สองวันผ่านไป ตามที่หมอหลวงในจวนเฟิงอ๋องได้แจ้งไว้ว่า อาการของเสี่ยวหงน่าจะออกฤทธิ์รุนแรงแล้ว ฉินเจียวเยี่ยนจึงได้จัดเตรียมผ้าไหมซูโจวที่อยู่ในคลังของจวนเฟิงอ๋องออกมาหลายสิบพับ เพื่อนำไปเป็นข้ออ้างในการกลับจวนซ่านเต๋อโหว
“ท่านแม่” ฉินเจียวเยี่ยนเรียกหลินซื่อในขณะที่ยกชายกระโปรงก้าวเข้ามาในจวน
หลินซื่ออ้าแขนรอรับบุตรสาว พลางถามอย่างสงสัย “เหตุใดเจ้าจึงกลับจวนอีกแล้วเล่า? เมื่อสองวันก่อน เจ้าก็เพิ่งกลับมา เจ้ากลับจวนมารดาบ่อย ๆ เช่นนี้ จะทำให้ผู้คนสงสัยในความสัมพันธ์ของเจ้ากับท่านอ๋องได้นะ”
“ข้าทราบดีเจ้าค่ะ ท่านแม่” ฉินเจียวเยี่ยนปลอบประโลม จูงมารดาและพี่สาวเข้าไปนั่งที่โถงด้านหน้า “พอดี ข้าเจอผ้าไหมซูโจวในคลังของจวนเฟิงอ๋อง จึงคิดว่า หากนำมาให้ท่านแม่และพี่หญิงตัดชุดสวมใส่ คงจะดีไม่น้อย”
“นี่ เจ้าขโมยผ้าไหมออกมารึ?” หลินซื่อจับใจความแล้วถามเสียงสูง ยกมือขึ้นตีแขนฉินเจียวเยี่ยนไม่แรง แต่ก็ไม่เบานัก
ฉินเจียวเยี่ยนสะดุ้งปฏิเสธในทันที “ท่านแม่! อย่ากล่าวหาข้าสิเจ้าคะ ขโมยสิ่งใดกัน ผ้าไหมซ
“ฝ่าบาท เฟิงอ๋องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” โจวกงกงเดินเข้ามากราบทูลด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนยามที่ฮ่องเต้กำลังอ่านฎีกาการซ่องสุมกำลังของหย่งอ๋อง“เฟิงเอ๋อร์?” ฮ่องเต้เจิ้นหลงทวนคำด้วยความสงสัย “มาด้วยเรื่องใดกัน?”โจวกงกงส่ายหน้าเล็กน้อย “เฟิงอ๋องมิได้บอกพ่ะย่ะค่ะ”“มิใช่ว่าจะมาเอาคำตอบเรื่องของหย่งอ๋องหรอกนะ” ฮ่องเต้เจิ้นหลงบ่นอย่างระอาใจ แค่เขาส่งคนไปตามลูกชายตัวดีให้กลับมาต้อนรับแขกเหรื่อในงานมงคลของมันเองมันก็ดันโยนฎีกาซ่องสุมกำลังพลของหย่งอ๋องมาให้เขาจัดการ ด้วยข้ออ้างที่ว่า ให้เขาได้มีโอกาสสั่งสอนบุตรชายด้วยตนเองเฮอะ ดูก็รู้ว่า มันกำลังเอาคืนเขา!!โจวกงกงได้แต่ยกยิ้มอย่างเจื่อน ๆ “...”ฝ่าบาทจะรบกัน พวกกระหม่อมก็ขอนั่งแทะเม็ดแตงอยู่เงียบ ๆ ดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ“ไป ไป เรียกให้เข้ามา” ฝ่าบาทโบกพระหัตถ์อนุญาตให้เข้าเฝ้าสุดท้าย ฮ่องเต้เจิ้นหลงก็พระทัยอ่อนกับโอรสองค์โปรดที่ประสูติกับชุยเสียนเฟย สนมสุดที่รักของพระองค์อยู่ดี
ตำแหน่งฮ่องเต้เป็นตำแหน่งที่เขาไม่เคยคิดฝันอยากจะแย่งชิงมาในมือแม้ในช่วงที่กำลังเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์เลือดร้อน เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กอยู่แนวหน้าของสงคราม เคยมีบางครั้งที่อารมณ์ชั่ววูบ อยากยึดครองบัลลังก์เสียเอง เพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายการปกครอง ให้มันเป็นไปดั่งที่เขาหวังไว้แต่ยิ่งนานวัน ได้เห็นเสด็จพ่อทรงงานอย่างหนัก บรรดาองค์ชายกระโจนเข้าสู่วังวนของอำนาจ เพื่อแก่งแย่งบัลลังก์มังกร ทั้งที่เสด็จพ่อยังมีพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ เขาก็เริ่มเหนื่อยใจแม้แต่ฉีอ๋องที่มีหนิงซูเฟยให้การสนับสนุนแย่งชิงบัลลังก์ ยังต้องคอยระดมสมอง วางแผนการต่าง ๆ ลงทุนลงแรง เพื่อให้เสด็จพ่อโปรดปรานจนแต่งตั้งเป็นไท่จื่อส่วนเขาที่เป็นเพียงพระโอรสเลี้ยง เพราะพระมารดาของเขา ชุยเสียนเฟยสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ให้ประสูติเขาเมื่อนานมาแล้ว เบื้องหลังของเขาจึงไม่มีใคร ไม่มีผู้ใดคอยผลักดัน สั่งการให้เขาต้องวางตัวอย่างไร เพื่อให้ได้ตำแหน่งนั้นมาอิสระเป็นของเขาเสมอมา...แม้กระทั่งยามที่เขาได้รับอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวจากเสด็จพ่อในการจัดการกองกำลังซ่องสุมกำลังของเหล่าองค์ชายหรือท่านอ๋อง
ยามเซิน รถม้าของจวนเฟิงอ๋องจึงเดินทางกลับถึงจวน ฉินเจียวเยี่ยนมอบหมายหน้าที่ให้ชุนเถาพาเสี่ยวหงไปพักที่เรือนรับรอง เพื่อ ‘ดูอาการ’ ส่วนตนก็เดินกลับไปที่เรือนอี้หงอย่างคุ้นเคย“เอ๊ะ” ฉินเจียวเยี่ยนเหลือบเห็นตงไฮ่ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าห้องหนังสือ “ท่านพี่กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เท้าเล็กเปลี่ยนทิศทางตรงไปยังห้องหนังสือทันที“พระชายา” ตงไฮ่ประสานมือคำนับ “ท่านอ๋องประทับอยู่ในห้องพ่ะย่ะค่ะ”ตงไฮ่รายงานในทันใด เพราะตั้งแต่พระชายาย้ายเข้ามาอยู่ในจวน ครั้นเจอหน้าเจ้านายคนใดก็จะถามหาอีกฝ่าย จนสุดท้ายจึงเป็นที่รู้กันทั้งจวนว่า หากพบหน้าคนใดคนหนึ่งก็ให้รายงานไปเลยว่า อีกฝ่ายประทับอยู่ที่ใด“อา ท่านอ๋องยุ่งอยู่หรือไม่?”ตงไฮ่เม้มริมฝีปากอย่างลังเลในยามนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ท่านอ๋องกำลังมีเรื่องหนักใจ ตามปกติแล้ว ท่านอ๋องจะห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนอย่างเด็ดขาด หากยามหน้าประตูยังอยากมีลมหายใจอยู่“ไม่ยุ่งพ่ะย่ะค่ะ” ตงไฮ่ตอบอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเสียเวล
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ บานประตูของเรือนสาวใช้ก็เปิดออก หมอหลวงต่งเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ฉินเยี่ยนฟางรีบถลาไปสอบถามอาการของเสี่ยวหงในทันที“เสี่ยวหงมีอาการเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? ท่านหมอสามารถรักษาได้หรือไม่เจ้าคะ? แล้ว...”“พี่หญิงใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ” ฉินเจียวเยี่ยนรีบพูดแทรกขึ้นมา “ให้หมอหลวงต่ง ท่านได้อธิบายเสียก่อน”ฉินเยี่ยนฟางราวกับได้สติ คุมลมหายใจให้สงบลง “อา ขออภัยท่านหมอหลวงเจ้าค่ะ ข้าเสียมารยาทแล้ว”“ข้าเข้าใจความเป็นห่วงของคุณหนูใหญ่ดีเจ้าค่ะ” หมอหลวงต่งระบายรอยยิ้มอ่อนโยนฉินเจียวเยี่ยนจึงได้ถามอาการแทน “แล้วอาการของเสี่ยวหงเป็นอย่างไรบ้าง?”“เฮ้อ อาการของนางช่างพิกลนัก มีไข้ขึ้นสูง ร่างกายร้อนผ่าว แต่นางกลับบอกว่า หนาวสะท้านถึงกระดูกตลอดเวลา” หมอหลวงต่งอธิบายอาการด้วยสีหน้าท่าทางที่หนักใจ “อีกทั้งยังมีรอยผื่นที่บริเวณใต้ร่มผ้าอีกด้วย”ฉินเยี่ยนฟางที่ยิ่งฟังอาการของสาวใช้คนสนิทก็ยิ่งมีสีหน้าซีดเผือด “ละ แล้วไม่ทร
สองวันผ่านไป ตามที่หมอหลวงในจวนเฟิงอ๋องได้แจ้งไว้ว่า อาการของเสี่ยวหงน่าจะออกฤทธิ์รุนแรงแล้ว ฉินเจียวเยี่ยนจึงได้จัดเตรียมผ้าไหมซูโจวที่อยู่ในคลังของจวนเฟิงอ๋องออกมาหลายสิบพับ เพื่อนำไปเป็นข้ออ้างในการกลับจวนซ่านเต๋อโหว“ท่านแม่” ฉินเจียวเยี่ยนเรียกหลินซื่อในขณะที่ยกชายกระโปรงก้าวเข้ามาในจวนหลินซื่ออ้าแขนรอรับบุตรสาว พลางถามอย่างสงสัย “เหตุใดเจ้าจึงกลับจวนอีกแล้วเล่า? เมื่อสองวันก่อน เจ้าก็เพิ่งกลับมา เจ้ากลับจวนมารดาบ่อย ๆ เช่นนี้ จะทำให้ผู้คนสงสัยในความสัมพันธ์ของเจ้ากับท่านอ๋องได้นะ”“ข้าทราบดีเจ้าค่ะ ท่านแม่” ฉินเจียวเยี่ยนปลอบประโลม จูงมารดาและพี่สาวเข้าไปนั่งที่โถงด้านหน้า “พอดี ข้าเจอผ้าไหมซูโจวในคลังของจวนเฟิงอ๋อง จึงคิดว่า หากนำมาให้ท่านแม่และพี่หญิงตัดชุดสวมใส่ คงจะดีไม่น้อย”“นี่ เจ้าขโมยผ้าไหมออกมารึ?” หลินซื่อจับใจความแล้วถามเสียงสูง ยกมือขึ้นตีแขนฉินเจียวเยี่ยนไม่แรง แต่ก็ไม่เบานักฉินเจียวเยี่ยนสะดุ้งปฏิเสธในทันที “ท่านแม่! อย่ากล่าวหาข้าสิเจ้าคะ ขโมยสิ่งใดกัน ผ้าไหมซ
“ท่านอ๋อง ตื่นเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงปลุกจากคนสนิทดังขึ้น ทำให้เซียวชิงฉีที่กำลังหลับพักผ่อนบนเตียงนุ่มต้องพลิกตัวหนีเสียงนั้นด้วยความหงุดหงิด“ข้าเพิ่งจะได้นอนเองนะ เฉินฟู่” เซียวชิงฉีดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้า ราวกับต้องการตัดขาดไม่ได้ยินเสียงใดอีกต่อไปเฉินฟู่ “โธ่ ท่านอ๋อง ก็ท่านร่ำสุรากับเจ้าเมืองชางหลินถึงยามโฉ่ว ท่านจึงเพิ่งจะได้บรรทมอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”เซียวชิงฉีนิ่งเงียบไป ทำให้เฉินฟู่เข้าใจว่า ชายหนุ่มกำลังคิดทบทวนคำที่เขากล่าว จนกระทั่งได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ลอดออกมาจากผ้าห่ม เขาจึงได้รู้ว่า ท่านอ๋องของเขาบรรทมหลับสนิทไปอีกแล้ว“ท่านอ๋อง” เฉินฟู่ลากเสียงอย่างละเหี่ยใจ พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อนึกถึงจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของฉีอ๋อง “หนิงซูเฟยเสด็จมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องมิยอมตื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ห้ะ! อะไรนะ ข้าตื่นแล้ว ข้าตื่นแล้ว หมู่เฟย” ใบหน้าหล่อเหลาที่เร่งรีบปัดผ้าห่มลงจากตัว เบิกสองตาออกกว้าง เพื่อยืนยันว่าตนเองตื่นเต็มสองตาดีแล้ว &ldq