ในขณะที่เซียวชิงเฟิงกำลังนึกสงสัยในคำพูดของฉินเจียวเยี่ยน เขาก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มที่สัมผัสกับจุดอ่อนไหวของเขา
“หยุดนะ” เฟิงอ๋องพยายามยันกายลุกขึ้นห้าม ก่อนจะจับมือเล็กที่ลูบไล้แท่งหยกของเขาไม่หยุด
แต่เชื่อหรือไม่ว่า มือเล็กนั้น เอื้อมมาสะบัดตีมือของเขาอย่างอุกอาจ แล้วใช้อีกมือรูดขึ้นลงราวกับเป็นการลงโทษที่เขากล้าขัดขืนนาง
“อึก นี่ เจ้า อา”
เซียวชิงเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อว่า แม่นางน้อยในห้องหออย่างฉินเจียวเยี่ยนจะมีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้
ฉินเจียวเยี่ยนใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจับจุดอ่อนของเขา ทั้งจับ ลูบไล้ และหยอกล้อจนอยู่มือ ทำเอาร่างกำยำเกร็งกระตุกนับครั้งไม่ถ้วน ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านความอ่อนนุ่มที่โอบล้อมได้เลย
“ไส้กรอกของท่านอ๋องนี่ น่ากินจริง ๆ เลย” เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา หากแต่เซียวชิงเฟิงกลับได้ยินคำพูดนั้นอย่างชัดเจน “จะกินล่ะนะ”
สิ้นเสียงพูด ดวงหน้าเล็กก็โน้มลงต่ำ ริมฝีปากบางอ้าออกกว้าง ก่อนจะรูดแกนกายของชายหนุ่มหายเข้าไปในโพรงปากลึกจนสุดโคน
“อื้อ” เซียวชิงเฟิงได้แต่ครางด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เขาออกรบมานักต่อนัก ไม่เคยพ่ายแพ้หมดท่าอย่างครานี้เลย
เสียงดูดกลืน รูดขึ้นลงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผสานไปกับความเปียกชื้นและสัมผัสอ่อนนุ่มที่ลูบไล้ไปทั่วลำกาย
เซียวชิงเฟิงได้แต่นอนครางกำผ้าปูเตียงแน่น
กลายเป็นเหยื่อในริมฝีปากของนางอย่างสมบูรณ์...
ไส้กรอกใหญ่แบบนี้ เต็มปากเต็มคำดีจัง
เสียงของฉินเจียวเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง ทั้ง ๆ นี้ นางไม่ได้เปิดปากพูด
เซียวชิงเฟิงจึงเริ่มจับทางได้
นี่ หมายความว่า เขาสามารถได้ยินเสียงความในใจของฉินเจียวเยี่ยนอย่างนั้นหรือ?
เซียวชิงเฟิงสามารถยอมรับความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาจำเป็นต้องออกรบอยู่แนวหน้า เพื่อปกป้องแคว้นอยู่ตลอดเวลา
ศัตรูของแคว้นต้าเซี่ย ไม่ได้มีเพียงแคว้นใกล้เคียงที่มีวัฒนธรรมและความเชื่อที่เหมือนกัน แต่ยังต้องสู้รบกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่ใช้ศาสตร์ลี้ลับเป็นกลอุบาย จึงทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถเป็นได้มากกว่าสิ่งที่เห็น
ดังนั้น ความอัศจรรย์ตรงหน้า ยากที่จะยอมรับ หากแต่ใช่ว่า เขาจะไม่สามารถยอมรับได้เลยเสียทีเดียว
ไส้กรอกท่านอ๋องนี้อร่อยดีจริง...
นางเรียกสิ่งนี้ว่า ไส้กรอก แทนน่ะหรือ?
เซียวชิงเฟิงเริ่มจะเข้าใจคำเรียกแปลก ๆ ของฉินเจียวเยี่ยนบ้างแล้ว ก่อนจะพยายามยันกายขึ้น กลั้นลมหายใจ กดเสียงเข้มเอ่ยสั่ง “ฉินเจียวเยี่ยน พะ พอแล้ว”
ลมหายใจร้อนขาดห้วงไป เมื่อดวงตาดอกท้อได้เห็นภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ดวงหน้าเล็กที่กำลังตั้งอกตั้งใจใช้ริมฝีปากและลิ้นลากเลียไปตามโคนกาย ตั้งแต่ปลายยอดลงต่ำไปจนสุดโคน ก่อนจะลากลิ้นวกกลับขึ้นมาอีกครั้ง
“เอาอีก อึก ไม่สิ พะ พอแล้ว”
ปลายลิ้นนั้น ร้ายกาจจนทำเอาท่านอ๋องอย่างเขามึนเมา ลุ่มหลงในรสสัมผัสนั้นตามไปด้วย
พออะไรกัน ข้ายังไม่อิ่มเลยนะ
ว่าแล้ว ฉินเจียวเยี่ยนก็ก้มหน้าลงต่ำ รูดลำกายหายเข้าไปในปากทั้งแท่ง ตวัดลิ้นเลียไล้ไปมาอย่างเอร็ดอร่อยอีกครั้ง
เซียวชิงเฟิงกัดฟันเรียกชื่ออีกฝ่าย หวังเรียกสติให้นางรู้ตัวว่า กำลังทำอะไรอยู่ “อึก ฉิน-เจียว-เยี่ยน”
ไม่ไหว ต้องหยุดเดี๋ยวนี้
เซียวชิงเฟิงตั้งสติยันกายครั้งสุดท้าย รั้งไหล่บางให้เงยหน้าขึ้น เพื่อหยุดฉินเจียวเยี่ยนที่กำลังลิ้มรสไส้กรอกของเขาในมืออย่างเพลิดเพลิน
ภาพหญิงสาวที่ถูกบังคับให้เงยหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้ริมฝีปากบางยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมเป็นรูปวงกลม
เซียวชิงเฟิงมองเห็นใยน้ำลายจากปากของฉินเจียวเยี่ยนกับไส้กรอกในความคิดของนางได้อย่างชัดเจน
ลมหายใจของเขาขาดห้วงอีกครั้ง
การหยุดชะงักของเขา เปิดโอกาสให้ฉินเจียวเยี่ยนสะบัดตัวหลุดจากการจับกุม
“เด็กดื้อ ต้องถูกลงโทษ”
ฉินเจียวเยี่ยนขู่เสียงใส ก่อนจะโน้มตัวกดไหล่หนาลงกับเตียง แล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเขาไว้
“นี่ เจ้า!” เซียวชิงเฟิงเอ่ยได้เพียงเท่านั้น
ดวงตาดอกท้อเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่า ฉินเจียวเยี่ยนไม่ได้สนใจการห้ามปรามของเขา หากแต่กำลังจดจ่ออยู่ที่ใจกลางร่างของทั้งสองฝ่าย
สะโพกของนางลอยเด่นอยู่เหนือแท่งกายของเขาพอดิบพอดี เอวบางร่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ ทำให้เซียวชิงเฟิงเผลอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เมื่อจินตนาการถึงฉากถัดไปที่กำลังจะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ใด เสียงของชุนเถาได้ร้องขึ้นอย่างตกใจที่หน้าเรือน
“ท่านโหว!! ฮูหยิน!!”
ครั้นฉินเจียวเยี่ยนกลับถึงเรือนเหมยฮวา ชุนเถาและชุนหลิ่วก็ช่วยนางล้างหน้าล้างตาทำความสะอาด เปลี่ยนเป็นชุดนอนสบายตัว ก่อนจะถอยร่นออกจากเรือนอย่างรู้งานไม่นาน บานหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ก็มีเงาดำสายหนึ่งทะยานเข้ามาอย่างอุกอาจ ร่างสูงโปร่งคุ้นตาปิดประตูหน้าต่างให้อย่างมิดชิด“ท่านแม่กล่าวว่า พรุ่งนี้ ยามเฉินจะมาช่วยหม่อมฉันเย็บชุดเจ้าสาวนะเพคะ”เซียวชิงเฟิงเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ข้าก็ส่งชุดเจ้าสาวให้เจ้าแล้วอย่างไร เหตุใดจึงต้องมาเย็บชุดเจ้าสาวอีกเล่า?”“ท่านแม่ปลาบปลื้มเป็นยิ่งนักที่หม่อมฉันได้อภิเษกเข้าจวนท่านอ๋อง” ฉินเจียวเยี่ยนอธิบายอย่างใจเย็น “ส่วนหม่อมฉันซึ่งเป็นบุตรกตัญญู ย่อมไม่อาจหักใจบอกท่านแม่ได้ว่า ท่านอ๋องได้จัดเตรียมชุดเจ้าสาวให้หม่อมฉันแล้วเพคะ”“ประเดี๋ยวในวันแต่ง แม่เจ้าก็ต้องทราบอยู่ดี ว่าชุดที่เจ้าสวมนั้นมิใช่ชุดที่แม่เจ้าช่วยเย็บ”“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลใจไปเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนยกยิ้มกว้าง “เพราะฝีมือการเย็บผ้าของหม่อมฉันกับท่านแม่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใ
“ไม่!!” เซียวชิงเฟิงขมวดคิ้วมุ่น เมื่อนึกถึงเสี่ยวหงที่ตั้งใจวางแผนให้เขารับฉินเยี่ยนฟางเป็นพระชายารอง รังสีสังหารแผ่ซ่านอีกครั้ง จนฉินเจียวเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังสัมผัสได้นางลอบอมยิ้มอย่างชอบใจ จึงได้หยอกล้อ “แต่ถ้าท่านอ๋องต้องการ หม่อมฉันก็ไม่ขัดข้องหรอกนะเพคะ”เซียวชิงเฟิง “???”“เพราะถ้าหากท่านอ๋องรับอนุเข้าจวนจริง ๆ หม่อมฉันก็จะไปหาความสุขที่หอนางโลมของท่านอ๋องแทน”“เจ้าจะไปหาความสุขที่หอนางโลมของข้าได้อย่างไร? ให้นางเหล่านั้นนวดให้รึ?” เซียวชิงเฟิงถามอย่างสงสัย เพราะอย่างไร เขาก็ไม่เข้าใจความคิดของคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย“หม่อมฉันก็จะเปลี่ยนนางโลมในหอเป็นบุรุษหนุ่มน้อยแทนอย่างไรเล่าเพคะ?” เสียงหวานเจื้อยแจ้วอย่างไม่เกรงกลัว “เหตุใดจึงมีเพียงบุรุษไปหอนางโลม ซื้อความสุขนอกจวนได้ สำหรับสตรีที่ออกเรือนแล้ว หากสามีไม่สามารถทำให้มีความสุขได้ ก็ควรจะสามารถออกไปหาความสุขนอกจวนได้เช่นกันสิเพคะ”เซียวชิงเฟิง “...”“หม่อมฉันจึงคิดว่า หา
หลี่ชิงหง… ไม่สิ ตอนนี้เหลือเพียงเสี่ยวหงแล้วเสี่ยวหงเดินมุ่งหน้าไปทางตำหนักข้าง เพื่อเฝ้าดูแลฉินเยี่ยนฟางตามแผนการเดิมที่วางไว้เซียวชิงเฟิงจึงได้เดินเข้ามาช่วยประคองฉินเจียวเยี่ยนไว้ในอ้อมแขน แล้วพานางเดินออกมา“ท่านได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” ฉินเจียวเยี่ยนเงยหน้าถามด้วยดวงตาไร้เดียงสาเซียวชิงเฟิงครางในลำคอเบา ๆ “อืม”ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอ “ท่านไม่สงสัย หรืออยากถามสิ่งใดเลยหรือเพคะ?”“แล้วเจ้าอยากให้ข้าถามสิ่งใด?” มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกสูง ดวงตาคมทอประกาย“ก็... พวกเจ้าคุยสิ่งใดกัน? มาจากที่ใด? ประมาณนี้เพคะ”“คนทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง หากสะดวกใจที่จะบอก เจ้าก็คงบอกข้าเอง แต่หากเจ้าไม่เต็มใจจะบอก ข้าก็จะช่วยเจ้าปิดจนสุดความสามารถ”ฉินเจียวเยี่ยน “???”เหตุใดจึงรู้สึกว่า ประโยคนี้ มันคุ้น ๆ หูกันนะ?เซียวชิงเฟิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือไปแตะปลายจมูกโด่งนั้นเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เจ้าเป็นคนพูดน
ฉินเจียวเยี่ยนนั่งยิ้ม นึกถึงเงินทองที่กำลังจะไหลเข้ากระเป๋าแล้วก็ยิ้มไม่หุบ ต่างจากอีกคนที่ยิ้มไม่ออก แม้ว่า เครื่องสำอางในมิติของหลี่ชิงหงจะมีเพิ่มเติมขึ้นมาอัตโนมัติ โดยที่เธอเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่อย่างไร ก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกหลอกใช้ หรือต้องทำงานฟรี ๆ แบบนี้อีกแล้วชาติที่แล้ว ก็แต่งหน้าใช้หนี้บุญคุณตากวงหัวล้าน ข้ามมิติมาเกิดใหม่ ยังต้องเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางให้ยัยดาราโนเนมนี่อีก...หลี่ชิงหงแสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้าอย่างชัดเจน ทำให้ฉินเจียวเยี่ยนหลุดขำออกมาฉินเจียวเยี่ยนที่มีความใฝ่ฝัน อยากทำสิ่งใดด้วยตนเองมาโดยตลอด เหตุใดนางจึงไม่เข้าใจความคิดน้อยใจของหลี่ชิงหง? เพียงแต่ฉินเจียวเยี่ยนอยากเอาคืนหลี่ชิงหงบ้างก็เท่านั้น“เธอสนใจอยากเป็นหุ้นส่วนกับฉันไหมล่ะ?”หลี่ชิงหงเงยหน้าขึ้นมองหน้าฉินเจียวเยี่ยนทันที “เธอจะให้ฉันเป็นหุ้นส่วนเหรอ?”“ถ้าเธอไม่สนใจ ก็ไม่ปะ...”“สนสิ สน สน ฉันอยากเป็นหุ้นส่วนด้วย” หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงักราวกับลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือกหากได
ฉินเจียวเยี่ยนก้มหน้ามองต่ำไปที่หลี่ชิงหง ซึ่งกำลังนั่งหมดท่าอยู่บนพื้นเย็น ความหวาดกลัวที่มีต่อเซียวชิงเฟิงยังคงฉายแววเด่นชัดในดวงตาเอาเถอะ จะกลัวก็ไม่แปลก ท่าทางของเฟิงอ๋องก็สมกับที่เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่นแหละนะคิ้วของเซียวชิงเฟิงขมวดมุ่น นี่ เขาทำให้นางกลัวไปด้วยหรือนี่?“ละ แล้วเธอจะเอายังไง? ฉันก็เล่าให้ฟังไปหมดแล้ว” หลี่ชิงหงแผดเสียงออกมาเมื่อครู่ เธอตกใจกลัวแทบตาย พระเอกของเรื่องนี่ โหดใช่ย่อยหลี่ชิงหงลืมไปเสียสนิทว่า เซียวชิงเฟิง คือ คนในยุคโบราณการฆ่าคนไม่ใช่เรื่องยาก ที่นี่ใช้ดาบจริงที่คมกริบ แตกต่างจากดาบปลอมพลาสติกเหมือนในกองถ่ายละครอาจจะเป็นเพราะเธออยู่กับฉินเยี่ยนฟาง นางเอกผู้ใจดีในจวนซ่านเต๋อโหวที่มีอำนาจเพียงแต่เปลือก ไม่ได้ซ่องสุมกำลังใด ๆ เป็นขุนนางที่สะอาดหมดจด จึงทำให้หลี่ชิงหงรู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน เพียงแต่ลดสถานะทางสังคมลงก็เท่านั้นแต่พอมาวันนี้ วันที่ได้เจอแม่ทัพที่ออกรบในสงครามขึ้นมาจริง ๆ รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน จนคนธรรมดาแบบเธอตกใจจนขวัญอ่อน ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นเลยทีเดียว“นั่นสิ ฉันจะเอายังไงกับเธอดีนะ” ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอใช้ความคิ
“เมื่อได้เวลา ฉันก็จะไปตามทุกคนมาเจอเฟิงอ๋องกับฉินเยี่ยนฟางที่อยู่ด้วยกันในห้อง” หลี่ชิงหงยกยิ้ม “ถึงเวลานั้น เฟิงอ๋องก็ต้องรับฉินเยี่ยนฟางเป็นพระชายารองอย่างแน่นอน”ฉินเจียวเยี่ยนเลิกคิ้วอย่างท้าทาย “เธอมั่นใจได้ยังไงว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอว่า?”หลี่ชิงหงหรี่ตา “เธอหมายความว่ายังไง?”“หลี่ชิงหง เธอเองก็อยู่ในกองละครตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่เหรอ?” ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย เมื่อเจอช่องโหว่ของแผนการร้ายของคนตรงหน้าได้ “เธอไม่รู้หรือไง ว่าเฟิงอ๋องมีวิทยายุทธ์นะ กำยานแค่นั้น ปลุกเร้าเขาไม่ขึ้นหรอก”“ทำไม? ของเขาใช้การไม่ได้หรือไง?”ฉินเจียวเยี่ยนกลอกตามองบนใช้การไม่ได้อะไรล่ะ? ใช้การไม่หยุดหย่อนต่างหาก!!“ถ้ากำยานนั้นใช้การได้ คืนวันเกิดซ่านเต๋อโหว เฟิงอ๋องจะหนีไปได้หรือไง?”หลี่ชิงหง “!!!”บัดซบ!! เธอลืมไปเสียสนิทต้องบอกก่อนว่า เธออยู่ในกองละคร ตั้งแต่เริ่มเรื่องก็จริง แต่ด้วยความจำยอม เธอจึงไม่ได้สนใจเนื้อหาจริงจัง หลายครั้งที่แต่งหน้าเสร็จ เธอก็เลือกที่จะหามุมเงียบ ๆ พักผ่อน ไม่ได้สนใจรายละเอียดเนื้อเรื่องสักเท่าใดนักแตกต่างจากฉินเจียวเยี่ยนที่เล่นละครเรื่องนี้