“จริงหรือที่พวกเจ้าเล่ามา” เซียวจิ้นหูถามย้ำเพื่อความมั่นใจเพราะเขาจะนำไปเล่าให้ท่านย่าของตัวเองฟัง
“จริงสิพวกข้าไม่ได้โกหกเจ้าอย่างแน่นอนวันที่ยังจะมีการแจกจ่ายเนื้อหมูให้สำหรับคนที่ไปขุดบ่อน้ำอีกนะข้าได้ยินชาวบ้านที่เดินไปทำงานเมื่อเช้าคุยกันไปตามทางและที่เอ็งไม่เห็นคนในหมู่บ้านก็เพราะไปทำงานบ้านของท่านอารองของเอ็งยังไงละ” เพื่อนของเขาย้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันเพื่อนทุกคนพยักเป็นไก่จิกเพื่อยืนยันคำพูดของพวกตน เซียวจิ้นหูจึงขอตัวกลับบ้านไปเล่าเรื่องที่ได้รับฟังข่าวจากเพื่อนของเขาหลังจากที่เล่นคุยกันได้สามเค่อพอมาถึงบ้านเขาก็ตะโกนลั่นบ้านหาย่าของตัวเองเสียงดัง นางเซียวอี้จูที่นั่งอยู่โถงบ้านเพื่อจะรอกินมื้อค่ำกับบุตรชายคนโตรวมถึงสามีของนางด้วยพอได้ยินเสียงหลานรักเรียกหานางเซียวอี้จูก็รีบตอบรับทันที “มีอะไรหรือเปล่าหูเอ๋อร์ถึงได้เรียกย่าเสียงดังขนาดนี้มีใครกลั่นแกล้งหลานของย่าหรือตาใหญ่รีบถามหลานของข้าดูซิ” นางเซียวอี้จูรีบให้ลูกชายคนโตของนางรีบไปถามหลานรักทันทีด้วยความร้อนใจ “ท่านย่าข้าไปเล่นที่ในหมู่บ้านกับเพื่อนของข้ามาชาวบ้านในหมู่บ้านทุกทีข้าไปนั่งเล่นกันเต็นใต้ต้นไม้แต่วันนี้ไม่มีชาวบ้านนั่งเล่น พอข้าไปที่ริมแม่น้ำหลังหมู่บ้านก็เห็นเพื่อนของข้าเล่นกันอยู่จึงสอบถามไปด้วยความสงสัยเรื่องของคนในหมู่บ้านที่หายไปไหนกันหมดน่ะขอรับ ท่านรู้ไหมพวกมันบอกข้าว่าชาวบ้านแทบจะทุกหลังคาเรือนพากันไปทำงานที่บ้านของท่านอาเซียวจิ้นถังที่บ้านติดเขาเพราะเซียวอี้เหอขึ้นเขาไปล่าสัตว์ได้หมูป่ามาสองตัว และแบ่งให้ชาวบ้านทุกครอบครัวที่ไปทำงานแทนตำลึงได้หนึ่งอาทิตย์แล้วและวันนี้เห็นว่าจะมีหมูป่าอีกตัวหนึ่งแจกรอบค่ำสำหรับคนที่ไปขุดบ่อน้ำที่บ้านของท่านอารองข้าจึงรีบนำข่าวมาบอกท่านย่านี้ละขอรับ” เขารีบบอกย่าอย่างเร็วเพื่อที่ท่านย่าจะได้ไปยึดเนื้อหมูที่บ้านของท่านอารองมาให้เขาได้กินที่บ้านใหญ่ในมื้อค่ำนี้เลย “เป็นความจริงหรือหูเอ๋อร์ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปที่บ้านของไอ้ลูกอักกตัญญูที่มันล่าหมูป่ามาได้แต่ไม่นำมาให้ข้าขายเอาตำลึง มันกลับไปแจกชาวบ้านช่างไร้ประโยนช์เสียจริงไปเจ้าใหญ่พาข้าไปบ้านของเจ้ารองเดี๋ยวนี้ข้าเลี้ยงดูหมาป่าตาขาวเสียจริง” นางเซียวอี้จูด่าบ้านรองด้วยความโกรธ “ยายแก่เมื่อไรแกจะเลิกเอาเปรียบเจ้ารองสักทีข้าสุดจะทนกับเอ็งแล้วนะไล่ลูกออกจากบ้านไม่ให้ตำลึงสักอีแปะ เมื่อก่อนไม่ใช้เอ็งเหรอที่ได้กินเนื้อขายสัตว์ที่เจ้ารองมันหามาได้ทั้งที่ลูกเมียมันไม่ได้กินเลยสักครั้ง แม้แต่อีแปะมันยังไม่ได้ถือข้าว่าเอ็งมันเกินจะเยียวยาแล้วนะ เอ็งลืมหนังสือตัดขาดที่เอ็งเป็นคนให้หัวหน้าหมู่บ้านให้ไว้หรือไม่ว่าเป็นตายไม่เผาผีเพียงเพราะเจ้ารองตกเขาขาหักแกใจจืดใจดำไม่ให้ตำลึงไปหาหมอยังขับไล่ลูกออกจากบ้านเพียงเพราะแต่งภรรยาที่ไม่ถูกใจเอ็งหรอกหรือ ที่เจ้ารองมันยอมเพราะมันรับปากก่อนที่มันจะแต่งสะใภ้รองเข้าบ้านทำงานทุกอย่างในบ้านไม่ปริปากบ่น มีแต่เอ็งที่ใจบอดรังแกลูกเมียของมันไม่เลิกทั้งยังหลานตัวดีของแกอีกไปผลักลูกสาวของเจ้ารองตกน้ำอีกข้าปิดตาข้างลืมตาข้างมานานจนข้าจะทนไม่ไหวกับความเห็นแก่ตัวของเอ็งกับเจ้าใหญ่ที่คอยเอาเปรียบเจ้ารองมาโดยตลอดหลายปีมานี้” พ่อเฒ่าอี้หวายพูดด้วยความโกรธ “มันไม่ใช่ลูกข้าที่ข้าเลี้ยงมันมาเพราะเอ็งรับปากจะไม่ยุ่งกับมันถ้าข้ายอมเลี้ยงมันมาจากน้องสาวที่ใจง่ายของเอ็งท้องไม่มีพ่อและคลอดตัวไร้ประโยนช์มาให้ข้าเลี้ยงดูเปลืองข้าวเปลืองน้ำมาตั้งหลายปีข้าก็ต้องเอาคืนและมันต้องกตัญญูกับข้ามันก็ถูกแล้วนี้เจ้าจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก” นางเซียวอี้จูเถียงสามีคอเป็นเอ็นเลยทีเดียว “แต่เอ็งก็ได้ตำลึงจากน้องสาวที่ข้านำมาไม่น้อยเป็นการตอบแทนแล้ว แต่นี้เอ็งยังลำเลิกบุญคุณไม่เลิกต่อแล้วจากครอบครัวเจ้ารองเสียทีข้าจะบอกความจริงให้เจ้ารองมันจะได้หลุดพ้นจากคนใจร้ายอย่างเอ็งสักทีและถ้าข้าหมดความอดทนข้าจะหย่าเอ็งต่างคนต่างอยู่ สั่งสอนลูกแต่ละอย่างมีแต่เรื่องดีๆจนขี้เกียจสันหลังยาวกันทุกตัวแล้ว” ตาเฒ่าอี้หวายพูดแล้วก็เดินเข้าห้องไปเลยไม่หันมามองด้านหลังอีก ตาเฒ่าเซียวอี้หวายเสียใจมาตลอดที่นำเอาลูกของน้องสาวมาเลี้ยงเพราะสงสารที่พอคลอดลูกชายน้องสาวก็เสียชีวิตฝากลูกชายกับตำลึงหนึ่งพันตำลึงเงินถือเยอะมากกับหยกหนึ่งชิ้นที่ตาเฒ่าเซียวอี้หวายซ่อนเอาไว้และใส่มือให้ลูกชายคนรองไปในวันที่โดนภรรยาของตนเองไล่ออกจากบ้านไป ที่เฒ่าเซียวไม่ห้ามเรื่องแยกบ้านออกไปของลูกชายคนรองเขาคิดว่ามันจะดีเสียดีกว่าให้ครอบครัวของเจ้ารองโดนกดขี่ข่มเห่งมาหลายสิบปีแต่เพราะน้ำที่ท่วมปากเพราะตัวของเขาเองก็รับปากกับภรรยาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวในการเลี้ยงดูเจ้ารอง มาหนักก็ตอนที่ลูกชายคนรองแต่งภรรยาเข้าบ้านตั้งแต่นั้นมาเหมือนกับว่าตัวนางเซียวอี้จูร้ายกาจขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้เมื่อก่อนก็พอทนได้กับนิสัยนางพอปรามก็ฟังบ้างแต่นี้หนักสุดถึงจะตามไปเอาเนื้อหมูจากบ้านเจ้ารองทั้งที่ตัดขาดกันไปแล้ว มันเกินที่จะทนจนมีปากเสียงกับภรรยาตาเฒ่าเซียวอี้หวายนั่งถอนหายใจและขอโทษน้องสาวกับหลานในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเขียนหนังสือหย่าเอาไว้ถ้ามันไม่ไหวคงจะให้ภรรยาแล้วจริงๆเขียนเสร็จแล้วพับใส่หีบเอาไว้ก่อนวันนี้ตาเฒ่าเซียวจึงไม่กินมื้อค่ำเพราะกำลังโมโหให้กับภรรยากับลูกหลานที่ไม่ได้ยินเสียงในบ้านคงยกเขย่งกันไปบ้านเจ้ารองที่บ้านพ่อตาของบุตรชายที่ท้ายหมู่บ้านติดเขาหลังสุดท้ายในหมู่บ้านฉีซานนี้ก่อนจะเดินลงบ้านเดินตามหลังไปดูบ้านเจ้ารองเผื่อจะได้ช่วยอะไรลูกชายได้บ้าง ตัดมาที่บ้านรองเซียวที่แบ่งเนื้อหมูป่าจนเสร็จชาวบ้านเริ่มทยอยกันเดินกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อนำเนื้อหมูไปทำมื้อค่ำกันเดินสวนทางกันกับบ้านใหญ่เซียวที่จะเข้าหมู่บ้านมีชาวบ้านเดินต่อกันมาเรื่อยๆแต่ยังไม่หมดทุกครอบครัวนางเซียวอี้จูตะโกนใส่ชาวบ้านด้วยความไม่ยินยอมที่เห็นชาวบ้านได้เนื้อหมู่ป่ากันทุกคนที่ใส่ตระกร้าหลังพากันเดินห่อด้วยใบไม้ “พวกเอ็งนำหมูที่ได้มาให้ครอบครัวของข้าเลยนะข้าไม่ยินยอมให้พวกเอ็งนำกลับบ้านไปมันเป็นหมูของข้าที่เป็นแม่ของเจ้ารองถ้าข้าไม่อนุญาติจะไม่มีใครได้นำเนื้อหมูป่าไปกิน” นางเซียวอี้จูร้องบอกชาวบ้านและกางมือหยุดชาวบ้านทุกคนที่เดินตามหลังกันมาเรื่อยๆ “อ้อนึกว่าใครนังแม่ใจร้ายที่ไล่ลูกออกบ้านทั้งยังตัดขาดกับบ้านรองเซียวไปแล้วด้วยแต่มาเรียกร้องหาส่วนของตัวเองช่างหน้าหนายิ่งนักอยากได้ก็มาทำงานแลกเอาสิแต่เสียใจด้วยนะพอดีพวกข้าแบ่งกันลงตัวหมดทุกคนแล้วและพวกข้าทำงานแลกเอามาไม่ได้มาร้องตะโกนขอส่วนของตัวเองตามทางเดินนี้” เมียหัวหน้าหมู่บ้านที่ได้สองส่วนเพราะมาสองคนกับสามีนางจึงขอสามีกลับไปทำอาหารค่ำรอที่บ้านเพราะสามีกำลังคุยกันกับลูกบ้านและตรวจความเรียบร้อยจึงจะตามมาทีหลัง นางก็ไม่ยินยอมสวนนางเซียวอี้จูทันทีอย่างไม่เกรงกลัวเหมือนกันชาวบ้านทุกคนต่างมองครอบครัวบ้านใหญ่เซียวด้วยสายตาถูกและรังเกียจในความหน้าด้านของครอบครัวนี้ที่ขวางทางเดินกลับบ้านของพวกตน “จริงหรือที่พวกเจ้าเล่ามา” เซียวจิ้นหูถามย้ำเพื่อความมั่นใจเพราะเขาจะนำไปเล่าให้ท่านย่าของตัวเองฟัง “จริงสิพวกข้าไม่ได้โกหกเจ้าอย่างแน่นอนวันที่ยังจะมีการแจกจ่ายเนื้อหมูให้สำหรับคนที่ไปขุดบ่อน้ำอีกนะข้าได้ยินชาวบ้านที่เดินไปทำงานเมื่อเช้าคุยกันไปตามทางและที่เอ็งไม่เห็นคนในหมู่บ้านก็เพราะไปทำงานบ้านของท่านอารองของเอ็งยังไงละ” เพื่อนของเขาย้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันเพื่อนทุกคนพยักเป็นไก่จิกเพื่อยืนยันคำพูดของพวกตน เซียวจิ้นหูจึงขอตัวกลับบ้านไปเล่าเรื่องที่ได้รับฟังข่าวจากเพื่อนของเขาหลังจากที่เล่นคุยกันได้สามเค่อพอมาถึงบ้านเขาก็ตะโกนลั่นบ้านหาย่าของตัวเองเสียงดัง นางเซียวอี้จูที่นั่งอยู่โถงบ้านเพื่อจะรอกินมื้อค่ำกับบุตรชายคนโตรวมถึงสามีของนางด้วยพอได้ยินเสียงหลานรักเรียกหานางเซียวอี้จูก็รีบตอบรับทันที “มีอะไรหรือเปล่าหูเอ๋อร์ถึงได้เรียกย่าเสียงดังขนาดนี้มีใครกลั่นแกล้งหลานของย่าหรือตาใหญ่รีบถามหลานของข้าดูซิ” นางเซียวอี้จูรีบให้ลูกชายคนโตของนางรีบไปถามหลานรักทันทีด้วยความร้อนใจ “ท่านย่าข้าไปเล่นที่ในหมู่บ้านกับเพื่อนของข้ามาชาวบ้านในหมู่บ้านทุกทีข้าไปนั่งเล่นกันเต็นใต้ต้นไม้แต่วันนี้ไม่มีชาวบ้านนั่งเล่น พอข้าไปที่ริมแม่น้ำหลังหมู่บ้านก็เห็นเพื่อนของข้าเล่นกันอยู่จึงสอบถามไปด้วยความสงสัยเรื่องของคนในหมู่บ้านที่หายไปไหนกันหมดน่ะขอรับ ท่านรู้ไหมพวกมันบอกข้าว่าชาวบ้านแทบจะทุกหลังคาเรือนพากันไปทำงานที่บ้านของท่านอาเซียวจิ้นถังที่บ้านติดเขาเพราะเซียวอี้เหอขึ้นเขาไปล่าสัตว์ได้หมูป่ามาสองตัว และแบ่งให้ชาวบ้านทุกครอบครัวที่ไปทำงานแทนตำลึงได้หนึ่งอาทิตย์แล้วและวันนี้เห็นว่าจะมีหมูป่าอีกตัวหนึ่งแจกรอบค่ำสำหรับคนที่ไปขุดบ่อน้ำที่บ้านของท่านอารองข้าจึงรีบนำข่าวมาบอกท่านย่านี้ละขอรับ” เขารีบบอกย่าอย่างเร็วเพื่อที่ท่านย่าจะได้ไปยึดเนื้อหมูที่บ้านของท่านอารองมาให้เขาได้กินที่บ้านใหญ่ในมื้อค่ำนี้เลย “เป็นความจริงหรือหูเอ๋อร์ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปที่บ้านของไอ้ลูกอักกตัญญูที่มันล่าหมูป่ามาได้แต่ไม่นำมาให้ข้าขายเอาตำลึง มันกลับไปแจกชาวบ้านช่างไร้ประโยนช์เสียจริงไปเจ้าใหญ่พาข้าไปบ้านของเจ้ารองเดี๋ยวนี้ข้าเลี้ยงดูหมาป่าตาขาวเสียจริง” นางเซียวอี้จูด่าบ้านรองด้วยความโกรธ “ยายแก่เมื่อไรแกจะเลิกเอาเปรียบเจ้ารองสักทีข้าสุดจะทนกับเอ็งแล้วนะไล่ลูกออกจากบ้านไม่ให้ตำลึงสักอีแปะ เมื่อก่อนไม่ใช้เอ็งเหรอที่ได้กินเนื้อขายสัตว์ที่เจ้ารองมันหามาได้ทั้งที่ลูกเมียมันไม่ได้กินเลยสักครั้ง แม้แต่อีแปะมันยังไม่ได้ถือข้าว่าเอ็งมันเกินจะเยียวยาแล้วนะ เอ็งลืมหนังสือตัดขาดที่เอ็งเป็นคนให้หัวหน้าหมู่บ้านให้ไว้หรือไม่ว่าเป็นตายไม่เผาผีเพียงเพราะเจ้ารองตกเขาขาหักแกใจจืดใจดำไม่ให้ตำลึงไปหาหมอยังขับไล่ลูกออกจากบ้านเพียงเพราะแต่งภรรยาที่ไม่ถูกใจเอ็งหรอกหรือ ที่เจ้ารองมันยอมเพราะมันรับปากก่อนที่มันจะแต่งสะใภ้รองเข้าบ้านทำงานทุกอย่างในบ้านไม่ปริปากบ่น มีแต่เอ็งที่ใจบอดรังแกลูกเมียของมันไม่เลิกทั้งยังหลานตัวดีของแกอีกไปผลักลูกสาวของเจ้ารองตกน้ำอีกข้าปิดตาข้างลืมตาข้างมานานจนข้าจะทนไม่ไหวกับความเห็นแก่ตัวของเอ็งกับเจ้าใหญ่ที่คอยเอาเปรียบเจ้ารองมาโดยตลอดหลายปีมานี้” พ่อเฒ่าอี้หวายพูดด้วยความโกรธ “มันไม่ใช่ลูกข้าที่ข้าเลี้ยงมันมาเพราะเอ็งรับปากจะไม่ยุ่งกับมันถ้าข้ายอมเลี้ยงมันมาจากน้องสาวที่ใจง่ายของเอ็งท้องไม่มีพ่อและคลอดตัวไร้ประโยนช์มาให้ข้าเลี้ยงดูเปลืองข้าวเปลืองน้ำมาตั้งหลายปีข้าก็ต้องเอาคืนและมันต้องกตัญญูกับข้ามันก็ถูกแล้วนี้เจ้าจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก” นางเซียวอี้จูเถียงสามีคอเป็นเอ็นเลยทีเดียว “แต่เอ็งก็ได้ตำลึงจากน้องสาวที่ข้านำมาไม่น้อยเป็นการตอบแทนแล้ว แต่นี้เอ็งยังลำเลิกบุญคุณไม่เลิกต่อแล้วจากครอบครัวเจ้ารองเสียทีข้าจะบอกความจริงให้เจ้ารองมันจะได้หลุดพ้นจากคนใจร้ายอย่างเอ็งสักทีและถ้าข้าหมดความอดทนข้าจะหย่าเอ็งต่างคนต่างอยู่ สั่งสอนลูกแต่ละอย่างมีแต่เรื่องดีๆจนขี้เกียจสันหลังยาวกันทุกตัวแล้ว” ตาเฒ่าอี้หวายพูดแล้วก็เดินเข้าห้องไปเลยไม่หันมามองด้านหลังอีก ตาเฒ่าเซียวอี้หวายเสียใจมาตลอดที่นำเอาลูกของน้องสาวมาเลี้ยงเพราะสงสารที่พอคลอดลูกชายน้องสาวก็เสียชีวิตฝากลูกชายกับตำลึงหนึ่งพันตำลึงเงินถือเยอะมากกับหยกหนึ่งชิ้นที่ตาเฒ่าเซียวอี้หวายซ่อนเอาไว้และใส่มือให้ลูกชายคนรองไปในวันที่โดนภรรยาของตนเองไล่ออกจากบ้านไป ที่เฒ่าเซียวไม่ห้ามเรื่องแยกบ้านออกไปของลูกชายคนรองเขาคิดว่ามันจะดีเสียดีกว่าให้ครอบครัวของเจ้ารองโดนกดขี่ข่มเห่งมาหลายสิบปีแต่เพราะน้ำที่ท่วมปากเพราะตัวของเขาเองก็รับปากกับภรรยาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวในการเลี้ยงดูเจ้ารอง มาหนักก็ตอนที่ลูกชายคนรองแต่งภรรยาเข้าบ้านตั้งแต่นั้นมาเหมือนกับว่าตัวนางเซียวอี้จูร้ายกาจขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้เมื่อก่อนก็พอทนได้กับนิสัยนางพอปรามก็ฟังบ้างแต่นี้หนักสุดถึงจะตามไปเอาเนื้อหมูจากบ้านเจ้ารองทั้งที่ตัดขาดกันไปแล้ว มันเกินที่จะทนจนมีปากเสียงกับภรรยาตาเฒ่าเซียวอี้หวายนั่งถอนหายใจและขอโทษน้องสาวกับหลานในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเขียนหนังสือหย่าเอาไว้ถ้ามันไม่ไหวคงจะให้ภรรยาแล้วจริงๆเขียนเสร็จแล้วพับใส่หีบเอาไว้ก่อนวันนี้ตาเฒ่าเซียวจึงไม่กินมื้อค่ำเพราะกำลังโมโหให้กับภรรยากับลูกหลานที่ไม่ได้ยินเสียงในบ้านคงยกเขย่งกันไปบ้านเจ้ารองที่บ้านพ่อตาของบุตรชายที่ท้ายหมู่บ้านติดเขาหลังสุดท้ายในหมู่บ้านฉีซานนี้ก่อนจะเดินลงบ้านเดินตามหลังไปดูบ้านเจ้ารองเผื่อจะได้ช่วยอะไรลูกชายได้บ้าง ตัดมาที่บ้านรองเซียวที่แบ่งเนื้อหมูป่าจนเสร็จชาวบ้านเริ่มทยอยกันเดินกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อนำเนื้อหมูไปทำมื้อค่ำกันเดินสวนทางกันกับบ้านใหญ่เซียวที่จะเข้าหมู่บ้านมีชาวบ้านเดินต่อกันมาเรื่อยๆแต่ยังไม่หมดทุกครอบครัวนางเซียวอี้จูตะโกนใส่ชาวบ้านด้วยความไม่ยินยอมที่เห็นชาวบ้านได้เนื้อหมู่ป่ากันทุกคนที่ใส่ตระกร้าหลังพากันเดินห่อด้วยใบไม้ “พวกเอ็งนำหมูที่ได้มาให้ครอบครัวของข้าเลยนะข้าไม่ยินยอมให้พวกเอ็งนำกลับบ้านไปมันเป็นหมูของข้าที่เป็นแม่ของเจ้ารองถ้าข้าไม่อนุญาติจะไม่มีใครได้นำเนื้อหมูป่าไปกิน” นางเซียวอี้จูร้องบอกชาวบ้านและกางมือหยุดชาวบ้านทุกคนที่เดินตามหลังกันมาเรื่อยๆ “อ้อนึกว่าใครนังแม่ใจร้ายที่ไล่ลูกออกบ้านทั้งยังตัดขาดกับบ้านรองเซียวไปแล้วด้วยแต่มาเรียกร้องหาส่วนของตัวเองช่างหน้าหนายิ่งนักอยากได้ก็มาทำงานแลกเอาสิแต่เสียใจด้วยนะพอดีพวกข้าแบ่งกันลงตัวหมดทุกคนแล้วและพวกข้าทำงานแลกเอามาไม่ได้มาร้องตะโกนขอส่วนของตัวเองตามทางเดินนี้” เมียหัวหน้าหมู่บ้านที่ได้สองส่วนเพราะมาสองคนกับสามีนางจึงขอสามีกลับไปทำอาหารค่ำรอที่บ้านเพราะสามีกำลังคุยกันกับลูกบ้านและตรวจความเรียบร้อยจึงจะตามมาทีหลัง นางก็ไม่ยินยอมสวนนางเซียวอี้จูทันทีอย่างไม่เกรงกลัวเหมือนกันชาวบ้านทุกคนต่างมองครอบครัวบ้านใหญ่เซียวด้วยสายตาถูกและรังเกียจในความหน้าด้านของครอบครัวนี้ที่ขวางทางเดินกลับบ้านของพวกตนหลังจากแต่งกันกับท่านอ๋องภายในตำหนักในทุกคืนจะมีเสียงครางหวานของคู่สามีข้าวใหม่ปลามันจนนางกำนัลหน้าแดงไปตามๆกัน ท่านอ๋องช่างรักพระชายาเหลือเกินตามใจนางทุกอย่างตลอดที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงก่อนจะถึงวันกลับไปเยี่ยมที่บ้านของพระชายาเขาตักตวงความสุขตั้งแต่ก่อนวันแต่งจนผ่านมาหลายคืนแล้วก็ยังคงหื่นเสมอต้นเสมอปลาย เย่วเย่วคิดในตอนนี้นางนั่งผิงอกแกร่งของพระสวามีกลับหมู่บ้านฉีซานเพื่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมตามประเพณี กว่าจะได้ออกจากห้องแต่ละวันนางนี้ต้องมีนางกำนัลคอยประคองถ้าไม่มีน้ำพุวิเศษนี้นางไม่อย่างจะคิดเลยว่าจะนอนเป็นผักทั้งวันหรือเปล่า"เย่วเอ๋อร์น้องนอนเถอะนะคนดีพอถึงบ้านของพ่อตาแม่ยายพี่จะปลุกน้องเอง"ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดให้ภรรยานั่งพิงอกได้สะดวกตอนกลางวันต้องให้นางนอนพักเอาแรงไว้มากๆหน่อยช่วงกลางคืนคือเวลาของเขา ว่าจะหยุดสักเดือนก่อนจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปหาพี่ชายที่รอจัดงานให้อีกรอบที่ตำหนักอ๋องที่เมืองหลวง แต่จะให้เขาอดใจไหวไม่รังแกภรรยาได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักน่ากินไปทั้งตัว เขาก็ไม่ใช้ผู้หลุดพ้นเสียหน่อย นี้ก็อดทนรอมาตั้งปีเพื่อจะแต่งนางเข้าตำหนักได้แต่ก็ต้องออกศึกไปเป็นปีที่ไ
ท่านอ๋องกว่าจะปลีกตัวจากเหล่าทหารทั้งหลายได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มในภพเก่าของนางเย่วเย่วกำลังนั่งหลับพักเอาแรงหลังจากที่มารดามาอวยพรร่ำลากันกลับหมู่บ้านกับบรรดาป้าๆทั้งหลายกลับไปกันจนหมด นางก็อยู่กับนางกำนัลสองคนที่มีอายุสามสิบได้กระมังเย่วเย่วแอบกินนมกับขนมเพราะมีผ้าคลุมหน้านางไม่กลัวนางกำนัลเห็นหรอกนะ คนมันหิวกว่าด้านนอกจะรับแขกและกลับหมดพอดีหิวท้องร้องกันพอดี หยิบของออกมากินจนอิ่มนางก็นั่งหลับไปเลยเอาแรงดีกว่าถ่างตารอไม่ไหวหรอก เพราะเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องของรางวัลทั้งคืนถ้านางไม่หลับก่อนคงสว่างคาตาแน่ๆเลย คนอะไรอึดเป็นบ้าขอให้ปล่อยก็ไม่ยอมหยุดจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วยังโดนลากมาทำพิธีทั้งวันอีกจนค่ำสองที่พักนอนงีบเอาแรงสักนิดก็ยังดีตัดมาที่ท่านอ๋องที่ตอนนี้กำลังโดนเหล่าทหารคนสนิทมอมเหล้าเพื่อกลั้นแกล้งให้เจ้านายเข้อหอไม่ไหวชนแก้วจอกต่อจอก จนเขาต้องใช้อุบายขอเข้าห้องน้ำพอปลีกตัวออกมาได้ก็เดินตัวปลิวไปที่ห้องหอในตำหนักใหญ่เลยป่านนี้เย่วเย่วคงจะรอแย่แล้ว อ๋องหนุ่มคิดไปยิ้มไปกับความน่ารักของภรรยาหมาดๆที่นางให้รางวัลกับเขาเมื่อคืนนี้จนแทบตายคาอกนาง แต่ใครจะอดใจไหวเล่าภรรยาน่ารักเสียขนาดน
ตอนนี้หัวสมองของสาวน้อยเย่วเย่วขาวโพลนไปหมดกับริมฝีปากหนาของชายคนรักที่ละเลงน้องสาวจนนางครางกระเส่าอย่างไม่อาย ชายหนุ่มนั้นตอนนี้ดูดดึงกุหลาบงามของสาวคนรักอย่างไม่รังเกียจนางสวยไปหมดจนเขาอดใจไม่ไหวอยากกลืนกินทุกอย่างที่เป็นนาง"เย่วเอ๋อร์คนดีร้องดังๆไปเลยพี่ชอบเห็นน้องมีความสุขที่สุุขเสียวไหมที่รัก" ชายหนุ่มเงยหน้ามาพูดกับนางแต่ก็ยังมีนิ้วแทนที่ปากเขาเขี่ยวนตรงปุ่มเสียวของนาง เย่วเย่วยกสะโพกลอยตามนิ้วร้ายของชายหนุ่มที่ละเลงแล้วแหย่เข้าไปที่ละนิ้ว พอถามนางจบเขาไม่คิดจะฟังคำตอบเพราะดูจากการตอบรับของสาวคนรักก็พอใจมากแล้ว ท่านออ๋องหนุ่มก้มหน้าลงฉกชิมกุหลาบงามตรงหน้าต่อจนร่างบอบบางเกร็งกระตุกสุขสมไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มังกรตัวเขี่ยงเข้าไปในกุหลาบงาม ชายหนุ่มแยกขาของคู่หมั้นสาวออกจนกว้างก่อนจะชักรูดมังกรตัวเองถูกไถ่ก่อนจะค่อยๆกดเข้าไปทีละน้อย เยว่เยว่หัวขาวโพลนเพราะพึ่งเสร็จสมไปเพราะลิ้นร้ายของท่านอ๋องต้องสะดุ้งเพราะมีสิ่งใหญ่โตกำลังมุดเข้ากุหลาบของนางมาได้แค่ส่วนหัวนางแทบขาดใจทำไมมันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าไปในน้องสาวของนางได้จริงๆหรือ"ท่านอ๋องเพคะ" นางเอามือยันหน้าอกแกร่งเอาไว้ก่อน"ท่านพี่เรียก
ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์มีรถม้ามารับเซียวเย่วเย่วทุกวันในตอนเช้าเพื่อฝึกสาวน้อยที่จะแต่งเข้าตำหนักของท่านอ๋องซงตงหยางในอีกไม่นาน รอเพียงท่านอ๋องเดินทางกลับมาถึงที่อำเภอแห่งนี้ ท่านอ๋องปกครองครอบคลุมไปถึงชายแดนฉีเป่ยที่พึ่งรบจบศึกในตอนนี้นั้นเอง ตลอดเวลาเย่วเย่วก็ตั้งใจเรียนการเดินการนั่งการกินการพูดคุยพิธีการต่างๆที่ชนชั้นสูงต้องมีจนครบสิบวัน นางแทบจะรากเลือดกับสิ่งที่ฝืนกับสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดแต่ก็ทำเพื่อหน้าตาของสามีในภายภาคหน้าจะได้ไม่อายใครว่าแต่งชายาบ้านนอกเข้ามาและไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนค่ำของอีกวันหลังจากที่สามพ่อแม่ลูกกินมื้อค่ำอิ่มแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอนหลังจากที่นั่งย่อยอาหารที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน จนจะได้เวลาเข้านอนก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูหน้าบ้านเสียงดัง"ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ" เสียงเรียกที่หน้าบ้านมันเสียงของพี่ชายของนางชัดๆเลย"ท่านพ่อเสียงพี่ใหญ่เจ้าค่ะ" พูดจบนางก็วิ่งลงบ้านไปที่ประตูใหญ่เลยทันที บิดาวิ่งตามลูกสาวไปติดๆหลังจากที่บอกให้ภรรยานั่งรอที่นี้ห้ามวิ่งตามมาสั่งแล้วเขาก็วิ่งตามลูกสาวสาวไปที่หน้าบ้านเหมือนกันเซียวเย่วเย
"เซียวอี้ถังเปิดประตูบ้านเร็วๆเข้า" เสียงลุงผู้ใหญ่บ้านเคาะไม้เรียกเสียงดังลั่นที่ด้านหน้า"ขอรับๆข้ากำลังเปิดอยู่" ส่วนท่านแม่ยืนรอที่หน้าระเบียงบ้านพอเปิดประตูออกก็เห็นคนมากมายเต็มหน้าบ้านของนางไปหมด แม้แต่ท่านนายอำเภอยังมาเลยท่านพ่อกับเย่วเย่วก็ตกใจเหมือนกัน"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือท่านลุงทำไมคนมาบ้านของข้าเยอะขนาดนี้ละ" เซียวอี้ถังถามด้วยความสงสัยเหมือนกันส่วนเย่วเย่วนั้นนางตั้งสติแล้วรอฟังว่าทุกคนมีอะไรจึงมาหน้าบ้านของนางมากมายขนาดนี้มองคร่าวๆที่ด้านหลังนั้นอีกที่ชาวบ้านเดินตามกันมาจนจะหมดดทั้งหมู่บ้านเลยกระมัง นางคิดและมองดูคนที่แต่งตัวเป็นเหมือนขันทีในวังเหมือนในละครทีวีที่นางดูเป็นประจำทหารอีกเป็นร้อยรวมทั้งรถม้าหลายสิบคันที่จอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย"มีพระราชโองการจากองค์เหนือหัวถึงคุณหนูเซียวเย่วเย่ว" ทันทีเมื่อคำพูดถึงราชโองการจากผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นเยว่เยว่กับครอบครัวก็รีบคุกเข่ารอรับพระราชโองการทันที ชาวบ้านคนอื่นๆก็รีบยืนสำรวมรอฟัง "เซียวเย่วเย่วรับราชโองการคุณหนูเซียวเย่วเย่วทำความดีส่งเสบียงช่วยเหล่าทหารกล้าที่ไปรบที่ชายแดนกับท่านอ๋องซงตงหยางพระอนุชาของพร
สามพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันได้สักพักเสียงร้องของเหยี่ยวที่ท่านอ๋องคอยส่งข่าวก็ร้องขึ้นบริเวณท้องฟ้าเหนือบ้านของนางเสียงดังก่อนที่เจ้าตัวจะบินร่อนลงมาที่หน้าระเบียงบ้านเย่วเย่วร้องตะโกนเสียงดังตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงมันร้องตอนยังไม่เห็นตัวลงมาหน้าบ้านด้วยความดีใจ"โอ๊ะเจ้าเหยี่ยวมาแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่" ทุกคนยิ้มด้วยความดีใจกับเสียงนกยักษ์ของท่านอ๋องที่มาส่งข่าวหลังจากหายไปนานมันลงมาถึงก็ยกขาให้เย่วเย่วดึงเอาจดหมายที่ผูกมาด้วยเป็นอย่างดีแล้วรับอาหารของตนกินเงียบๆที่ที่ประจำเย่วเย่วเอาจดหมายพี่ชายให้บิดามารดาของนางต่างหากท่านพ่อรีบรับไปอ่านให้ท่านแม่ฟังทันที่'ถึงท่านพ่อท่านแม่น้องเล็กขอโทษที่หายไปนานคงจะทำให้พวกท่านเป็นห่วงตอนนั้นกำลังสู้รบไม่ค่อยมีเวลาตอนนี้ชนะข้าศึกแล้วอีกไม่นานจะได้เดินทางกลับมาบ้านรักและถึงทุกคนขอรับ เซียวอี้เหอ'ท่านแม่ยิ้มแก้มปริพอได้ยินว่าลูกชายกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า"ท่านพี่ข้าจะไปหาของกินอร่อยๆเอาไว้รอลูกของเราเจ้าค่ะพาข้าไปในห้องเสบียงหน่อยนะเจ้าคะ" นางรีบหันไปหาสามีเพื่อทำอาหารรอบุตรชายที่จากไปนับปี"น้องหญิงอาหารของเร