หลังจากตกอยู่ในภาวะตะลึงเนิ่นนาน จ้าวเหว่ยจึงเอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่าแหบต่ำว่า
“ข้าอาจจะเป็นแค่ตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยาะ แต่ในเมื่อแต่งเจ้าเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้แล้ว ย่อมต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม จะอย่างไรข้ายังเป็นบุรุษ เมื่อมีเนื้อเข้าปากย่อมต้องเคี้ยวแล้วกลืนให้อิ่มหนำ”
ถึงแม้จะอยู่ในสภาพย่ำแย่ทว่าความหยิ่งยโสทะนงตนยังคงมีตามวิสัย ชายหนุ่มจึงเอ่ยเช่นนี้ เพราะชั่วชีวิตของเขาที่ผ่านมา มีสตรีนับร้อยที่อยากให้เขาครอบครอง
อีกอย่าง...ยามนี้พวกเขาทั้งสองคือสามีภรรยากันแล้ว การพูดจาเยี่ยงนี้ไม่นับเป็นอะไร
ซานซานได้ยินประโยคยาวเหยียดจากสามีถึงกับตกใจ
“หา! ท่านพูดได้หรือ?”
หากจำไม่ผิด ชาวบ้านต่างบอกว่าเขาเป็นใบ้นี่นา อืม...
อีกคราที่ซานซานจ้องมองสามีอย่างพิจารณา
จ้าวเหว่ยหรี่ตามองสตรีตรงหน้าอย่างตำหนิที่นางบังอาจจ้องเขาอย่างถือวิสาสะเช่นนั้น ทว่าอึดใจพลันตระหนักว่าสถานะของตนยามนี้มิใช่องค์รัชทายาทผู้สูงส่ง จึงเอ่ยปากตามตรง
“อันที่จริง ข้าต้องขอโทษเจ้า เมื่อคืนข้าถูกยามอมเมากระตุ้นเร้า จึงไม่อาจยั้งกาย...”
เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแหบแห้งสั่นพร่าหากแต่แววตากลับสงบนิ่งเผยความสุขุมออกมา
“ถึงแม้จะฟังดูเป็นคำแก้ตัวที่ใช้ไม่ได้ แต่ตัวข้าจักรับผิดชอบเจ้าตลอดไป”
ครานี้เป็นซานซานบ้างที่กะพริบตาปริบๆ พลางพึมพำ
“ควรเป็นข้า ที่ต้องรับผิดชอบท่านถึงจะถูก”
จ้าวเหว่ยได้ฟังยิ่งมองนางตรงหน้าฉงน โทสะสายหนึ่งที่มีก่อนหน้าค่อยๆ ผ่อนคลายลง พลางเอ่ยเสียงเบา
“ย่อมเป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ ข้าเป็นบุรุษ เจ้าเป็นสตรี”
ซานซานส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่! ย่อมเป็นข้า”
เรียวคิ้วคมขมวดวูบ ถามเสียงเครียด “อะไรของเจ้า?”
หญิงสาวเลิกคิ้วสูง เอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “ท่านฟังข้านะ ท่านคือผู้มีพระคุณแต่กลับถูกครอบครัวของข้าใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดข้า และตอนนี้ก็เป็นสามีของข้าอย่างไม่อาจปฏิเสธ สองสิ่งนี้ก็มากพอแล้วที่ท่านต้องยินยอมให้ข้าได้ดูแลท่าน”
ถึงแม้จะแปลกใจที่สตรีตรงหน้ากล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ หากแต่จ้าวเหว่ยก็ทำเพียงมองอย่างเย็นชา ส่ายหน้าเอือมระอา ไม่ปรารถนาต่อคำใดอีก จึงปฏิเสธด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ใช้ความเงียบสยบนางแทน
ซานซานเห็นเขาเงียบไป จึงคิดว่าสามีเต็มใจยินยอมเป็นคนของนางแล้ว จึงกระหยิ่มยิ้มย่อง ลำพองใจยิ่ง นางกล่าวอีกว่า
“ชาวบ้านเรียกท่านว่ากงหนิว เพราะเห็นว่าท่านทึ่มทื่อไม่ต่างจากวัวตัวผู้ หากแต่ข้ากลับเห็นต่าง”
จ้าวเหว่ยเพียงตกปลาในลำธารอย่างเฉยชา แท้จริงกลับนิ่งฟังฝีปากอันจัดจ้านของใครบางคน
ใครคนนั้นทำท่าขบคิดอย่างลึกซึ้งแล้วเอ่ยอีกว่า “แต่ว่าเมื่อคืนท่านร้อนแรงนัก ข้าว่านามกงหนิวไม่เหมาะกับท่านหรอก”
ผู้ถูกวิจารณ์ว่าร้อนแรงถึงกับสำลักลมหายใจอีกครั้ง ปรายตามองอย่างตำหนิ
นางช่างกล้า!
ซานซานหาได้นำพาสายตาตำหนิจากสามีไม่ แต่กลับตบมือเสียงดังหนึ่งครั้งคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้
“เอาอย่างนี้ ต่อไปข้าเรียกท่านว่า เหย่หนิว[1] ดีหรือไม่?”
จ้าวเหว่ยได้ฟังหางตาพลันกระตุก
ซานซานหัวเราะเสียงกังวานแล้วกล่าวอีกครั้ง “ส่วนท่านก็เรียกข้าว่าซานซานนะ เรียกกันแค่สองเรา ตกลงไหม?”
ชายหนุ่มหรี่ตามองไม่ตอบรับใดๆ
หญิงสาวลุกขึ้นยืนกอดอก ทำท่าใหญ่โตโอ้อวดพร้อมแนะนำตัวว่า “ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ปานภูเขา สูงส่งเฉียดน่านฟ้า”
“...”
จ้าวเหว่ยเลิกคิ้ววูบ
นี่เขาแต่งงานกับสตรีแบบใด?
ท่ามกลางแสงแดดยามสาย สตรีชุดครามยืนตระหง่านแผ่นหลังตั้งตรงสะท้อนเงาทอดยาวไปตามยอดหญ้าแลดูงามตาจนน่าแปลกใจ
จ้าวเหว่ยจำได้ ครั้งแรกที่เจอสตรีนางนี้แล้วได้ช่วยเหลือที่ริมน้ำ นางฟื้นขึ้นมาก็ทำได้แค่นอนกะพริบตาเนื้อตัวสั่นเทา ท่าทางตื่นกลัวจนน่าสมเพชตลอดเวลา ไม่พูดไม่จาไม่ขอบคุณแม้ครึ่งคำ
กระทั่งเขาตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินจากมา นางยังตระหนกลนลานรีบร้อนจากไปประหนึ่งเสียขวัญ ราวกับเห็นเขาเป็นภูตผี นางในยามนั้นช่างไร้เสน่ห์ เป็นสตรีที่ไม่น่าเสวนา
แล้วเหตุใดยามนี้...
บุรุษหนุ่มต้องหรี่ตามองพินิจสตรีชุดครามเงียบงัน
เนื่องจากได้รับความชุ่มชื่นจากสามีเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา สตรีนางน้อยจึงมีน้ำมีนวลขึ้นมาก ความเอิบอิ่มที่เพิ่มขึ้นมานี้ ฝ่ายสตรีมิได้รู้สึกตัวสักเท่าใด มีเพียงฝ่ายบุรุษที่สังเกตเห็นได้ กอปรกับท่าทางองอาจผึ่งผายเกินสตรีชาวบ้านธรรมดาและกิริยาเปิดเผยจริงใจ ผิดจากครั้งแรกที่ได้เจอกัน
ยิ่งผิดแผกแปลกตายิ่งเสริมความงดงามแต่เดิมให้เพิ่มเสน่ห์ลึกล้ำอีกมากโข ดวงหน้าอ่อนหวาน แววตากระจ่างใส รอยยิ้มจริงใจ ตรงไปตรงมา สง่าผ่าเผย
จ้าวเหว่ยถึงกับพลั้งเผลอพิศมองซานซานนิ่งนาน ในใจบังเกิดคำถามมากมาย หนึ่งในนั้นคือ
เขาแต่งงานกับสตรีแบบใด?
ส่วนซานซานยังคงยืนนิ่งยกยิ้มมุมปากอย่างสาสมใจ
ในที่สุดข้าก็มีสามีเป็นของตัวเอง ไม่ต้องแย่งใคร หึหึ!
**********[1] 野牛 เหย่หนิว หมายถึง วัวกระทิง
ดินแดนใต้หล้าแบ่งแยกหลากแคว้นหลายชนเผ่า ปกครองด้วยผู้นำของแต่ละพื้นที่ตามแบบวิถีของตนเองแผ่นดินใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่ามักปกครองโดยบุคคลอันถูกเรียกขานว่าฮ่องเต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นโอรสสวรรค์ ส่วนแผ่นดินผืนเล็กผืนน้อยมักจะปกครองกันเองด้วยหัวหน้าเผ่าหรืออ๋องศักดินา แต่ยังคงขึ้นตรงกับฮ่องเต้ของแผ่นดินใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่าทว่านอกเหนือจากดินแดนเหล่านั้นแล้ว ยังมีดินแดนหนึ่งซึ่งอยู่เหนือกว่าอีกขั้น นั่นก็คือดินแดนแห่งการบำเพ็ญเพียรปรมาจารย์เซียนหย่งสือ คือผู้ละแล้วซึ่งเส้นทางนองเลือดทางโลก หลุดพ้นจากเส้นทางสายมาร หันเหไปเลือกหนทางแห่งเซียน บำเพ็ญเพียรตบะสูงส่งจนบรรลุแจ้งเห็นจริงทุกสรรพสิ่งท่านผู้นี้คือภูผาที่แข็งแกร่งผงาดกล้าในใต้หล้า มั่นคงยิ่งกว่าภูเขาไท่ซานและยิ่งโหดร้ายกว่าผู้ใดทั้งหมดเมื่อครั้งที่เซียนหย่งสือลงทัณฑ์สั่งสอนศิษย์เอกนามว่า ซานซาน ยามนั้นเขามิอาจล่วงรู้ว่าพลังทำลายล้างมหาศาลในวิชาดูดวิญญาณได้บังเอิญกระชากดวงจิตของเซียนน้อยตนหนึ่งติดร่างแหไปด้วยเพราะวิชาดูดวิญญาณของเซียนหย่งสือ ดวงจิตอันเปราะบางของเซียนน้อยจึงถูกกระชากออกจากกายที่ปล่อยวาง ได้ยินเพียงประโยคยามปลิดปลิ
โปรดติดตามเซตรักไร้วาจาภาคต่อจากเรื่อง พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจบอกเลยว่า ลูกๆ ของซานซาน แซ่บทุกคน...เหย่หนิวร้อนแรงจริงๆ ลูกดกเหลือเกิน********ภาครุ่นลูกของ ‘พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ’ อันประกอบไปด้วยเรื่องราววุ่นวายสายยุทธภพของพี่หญิงใหญ่อย่างถังลู่หลิ่ง เรื่องราวความรักใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสาผสมผสานความดิบเถื่อนเย็นชาของจอมทัพอย่างองค์ชายรองถังไห่เฉิง และเรื่องราวความรักฉ่ำหวานที่น่าค้นหาและจับตาเฝ้ามองฉบับวังหลวงขององค์ชายใหญ่ผู้เป็นถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบันถังไท่หลินบุตรธิดาทั้งสามคนของซานซานและถังจ้าวเหว่ยจากพยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจสู่รักไร้วาจานี้จะน่ารักกลมกล่อมและลึกซึ้งตรึงใจเพียงใด รอให้ทุกท่านได้พิสูจน์อย่างมีความสุขค่ะด้วยรักและหวังดี**********รุ่นลูกของซานซาน คลิก>>อ๋องทมิฬคำเตือนนิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงทุกตัวอักษรเกิดจากจินตนาการทั้งหมดสื่อถึงความรักของคนในครอบครัวไม่มีการช่วงชิงบัลลังก์ ไม่มีพี่น้องเข่นฆ่ากันเองไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับตำนานที่มีอยู่จริงและไม่อ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านขอให้ทุกท่านมีความสุข********คำโปรย อ๋องทมิฬ“ไม่สำคัญว
กระทั่งเข้าปีที่สิบหกแห่งการครองราชย์ของจ้าวเหว่ย ยามที่องค์ชายใหญ่ถังไท่หลินมีอายุสิบห้าปี ถูกเลือกให้เป็น องค์รัชทายาท ตามความเห็นเป็นเอกฉันท์จากพี่น้องชายหญิง โดยมีบิดามารดานั่งฟังตาปริบๆ มิอาจทัดทานหรือออกความเห็นยังมีขุนนางทั้งหลายที่สนับสนุนเต็มที่ ด้วยไม่อาจส่งบุตรีของตนเข้าเป็นสนมของฮ่องเต้ได้ จึงเลือกส่งเข้าวังบูรพาแทนถังไท่หลินไม่เคยปฏิเสธสตรีนางใดเลยสักคน เขารับเอาไว้ทั้งหมดอีกครั้งที่จ้าวเหว่ยกับซานซานต้องมองตาปริบๆกาลเวลาเหมือนน้ำใสไหลริน สามปีต่อมา ...ฮ่องเต้ต้าถังประกาศราชโองการสละราชสมบัติให้รัชทายาท ถังไท่หลินระบบการปกครองรูปแบบดั้งเดิมกลับมาอีกครั้ง วังหลังของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เต็มไปด้วยบุปผางดงามตระการตา ทว่าทุกนางกลับอยู่ในโอวาทของจักรพรรดิเป็นอย่างดี ถังไท่หลินเป็นฮ่องเต้ที่มีท่าทางสงบเยือกเย็น แววตาสุขุมนุ่มลึก แต่กลับเด็ดขาดเฉียบคม กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งยังไร้หัวใจที่สุดในใต้หล้า...หมู่บ้านผิงเหยียนริมธารแห่งเดิม บัดนี้มีเรือนไม้หลังงามสีทองอร่ามตั้งตระหง่านโอ่อ่า ถูกปลูกสร้างขึ้นมาทดแทนเรือนไผ่ริมธารหลังเดิมได้อย่างหรูหราอลังการยิ่งซานซานในชุดสีขาวเร
สามคนพ่อแม่ลูกได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในพระราชวังหรูหราเป็นครอบครัวสูงศักดิ์ที่รักใคร่กลมเกลียวอย่างที่สุดทว่าไม่นาน...ลู่หลิ่งที่ฝึกวิชาจนเก่งกล้าได้ตัดสินใจออกท่องหล้า จึงเอ่ยปากขออนุญาตกับบิดามารดาด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่เปิดโอกาสให้ใครโต้แย้ง ยังไม่ลืมชักชวนจ้าวสุนไปด้วยหลังจากนั้นลู่หลิ่งกับจ้าวสุนก็พากันหายเข้ากลีบเมฆ ซานซานได้แต่มองตามตาปริบๆ โบกผ้าเช็ดหน้าเบาๆ สงสัยอยู่ในใจมิคลายว่าบุตรสาวโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดจ้าวเหว่ยโอบกอดภรรยาแนบอกปลอบประโลมพัลวันห้องบรรทมหรูหรา...เตียงกว้างส่งเสียงครืดคราด ผสานเสียงครวญครางและลมหายใจกระชั้นถี่ ม่านมุ้งมิอาจสะกั้นความร้อนเร่าร่านราคะแห่งเพลิงปรารถนา ได้ยินเสียงกระซิบแตกพร่าที่ริมหูว่า“ซานซาน...”“หืม...”“เจ้าหยุดกินยาหรือยัง”พวกแก้มของซานซานแดงปลั่ง ริมฝีปากบวมช้ำถูกฟันขบกัดเล็กน้อย ดวงตาคู่งามหยาดเยิ้มหวานล้ำ เรือนผมคลี่สยาย ลมหายใจหอบกระเส่า นางตอบเสียงเบา “อืม...”“ดีมาก...” น้ำเสียงทุ้มต่ำเปี่ยมเสน่ห์ล้นทะลักดังขึ้น มรสุมพิศวาสพลันโหมกระหน่ำรอบแล้วรอบเล่า“ดีเหลือเกิน...”หลังจากนั้นเพียงเดือนครึ่ง ข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮ
แท้จริงแล้วหญิงสาวได้ให้หยุนผิงกับจ้าวหมิงตามสืบจนล่วงรู้ตัวตนคนร้ายตัวจริงก่อนหน้านานแล้วทว่ายังไม่เปิดเผยต่อใครนางแค่รอให้พวกมันได้ใจ และก่อเหตุร้ายในที่สุดรอคอยให้บุคคลสำคัญแห่งต้าถังอ่อนแอที่สุดส่วนชาวยุทธ์เหล่านั้นที่ร่วมมือกับกบฏล้วนเป็นคนของหยุนผิง ที่แสร้งร่วมมือไปก่อนตามสถานการณ์รอตลบหลังอย่างชั่วช้า...แน่นอนว่าเรื่องนี้คนดีๆ คงไม่คิดทำ มีแต่นางมารอย่างซานซานเท่านั้นที่คิดได้เดิมทีโซวอ๋องไหนเลยจักเคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครง่ายๆ เช่นนี้ ทุกศึกที่ผ่านมาค่อนชีวิตของเขาล้วนกำชัยทว่าเพราะตัวเขาที่ไม่ว่าจักโหดเหี้ยมต่อศัตรูเพียงใดยังไม่เคยคิดร้ายถึงขั้นเอาชีวิตของหลานชายเลยสักคน จ้าวเหวินรู้ถึงข้อนี้ดี จึงทำทีเข้าหาด้วยท่าทางไร้พิษภัย เป็นหลานชายผู้นอบน้อมเหมือนเช่นเคย แสดงตัวว่าต้องการร่วมรบปราบกบฏกับเสด็จอา ซึ่งยามนั้นยังอยู่ในช่วงที่คาดการว่าทรราชเป็นใครกันแน่ เป็นแม่ทัพหรืออำมาตย์คนใดนั่นจึงทำให้ชั่วขณะมื้ออาหารระหว่างอาหลาน โซวอ๋องถูกพิษสลายวิญญาณจากการร่วมจิบชา ส่วนจ้าวเหวินหนีไปได้ทางทิศใดมิอาจทราบช่วงเวลาเจ็บสาหัสเจียนตาย ย่างเท้าใกล้ประตูผีรอมร่อ ท้ายที่สุดโซวอ๋องกลับ
หลังจากจ้าวเหว่ยได้ขึ้นครองราชย์ อดีตฮ่องเต้ก็ค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ไม่นานยังหายป่วยเป็นปลิดทิ้งนับเป็นไท่ซ่างหวงที่สมบูรณ์แข็งแรงผู้หนึ่ง จึงออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้าประหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสากระนั้น ยังไม่ลืมพาจ้าวสุนกับลู่หลิ่งออกท่องเที่ยวพร้อมกัน จนหลี่กุ้ยเฟยต้องนั่งกุมขมับ พร่ำบ่นเช้าค่ำถึงความซุกซนของสามีกับหลานสาวการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจและการสละราชสมบัติ นับเป็นช่วงเวลาอันดีที่ซ้อนเร้นสิ่งเลวร้ายช่วงหนึ่งของทุกราชวงศ์ความวุ่นวายจึงก่อตัวขึ้นช่วงนี้ หรือกล่าวอีกทีก็คือกบฏทรราชฉวยโอกาสก่อเรื่องช่วงที่ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งประทับนั่งยังไม่มั่นคงคนผู้นั้นคือองค์ชายสี่ จ้าวเหวินร่วมมือกับองค์ชายรอง จ้าวหยางทั้งสองคือผู้ร้ายตัวจริงที่สวมรอยโซวอ๋องหมายจัดการจ้าวเหว่ย ด้วยพันธะสัญญาว่า หากจ้าวเหวินได้ยึดครองบัลลังก์ กลายเป็นโอรสสวรรค์ผู้มีอำนาจล้นฟ้า จ้าวหยางย่อมได้ยศคืน แล้วกลับมาสูงส่งเป็นอ๋องปกครองดินแดนบูรพาอันสมบูรณ์มั่งคั่งคลื่นใต้น้ำห่าใหญ่กำลังคืบคลานชอนไชรอซัดโหมกระหน่ำโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ตัวสักคน...ยามที่จ้าวเหว่ยกำลังประชุมท้องพระโรงหลังจากถ่ายทอดคำสั่งเพื่อให้ขุนนางด