ ตามวิสัยเว่ยฉีรีบเอ่ยบ้าง “เมื่อวานกระหม่อมก็อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ รวมถึงแม่ทัพซุนและแม่ทัพกู้ ทุกคนล้วนได้ยินวาจาของอิงอิง ทว่ามิได้เชื่อถือแม้แต่น้อย เกรงก็แต่พระชายาจะไม่สบายพระทัย มิสู้พวกเราควรตามกลุ่มสตรีไปพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสายตาอำมหิตและกลิ่นอายมรณะแผ่ซ่านคาดโทษชนิดไม่เห็นหัวใครพลันปรากฏ ถังไห่เฉิงฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะไม้สลักเสียงดัง







