หน้าหลัก / แฟนตาซี / พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ / ตอนที่ 8 : เหตุการณ์ระทึกใจ(18+)

แชร์

ตอนที่ 8 : เหตุการณ์ระทึกใจ(18+)

ผู้เขียน: บุปผารัญจวน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-14 04:33:02

อินทุภาลืมตาตื่น ไม่แน่ใจว่าตื่นเพราะอะไร ฟ้าก็ยังไม่สว่าง เธอลืมตาแบบสะลึมสะลือ พยายามโฟกัสให้ชัดขึ้น พลันเห็นคนที่หลับอยู่ข้างๆ ก็หน้าร้อนวาบ เพราะนอนหันหน้าเข้าหากันกระชั้นชิดมาก

เธอตกใจขยับตัวถอยออกห่าง แล้วหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่อีกครั้ง ขนตาของเขาตกลงมาทาบผิวแก้ม สั้นแต่ดกหนา เวลาหลับอย่างนี้เครื่องหน้าเขาดูละมุน หน้าอ่อนคล้ายๆ เด็กน้อย

หยางหมิงอวี้ขยับนอนหงาย ตัวเลยออกไปนอกผ้าห่ม เพราะตอนที่อินทุภาถอยหลังออกห่าง ผ้าห่มเลยรั้งตามมาด้วย เธอเห็นเขายังหลับอยู่ เลยมองลงไปเรื่อยๆ ตามประสาคนอยากรู้ ซึ่งไม่เคยคุ้นกับสรีระของผู้ชาย

เสื้อตัวในของเขารัดกระชับตัว ทำให้เห็นลอนกล้ามของอกกว้างและช่วงแขนที่มีกล้ามนูนสวย ถ้าแต่งตัวปกติจะดูสูงเพรียว ไม่เห็นชัดเหมือนตอนนี้

อินทุภาคิดว่า เขามีมาดพระเอกอยู่ในตัว ถ้าเขาไปอยู่ในโลกปัจจุบันของเธอ คงเป็นพระเอกซีรี่ย์ได้สบายๆ

หุ่นพระเอกแท้ๆ ไม่มีผู้ร้ายปนสักนิด

เธอมองระเรื่อยไปตามแผงอก เอว และหน้าท้องตึงเรียบ ไหนๆ มองลงมาถึงเพียงนี้แล้ว เธอก็มองเลยลงไปอีกหน่อย จับตานิ่งอยู่เป็นครู่ บอกตัวเองว่า ตอนนี้ดูไม่น่าตกใจเหมือนตอนที่กอดรัดกระชับชิดตอนนั้น ซึ่งนูนแข็งจนน่ากลัว

กำลังมองเพลินๆ ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เธอห่อปากด้วยความตกใจ เหลือบตาขวับขึ้นมาสบตาเขาพอดี ไม่รู้ว่าเขาตื่นมามองเธออยู่นานเท่าไหร่แล้ว แต่คงนานพอที่จะเร้าอารมณ์เขาได้

ให้ตายเถอะ!! นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!!

อินทุภาขยับตัวลุกออกจากเตียงทันที แต่เขาคว้าเอวเธอเอาไว้

“อุ๊ย! ปล่อยเพคะ!”

“จะไปไหน! หันมาทางนี้!” เขาดึงตัวกดลงบนที่นอน ตรึงไว้ไม่ให้เธอขยับหนี

แค่คำกระซิบเท่านั้น เธอก็ขนลุกแล้ว เขาจูบเบาๆ ที่มุมปาก จูบแก้ม เลื่อนไปที่ติ่งหูเม้มเบาๆ

“ฝ่าบาท!” อินทุภารู้สึกสยิว พยายามยันอกเขาไว้

เขาเลื่อนจุมพิตมาที่ปากอย่างหนักหน่วง บังคับให้เธอเผยอรับปลายลิ้นของเขาที่ดุนเบาๆ กับปลายลิ้นของเธอ อินทุภาอ่อนใจ เผยอปากให้เขาจุมพิตตามแบบของเขา

อะไรที่เขาทำกับเธอ เขาก็ให้ทำกับเขาอย่างนั้น ถ้าเขาใช้ลิ้นดุนลิ้นของเธอ เขาก็หัดให้ใช้ลิ้นดุนลิ้นของเขาบ้าง อินทุภาเพลินไปกับบทเรียนที่เขาสอนให้ จนลืมกระดากอาย และลืมที่จะต่อต้าน เมื่อเขาก้มลงไซร้ที่ซอกคอ เธอก็ลูบผมลูบไหล่เขา พอเขาจูบระลงมาถึงโคนลำคอ ปลายลิ้นแตะนิดๆ ตรงจุดชีพจรเต้น เธอก็หงายหน้าขึ้นหายใจระรัว

เขาจูบที่ทรวงอก ปลายลิ้นไล้เบาๆ ที่ยอดอกผ่านเสื้อผ้าเนื้อบาง เธอแทบจะร้องออกมาดังๆ ด้วยความวาบหวามซาบซ่าน มีความรู้สึกว่า เป็นความทรมานที่สุมรุมอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด

อินทุภาจิกผมเขา พยายามจะดึงขึ้น แต่เขาหัวเราะเบาๆ และยังซุกไซร้ต่อ ทำให้เธอสยิวไปทั้งตัว เขาถอดเสื้อตัวบน และบราตัวจิ๋วออกไปตอนไหนไม่ทราบได้ รู้สึกนิ้วหัวแม่มือของเขาสัมผัสกับเนื้อแท้ไล้เบาๆ เป็นจังหวะ จนยอดอกของเธอตื่นตัว ริมฝีปากระเรื่อยลงมาแล้วซบตาม ใช้ฟันงับที่ยอดอกสีแดงระเรื่อ  หญิงสาวรู้สึกวาบหวิว จนต้องครางออกมาเบาๆ ด้วยความสุขที่ไม่เคยพบมาก่อน

เขาถอดเสื้อผ้าตัวเองเร็วมาก ก่อนจะกลับมากอดประคองอินทุภาไว้อีก เมื่อเขาเริ่มลูบไล้ต่อ เธอก็หลับตาเบียดตัวเข้าชิดอย่างไม่รู้ตัว แล้วลูบไล้แผ่นหลังกว้างนั้นบ้างเต็มฝ่ามือ ลูบเลยมาที่แขนแข็งแรงตึงด้วยกล้ามที่เป็นลอน สัมผัสที่ผิวเนื้อแน่นและอบอุ่น

หยางหมิงอวี้ซุกหน้าคลุกเคล้าเนินอก มือลูบเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง เอว สะโพก แล้วรั้งขอบกางเกงชั้นใน รูดไปตามขาแล้วโยนทิ้ง มือของเขาแตะส่วนสงวนที่ลี้ลับที่สุด ปลายนิ้วค่อยๆ แหวกแต่เบามือ เธอสะดุ้งแล้วพยายามรั้งมือเขาไว้ เขาเอาไหล่ดันมือออกแล้วจูบระจากอกลงมาถึงต้นขา จูบเลยไปถึงเข่า น่อง แล้ววนมาประทับจุมพิตหนักหน่วง ตรงเนินสวาทของเธอ

หยางหมิงอวี้ได้ยินเสียงหายใจเข้าแรงเหมือนจะตกใจ แต่ก็ยอมรับจุมพิตนั้น ไม่ผละหนีหรือผลักไสเขา จากนั้นก็กอดเขาไว้แน่น ไม่ยอมให้ผละออก นิ้วเรียวจิกแรงลงแผ่นหลังของเขา

“ฝะ..ฝ่าบาท!” เสียงครางครวญของหญิงสาวอ่อนระทวยปานจะขาดใจ

 เขาจับโคนขาให้แยกออก แลบลิ้นไล้เลียรอยแยก แล้วตวัดลิ้นไปยังสองกลีบด้านนอก พลางวกกลับมาด้านใน แทรกเรียวลิ้นอุ่นดุนดันเข้าไปในร่องนั้น ทำเช่นนี้ซ้ำๆ จนน้ำรักไหลออกมาตามรอยแยกจนเปียกชุ่ม ปลายลิ้นร้ายตวัดปลายเลียน้ำรักรสหวาน แล้ววนขึ้นมาเลียเม็ดน้อย ที่ไวต่อความรู้สึกของหญิงสาว อย่างอ่อนโยน ยิ่งใช้ลิ้นกดลงบนเม็ดนุ่มมากเท่าไหร่ น้ำสีใสก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ราวกับบ่อน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง เขาประกบปากทั้งดูดและขบเม้ม ใช้ปลายลิ้นดุนติ่งเสียวนั้นให้ไล้วนอยู่ในปาก

"อาา!..ดะ..ดี..เหลือเกิน" หญิงสาวครวญคราง มือกำผ้าปูเตียงแน่น ลำตัวแอ่นขึ้น บิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน

เขาขยับตัวกลับขึ้นมากอดไว้กระชับ หญิงสาวหายใจแรงรัวเนื้อตัวสะท้านด้วยอารมณ์ปรารถนา เขาเองก็อารมณ์แรงเต็มที่ จนแทบจะระงับไม่อยู่แล้ว เขาขยับตัวขึ้นมา โน้มลงกระซิบที่ข้างหู

“เป่าเป้ย์ คิดถึงเหลือเกิน อยากได้เหลือเกิน” 

อินทุภาไม่คิดจะปฏิเสธเลย เธอพอจะรู้ว่าเป็นการประพฤติผิด แต่เวลาเขาอยู่ใกล้ตัวแบบนี้แล้ว เธอนึกอะไรไม่ออกเอาจริงๆ

 หยางหมิงอวี้จับใต้พับเข่าขาเรียว ของอินทุภาให้แยกออก โน้มตัวลงไปเล็กน้อยเตรียมจะสอดใส่ หญิงสาวปรือตาขึ้นมองด้วยอารมณ์ที่วาบหวาม 

เฮ้ย..นั่น!!

“ฝ่า-บาท!!” อินทุภากรีดร้องเสียงลั่น

นัยน์ตากลมโตเบิกโพลง อย่างตกใจสุดขีด ประสาททุกส่วนตื่นตัว เมื่อเห็นไอ้โม่งชุดดำยืนถือมีดสั้น เงื้อมือเตรียมจะแทงข้างหลังหยางหมิงอวี้

ร่างที่คร่อมอยู่บนตัว ทำให้เธอไม่สามารถใช้มือได้ทัน แต่ด้วยสัญชาตญาณที่เร็วกว่าความคิด จึงเหวี่ยงเท้าข้างหนึ่งเตะขึ้นไปอย่างแรงที่ข้อมือของผู้ร้าย ทำให้มีดในมือมันกระเด็นหลุดปลิวไปไกล จนเกือบถึงมุมห้อง

จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่ง ผลักไหล่ของชายหนุ่มออกไปด้านข้าง ใช้แขนของเขาเป็นหลักในการโหนตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเหวี่ยงเท้าอีกข้าง ถีบยันเข้าที่หน้าอกของผู้ร้ายจนมันถอยห่างออกไป 

เธอพลิกตัวตีลังกากลับมาอย่างคล่องแคล่ว ม้วนตัวออกจากเตียงไปยังพื้นด้านล่าง พร้อมกับคว้าผ้าห่มติดมือมาเพื่อพันรอบตัว ปกปิดร่างกายที่ไม่อาจให้คนนอกได้เห็น ก่อนจะยืนขึ้นในท่าเตรียมพร้อม กำหมัดแน่น สายตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่ผู้ร้าย พร้อมรับมือกับการโจมตีครั้งต่อไป

หยางหมิงอวี้ตั้งหลักได้ พุ่งเข้าหาคนร้ายที่กำลังทรงตัวยืน ขาขวาของเขาลอยขึ้นสูงโดยอัตโนมัติ วาดเท้าเข้าตบกกหูของคนชุดดำ ซึ่งเข่าทรุดทั้งยืน มันทำท่างง แต่แล้วก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กำหมัดเหวี่ยงมาทั้งไวและแรง หยางหมิงอวี้ก้มหลบแล้ววาดเท้าเข้าที่ก้านคอของมันอีกครั้ง แต่มันก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาอีก เพราะร่างที่ใหญ่และแข็งแรง จึงเอาลงไม่ได้ง่ายๆ

คนชุดดำแผดเสียงร้องลั่น คงจะโกรธมากที่ถูกเตะทรุดถึงสองครั้งโดยหนุ่มหน้าสำอาง ซึ่งไม่น่าจะเก่งกาจอะไรเลย ความเจ็บทำให้มันคลั่ง บุกตะลุยเข้ามาบีบคอหยางหมิงอวี้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง

หยางหมิงอวี้เสียหลักและหายใจไม่ออก เขารวบรวมแรงฮึดระเบิดขึ้นโดยแรง จนเหมือนเขาลืมทุกอย่าง เตะซ้ายป่ายขวาอย่างบ้าคลั่ง มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นคนร้ายนอนสลบเหมือดอยู่แทบเท้า

“พอแล้ว! พอแล้วเพคะ!” อินทุภาเข้าไปรั้งแขนเขาเอาไว้ด้วยมือหนึ่ง อีกมือก็กำผ้าไว้แน่น

“แต่งตัว! เราต้องไปถึงชุมชนก่อนค่ำ” เขาพูดทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจแรง

……………………….

“พวกมันเป็นใครเพคะ ทำไมต้องลอบทำร้ายเรา” อินทุภาถาม หลังจากที่เขาอุ้มเธอขึ้นหลังม้าแล้ว

“ไม่แน่ใจ กำลังให้คนสืบอยู่เหมือนกัน อาจจะเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านที่เรากำลังจะไปนี่ก็ได้”

“มีเงื่อนงำอะไรหรือเพคะ?”

“เมื่อสองเดือนก่อน ข้าจะไปตรวจที่ชุมชนก็โดนลอบทำร้ายแบบนี้เหมือนกัน เลยส่งสายสืบเข้าไป คงจะได้เรื่องเร็วๆ นี้หรอก”

หยางหมิงอวี้ส่งมีดสั้นมาให้อินทุภา หลังจากที่เธอเห็นเขาค้นอะไรกุกกักในถุงผ้าที่พาดอยู่บนหลังม้า

“เอาติดตัวไว้ จากนี้เราจะต้องระวังตัวตลอดเวลา” เขาเตือน

อินทุภารับมาถือไว้ ตาก็มองหาที่จะเก็บซ่อนไว้กับตัว เขาเห็นท่าก้มๆ เงยๆ ของเธอ ก็อมยิ้มเล็กน้อย จากนั้นตลบชายกระโปรงพาดเข่า ดึงขากางเกงเธอขึ้น แล้วหยิบมีดสั้นที่มืออินทุภา ไปเสียบไว้ที่ถุงเท้ายาวสีขาวครึ่งหน้าแข้งของเธอ

อินทุภาไม่ได้สวมรองเท้าที่ลักษณะเป็นบูทยาวเหมือนของที่นี่ แต่สวมถุงเท้าครึ่งหน้าแข้งที่นำติดตัวมาด้วย กับรองเท้าผ้าใบสีขาว ปิดไว้ด้วยกางเกงขายาวกระชับตัว คลุมด้วยประโปรงยาวชั้นนอกที่ยาวลงมาบังรองเท้าไว้ได้พอดี

“ขอบพระทัยเพคะ” เธอยิ้มอายๆ

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าไม่มีอะไรมาขัดจะหวะเสียก่อนล่ะก็..” เขาพูดทิ้งท้าย ปากยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาโหยหารสพิศวาสหวาม บอกให้รู้เป็นนัยๆว่า เขาหมายถึงเหตุการณ์ระทึกใจ มากกว่าเหตุการณ์ระทึกขวัญ

อินทุภาหน้าแดงถึงคอ หันหน้าหนี กระตุ้นม้าออกเดิน เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะโล่งใจหรือเสียดายกันแน่ มันสับสนปนเปกันไปหมด ที่รู้แน่ๆ คือ เขากับเธออยู่ใกล้กันก็เหมือนไฟกับน้ำมัน คอยแต่จะเผาไหม้กันอยู่ตลอดเวลา

หยางหมิงอวี้กระตุ้นม้า ให้เดินมาเคียงกับซิงเหม่ย

“การพบเจ้าครั้งนี้ มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก”

“อย่างเช่นอะไรเพคะ?”

“ที่เห็นตอนนี้ก็เรื่องขี่ม้า ทักษะการต่อสู้ ดูเหมือนอารมณ์ร้อนจะน้อยลงไปด้วย แล้วก็คงจะมีอะไรตามมาอีกแน่ๆ”

อินทุภาอมยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถาม

“แล้วท่านเยว่คนนั้นเล่าเพคะ ขี่ม้าไม่เป็นรึ?”

“ส่วนใหญ่จะใช้รถเทียมม้าตลอด ไม่เคยเห็นขึ้นหลังม้าสักที เอ..หรือว่าทักษะส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้แสดงออกมา เพราะช่วงเวลานั้นไม่เคยมีศัตรูในที่ลับแบบนี้”

“เล่นกันถึงตายเลยเชียว แสดงว่าผลประโยชน์ที่ได้คงจะมหาศาลน่าดู” อินทุภาตั้งข้อสังเกต

“ไปถึงแล้วคงจะได้รู้อะไรบ้างหรอก” หยางหมิงอวี้พูด แล้วก็กระตุ้นม้าให้ออกควบเต็มฝีเท้า รีบเร่งเดินทางโดยมีอินทุภาตามไปติดๆ ซึ่งขนาดรีบเร่งเดินทางไม่ได้หยุดพัก ก็ยังมาถึงที่หมายเกือบจะโพล้เพล้เต็มที อินทุภากะเวลาว่าน่าจะประมาณยามเหม่า หรือช่วงห้าถึงหกโมงเย็นของเมืองไทย

หยางหมิงอวี้ชะลอความเร็ว รอให้อินทุภามาเดินเคียง

“แถวนี้เต็มไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน เราสำรวจเจอทองกับอัญมณีที่นี่ เลยตั้งชุมชนทำเหมืองกับอัญมณีขึ้น ซึ่งชุมชนนี้เจ้าเคยพูดว่าอยากทำมาก แต่มาก่อตั้งทีหลัง ข้างหน้านี่แหละถึงแล้ว”

หยางหมิงอวี้พูดแล้วกระตุ้นม้าให้วิ่งเหยาะเร็วขึ้นอีกนิด

“แต่ชาวบ้านในชุมชน มีคนต่างถิ่นปะปนอยู่มาก ไม่ใช่คนเขตเหนือทั้งหมด เราหาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้ามาสอน เพื่อสร้างอาชีพ และคนต่างถิ่นที่เชี่ยวชาญด้านนี้ก็อพยพขอเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยอีก ก็เลยกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่”

คนต่างถิ่นพวกนี้ มาเพราะผลประโยชน์มหาศาลที่ได้จากเหมืองทองและอัญมณีนี่สินะ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนพิเศษ (2) : แฝดร้ายสายเกรียน! แห่งหยางซื่อ  

    หยางหมิงอวี้นอนรอภรรยาที่พาลูกๆ ไปเข้านอนด้วยความอดทน ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมานอนที่ห้องหรือว่าเผลอหลับนะ? เขากำลังจะก้าวเท้าลงจากเตียง ก็พอดีเห็นร่างอวบอิ่มยั่วยวนใจเดินเข้าประตูมาพอดี เขายิ้มอย่างยินดี อ้าแขนออกกว้างรอให้ภรรยาโผเข้าหาอินทุภายิ้มหวานเดินเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรง แล้วกัดคางเขาเบาๆ เสียงฟ้าร้องครืนๆ มาแต่ไกลทำให้เธอชะงักเล็กน้อย"มีอะไรรึ?" หยางหมิงอวี้ถามเสียงอู้อี้ เพราะกำลังซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น"ฟ้าร้องเพคะ เด็กๆ กลัวเสียงฟ้าผ่า""เอาน่า คงยังไม่ใช่ตอนนี้ เสียงยังอยู่อีกไกล มาให้ผัวชื่นใจก่อน รออยู่นานแล้ว" เสียงเขาแตกพร่าฝ่ามือแข็งแรงจับท้ายทอยรั้งริมฝีปากอวบอิ่มเข้าหา ล้วงลิ้นซอกซอนหาความอบอุ่นภายใน เขาอดอยากมาเป็นเดือนแล้ว เพราะต้องออกไปลาดตระเวน ลมปราณแทบจะแตกซ่านอยู่รอมร่อ ฝ่ามืออีกข้างลูบไล้เรือนร่างด้วยความรักใคร่หลงใหล แล้วช้อนบั้นท้ายกลมกลึงยกขึ้น กดแนบชิดกลางลำตัว ริมฝีปากซุกไซร้ซอกคอและไหล่บอบบาง ขบกัดเม้มเบาๆ จนเกิดรอยแดงจางๆ กระจายไปทั่ว"อาา..ฝ่าบาท" เสียงหวานครวญครางเบาๆเปรี้ยงงง!! ครืนนน!!แล้วอยู่ๆ ฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาดังสนั่น เ

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ    ตอนพิเศษ (1) 

    ตอนพิเศษ (1) ::: Cut Scene 1 :::คุณอรรพีพาตัวเองมาถึงที่วัดป่าจนได้ เธอฝันมาสองสามคืนแล้วว่า แม่ชีอินทุกรให้เธอเดินทางมาหา ซึ่งเธอก็ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว เพื่อจะสอบถามเรื่องลูกสาวที่หายไป เธอมั่นใจว่า เธอต้องได้คำตอบจากคุณแม่อย่างแน่นอน "ไหว้พระเถอะลูก" แม่ชีอินทุกร ยกมือรับไหว้ระดับอก หลังจากคุณอรรพี ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ก้มลงกราบแบบเบญจางค์ประดิษฐ์"มาจนได้นะเรา เป็นอย่างไรบ้าง?""สบายแค่กายค่ะคุณแม่ แต่ในใจยังเต็มไปด้วยความวิตกกังวลจนนอนไม่ค่อยหลับ " เธอกล่าวเสียงเรียบแม่ชีอินทุกรถอนใจ แล้วยิ้มน้อยๆ"ทุกข์กับสิ่งที่ยังไม่เกิด ทุกข์กับสิ่งที่ยังไม่มี ทุกข์กับสิ่งที่ยังมองไม่เห็น ในเมื่อคำว่า "ยัง" มีแต่ความว่างเปล่า แล้วจะเก็บไปทุกข์ทำไมล่ะ""ลูกฝันเห็นยัยอินของเราค่ะ ฝันซ้ำๆ เดิมๆ แล้วแกก็มาหายไปแบบนี้ ก็รู้สึกเป็นห่วงมาก ติดต่อก็ไม่ได้""ทางโน้นเขาว่าอย่างไรบ้างล่ะ ที่เจ้าอินหายไป""เขาเล่าให้ฟัง..ถึงเหตุการณ์ก่อนที่หนูอินจะหายตัว พ่อเขาก็คิดว่าอาจจะเป็นไปตามนั้น ตระกูลเขาเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ ที่บรรพบุรุษเล่าต่อๆ กันมา เลยไม่อยากให้แจ้งความ ให้รอจนกว่าลูกจะกลับมาเอง""เรื

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 67 : ตอนจบ (2) ต้นกำเนิดแห่งสายเลือดและชะตากรรม

    "มีข่าวคืบหน้าทางหยางซื่อหรือไม่?" หวางกุ้ยเฟยถามองค์หญิงหยางมี่ ขณะกำลังปอกสาลี่ใส่จาน"เอ๋อเหนียงรู้ไหมว่า ชาวเมืองหยางซื่อ เขาเล่าลือกันอย่างไรบ้าง เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้น!""เล่าลืออะไร?" หวางกุ้ยเฟยสงสัย"เขาพูดกันว่า พระชายาใช้พลังเวทย์ แสดงอิทธิฤทธิ์เรียกลมเรียกฝนได้ ทำให้กองทัพเชี่ยแตกกระเจิงเพราะถูกน้ำหลาก แถมยังเรียกสายฟ้า ให้ผ่าลงกลางสนามรบได้อีก! ทหารนับแสนแตกตื่นจนลืมโจมตี ส่วนผู้บัญชาการทัพเชี่ย ที่เข้ามาลอบสังหาร ก็ถูกฟ้าผ่าที่แขนจนไหม้เกรียม ต้องเสียชีวิตในสนามรบ เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว! แล้วอะไรอีกนะอินชง..""มีข่าวลือจากทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าต่อกันมาถึงชาวเมืองว่า พระชายาทรงสั่งให้ฝังระเบิดรอบสมรภูมิทั้งสามด้าน เพื่อสกัดกั้นทัพเชี่ย ไม่ให้บุกเข้ามาในเมือง ระเบิดเหล่านี้มีจำนวนมากพอที่จะสังหารทหารได้นับหมื่นนับแสนคน และยังไม่รวมถึงกระสุนปืนใหญ่อีกจำนวนมหาศาลที่เตรียมไว้ ก่อนหน้านั้นยังมีการปล่อยโคมลอยเพื่อลอบโจมตี เผาเสบียง และโรยผงหมามุ่ย เพื่อตัดกำลังทัพเชี่ยไปได้มาก" อินชงพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม "ยิ่งไปกว่านั้น พระชายายังทรงนำทัพหน้า บุกตะลุยฝ่าข้าศึก เพื่อเป

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 66 : ตอนจบ (1)

    สมรภูมิรบด้านนอกเมืองเงียบสงบลงแล้ว เหลือเพียงทหารกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังค้นหาผู้รอดชีวิต มูลากำลังทำแผลที่หัวไหล่ให้อินทุภา ขณะที่เธอก็กำลังนั่งรอรับโทษทัณฑ์จากสามีอยู่ที่ห้องโถง "ไม่ต้องห่วงเรื่องแผลที่หัวไหล่ เป็นคนอื่นคงนอนหยอดน้ำข้าวต้มหลายวัน แต่มีพวกเราอยู่อีกสามวันก็ดีขึ้นแล้ว!" มูลาพูดขณะพันแผลเสร็จเรียบร้อย"ตอนต่อสู้กับองค์ชายซุน ฉันน่ะลุ้นสุดตัว! ภาวนาขอให้นายท่านกลับมาเร็วๆ มีเพียงพลังธาตุข่มในตัวเขาเท่านั้น ที่จะสยบองค์ชายซุนได้!" ลูน่ากล่าว"แล้วพลังเวทย์ของพวกเธอช่วยฉันไม่ได้เลยหรือ?" อินทุภาสงสัย"ราชาดาวนิลมีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก แม้แต่พวกเรายังสู้ไม่ได้ แล้วท่านจะไหวได้อย่างไร!" เรกิพูดขึ้นมาบ้าง"นายท่านมาแล้ว!!" เอกิลเตือน ทุกคนหันไปมองประตู แล้วเลือนหายไปประตูถูกเปิดออกอย่างแรง คนที่กำลังเดินผ่านประตูเข้ามามีสีหน้าราวกับพยัพฝน คงทำความสะอาดเนื้อตัวมาแล้ว จึงเหลือแต่เสื้อตัวใน เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ แววตาที่เคยสุภาพอบอุ่น ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความคมกล้า จ้องมองเขม็งอย่างเอาเรื่องเต็มที่ จนทำให้เธอไม่กล้าแม้จะสบตาตรงๆ ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คงต้องแก

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 65 : ลั่นกลองรบ!

    ตอนนี้ยามซื่อแล้ว(09.00-10.59น.) ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึน ราวกับธรรมชาติ กำลังสำแดงอำนาจข่มขวัญโลกมนุษย์ ฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย สลับกับสายลมกระโชกแรง อินทุภายืนอยู่บนกำแพงเมือง สายตาจับจ้องไปยังขอบฟ้า รอคอยสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างสงบ เธอไม่อยากปกป้องตนเอง ด้วยการทำลายชีวิตของผู้อื่น แม้ว่าวิวัฒนาการจากโลกอนาคต จะทำให้เธอโกงความตายได้ ทว่าหลังแนวกำแพงนี้ มีประชาชนหยางซื่อนับหมื่นชีวิต ฝากความหวังไว้กับเธอเพียงผู้เดียว พวกเขาเชื่อมั่นว่า เธอจะปกป้องครอบครัวของพวกเขา จากความโหดร้ายของศัตรูได้ สายตาทุกคู่ จับจ้องไปยังแผ่นหลัง ของหญิงสาวในชุดเกราะ เธอไม่มีปิ่นปักผมล้ำค่า หรืออัญมณีงดงาม เหมือนสตรีทั่วไป แต่กลับใช้เพียงเชือกสีดำ มัดรวบมวยผมไว้อย่างเรียบง่าย แม้ภายนอกจะดูบอบบาง แต่ภายในกลับแข็งแกร่ง ดุจนักรบที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วนับร้อยครั้ง"ทัพเชี่ยอยู่ห่างออกไปห้าหลี่แล้วขอรับ!" ทหารรายงานพลางยื่นกล้องส่องทางไกลให้ อินทุภารับมา และเพ่งมองออกไปเบื้องหน้า ความทะเยอทะยานอันเห็นแก่ตัวขององค์ชายซุนจ่งซาน ได้ลากกองทหารที่อ่อนล้า และตรากตรำจากภัยธรรมชาติ ให้มาหยุดยืนอยู

  • พระจันทร์หวามรักข้ามมิติ   ตอนที่ 64 :  ความลับที่มาพร้อมกับเรกิ!!

    "เสี่ยวจื่อเด็กดี! เจ้าไม่กินไม่นอน ข้าทุกข์ใจยิ่ง!" ฮ่องเต้ดูจะชมชอบการเปลื่ยนชื่อเรียกหญิงสาว ถ้าไม่เสี่ยวจื่อ ก็เป็นเสี่ยวซา"ก็หม่อมฉันเป็นห่วงเสด็จพ่อกับท่านแม่นี่นา แล้วยังมีพี่ชายทั้งสามที่ต้องรบอยู่แนวหน้าอีก!" จือซาทำหน้าเศร้า"เจ้าอย่ากังวลไปเลย มีแม่ทัพหยางอยู่ทั้งคน เขาเก่งกล้าสามารถเพียงใดเจ้าก็รู้ ทุกคนจะปลอดภัยจากสงครามครั้งนี้! ข้ารับรอง!""อืม" หญิงสาวรับคำ พร้อมกับซุกหน้าลงไปที่อกกว้าง"ถ้างั้น! ดื่มซุปไก่นี่สักหน่อย ข้าลงครัวด้วยตัวเองเชียวนะ!" เขาพูดอย่างภาคภูมิใจฮ่องเต้ตักชิ้นไก่ตุ๋นเนื้อนุ่มพอดีคำใส่ไว้ในช้อน ส่งถ้วยให้เธอถือ แล้วเดินไปรินน้ำชา จือซามองถ้วยซุปด้วยความซึ้งใจ ในมุมอ่อนโยนของเขา ซึ่งมักจะทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนพิเศษอยู่ตลอดเวลา หญิงสาวยิ้มบางๆ พลางยกช้อนขึ้นใส่ปาก"อื๋ออ..เค็ม!!" เธอพูดแล้วชะงักกึก รีบเงยหน้ามองฮ่องเต้กลัวเขาจะน้อยใจ ซึ่งเขาก็หันมาทันที ที่ได้ยินเสียงเธออุทานออกมา"อื้อหือ!..ขะ..เข้ม!..เข้มข้นมาก! นับว่าเปิดหูเปิดตาหม่อมฉันแล้ว!" เสียงพูดจืดเจื่อนเพราะรู้สึกขมไปตลอดช่องคอ พยายามปรับสีหน้าให้อยู่ในระดับปกติ ฮ่องเต้หนุ่มยิ้ม น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status