“กลิ่นเป็ดทอดกรอบของที่นี่หอมดีเหลือเกิน” เซียวชิงฉีสูดจมูกรับกลิ่นอาหารที่หอมอบอวลไปทั่วห้อง
ฉินเจียวเยี่ยนรีบเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “หากฉีอ๋องไม่รังเกียจ ขอเชิญร่วมโต๊ะกันได้หรือไม่เพคะ?”
“มิใช่ว่า จะเป็นการรบกวนพวกเจ้าพี่น้องหรอกหรือ?” เซียวชิงฉีแสร้งถามอย่างเกรงใจ เพราะอย่างไร พวกเขาก็เป็นฝ่ายเข้ามาแทรก
“ไม่เป็นการรบกวนเลยเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนรีบตอบ แล้วจึงหันไปถามฉินเยี่ยนฟางด้วยอีกคน “จริงหรือไม่เจ้าคะ? พี่หญิง”
“จริงเพคะ” ฉินเยี่ยนฟางยิ้มรับอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบอกเหตุผลประกอบเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้แขกไม่ได้รับเชิญเก้อเขินจนเกินไป “ค่ำคืนนี้ เป็นคืนเทศกาลโคมไฟ หากไม่จองโต๊ะไว้ก่อน คงไม่สามารถหาโต๊ะนั่งได้นะเพคะ”
เซียวชิงฉีกำลังจะอธิบาย “ความจริงแล้ว...”
เซียวชิงเฟิงที่ไม่สนใจสิ่งใด เดินดุ่ม ๆ เข้าไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องทันที
เซียวชิงฉีได้แต่มองตาค้าง “...”
เสด็จพี่ พวกเราเองก็จองห้องไว้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังเป็นชั้นห้าที่วิวดีและแพงที่สุดอีกด้วย
เมื่อครู่ เขาเพียงแสร้งถามความสมัครใจของคุณหนูจวนซ่านเต๋อโหวไปเพ
“หม่อมฉันอยากทำโรงนวดเพคะ” เมื่อเห็นแววตาแห่งความสงสัยของอีกฝ่าย ฉินเจียวเยี่ยนจึงได้รีบขยายความต่อ “จริงอยู่ว่า สามารถสั่งให้บ่าวหรือสาวใช้ในเรือนนวดให้ก็ย่อมได้”“แล้วการนวดส่วนใหญ่จะเป็นการนวดจากหมอที่เน้นการกดจุดและคลึงเส้นลมปราณ แต่สิ่งที่หม่อมฉันอยากทำ คือ การนวดเพื่อความผ่อนคลาย โดยใช้น้ำมันนวด ซึ่งสามารถบำรุงผิวพรรณสำหรับสตรีได้ด้วยเพคะ”เซียวชิงเฟิงครุ่นคิดตามคำกล่าว พยักหน้าพอจะเข้าใจ “ก็นับว่าน่าสนใจ แต่คงไม่มีสตรีนางใดกล้ามานวดที่นอกเรือนเช่นนี้กระมัง อย่าได้กล่าวถึงการมานวดในหอนางโลมเช่นนี้เลย ”“หม่อมฉันเข้าใจดี แม้ว่าลูกค้าหลักของหม่อมฉัน คือ กลุ่มสตรีที่ต้องการนวดเพื่อบำรุงผิวพรรณก็จริง แต่ลูกค้ากลุ่มแรกที่หม่อมฉันต้องการจับ คือ บุรุษที่มาเที่ยวหอนางโลมต่างหากเพคะ”ดวงตาดอกท้อของเซียวชิงเฟิงเป็นประกายด้วยความสนใจในความคิดแปลกใหม่ของหญิงสาวตรงหน้า “อย่างไร?”“เพราะบุรุษออกมาเที่ยวหอนางโลมได้ง่ายกว่า ดังนั้น เมื่อหม่อมฉันจึงจัดให้มีบริการนวดผ่อนคลายสำหรับบุร
เสี่ยวเอ้อร์ของโรงน้ำชาจินอวี้ พาเซียวชิงเฟิงและฉินเจียวเยี่ยนขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้นสอง ก่อนจะปิดบานประตูให้อย่างเรียบร้อยเซียวชิงเฟิงสะบัดชายเสื้อลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่วงท่าที่น่ามอง ท่ามกลางสายตาของแม่นางน้อยที่เดินตามหลังท่วงท่าสง่างามสมกับที่เป็นพระเอกจริง ๆเสียงชื่นชมในใจของฉินเจียวเยี่ยนดังขึ้น แผ่นหลังของเซียวชิงเฟิงก็เหยียดตรงมากยิ่งขึ้น เขาหันมามองนางอย่างช้า ๆ ประคองความสง่างามไว้เช่นนั้นคอจะเคล็ดไหมล่ะนั่น...สีหน้าของเซียวชิงเฟิงเย็นลงสองส่วน ก่อนจะถามเสียงเข้ม “เจ้าไปทำสิ่งใดที่หออวี่หลิน?”“หม่อมฉันตั้งใจจะซื้อหออวี่หลินเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนก็ตอบทันทีด้วยความสัตย์จริงเซียวชิงเฟิงตกตะลึง “...”เซียวชิงเฟิงมิได้เพียงตกตะลึงในคำตอบของนางเท่านั้น แต่ยังตกใจที่นางกล้าตอบตามความจริงแก่เขาอีกด้วยนี่หมายความว่า นางไม่ได้เห็นเขาเป็นคนอื่นคนไกลใช่หรือไม่? จึงได้กล้าบอกความจริงเช่นนี้รอยยิ้มกำลังหยักสูงขึ้น เมื่อคิดได้เช่นนั้นกำลังกังวลอยู่
สามหนุ่มในวัยที่ราวกับเพิ่งผ่านพิธีสวมกวานมา กำลังยืนอยู่หน้าหอนางโลมแห่งหนึ่งอย่างสง่าผ่าเผย“คุณห... คุณชาย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ดีที่คุณชายจะมาเลยนะขอรับ”ชุนเถาพยายามดัดเสียงให้ทุ้มลง เพื่อให้เหมาะกับการปลอมตัวเป็นบุรุษชุนหลิ่ว “นั่นสิขอรับ หากฮูหยินรู้เข้า คุณชายจะโดนโบยนะขอรับ”“หากพวกเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด ท่านแม่จะรู้ได้อย่างไร”ชุนเถาสบตากับชุนหลิ่ว ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันคุณหนูจวนอื่น หากมีท่านอ๋องมาทาบทามสู่ขอเช่นนี้ จะต้องตื่นเต้นดีใจ อยู่เฝ้าเรือน เตรียมตัวเป็นว่าที่พระชายาให้ดีแล้ว มีแต่คุณหนูของตนนี่แหละ ที่ปลอมตัวเป็นบุรุษหนีออกจากจวน มาเที่ยวเล่นถึงหอนางโลมหอนางโลมเป็นที่แบบใดกัน!? แล้วแม่นางในห้องหออย่างคุณหนูจะมาทำสิ่งใดกัน?ฉินเจียวเยี่ยนอ่านชื่อป้ายที่หน้าประตู “หออวี่หลิน”ชุนเถาถอนหายใจอีกหนึ่งที ก่อนจะอธิบายข้อมูลที่หามา “หออวี่หลินเคยเป็นหอนางโลมที่มีชื่อเสียง มีนางคณิกามากมาย ก่อนที่จะถูกหอไป่ฮวา หอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงในตอนนี้แย่งไปขอรับ”ชุนหลิ่วอธิบายต่อ “พอนางคณิกาเด่
ขณะเดียวกัน ทางด้านฉินเจียวเยี่ยนที่เดินกลับมาที่เรือนเหมยฮวา สองสาวใช้ต่างเบิกบาน กระโดดโลดเต้นล้อมรอบตัวฉินเจียวเยี่ยน“คุณหนู!! หมายความว่า เฟิงอ๋องสนใจในตัวคุณหนูจริง ๆ นะเจ้าคะ”“เฟิงอ๋องเสด็จมาสู่ขอคุณหนูด้วยตนเองเลยนะเจ้าคะ”ชุนเถา ชุนหลิ่วพากันส่งเสียงด้วยความดีใจที่คุณหนูของตนจะได้ออกเรือนกับเฟิงอ๋องรูปงามฉินเจียวเยี่ยนแสร้งถาม “ดีใจด้วยเหตุใดกัน ได้อภิเษกกับท่านอ๋องว่างงาน ไร้ตำแหน่งในราชสำนักเช่นนั้น”ชุนเถา “แต่อย่างไรเสีย คุณหนูก็จะได้เป็นพระชายานะเจ้าคะ อยากจะตื่นยามใดก็ได้ ไม่มีใครกล้าปลุกนะเจ้าคะ”ชุนหลิ่ว “เป็นพระชายา อยากทานสิ่งใด อยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ เครื่องประดับเลอค่า ก็ย่อมได้นะเจ้าคะ”“แต่ทุกวันนี้ ข้าอยากสิ่งใด ท่านพ่อท่านแม่ก็หาให้ข้าได้อยู่แล้วนะ”ชุนเถา “...”ชุนหลิ่ว “...”“อีกอย่าง ดวงของข้ากับท่านอ๋องไม่สมพงษ์กันหรอก”ดวงชะตาที่สมพงษ์ คือ เซียวชิงเฟิงกับฉินเยี่ยนฟางต่างหากฉินเจียวเยี่ยนบอกตัวเองในใจ ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็วช่างเถอะ นางไม่จำเป็
“ทั้งจวนต่างหากเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวชิงบอก “คุณหนูก็ทราบดีว่า คุณหนูรองเป็นคนเช่นไร มีแต่ชุนเถาและชุนหลิ่ว สองสาวใช้นั่นที่ทนอยู่ได้”“คุณหนูของข้า ทั้งงดงาม ใจดี เชี่ยวชาญ รอบรู้กว่าใคร และยังได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นท่านหญิงหมิ่นอีกด้วย คุณหนูรองจะเทียบสิ่งใดได้”ฉินเยี่ยนฟางตัดพ้อด้วยความน้อยใจ “แต่เฟิงอ๋องก็เสด็จมาสู่ขอเยี่ยนเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองเลยนะ”เสี่ยวหงถอนหายใจ “ข้าก็ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด ท่านอ๋องจึงสู่ขอคุณหนูรองแทนจะเป็นคุณหนูของข้า”เสี่ยวชิง “แต่ข้าว่า การที่เฟิงอ๋องมาสู่ขอคุณหนูรองก็ดีนะเจ้าคะ”“ดีอย่างไร?” เสี่ยวหงถามขึ้น“เฟิงอ๋องเป็นเพียงท่านอ๋องเจ้าสำราญ รับเบี้ยหวัดรายปีเพียงเท่านั้น ไม่ได้รับมอบหมายงานใดในราชสำนัก ข้าว่า หากคุณหนูอภิเษกไปก็คงเป็นได้เพียงพระชายาอ๋อง ไม่สามารถเป็นได้สูงกว่านั้นนะเจ้าคะ”ฉินเยี่ยนฟางนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด เข้าใจความนัยที่เสี่ยวชิงสื่อ“แต่ถ้าคิดอีกที แม้คุณหนูรองจะไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านใด ยังถูกพระทัยเฟิงอ๋องได้เลย” เสี่ยวชิงเอ่ยต่อ “แล้วคุณหนูของข้าที่เป็นถึงท่านห
เมื่อเห็นเฟิงอ๋องออกจากจวนไปแล้ว แต่ละคนในห้องโถงต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉินเยี่ยนฟางรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เพราะไม่คิดฝันว่า เฟิงอ๋องจะเลือกสู่ขอน้องสาวของตนแทน“ลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ฉินเยี่ยนฟางลุกขึ้นทำความเคารพ แล้วรีบเดินกลับเรือนฉางเอ๋อในทันทีฉินเจียวเยี่ยนเห็นอย่างนั้น จึงได้ลุกขึ้นทำความเคารพเช่นกัน “ลูกก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”ในโถงหลักจึงเหลือเพียงซ่านเต๋อโหวที่ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหลินซื่อที่กำลังปลาบปลื้มในตัวว่าที่ลูกเขยซ่านเต๋อโหวพึมพำ “ไม่ได้การ ไม่ได้การ”“ไม่ได้การอันใดกันเจ้าคะ” หลินซื่อถามด้วยความแปลกใจ “เยี่ยนเอ๋อร์ของเราน่ารักออกปานนี้ ท่านอ๋องเอ็นดูก็นับว่าเป็นวาสนาแล้วนะเจ้าคะ”ซ่านเต๋อโหวหมดคำพูด “...”หลินซื่อรักและเอ็นดูฉินเจียวเยี่ยนอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่า ฉินเจียวเยี่ยนจะดื้อรั้น เอาแต่ใจเพียงใด ย่อมมาจากการตามใจของหลินซื่อทั้งนั้น“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะต้องหาอาจารย์มาสอนนาง” ซ่านเต๋อโหวบอกเสียงเข้ม “นางต้องเรียนรู้มารยาท เชี่ยวชาญทั้งพิณ หมากล้อม อักษร และภาพวา
“ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันจะให้คนไปนำเทียบชะตาของเยี่ยนเอ๋อร์มานะเพคะ” หลินซื่อพยักหน้าส่งสัญญาณให้จางหมัวมัวรีบไปดำเนินการ ก่อนที่เฟิงอ๋องจะเปลี่ยนพระทัย“เรื่องตรวจดวงชะตาแปดอักษร ข้าจะจัดการเอง ฮูหยินฉินมิต้องเป็นกังวล” เซียวชิงเฟิงยกชาขึ้นมาจิบดับกระหาย พลางมองใบหน้าหวานหลากอารมณ์ของฉินเจียวเยี่ยนอย่างอารมณ์ดีคิ้วบางดั่งกิ่งหลิวขมวดแน่นราวกับคิดไม่ตกเหตุใดจึงมาสู่ขอข้าเล่า?หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องในคืนนั้น นี่ ข้าอร่อยจนท่านอ๋องติดใจจนอยากจะกลับมากินซ้ำเลยหรือ?ดวงตาจิ้งจอกกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าติดใจก็น่าจะมาสู่ขอข้านานแล้วสิ...แล้วเพราะอะไรกันล่ะ? โอ๊ย คิดไม่ออก...เอาเป็นว่า ทำแบบนี้ คนสวยลำบากใจนะฉินเจียวเยี่ยนยกมือขึ้นทัดปอยผมที่ใบหู พลางหยัดกายหลังตรง แล้วสางผมไปมาอย่างมีจริตจะก้านเฮ้อ คนมันสวย จะห้ามใจอย่างไรไหวเข้าใจ ๆ เซียวชิงเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อได้ยินความค
ซ่านเต๋อโหวถามซ้ำด้วยความตื่นเต้น “เอ่อ เรื่องนี้ ท่านอ๋องแน่พระทัยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เซียวชิงเฟิงยิ้มละมุนยิ่งขับให้ใบหน้าเย็นชาดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น “ข้าแน่ใจดีแล้ว จึงได้มาแจ้งท่านโหวและฮูหยินฉินโดยตรง”ทำไมจางหมัวมัวไม่นำขนมมาให้ท่านแม่บ้างนะ มีแต่น้ำชาจะอยู่ท้องหรือไร?“เช่นนั้น กระหม่อมจะเตรียมเทียบชะตาของฟางเอ๋อร์ เพื่อแลกดวงชะตาแปดอักษรนะพ่ะย่ะค่ะ”บรรดาซื่อจื่อทั้งหลาย ต้องขออภัยด้วย ว่าที่ลูกเขยคนนี้ของเขาชนะอย่างขาดลอย...เซียวชิงเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่ฉินเจียวเยี่ยนยกจอกน้ำชาขึ้นจิบอย่างจำใจ เพราะบนโต๊ะไม่มีของกินอื่นเลย“ข้าต้องการสู่ขอฉินเจียวเยี่ยน บุตรสาวคนรองของท่านต่างหาก”“พรวด!!” ฉินเจียวเยี่ยนพ่นน้ำชาออกมาในทันทีที่ได้ยิน “แค่ก แค่ก แค่ก”สู่ขอใครนะ!?“เยี่ยนเอ๋อร์!” หลินซื่อรีบลูบหลังบุตรสาวอย่างเป็นห่วงระคนตื่นเต้นดีใจแทนวาสนาด้ายแดงเคลือบทองพันชั่งกำลังจะตกเป็นของบุตรสาวนางแล้ว!!ซ่านเต๋อโหวตกตะลึง “เอ่อ ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ”มิใ
ที่โถงหน้าของจวนซ่านเต๋อโหวฉินเจียวเยี่ยนที่เร่งรุดเข้ามา เอ่ยเรียก “เฟิงอ๋อง”พร้อมยอบกายทำความเคารพอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปนั่งข้างมารดาอย่างเงียบ ๆเซียวชิงเฟิงนั่งเป็นประธานหลักเคียงข้างเจ้าบ้านอย่างซ่านเต๋อโหว ดวงตาดอกท้อพินิจร่างบอบบางในชุดอาภรณ์สีชมพูอ่อนตลอดทั้งร่างคลุมด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว ดูอ่อนหวานราวกับดอกเหมยท่ามกลางหิมะโปรยเซียวชิงเฟิงปัดเศษฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงตรงแขนเสื้อเบา ๆ ก่อนจะเอ่ย “เอาล่ะ เมื่อมากันพร้อมหน้าแล้ว ข้าก็จะขอกล่าวในคราวเดียว ข้ามาจวนซ่านเต๋อโหวในวันนี้ เนื่องจากมีธุระที่สำคัญเป็นอย่างมากจะแจ้งให้พวกท่านทราบ”นี่ ท่านอ๋องหาว่า ข้ามาช้า จนทำให้ทุกคนต้องรอใช่หรือไม่?ฉินเจียวเยี่ยนหรี่ตา ยู่ปากอย่างไม่ใคร่พอใจนัก สวนทางกับอีกคนที่ได้ยินเสียงประชดของนาง กลับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว“ข้าเห็นว่า ช่วงสองสามวันนี้ จวนของท่านมีแต่บรรดาแม่สื่อมาเยือนมากมายนัก”ซ่านเต๋อโหว “ด้วยขุนนางต่างเห็นความสามารถของบุตรสาวคนโตของกระหม่อม จึงได้ส่งแม่สื่อมาทาบทามพ่ะย่ะค่ะ ท่าน