บัดนี้...สตรีท่าทางอ่อนแอ ใบหน้าอ่อนหวานแต่คล้ายกับอมโรคร้ายตลอดเวลาได้เปลี่ยนไป
ซานซานในร่างของชิงหลินกำลังนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาทอประกายชั่วร้าย ระลึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เจ้าของร่างจดจำได้อยู่เงียบๆ
ก่อนหน้านั้นสตรีผู้ชั่วช้าอำมหิตอย่างนาง ถูกท่านอาจารย์ผู้ชั่วร้ายโหดเหี้ยมยิ่งกว่า ลงทัณฑ์ด้วยวิชามารขั้นสูง ชดใช้ความผิดที่คิดแย่งชิงคนรักผู้อื่น
หึ! ทั้งๆ ที่ยังทำไม่สำเร็จด้วยซ้ำ วิญญาณของนางก็หลุดจากร่างเดิมแล้ว
อาจารย์นะอาจารย์ ท่านช่างเห็นแก่วิถีเซียนเหลือเกิน…
เรียวนิ้วขาวผ่องถูกยกขึ้นปาดน้ำตาที่หลงเหลืออยู่เต็มสองข้างแก้มซึ่งยังไหลอาบไม่ทันเหือดหาย
เจ้าของร่างเดิมสิ้นใจตาย แล้วนางก็เข้าร่างมา
บัดนี้ซานซานยังคงจดจำความรู้สึกทุกข์ระทมของเจ้าของร่างเดิมได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเจ็บร้าวที่ถูกหญิงแพศยาแย่งชิงชายคนรัก ความรู้สึกเศร้าหนักที่ถูกกระทำอย่างย่ำแย่
และความรู้สึกสิ้นหวังที่ถาโถม
ทรมานยิ่ง!
ซานซานได้รับรู้ความจริงถึงความรู้สึกทุกข์ระทมของการถูกแย่งชิงก็ครานี้ ในใจได้รู้ซึ้งและสำนึกผิดทันที
นางในยามนี้ได้เห็นทุกความทรงจำตั้งแต่ชิงหลินยังเป็นเด็กน้อยกระทั่งเติบโต มีคู่หมั้น พูดคุยหยอกล้อกัน แอบเห็นคู่หมั้นเดินจับมือกับน้องสาว ลอบมองพวกนั้นพลอดรักกันในเรือนบุปผาหลังหนึ่งอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ร้องไห้วิ่งหนีจนเป็นลมตกน้ำ มีชายคนหนึ่งช่วยเหลือ กลับบ้านไปเจอครอบครัวต่อว่า
ซานซานหลับตาครุ่นคิดในสิ่งที่นางรู้ดียิ่งกว่าเจ้าของร่าง
วิญญาณร้ายของนางถูกท่านอาจารย์ส่งมาก่อนหน้านั้นไม่นาน และกำลังลอยไปลอยมาเพื่อรอเข้าร่างทันทีที่ชิงหลินตาย
สาเหตุที่ต้องเป็นสตรีนางนี้ ก็เพราะจะได้รู้ซึ้งถึงการถูกแย่งชิงคนรัก รู้สึกถึงการถูกกระทำอย่างแสนสาหัส
ซานซานสบถในใจ
หึ! ท่านอาจารย์ช่างร้ายกาจนัก สอนสั่งศิษย์ได้แสบสันยิ่ง ศิษย์รับรู้ความเจ็บแปลบในหัวใจจนน้ำตาไหลไม่หยุดแล้ว
มือหนึ่งของหญิงสาวยกขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้ง ส่วนอีกมือกำขยุ้มอยู่ที่อกด้านซ้าย รับรู้ถึงหัวใจที่แหลกสลายเจียนตาย
ชิงหลินคนเก่ารู้สึกเช่นไร ชิงหลินคนใหม่เช่นซานซานก็กำลังรู้สึกเช่นกัน
ทว่าที่มียิ่งกว่าคือความเคียดแค้นชิงชัง
ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมจะเลือกหนทางตายเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดเหล่านี้อย่างโง่เง่า เลือกวิธีปลิดชีพตนเพื่อจบความรวดร้าวเยี่ยงคนขลาดเขลา หากแต่ซานซานกลับมิใช่
เพราะทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้นนับจากนี้
ซานซานกัดฟันกรอด กดเก็บความทุกข์ทนในใจลงไป ระลึกถึงเรื่องเลวร้ายในช่วงก่อนหน้าโดยละเอียด
วันนั้นที่ชิงหลินกลับเข้าบ้านด้วยสภาพบอบช้ำเพราะเพิ่งผ่านการจมน้ำมา แล้วถูกครอบครัวรุมประณาม มีพยานใส่ร้ายว่าแอบนัดพบกับชายอื่น และนำมาซึ่งการแต่งงานกับกงหนิว
เหตุการณ์ต่างๆ มีช่องโหว่มากมาย ทว่าชิงหลินผู้โง่เขลากลับไม่อาจคาดเดา หากแต่ซานซานย่อมล่วงรู้ได้ไม่ยากเย็น
จางฉวนไม่พอใจชิงหลินที่ปฏิเสธเขาจนรู้สึกเสียหน้า ส่วนชิงลี่ที่ริษยาพี่สาวเพราะแอบชอบคู่หมั้นอีกฝ่ายมาโดยตลอดจึงเสียบแทนอย่างง่ายดาย
วันนั้นชิงหลินวิ่งร้องไห้หนีไป ส่วนชิงลี่กับจางฉวนเสร็จกิจก็แยกย้าย เมื่อชิงลี่กลับบ้านมาพบว่าชิงหลินมิได้อยู่ในเรือน จนค่ำมืดก็ยังไม่กลับมา แทนที่จะออกตาหาเพื่อช่วยเหลือกลับปล่อยไปเช่นนั้น รอเวลาที่เหมาะสมก็รีบเอ่ยปากบอกบิดามารดาว่าชิงหลินน่าจะอยู่กับจางฉวน พวกเขาเป็นคู่หมั้นคู่หมายย่อมกระทำได้
ถึงแม้จะรู้ว่าผิดประเพณี ทว่าหานอี้ซวนกลับเห็นหนทางเร่งงานแต่ง ร่วมสัมพันธ์การค้าเร็วขึ้น จึงปล่อยไปเช่นนั้น
ในขณะที่เจียหรู๋เองก็ไม่กล้าขัดสามี
หลังจากจ้าวเหว่ยได้ขึ้นครองราชย์ อดีตฮ่องเต้ก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ไม่นานยังหายป่วยเป็นปลิดทิ้งนับเป็นไท่ซ่างหวงที่สมบูรณ์แข็งแรงผู้หนึ่ง จึงออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าประหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสากระนั้น ยังไม่ลืมพาจ้าวสุนกับลู่หลิ่งออกท่องเที่ยวพร้อมกัน จนหลี่กุ้ยเฟยต้องนั่งกุมขมับ พร่ำบ่นเช้าค่ำถึงความซุกซนของสามีกับหลานสาวการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจและการสละราชสมบัติ นับเป็นช่วงเวลาอันดีที่ซ้อนเร้นสิ่งเลวร้ายช่วงหนึ่งของทุกราชวงศ์ความวุ่นวายจึงก่อตัวขึ้นช่วงนี้ หรือกล่าวอีกทีก็คือกบฏทรราชฉวยโอกาสก่อเรื่องช่วงที่ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งประทับนั่งยังไม่มั่นคงคนผู้นั้นคือองค์ชายสี่ จ้าวเหวินร่วมมือกับองค์ชายรอง จ้าวหยางทั้งสองคือผู้ร้ายตัวจริงที่สวมรอยโซวอ๋องหมายจัดการจ้าวเหว่ย ด้วยพันธะสัญญาว่า หากจ้าวเหวินได้ยึดครองบัลลังก์ กลายเป็นโอรสสวรรค์ผู้มีอำนาจล้นฟ้า จ้าวหยางย่อมได้ยศคืน แล้วกลับมาสูงส่งเป็นอ๋องปกครองดินแดนบูรพาอันสมบูรณ์มั่งคั่งคลื่นใต้น้ำห่าใหญ่กำลังคืบคลานชอนไชรอซัดโหมกระหน่ำโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ตัวสักคน...ยามที่จ้าวเหว่ยกำลังประชุมท้องพระโรงหลังจากถ่ายทอดคำสั่งเพื่อให้ขุนนางด
วันเวลาคืบคลานไปช้าๆ สองสามีภรรยาต่างร่วมมือกันก้าวผ่านทุกสิ่ง ดีบ้างชั่วบ้าง แล้วแต่วาระโอกาสจ้าวเหว่ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนถังเทียนเหมินฮ่องเต้ ซานซานเป็นแม่ทัพหญิงผู้ยิ่งใหญ่ มีสหายร่วมรบมากมายส่วนฮ่องเต้ยังคงประชวรต่อไป นานนับปียังสุขภาพไม่สู้ดีหลี่กุ้ยเฟยมาคอยดูแลฮ่องเต้ถึงห้องบรรทมทุกวัน หลายครั้งยังถูกลู่หลิ่งออดอ้อนขอแสดงความจงรักภักดีโดยการติดตามมาปรนนิบัติด้วยแรกเริ่มฮ่องเต้ทรงมองเด็กหญิงด้วยสายตาหวาดระแวง แต่เพราะประชวรหนักไม่อาจขยับแม้ปลายพระกร จึงทำได้แค่นอนนิ่งๆ ให้ลู่หลิ่งปรนนิบัติรินน้ำชา เตรียมโจ๊ก เช็ดพระวรกาย นวดพระบาท เหน็บชายผ้าห่ม นั่งโบกพัด กระทั่งชวนคุยและเล่าเรื่องสนุกสนานตามจินตนาการจากสมองน้อยๆ จนเรียกเสียงหัวเราะจากคนบนเตียงได้ไม่ยากความน่ารักสดใสของเด็กหญิงเป็นอาวุธชั้นเลิศท้ายที่สุดฮ่องเต้มิอาจต่อต้านได้ จึงยอมรับหลานสาวผู้นี้อย่างจำนนหมดทั้งใจเมื่อได้อยู่เพียงลำพังกับสนมคนโปรด ฮ่องเต้จึงตัดสินพระทัยบอกความจริงทั้งหมดแก่หลี่กุ้ยเฟยด้วยสุรเสียงแหบแห้ง แววพระเนตรรู้สึกผิดเต็มส่วนครั้นหลี่กุ้ยเฟยได้ฟังยังแทบล้มทั้งยืน “ที่แท้หลิ่งเอ๋อร์กับซานซา
สามวันต่อมา...ราชโองการสมรสพระราชทานอย่างเป็นทางการก็เดินทางมาถึงจวนสกุลหลิวมหาขันทีส่วนพระองค์ยืนอยู่กลางโถง สองมือถือแผ่นผ้าสีทองกางออกเบื้องหน้า ทำท่าจะประกาศก้องอย่างเป็นทางการ กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณหนูหลิวฉานเหยาจู่ๆ ก็ล้มตึงลงบนพื้นห้อง สองตาเหลือกถลน กลีบปากอวบอิ่มที่ทาชาดสีแดงมีน้ำลายฟูมออกมา นางชักดิ้นชักงอมีท่าทางอเนจอนาถอย่างมาก ขันทีจำต้องม้วนพระราชโองการมงคลสมรสเก็บใส่กล่อง ยืนมองเหตุการณ์วุ่นวายกลางโถงเงียบๆสมรสพระราชทานยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ทั้งยังไม่มีใครรับราชโองการ ขั้นตอนยังไม่ทันสมบูรณ์กลับเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ ลางร้ายโดยแท้...หลิวฉานเหยาหมดสติหลับใหลนับแต่วันนั้น หลายวันผ่านไปยังคงไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา หมอแต่ละคนตรวจอาการเสร็จก็ทำได้แค่ส่ายหน้า จนปัญญาหาสาเหตุ ทำได้แค่รักษาตามอาการประคองลมหายใจหนึ่งเดือนต่อมาในค่ำคืนหนึ่ง หลิวฉานเหยาพลันฟื้นคืนสติขึ้นมา ทว่ากลับกลายเป็นสตรีไม่สมบูรณ์เหมือนเก่า นางนั่งเหม่อลอยคล้ายเด็กน้อย พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง บางครั้งยังซึมเซา บางคราวยังนั่งกล่าวคำเรื่อยเปื่อยแล้วหัวเราะคนเดียวถึงแม้ว่าราชโองการยังไม่ถู
หญิงสาวหมุนตัวอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง ซบหน้าลงตรงแผงอกหนา แนบพวงแก้มกับกล้ามเนื้อตึงแน่น ใช้มือลูบไล้เบาๆ ส่งผ่านความรู้สึกวาบหวามผ่านปลายนิ้วทะลุเนื้อผ้า“ท่านอยากแต่งกับนางหรือไม่เล่า?”ชายหนุ่มเชยคางมน ก้มหน้าสบตาภรรยาที่ได้กราบไหว้ฟ้าดินแล้วตั้งแต่บ้านไผ่ริมธาร“ใจข้ามีเพียงเจ้า”รอยยิ้มหวานพลันปรากฏบนใบหน้างาม ซานซานรับรู้ถึงความจริงใจจากแววตามั่นคงและวาจาหนักแน่นนั้นจ้าวเหว่ยก้มหน้าลงจุมพิตกลีบปากอิ่ม ส่งผ่านความร้อนจากปลายลิ้นให้ซึมลึกถึงความรู้สึกแห่งก้นบึ้งของหัวใจเนิ่นนานผ่านไปจึงถอนริมฝีปากตนออกอย่างเอื่อยเฉื่อย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าคุ้นชิน จับร่างเล็กนุ่มนิ่มให้หมุนเข้าหา จับสองขาเรียวเสลาแยกออกแล้วตวัดรอบเอวเขาสองเรือนกายเริ่มบดเบียดเนิบนาบ เสียงเสียดสีของเสื้อผ้าเกิดขึ้นครู่ใหญ่ ก่อนที่ทุกชิ้นที่ห่อหุ้มทั้งสองค่อยๆ คลายตัวเลื่อนออกจากช่วงไหล่ เผยผิวกายขาวเนียนใต้แสงเทียนรำไรทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กัน ซานซานรู้สึกได้ถึงความคะนึงหา รับรู้ความรักของเขาได้จากอ้อมอกอบอุ่นกว้างหนา วงแขนแข็งแกร่งทรงพลัง ฝ่ามือหยาบกระด้าง ทุกสัมผัสที่เขามอบให้นัยน์ตาลึกล้ำของจ้าวเหว่
หลังงานเลี้ยงเลิกรา ซานซานยังไม่ลืมลอบไปหาบุตรสาวที่ตำหนักฮุ่ยเยี่ยนเนื่องจากดึกมากแล้ว เด็กหญิงลู่หลิ่งจึงนอนตัวกลมอยู่บนเตียงอุ่น ซานซานเข้ามาหอมแก้มลูกน้อยหลายที จนลู่หลิ่งปรือตาสะลึมสะลือ“ท่านแม่”เห็นลูกงัวเงียยกมือขยี้ตาทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ซานซานจึงตบก้นกล่อมแม่นางน้อยให้นอนหลับต่อ“ไม่ต้องลุก แม่มิได้จะรบกวนเจ้า แค่อยากมาหอมแก้มให้หายคิดถึง”เด็กหญิงนอนลง กลิ้งใบหน้าซุกหมอนหนุน ม้วนตัวกับผ้าห่มอุ่น บ่นอู้อี้ “ท่านพ่อรอนานแล้วกระมัง ท่านแม่รีบไป”คนถูกไล่พลันหรี่ตา “เจ้าลูกคนนี้ เห็นพ่อดีกว่าแม่”เด็กหญิงหัวเราะคิก หันหลังหลับต่อเนื่องจากซานซานย้ายออกจากตำหนักฮุ่ยเยี่ยนแล้ว เรือนพักเดิมจึงไม่มีสิทธิ์เข้านอนตามอำเภอใจ นางจึงลอบไปตำหนักบูรพา ทำตัวเป็นจอมโจรเด็ดบุปผาแน่นอนว่าโจรคือนาง บุปผาคือสามีเมื่อเข้ามายังด้านในอันเป็นห้องส่วนตัวอยู่ชั้นสองของเรือนหลัก ปลายเท้าเล็กแตะพื้นแผ่วเบา ดวงตางามกวาดมอง แสงเทียนในห้องมีเพียงริบหรี่ สาดส่องรำไร เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนเอามือไพล่หลังอยู่ริมหน้าต่าง คล้ายรอคอยอยู่แล้วเป็นนาน ซานซานเดินเงียบเชียบ มองสามีผู้สูงศักดิ์ของตนนิ่งๆ เนิ่
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เบาๆ “ดี...เช่นนั้นเราประสงค์มอบสมรสพระราชทานให้เจ้ากับรัชทายาทเป็นไร?”โดยไม่ต้องคิด หลิวฉานเหยารีบคุกเข่าตอบรับอย่างเร็ว ด้วยเกรงว่าฮ่องเต้จะเปลี่ยนพระทัยและกลัวรัชทายาทจะปฏิเสธทั้งรวดเร็วและรวบรัด ทั่วทั้งงานพลันเงียบสงัดในบัดดลจ้าวเหว่ยพลันเบิกตา เรียวนิ้วที่คลึงจอกเหล้าชะงักค้าง สายตาคมมองพระบิดาอย่างไม่อาจเชื่อแต่ไหนแต่ไรมา เสด็จพ่อมักจะถามความเห็นชอบจากเขาก่อนเสมอ ไม่เคยกระทำการอุกอาจเช่นนี้ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้ง ไม่ทันได้ยับยั้ง ยิ่งไม่ถามความคิดเห็นใดๆ ก่อนใคร หมายความว่าอย่างไร?มีความจริงอีกหนึ่งประการ ตระกูลหลิวเป็นตระกูลใหญ่ ค้ำชูราชวงศ์ต้าถังมาช้านาน ฮองเฮายังประทับนั่งอยู่เคียงข้างโอรสสวรรค์ จ้าวเหว่ยไหนเลยจักปฏิเสธได้ยิ่งไม่อาจหักหาญน้ำใจขุนนางที่จงรักภักดีจากรุ่นสู่รุ่นต่อพระพักตร์ฮ่องเต้และธารกำนัลในยามนี้ จ้าวเหว่ยจึงทำได้แค่ลุกขึ้นแล้วเดินมายืนเบื้องหน้าแท่นประทับ ประสานมือโค้งคำนับอย่างเงียบงัน ปรายสายตามองพระบิดาอย่างเย็นชาลมราตรีเย็นฉ่ำ ชายผ้าบุรุษพลิ้วไหว แผ่ซ่านกลิ่นอายอันน่าหลงใหลเฉพาะตัวออกมารัชทายาทหนุ่มรูปงามในอาภรณ์ม่วงอมทอง ก