หลังบ้านครอบครัวรองเซียวนั้นมีแต่เสียงหัวเราะด้วยความสุขของชาวบ้านที่ได้รับส่วนแบ่งของเนื้อหมูป่าเท่าๆกัน รวมถึงบ้านของเย่วเย่วด้วยนางใจดีบอกวิธีผัดกระเพราะหมูป่าให้ชาวบ้านผัดเผ็ดหมูป่าที่นางเก็บสมุนไพรลงมาจนครบห่อใหญ่ แบ่งให้คนที่สนใจจะทำบอกวิธีการปรุงไปอีก เมียของหัวหน้าผู้ใหญ่บ้านรับฟังทั้งยังจดจำเอาไว้จะไปทำที่บ้านให้ลูกๆของนางได้กินในวันนี้อีกด้วย หน่อไม้สดที่นางกับพี่ชายตัดลงมาแจกจ่ายให้คนที่จะไปต้มจืดกระดูกหมูมื้อค่ำนี้ด้วย ผักในตระกร้าแจกจ่ายให้กับทุกคนบรรดาป้าๆทั้งหลายยิ้มกันแก้มปริกับของป่าที่ได้รับคนละเล็กละน้อยแต่ได้กันทุกคน
"นังหนูเย่วเย่วเอ้ยวันพรุ่งนี้เอ็งต้องตุ๋นเครื่องในหมู่ให้พวกข้าได้กินกันทุกคนนะ เพราะพวกข้าจะมาช่วยงานบ้านของเองเพาะปลูกเมล็ดผักทุกอย่างจนเสร็จโน้นแหละนะทั้งยังจะเอาแป้งมาให้เอ็งสอนทำใส้ซาลาเปาให้อีกด้วยพวกข้าจะได้ทำให้ลูกหลานได้กินกันมันอิ่มท้องและอร่อยมากๆด้วยละ" หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นมาทุกคนต่างก็พยักหน้ารับไปด้วยกันอย่างพร้อมเพียง เย่วเย่วจึงยิ้มจนตาหยี่ให้กับบรรดาป้าๆทั้งหลายที่นั่งรอเนื้อหมู่ป่ากลับบ้านไปทำมื้อค่ำกินกันในแต่ละครอบครัว บ้านใหญ่เซียวในตัวหมู่บ้านนางเซียวอี้จูที่วันนี้ทุกคนในบ้านร่างกายเริ่มมีเรี้ยวมีแรงกันขึ้นมาบ้างแล้ว สะใภ้ใหญ่กำลังทำมื้อค่ำสำหรับทุกคนกับลูกสาวเซียวอี้หลิงบุตรสาวของสะใภ้ใหญ่คนที่ผลักเย่วเย่วตกน้ำเมื่ออาทิตย์ก่อนกำลังช่วยมารดาทำมื้อค่ำด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง เมื่อก่อนนางสองแม่ลูกไม่ต้องทำงานบ้านเองมีแต่ครอบครัวของเย่วเย่วที่ทำงานแทนมาโดยตลอด ก็ไม่ยินยอมจึงหาทางให้แม่ไปบังคับบ้านรองเซียวมาทำงานแทนตัวเองและลืมเรื่องการตัดขาดจากบ้านใหญ่ไปแล้วด้วยเพราะคนทั้งบ้านนั้นถ่ายท้องจนไปนอนที่โรงหมอพึ่งจะกลับมาไม่กี่วัน ทั้งยังไม่ได้ออกไปเดินในหมู่อีกเพราะทุกคนกับไร้เรี้ยวแรงขึ้นมาทั้งบ้านจนถึงวันนี้ก็ได้อาทิตย์แล้วเหมือนที่ไล่บ้านรองเซียวออกไปจากบ้านของท่านย่าเซียวนั้นเอง สะใภ้ใหญ่ฉินซูอิ๋นก็ทำอาหารด้วยใบหน้าบูดบึ้งไม่ต่างกันกับลูกสาว ถ้าไม่เกิดเรื่องที่ลูกสาวของนางผลักนังเด็กเย่วเย่วตกน้ำปางตายนางก็คงไม่ต้องมานั่งทำอาหารให้ทุกคนกินเองยังมีสะใภ้รองทำให้ทุกอย่างแม้แต่งานบ้านแต่นี้พอไล่พวกมันไปแล้วงานทุกอย่างจึงตกใส่หัวนางกับลูก สามีที่ขี้เกียจไม่ต่างกันกับนางรวมถึงบุตรชายที่ย่ารักยิ่งกว่าทุกคนคอยนั่งชี้นิ้วรอกินกันลูกอย่างเดียว ลูกชายใหญ่กับย่าสุดที่รักที่โถงบ้านแต่วันนี้ไม่เห็นบุตรชายคนรองตอนบ่ายคงจะออกไปหาเดินเล่นกับเพื่อนในหมู่บ้านกระมังนางคิดในใจ "ท่านแม่ข้าไม่อยากทำงานบ้านกับทำอาหารอีกแล้วทั้งต้องไปที่นาอีกข้าเหนื่อย ให้ท่านย่าไปตามครอบครัวนังเย่วเย่วกลับมาทำให้พวกเราเหมือนเดิมจะดีกว่านะเจ้าคะ" เซียวอี้หลิงพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเพราะนางเกลียดชังเย่วเย่วจึงผลักญาติผู้น้องตกน้ำจนปางตาย พอแม่ของนังเย่วเย่วมาฟ้องท่านย่าก็ไม่เข้าข้างพวกมันทั้งยังไล่ออกจากบ้านใหญ่และตัดขาดออกจากตระกูลเพราะพ่อของนังเย่วเย่วตกเขาขาหักทำงานให้ที่บ้านไม่ได้ ท่านย่ากลัวจะเปลืองข้าวกับตัวไร้ประโยนช์ทั้งสองจึงขับไล่พวกมันออกไป ตอนนี้เลยเซียวอี้หลิงก็สะใจยิ่งนักที่เห็นครอบครัวบ้านรองเซียวโดนไล่ออกจากบ้านแต่ทว่างานทุกอย่างจึงตกมาใส่หัวนางกับมารดา ตอนนี้เซียวอี้หลิงไม่อยากทำงานแล้วจึงหาทางให้มารดาไปบอกย่าที่สะใภ้ใหญ่พูดอะไรท่านย่าจะเชื่อแทบจะทุกอย่าง "ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีนะสิลูกเพราะตอนนี้ท่านย่าได้ตัดขาดพวกมันออกไปจากตระกูลแล้วและตัวของนังเย่วเย่วมันตายหรือยังก็ไม่รู้ พ่อของมันที่ขาหักอีกจะมีประโยนช์อะไรที่ย่าของลูกจะยอมรับพวกมันกลับมาที่บ้านอีกละ" นางฉินซูอิ๋นพูดกับลูกสาว "ไม่เห็นจะยากเลยเจ้าค่ะท่านแม่ก็ให้ท่านย่าอ้างบุญคุณกับอาสะใภ้รองสิ ให้มาทำงานแทนพวกเรากับลูกแทนที่ของท่านอาเซียวอี้ถังยังไงละข้ากับท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปท่านแม่ว่าจริงไหมเจ้าคะ" เซียวอี้หลิงออกความคิดชี้ทางให้มารดาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ "อือจริงสิแม่ลืมไปเลยเดี๋ยวพอทำอาหารแล้วเราจะคุยกันกับย่าของลูกดู" สองแม่ลูกยิ้มในหน้าอย่างมาดหมายกับความคิดของตัวเอง ตัดมาที่ลูกชายของนางฉินซูอิ่นที่ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านรอบบ่ายคอยเพื่อรอกลับไปกินมื้อค่ำกับครอบครัวเพราะไม่ได้ออกมาจากบ้านมาเป็นอาทิตย์ เพราะที่บ้านถ่ายท้องวันนี้พอมีเรี้ยวแรงเขาจึงจะมาหาสหายในหมู่บ้านเหมือนทุกวันที่ผ่านมา เซียวจิ้นหูลูกชายของสะใภ้ใหญ่ที่อายุเท่ากันกับเย่วเย่วส่วนพี่สาวของเขาเซียวอี้หลิงนั้นเกิดก่อนเซียวอี้เหอหนึ่งปี (เซียวจิ้นฝานคือลุงใหญ่อายุสี่สิบห้าปี) (สะใภ้ใหญ่ชื่อฉินซูอิ๋นสี่สิบปี ลูกสาวชื่อเซียวอี้หลิงสิบแปดปี ลูกชายชื่อเซียวจิ้นหูสิบห้าปี ย่าคือนางเซียวอี้จู หกสิบปี ปู่ชื่อเซียวอี้หวายหกสิบห้าปี) ทำไมวันนี้ในหมู่บ้านถึงไม่ค่อยมีคนนั่งเล่นที่ต้นใม้ใหญ่ประจำหมู่บ้านละ เซียวจิ้นหูเดินออกมาเล่นไม่เห็นคนที่ชอบนั่งเล่นกันเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนๆเจอเพียงสหายที่เกเรของเขาที่เล่นกันอยู่สามสี่คนใกล้แม่น้ำหลังหมู่บ้านพวกเขากำลังเล่นกันเหมือนที่นัดกันมาเล่นที่ประจำ "อ้าวจิ้นหูเอ็งหายแล้วหรือข้าไม่เห็นครอบครัวของเอ็งเลยและไม่เห็นหน้าเอ็งหนึ่งอาทิตย์แล้วกระมัง" เพื่อนของจิ้นหูทักทายสหายพอเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ที่ประจำที่เล่นกันของพวกตน "อือพอดีข้าพึ่งหายจากท้องเสียวันนี้มีแรงหน่อยจึงคิดถึงพวกเองเลยเดินมาหานี้ละ" "แต่ข้าเดินผ่านหมู่บ้านมาไม่เห็นมีคนนั่งเล่นกันเหมือนเมื่อวันก่อนๆ" เซียวจิ้นหูถามเพื่อนๆของตนเองด้วยความสงสัย "อ้อเพราะครอบครัวของเอ็งไม่สบายก็ไม่แปลกหรอกเพราะคนในหมู่บ้านของพวกเราไปทำงานให้ครอบครัวท่านอาเซียวอี้ถังของเองมาเป็นอาทิตย์แล้ว ข้าได้ยินข่าวมาว่าพี่เซียวอี้เหอกับเซียวเย่วเย่วขึ้นเขาไปล่าสัตว์หลังจากที่ครอบครัวของย่าเอ็งไล่ออกจากบ้านไปได้หนึ่งอาทิตย์ และพวกเขายังโชคดีได้หมูป่าตัวใหญ่สองตัวลงมาจ้างชาวบ้านให้ไปล้อมรั้วบ้านซ่อมแซมบ้านให้ใหม่ทั้งหมดเลยแลกกับเนื้อหมูป่าสองตัวใหญ่จึงมีชาวบ้านไปทำงานที่นั้นได้มาหนึ่งอาทิตย์แล้วละ" เพื่อนของเซียวจิ้นหูตอบและเล่าให้เขาฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้างตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เขาไม่สบาย "เอ่อวันนี้ข้าก็ได้ข่าวคนที่บ้านคุยกันว่าวันนี้จะได้รับเนื้อหมูอีกนะ ถ้าใครไปขุดบ่อน้ำให้บ้านของอาของเจ้านะพวกข้าขี้เกียจจึงหนีมาหลบที่นี้ทุกวันแหละจริงไหมพวกเรา" "อือใช่แล้วละพอตอนเย็นหูข้าแทบชาทุกวันเพราะโดนบ่นว่าไม่ไปช่วยการช่วยงานที่บ้าน" บรรดาสหายของเซียวจิ้นหูจะมีแต่คนขี้เกียจเหมือนตัวเขานั้นเองและไม่มีใครในหมู่บ้านครบหาสักเท่าไรและมีอยู่ไม่กี่คนหลังจากแต่งกันกับท่านอ๋องภายในตำหนักในทุกคืนจะมีเสียงครางหวานของคู่สามีข้าวใหม่ปลามันจนนางกำนัลหน้าแดงไปตามๆกัน ท่านอ๋องช่างรักพระชายาเหลือเกินตามใจนางทุกอย่างตลอดที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงก่อนจะถึงวันกลับไปเยี่ยมที่บ้านของพระชายาเขาตักตวงความสุขตั้งแต่ก่อนวันแต่งจนผ่านมาหลายคืนแล้วก็ยังคงหื่นเสมอต้นเสมอปลาย เย่วเย่วคิดในตอนนี้นางนั่งผิงอกแกร่งของพระสวามีกลับหมู่บ้านฉีซานเพื่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมตามประเพณี กว่าจะได้ออกจากห้องแต่ละวันนางนี้ต้องมีนางกำนัลคอยประคองถ้าไม่มีน้ำพุวิเศษนี้นางไม่อย่างจะคิดเลยว่าจะนอนเป็นผักทั้งวันหรือเปล่า"เย่วเอ๋อร์น้องนอนเถอะนะคนดีพอถึงบ้านของพ่อตาแม่ยายพี่จะปลุกน้องเอง"ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดให้ภรรยานั่งพิงอกได้สะดวกตอนกลางวันต้องให้นางนอนพักเอาแรงไว้มากๆหน่อยช่วงกลางคืนคือเวลาของเขา ว่าจะหยุดสักเดือนก่อนจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปหาพี่ชายที่รอจัดงานให้อีกรอบที่ตำหนักอ๋องที่เมืองหลวง แต่จะให้เขาอดใจไหวไม่รังแกภรรยาได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักน่ากินไปทั้งตัว เขาก็ไม่ใช้ผู้หลุดพ้นเสียหน่อย นี้ก็อดทนรอมาตั้งปีเพื่อจะแต่งนางเข้าตำหนักได้แต่ก็ต้องออกศึกไปเป็นปีที่ไ
ท่านอ๋องกว่าจะปลีกตัวจากเหล่าทหารทั้งหลายได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มในภพเก่าของนางเย่วเย่วกำลังนั่งหลับพักเอาแรงหลังจากที่มารดามาอวยพรร่ำลากันกลับหมู่บ้านกับบรรดาป้าๆทั้งหลายกลับไปกันจนหมด นางก็อยู่กับนางกำนัลสองคนที่มีอายุสามสิบได้กระมังเย่วเย่วแอบกินนมกับขนมเพราะมีผ้าคลุมหน้านางไม่กลัวนางกำนัลเห็นหรอกนะ คนมันหิวกว่าด้านนอกจะรับแขกและกลับหมดพอดีหิวท้องร้องกันพอดี หยิบของออกมากินจนอิ่มนางก็นั่งหลับไปเลยเอาแรงดีกว่าถ่างตารอไม่ไหวหรอก เพราะเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องของรางวัลทั้งคืนถ้านางไม่หลับก่อนคงสว่างคาตาแน่ๆเลย คนอะไรอึดเป็นบ้าขอให้ปล่อยก็ไม่ยอมหยุดจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วยังโดนลากมาทำพิธีทั้งวันอีกจนค่ำสองที่พักนอนงีบเอาแรงสักนิดก็ยังดีตัดมาที่ท่านอ๋องที่ตอนนี้กำลังโดนเหล่าทหารคนสนิทมอมเหล้าเพื่อกลั้นแกล้งให้เจ้านายเข้อหอไม่ไหวชนแก้วจอกต่อจอก จนเขาต้องใช้อุบายขอเข้าห้องน้ำพอปลีกตัวออกมาได้ก็เดินตัวปลิวไปที่ห้องหอในตำหนักใหญ่เลยป่านนี้เย่วเย่วคงจะรอแย่แล้ว อ๋องหนุ่มคิดไปยิ้มไปกับความน่ารักของภรรยาหมาดๆที่นางให้รางวัลกับเขาเมื่อคืนนี้จนแทบตายคาอกนาง แต่ใครจะอดใจไหวเล่าภรรยาน่ารักเสียขนาดน
ตอนนี้หัวสมองของสาวน้อยเย่วเย่วขาวโพลนไปหมดกับริมฝีปากหนาของชายคนรักที่ละเลงน้องสาวจนนางครางกระเส่าอย่างไม่อาย ชายหนุ่มนั้นตอนนี้ดูดดึงกุหลาบงามของสาวคนรักอย่างไม่รังเกียจนางสวยไปหมดจนเขาอดใจไม่ไหวอยากกลืนกินทุกอย่างที่เป็นนาง"เย่วเอ๋อร์คนดีร้องดังๆไปเลยพี่ชอบเห็นน้องมีความสุขที่สุุขเสียวไหมที่รัก" ชายหนุ่มเงยหน้ามาพูดกับนางแต่ก็ยังมีนิ้วแทนที่ปากเขาเขี่ยวนตรงปุ่มเสียวของนาง เย่วเย่วยกสะโพกลอยตามนิ้วร้ายของชายหนุ่มที่ละเลงแล้วแหย่เข้าไปที่ละนิ้ว พอถามนางจบเขาไม่คิดจะฟังคำตอบเพราะดูจากการตอบรับของสาวคนรักก็พอใจมากแล้ว ท่านออ๋องหนุ่มก้มหน้าลงฉกชิมกุหลาบงามตรงหน้าต่อจนร่างบอบบางเกร็งกระตุกสุขสมไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มังกรตัวเขี่ยงเข้าไปในกุหลาบงาม ชายหนุ่มแยกขาของคู่หมั้นสาวออกจนกว้างก่อนจะชักรูดมังกรตัวเองถูกไถ่ก่อนจะค่อยๆกดเข้าไปทีละน้อย เยว่เยว่หัวขาวโพลนเพราะพึ่งเสร็จสมไปเพราะลิ้นร้ายของท่านอ๋องต้องสะดุ้งเพราะมีสิ่งใหญ่โตกำลังมุดเข้ากุหลาบของนางมาได้แค่ส่วนหัวนางแทบขาดใจทำไมมันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าไปในน้องสาวของนางได้จริงๆหรือ"ท่านอ๋องเพคะ" นางเอามือยันหน้าอกแกร่งเอาไว้ก่อน"ท่านพี่เรียก
ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์มีรถม้ามารับเซียวเย่วเย่วทุกวันในตอนเช้าเพื่อฝึกสาวน้อยที่จะแต่งเข้าตำหนักของท่านอ๋องซงตงหยางในอีกไม่นาน รอเพียงท่านอ๋องเดินทางกลับมาถึงที่อำเภอแห่งนี้ ท่านอ๋องปกครองครอบคลุมไปถึงชายแดนฉีเป่ยที่พึ่งรบจบศึกในตอนนี้นั้นเอง ตลอดเวลาเย่วเย่วก็ตั้งใจเรียนการเดินการนั่งการกินการพูดคุยพิธีการต่างๆที่ชนชั้นสูงต้องมีจนครบสิบวัน นางแทบจะรากเลือดกับสิ่งที่ฝืนกับสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดแต่ก็ทำเพื่อหน้าตาของสามีในภายภาคหน้าจะได้ไม่อายใครว่าแต่งชายาบ้านนอกเข้ามาและไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนค่ำของอีกวันหลังจากที่สามพ่อแม่ลูกกินมื้อค่ำอิ่มแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอนหลังจากที่นั่งย่อยอาหารที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน จนจะได้เวลาเข้านอนก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูหน้าบ้านเสียงดัง"ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ" เสียงเรียกที่หน้าบ้านมันเสียงของพี่ชายของนางชัดๆเลย"ท่านพ่อเสียงพี่ใหญ่เจ้าค่ะ" พูดจบนางก็วิ่งลงบ้านไปที่ประตูใหญ่เลยทันที บิดาวิ่งตามลูกสาวไปติดๆหลังจากที่บอกให้ภรรยานั่งรอที่นี้ห้ามวิ่งตามมาสั่งแล้วเขาก็วิ่งตามลูกสาวสาวไปที่หน้าบ้านเหมือนกันเซียวเย่วเย
"เซียวอี้ถังเปิดประตูบ้านเร็วๆเข้า" เสียงลุงผู้ใหญ่บ้านเคาะไม้เรียกเสียงดังลั่นที่ด้านหน้า"ขอรับๆข้ากำลังเปิดอยู่" ส่วนท่านแม่ยืนรอที่หน้าระเบียงบ้านพอเปิดประตูออกก็เห็นคนมากมายเต็มหน้าบ้านของนางไปหมด แม้แต่ท่านนายอำเภอยังมาเลยท่านพ่อกับเย่วเย่วก็ตกใจเหมือนกัน"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือท่านลุงทำไมคนมาบ้านของข้าเยอะขนาดนี้ละ" เซียวอี้ถังถามด้วยความสงสัยเหมือนกันส่วนเย่วเย่วนั้นนางตั้งสติแล้วรอฟังว่าทุกคนมีอะไรจึงมาหน้าบ้านของนางมากมายขนาดนี้มองคร่าวๆที่ด้านหลังนั้นอีกที่ชาวบ้านเดินตามกันมาจนจะหมดดทั้งหมู่บ้านเลยกระมัง นางคิดและมองดูคนที่แต่งตัวเป็นเหมือนขันทีในวังเหมือนในละครทีวีที่นางดูเป็นประจำทหารอีกเป็นร้อยรวมทั้งรถม้าหลายสิบคันที่จอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย"มีพระราชโองการจากองค์เหนือหัวถึงคุณหนูเซียวเย่วเย่ว" ทันทีเมื่อคำพูดถึงราชโองการจากผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นเยว่เยว่กับครอบครัวก็รีบคุกเข่ารอรับพระราชโองการทันที ชาวบ้านคนอื่นๆก็รีบยืนสำรวมรอฟัง "เซียวเย่วเย่วรับราชโองการคุณหนูเซียวเย่วเย่วทำความดีส่งเสบียงช่วยเหล่าทหารกล้าที่ไปรบที่ชายแดนกับท่านอ๋องซงตงหยางพระอนุชาของพร
สามพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันได้สักพักเสียงร้องของเหยี่ยวที่ท่านอ๋องคอยส่งข่าวก็ร้องขึ้นบริเวณท้องฟ้าเหนือบ้านของนางเสียงดังก่อนที่เจ้าตัวจะบินร่อนลงมาที่หน้าระเบียงบ้านเย่วเย่วร้องตะโกนเสียงดังตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงมันร้องตอนยังไม่เห็นตัวลงมาหน้าบ้านด้วยความดีใจ"โอ๊ะเจ้าเหยี่ยวมาแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่" ทุกคนยิ้มด้วยความดีใจกับเสียงนกยักษ์ของท่านอ๋องที่มาส่งข่าวหลังจากหายไปนานมันลงมาถึงก็ยกขาให้เย่วเย่วดึงเอาจดหมายที่ผูกมาด้วยเป็นอย่างดีแล้วรับอาหารของตนกินเงียบๆที่ที่ประจำเย่วเย่วเอาจดหมายพี่ชายให้บิดามารดาของนางต่างหากท่านพ่อรีบรับไปอ่านให้ท่านแม่ฟังทันที่'ถึงท่านพ่อท่านแม่น้องเล็กขอโทษที่หายไปนานคงจะทำให้พวกท่านเป็นห่วงตอนนั้นกำลังสู้รบไม่ค่อยมีเวลาตอนนี้ชนะข้าศึกแล้วอีกไม่นานจะได้เดินทางกลับมาบ้านรักและถึงทุกคนขอรับ เซียวอี้เหอ'ท่านแม่ยิ้มแก้มปริพอได้ยินว่าลูกชายกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า"ท่านพี่ข้าจะไปหาของกินอร่อยๆเอาไว้รอลูกของเราเจ้าค่ะพาข้าไปในห้องเสบียงหน่อยนะเจ้าคะ" นางรีบหันไปหาสามีเพื่อทำอาหารรอบุตรชายที่จากไปนับปี"น้องหญิงอาหารของเร