LOGINอาหารเช้านี้คือปลาที่สามีกำลังนั่งตกอย่างเฉยชา
ซานซานมิได้ถือสาท่าทีเย็นชานั่น มีอะไรให้กินก็กินได้ทั้งนั้น ระหว่างรออาหารนางก็เดินสำรวจรอบบ้านอย่างใจเย็น เห็นเรือนเป็นไม้ไผ่ทั้งหลังก็ชั่งใจว่าควรต่อเติมเพิ่มความเข็งแรงอย่างไรดี เผื่อว่าสามีบังเกิดความรักใคร่ภรรยาร้อนแรงยิ่งกว่านี้บ้านอาจจะพังเอาได้
ในจังหวะที่เดินวนกลับมาที่หน้าเรือนอีกครั้ง พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นทางเบื้องหลัง ซานซานหันหน้าไปมอง ก็เห็นเป็นเจียหรู๋กับอนุจูและชิงลี่ ยังมีเพื่อนบ้านที่เป็นสตรีอีกสี่คนติดตามมาด้วย พวกเขาเดินตรงเข้ามาที่ลานกว้างหน้าเรือน
ชาวบ้านผิงเหยียนปลูกเรือนตามฐานะ หากยากจนย่อมไม่มีกำแพง บางบ้านกระทั่งรั้วไม้เตี้ยๆ ก็ไม่มี
ที่นี่ก็เช่นกัน หากมีแขกมาย่อมเข้ามาหาได้โดยสะดวก ทั้งนี้เรือนไม้ไผ่อยู่ห่างไกลอย่างโดดเดี่ยวและกงหนิวก็ไม่เคยมีใครมาหามาก่อน หากนับครั้งแรกที่ผู้คนพากันมาเผาบ้าน ครั้งนี้ก็คือครั้งสองที่มีคนพากันมาเป็นกลุ่ม
จ้าวเหว่ยกำลังเดินมาทางเรือน หิ้วปลามาด้วยหลายตัวเขาเพียงยืนนิ่งหรี่ตามองอย่างเย็นชา ปกปิดกลิ่นอายสูงศักดิ์อันน่าเกรงขามและตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ด้วยใบหน้าอัปลักษณ์และเรือนร่างงุ้มค่อม ผู้มาเยือนทั้งหลายมองเขาเป็นเพียงชายพิการทึ่มทื่อเบื้อใบ้ก็เท่านั้น
ซานซานยืนมองผู้มาเยือนอย่างเย็นชาเช่นกัน เพียงครู่เท่านั้นก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ เผยเพียงความเรียบเฉยไร้พิษสง
เจียหรู๋คือมารดาของชิงหลิน ซานซานระลึกได้จึงเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านแม่”
เจียหรู๋พยักหน้าให้บุตรสาวก่อนออกคำสั่งกับอนุของสามีว่า “เจ้าพาคนรออยู่ด้านนอกสักครู่”
“เจ้าค่ะ แม่ใหญ่” เสียงนี้คือชิงลี่ ที่ตอบรับแทนมารดาตน
เมื่อได้ยินคำตอบรับ เจียหรู๋ก็เดินเข้าเรือนไม้ไผ่ไปอย่างถือวิสาสะ
ชิงลี่เดินมาทางพี่สาว มองอย่างมีเลศนัย แล้วส่งยิ้มให้
ซานซานเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ว่าอะไร
เพียงครู่เท่านั้น เจียหรู๋ก็เดินออกมาพร้อมถือผ้าปูเตียง สีขาวที่มีคราบเลือดพรหมจรรย์ติดอยู่
เสียงปลาหลุดจากมือจ้าวเหว่ยจนกระแทกพื้นดินดังตุบ ในขณะที่ซานซานเบิกตากว้าง ใบหน้าแดงก่ำ ถามอย่างอับอาย
“ท่านแม่ทำอะไร?”
ของแบบนี้เอามาเปิดเผยต่อหน้าผู้คนได้รึ? นั่นเลือดของนางผสมน้ำพิสุทธิ์ของสามีเชียวนะ นางหวงแหนมากด้วย
เจียหรู๋ไม่ตอบบุตรสาว แต่เดินไปทางอนุจูและสตรีอีกสี่คนที่ยืนจับกลุ่มกัน เอ่ยเสียงตื่นเต้นว่า
“พวกเจ้าต้องร่วมเป็นพยานให้ข้า พากันไปกระจายให้ทั่วหมู่บ้านด้วย ว่าบุตรสาวของข้ารักนวลสงวนตัวรอกระทั่งเข้าหอ พวกเขาคบหากันอย่างบริสุทธิ์ใจ มิได้ทำตัวเสื่อมเสียแม้แต่น้อย”
ซานซานพลันกะพริบตามองมารดาของชิงหลินอย่างรู้สึกดีขึ้นมาทันที อย่างน้อยสตรีนางนี้ยังคงมีใจปกป้องบุตรสาวสินะ
สิ้นประโยคยาวเหยียดนั้น ชิงลี่ที่ยืนด้านข้างพลันกระซิบเสียงเบาเล่าว่า “พี่หลินของข้าถูกชาวบ้านนินทาว่าร้ายมากมายเหลือเกิน แทนที่แต่งงานแล้วจะจบ ทว่ายังมีพวกปากมากนำเรื่องของพี่ไปนินทาไม่หยุดหย่อน พวกเขาหาว่าพี่ไม่รักศักดิ์ศรีลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกงหนิวจนต้องแต่งงานปานฟ้าฟาด ข้าจึงเสนอความคิดช่วยเหลือเช่นนี้ พี่สาวไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกนะเจ้าคะ แค่รักสามีให้มากๆ รักกันยืนยาว ไม่กลับไปหาพี่ฉวนก็พอ”
ซานซานหรี่ตามองชิงลี่ที่ยืนคลี่ยิ้มงดงามอยู่ด้านข้าง พลางทำความเข้าใจได้ไม่ยาก
นี่คือการตอกย้ำว่าชิงหลินมีสามีแล้วจริงๆ
เพื่อที่จางฉวนจะได้ไม่กลับมาหาชิงหลินอีก
เป็นการผลักไสให้ห่างไกลจากอดีตคู่หมั้นชนิดไม่เห็นฝุ่น เป็นการตอกย้ำว่านางเป็นภรรยาของชายอัปลักษณ์โดยสมบูรณ์
ซานซานขมวดคิ้ว คิดในใจ
หากชิงหลินตัวจริงยังอยู่ จักปวดใจสักปานใด
อ๋องทมิฬผู้นี้กำลังได้ค้นพบตนเองอีกด้านอย่างคาดไม่ถึงทว่าความกลัวของถังไห่เฉิงพลันสลายหายไปจนสิ้น เพราะลี่เซียนถึงขั้นเก็บเรื่องในสวนบุปผาไปฝันร้ายนางละเมอออกมาคล้ายเด็กหญิงตัวน้อยว่าเขากลับไปหาหญิงอื่นที่เป็นคนรักเก่า ในฝันของนาง หญิงผู้นั้นเป็นหลิงเจิน นางพูดออกมายามหลับฝันว่าต่อให้หลิงเจินเป็นคนดีสักปานใด และเขากับหลิงเจินจักรักกันมากแค่ไหน นางก็ยังไม่อาจวางใจนางพร้อมจะหลีกทางให้จริงๆ เพียงแต่กลับมิอาจตัดใจจากเขาได้เลย จึงคิดเอาไว้แบบไม่บอกใครว่าจะใช้พลังเร้นกายลอบติดตามปกป้องเขาเงียบๆ ไม่ต้องเป็นพระชายาก็ได้หลิงเจินคงไม่รู้ใช่ไหม? ว่านางมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้!แม้ไม่สามารถกดกอดคลอเคลียร่วมรักกันได้เหมือนเก่า แต่นางขอตามปกป้องเงียบๆ แบบหญิงแพศยาลอบมีความรู้สึกอันดีกับเขาได้หรือไม่เขาที่กำลังกล่อมนางนอนถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดกราม ลี่เซียนมีความคิดเถรตรงเหมือนมารดาของเขามากเลยทีเดียวอ๋องหนุ่มคิดไปคิดมาก็สรุปได้ว่าสตรีที่เขารักสองคนนี้เหมือนกันจริงๆกาลก่อนเสด็จแม่ก็ลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสด็จพ่อแม้มิใช่ความคิดที่ดีเท่าใด หากแต่เสด็จแม่เป็นนางมารที่ต้องกลับใจมิให้ทำเรื่องชั
อ๋องหนุ่มเดินตรงเข้ามาทางหญิงสาวที่เก้าอี้หินอย่างเร็ว สีหน้าของเขาเย็นชา สายตายิ่งดุดัน กระนั้นเขากลับไม่พูดไม่จาต่อจากนั้น เพียงโน้มตัวลงและยื่นมือเรียวยาวให้ลี่เซียนเพราะหากชักช้า ภรรยาของเขาคงได้นอนหลับตรงนี้แน่ทุกครั้งที่นางฟังนิทาน พลังมหาศาลคล้ายถูกสูบจนสิ้น และนางย่อมต้องได้นอนกลางวันหลังกินอาหารอิ่มก่อนเท่านั้นอ๋องทมิฬผู้เคร่งขรึมเหี้ยมโหดโฉดทุกสมรภูมิผู้นี้เป็นสามีที่ดูแลเอาใจใส่และทะนุถนอมภรรยาหนึ่งเดียวของเขามากเมื่อแม่นางน้อยเหลือบตาเห็นถังไห่เฉิง สองแขนเรียวเล็กก็กางออกโดยสัญชาตญาณชายหนุ่มโอบร่างนุ่มด้วยอ้อมแขนอย่างรักใคร่หวงแหน ให้นางได้ซุกซบแผงอกอุ่นของเขา มองนางถูใบหน้านวลเนียนคลอเคลียไปมาเบาๆ เพื่อหามุมสบาย ฟังเสียงครางหวิวอย่างผ่อนคลายคล้ายลูกแมวน้อยอยู่ครู่หนึ่งจึงปรายตามองหลิงเจินอย่างอำมหิตคาดโทษ แม้อีกฝ่ายจักเป็นสหายตั้งแต่เด็ก เป็นถึงศิษย์รักของพี่หญิงใหญ่ เขาก็ไม่ละเว้นรุ่ยชินอ๋องอุ้มพระชายาเดินจากไปอย่างเป็นธรรมชาติ ปล่อยทุกสายตาโดยรอบบริเวณให้มองอย่างคาดไม่ถึงอยู่เช่นนั้น หลิงเจินถึงกับอ้าปากตาค้างนั่นใช่ถังไห่เฉิงที่นางรู้จักหรือไม่?อิงอิงยิ่งตก
ภายใต้ต้นไม้กฤษณาหอมกรุ่นร่มรื่นเย็นสบายลี่เซียนเห็นอีกฝ่ายจู่ๆ เงียบงัน ก็มิได้เอ่ยคำทำลายความเงียบนั้น เพียงพินิจอีกฝ่ายนิ่งๆ สังเกตจากรูปร่างหน้าตางดงามและผิวพรรณเนียนละเอียดขาวผ่องเปล่งประกาย ดูก็รู้ว่าเชื้อสายคงเป็นสตรีชั้นสูง นางจึงคาดเดาได้ไม่ยาก พลางถามเสียงเนือย“เจ้าเป็นลูกของภรรยาเอกผู้แทรกกลางนางนั้นหรือ?”หลิงเจินยังคงทอดมองเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า หาได้เปล่งวาจาใด แต่นั่นย่อมเพียงพอแล้วสำหรับลี่เซียนหมอหญิงแค่นยิ้มเย็นชา แต่ในใจกลับรู้สึกเป็นมิตรต่อพระชายามากยิ่งขึ้นนางจึงกล่าวต่ออย่างเถรตรงเฉกเช่นสหายที่ดีที่พึงกระทำต่อกัน ไร้ฐานันดรของอีกฝ่ายกางกั้น ปราศจากความห่างเหินแบ่งแยกชนชั้นเหมือนเช่นคราแรก สรรพนามที่เรียกขานยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย“สามีมากภรรยานับเป็นเรื่องธรรมดาของชายหญิงทั่วไป ทว่าบุตรของพวกเขามิได้คิดเช่นนั้นกันทุกคน ข้าหนีออกจากบ้านด้วยเงินทองที่แอบเก็บออมเอาไว้ รวมกับที่แอบขโมยท่านแม่มา”“...”ลี่เซียนชะงักพลางมุ่นคิ้ว ขโมย?หลิงเจินปรายตามองลี่เซียนนิ่งๆ ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาที่หรี่แคบพร้อมคำถามคาดคั้นกับคำว่า ‘ขโมย’นางเหยียดยิ้มหยันแล้วเล่าต่อ “เงิน
หลิงเจินไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่านางกำลังจะกลายเป็นสหายที่รู้ใจที่สุดผู้หนึ่งของลี่เซียนหมอหญิงจับประคองพระชายาเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้หิน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้กฤษณากลิ่นหอมกรุ่นจรรโลงจิตใจ ส่งผลให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่หนักอึ้งเมื่อครู่ได้ผ่อนคลายเมื่อนั่งเคียงกันแล้ว สองตาหลิงเจินเพียงมองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่อันไกลโพ้น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า“หมู่บ้านห่างไกลความเจริญมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเป็นเพียงหมอชาวบ้านธรรมดา ทว่ากลับมีรูปร่างหน้าตาสง่างามโดดเด่น พื้นเพของเขาเป็นเพียงสามัญชนไร้สกุลยิ่งใหญ่ บิดามารดาล้วนตายจากไป ญาติมิตรอพยพย้ายถิ่นฐานจนหมดสิ้น เนื่องจากไม่เคร่งครัดธรรมเนียมปฏิบัติจึงอยู่กินกับภรรยาตั้งแต่อายุยังน้อยโดยมิได้ผ่านการแต่งงานอันใด ยามนั้นพวกเขายังไม่มีฐานะอะไร ต่อมา...ฝ่ายชายมีโอกาสสร้างผลงานความดีความชอบเพราะสามีภรรยาเดินทางเข้าเมืองหลวงและได้รักษาอาการเจ็บป่วยปางตายให้ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งจนขุนนางผู้นั้นหายดีเป็นปลิดทิ้ง จากนั้น...หมอหนุ่มซึ่งเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาจึงเริ่มมีชื่อเสียง เงินทองไหลมาเทมา กระทั่งมีหน้ามีตาและมีฐานะที่ดี ผู้คนนับถือ มีเกียรติย
ทางฝั่งลี่เซียน…หญิงสาวยังคงมองหลิงเจินด้วยสองตากระจ่างใส นางเอ่ยต่ออย่างจริงใจว่า “ข้าเลือกถามเจ้า ทว่า...เจ้าเองก็ควรเอ่ยปากกับข้าตามตรงเช่นกัน มิใช่ลอบโพทะนากล่าวหาท่านอ๋องว่าเป็นบุรุษชั่วร้ายหลายใจ ร้างเยื่อใยจากสตรีอีกคนโดยการลอบมีสัมพันธ์กับสตรีอีกคน ถึงขั้นพาข้ามาหยามเกียรติเจ้าถึงที่นี่ เรื่องเยี่ยงนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ต่อให้ท่านอ๋องเป็นคนไม่ดีอย่างไร ทำเรื่องโหดเหี้ยมแค่ไหน เขาก็ยังเป็นผู้มีพระคุณของข้า และเจ้าไม่มีสิทธิ์คิดทำร้ายเขา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม”ลี่เซียนยังคงเป็นเหรินเซียนนางน้อยที่มีความคิดสัตย์ซื่อแต่กระจ่างแจ้งทุกเรื่องราว นางมีความคิดเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ทั้งยังแยกแยะความรักและบุญคุณความแค้นชัดเจนประโยคยาวเหยียดนั้นทำถังไห่เฉิงชะงักงันไปชั่วขณะ หัวใจในอกแกร่งวูบไหวอ่อนยวบสองตาคู่คมจ้องมองลี่เซียนอย่างลึกซึ้งสุดจะหยั่ง มีความรักใคร่ท่วมท้นอยู่ในนั้นอย่างไม่ปิดบังในขณะที่หลิงเจินถึงกับก้าวเท้าถอยหลังอย่างตระหนกนี่...นางเคยพูดอะไรไปตอนเมาเหล้าหรือไม่? แย่แล้ว...ลี่เซียนถอนหายใจอย่างคนปลงตก เอ่ยอีกครา “หากเจ้าจะต่อว่าย่อมเป็นข้าที่สมควรถูกกระทำ เพราะ
เมิ่งหรูให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก นางจึงหยิกเอวของหวังหย่งไปหนึ่งทีแบบแรงมากแม่ทัพหนุ่มสะดุ้งตัวโยน เจ็บบั้นเอวจนต้องขบกราม สูดปากร้องออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงรับรู้ได้ถึงโทสะของภรรยาหลังจากหาจังหวะเอ่ยแทรกบทสนทนาระหว่างถังไห่เฉิงกับอู๋จวินได้ หวังหย่งก็เริ่มเข้าเรื่องทันทีแบบไม่มีอ้อมค้อมว่า“ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานอิงอิงเข้ามาประกาศต่อหน้าทุกคนว่าพระองค์ทรงขอหลิงเจินแต่งงาน พวกท่านทั้งสองเป็นคนรักกัน และยามนี้พระชายาคงรู้เรื่องนั้นแล้ว จึงได้พาอิงอิงกับหลิงเจินแยกตัวออกไป กระหม่อมเกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงหวังหย่ง ถ้วยชาพลันหลุดมือจากบุรุษสูงศักดิ์“อะไรกัน?" ถังไห่เฉิงขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”อู๋จวินเพียงเลิกคิ้วนิ่งฟังเงียบๆ ตามวิสัยเว่ยฉีรีบเอ่ยบ้าง “เมื่อวานกระหม่อมก็อยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ รวมถึงแม่ทัพซุนและแม่ทัพกู้ ทุกคนล้วนได้ยินวาจาของอิงอิง ทว่ามิได้เชื่อถือแม้แต่น้อย เกรงก็แต่พระชายาจะไม่สบายพระทัย มิสู้พวกเราควรตามกลุ่มสตรีไปพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสายตาอำมหิตและกลิ่นอายมรณะแผ่ซ่านคาดโทษชนิดไม่เห็นหัวใครพลันปรากฏ ถังไห่เฉิงฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะไม้สลักเสียงดัง







