ログインเสียงร้องนั้น ทำให้กิจกรรมในเรือนจึงต้องหยุดชะงัก
เซียวชิงเฟิงถลึงตามองอย่างขุ่นเคือง เขาไม่น่าเชื่อคารมคนตรงหน้าเลย “ไหนเจ้าบอกว่า...”
ฉินเจียวเยี่ยนเอ่ยตัดบทอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดมากไปกว่านี้ “หม่อมฉันก็ไม่รู้ ท่านก็ได้ยินที่หม่อมฉันสั่งสาวใช้แล้วนี่เพคะ ว่า ยกเลิกแผนน่ะ”
ฉินเจียวเยี่ยนรีบก้าวลงจากเตียง แล้วหยิบเสื้อคลุมสีขาวตัวบนสุดโยนใส่ชายหนุ่มบนเตียง “ท่านก็รีบสวมซะ”
ส่วนตัวเองก็คว้าเสื้อคลุมอีกผืนบนพื้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ แล้วเอาเสื้อชั้นในผืนใหญ่มาห่อกองผ้าที่เหลือ กอดไว้กับตัว ใช้ปลายเท้าเตะรองเท้าสองคู่เข้าไปซ่อนลึกที่ใต้เตียง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนบนเตียงที่ยังคงนั่งนิ่ง พลางทำหน้าไม่สบอารมณ์
ฉินเจียวเยี่ยนขมวดคิ้วพลางส่งเสียงดุ “รีบแต่งตัวสิ ท่านจะนั่งรอให้ท่านพ่อท่านแม่หม่อมฉันมาเจอรึ?”
“เจ้าโยนเสื้อของเจ้ามาให้ข้า!!”
'ว้าย โยนผิด!!'
ฉินเจียวเยี่ยนตื่นตระหนกในใจ หากแต่แสร้งทำหน้านิ่ง ข่มเสียงเข้มตอบ “ก็เสื้อเหมือน ๆ กัน ท่านอย่าเพิ่งมาเรื่องมากน่า” เอ่ยเสร็จ นางก็กระชับเสื้อคลุมสีดำตัวหนาที่ตัวเองสวมใส่อยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะรีบสาวเท้าไปทางหน้าต่างด้านหลังของเรือน ราวกับตัดบท ไม่ยินยอมให้เขาถามสิ่งใดต่อ
เซียวชิงเฟิงจึงได้แต่แค่นเสียง สวมเสื้อชั้นในตัวเล็กนั้น แล้วสาวเท้าตามมา “แล้วเจ้าจะหนีออกไปอย่างไร?”
“ท่านก็ใช้วิชาตัวเบาพาหม่อมฉันออกไปสิ”
มุมปากเซียวชิงเฟิงกระตุก “ไปไหน?”
ฉินเจียวเยี่ยนตอบเสียงเรียบ “ไปทำต่อที่เรือนของหม่อมฉัน”
เซียวชิงเฟิง “...”
.....
“ท่านโหว!! ฮูหยิน!!” ชุนเถาเรียกคนที่มาเยือนเสียงดัง นึกภาวนาในใจให้คนในเรือนได้ยินและไหวตัวทัน
ฉินฮูหยินหรือหลินซื่อ ผู้เป็นมารดาของฉินเจียวเยี่ยนเอ่ยถามอย่างฉงน “เจ้ามาทำสิ่งใดที่นี่? เหตุใดจึงไม่ไปดูแลลูกข้า?”
ชุนเถาเอ่ยเสียงเบา “เอ่อ คุณหนูรองเป็นห่วงท่านอ๋องเจ้าค่ะ จึงให้ข้ามาสอบถามบ่าวรับใช้ว่า ท่านอ๋องต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่เจ้าค่ะ”
ซ่านเต๋อโหวเลิกคิ้ว “หมายความว่า เจ้าเพิ่งมาถึงรึ?”
“เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งมาถึง” ชุนเถาก้มหน้าต่ำ มือจับกันแน่นที่บริเวณหน้าท้อง
ซ่านเต๋อโหวเอามือไพล่หลังถาม “แสดงว่า ที่เรือนชุยจู ก็มีเพียงแต่ท่านอ๋องใช่หรือไม่?”
ชุนเถาตั้งสติ และย้ำคำตอบเดิม “ข้าไม่แน่ใจเจ้าค่ะ เพราะข้าเพิ่งมาถึง”
“พ่อบ้านถัง ไปเคาะประตู” ซ่านเต๋อโหวสั่งเสียงเรียบ
“ขอรับ ท่านโหว” ถังจงเดินขึ้นบันไดไปทีละก้าว
ในขณะที่ชุนเถาก้าวเท้าถอยหลังมารวมกับกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังซ่านเต๋อโหวและฮูหยิน ไม่ทำตัวเด่นสะดุดตา
“พี่อาเย่ว เกิดสิ่งใดขึ้นหรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงมีคนมาหาท่านอ๋องเยอะถึงเพียงนี้?” ชุนเถากระซิบถามอาเย่ว สาวใช้คนสนิทของฮูหยิน
อาเย่วกระซิบตอบกลับ “มีสาวใช้ไปรายงานพ่อบ้านถังว่า ได้ยินเสียงหนุ่มสาวทำเรื่องไม่ดีที่เรือนชุยจู”
ชุนเถาตกใจ “แล้วท่านโหวก็พาคนมาจับหรือเจ้าคะ? มาบุกเรือนรับรองท่านอ๋องเช่นนี้จะดีหรือ?”
“ตอนแรก ท่านโหวก็จะปล่อยผ่านเงียบ ๆ เพราะทุกคนก็ทราบนิสัยของเฟิงอ๋องดี แต่พอฉีอ๋องได้ยิน ก็เกิดความเป็นห่วงพระเชษฐา ไม่คิดว่า เฟิงอ๋องเป็นคนทำ คิดว่า มีคนมารบกวนการพักผ่อนของเฟิงอ๋องมากกว่า จึงได้พากันมาดู”
ชุนเถา “...”
ฉีอ๋อง ท่านก็ไม่ทราบนิสัยของพี่ชายท่านเลยหรือไร!?
“ไม่มีใครตอบขอรับ ท่านโหว” ถังจงรายงาน หลังจากที่เคาะประตูเรียกอยู่นาน
“เช่นนั้น ข้าจะไปเปิดประตูเอง” ฉีอ๋องที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น ทำให้ผู้คนที่ยืนล้อมอยู่ด้านหน้าต้องแหวกทางให้เขาเดินก้าวบันไดขึ้นไป
ชุนเถาได้แต่ยืนกัดฟัน กำมือแน่น เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง หากแต่ไม่กล้าออกไปขัดขวาง มิเช่นนั้น จะยิ่งสร้างความสงสัยให้แก่คุณหนูของตน จึงได้แต่ยืนภาวนาอยู่ที่เดิม
“เสด็จพี่ กระหม่อมเปิดประตูนะพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกนางบอกว่าเป็นแผนการเดียวกับที่ทำร้ายชุยเสียนเฟย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หากอยากรู้ก็คงมีแต่จะต้องถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์” เซียวชิงฉีบอก “รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการหรือเหตุการณ์ช่วงที่ชุยเสียนเฟยคลอดเสด็จพี่ ข้าจะลองไปถามหมู่เฟยก็แล้วกัน”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันอยากให้ท่านอ๋องสอบถามหมอตำแย หมอหลวง รวมถึงทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเพคะ” หลี่ชิงหงเพิ่มรายละเอียด“ข้าตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว” เซียวชิงฉีพยักหน้า นึกพอใจกับความละเอียดรอบคอบของนาง “แล้วข้ายังตั้งใจจะส่งคนไปสืบหมอตำแยคนปัจจุบันของจวงเต๋อเฟยอีกด้วย ไม่เพียงแต่หมอตำแย หมอหลวง สาวใช้ นางกำนัลทั้งหมดที่อยู่รอบตัวนาง ย่อมตกเป็นผู้สงสัยทั้งสิ้น”หลี่ชิงหงพยักหน้าเห็นด้วย “รายละเอียดเล็กน้อยก็อาจจะช่วยให้เราหาคำตอบได้เร็วที่สุดเพคะ”“ได้ ส่วนนี้ ข้าจะรับผิดชอบจัดการสืบความเอง” เซียวชิงฉีตบอกรับรอง“เช่นนั้น แผนการร้ายนั้น คงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว” หลี่ชิงหงก้มมองรายชื่อบนกระดาษ ก่อนจะลากวงกลมรอบชื่อสามนางที่เหลือ “ทางหม่อมฉันจะหาทางระบุตัวตนของพี่รองให้ได้จากสามนาง
หลี่ชิงหงเขียนชื่อทุกคนลงไป “พวกนางมีกันสี่คน สาบานเป็นพี่น้องกัน คือ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องสาม และน้องเล็ก โดยพี่รองน่าจะเป็นสนมในวังหลัง ซึ่งมีโอรสให้แก่ฝ่าบาทแล้วด้วย”“ข้าคิดว่า พี่รองนี่แหละที่น่าสงสัย เพราะนางอยู่ใกล้ชิดหมู่เฟย ชุยเสียนเฟย และจวงเต๋อเฟยมากที่สุด ถ้าแผนการของนางสำเร็จ นางย่อมเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”หลี่ชิงหงให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ในระหว่างที่ท่านอ๋องสวมบทบาทเป็นเสี่ยวเอ้อร์ หม่อมฉันได้ขอรายชื่อผู้จองห้องรับรองนั้นมาดูด้วยแล้วเพคะ ชื่อที่ใช้จองห้องนั้นมีนามว่า เถียนหลัน เพคะ”เซียวชิงฉีขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อที่นางเอ่ย “เถียนหลัน... เถียนหลัน... นั่นมันชื่อหมู่เฟยของข้านี่!!”หลี่ชิงหง “!!!”“หรือว่าพี่รองที่ออกไปจะเป็นหมู่เฟย!? หมู่เฟยจะคิดร้ายต่อสหายรักอย่างชุยเสียนเฟยหรือ? แล้วยังคิดร้ายต่อจวงเต๋อเฟยด้วย ทะ...” เซียวชิงฉีเรียบเรียงความคิดอย่างสับสนงงงวยไปหมด จนอีกฝ่ายต้องร้องขัด“ไม่ใช่เพคะ!!” หลี่ชิงหงปฏิเสธแทนลูกค้าที่นางพาหนีออกไปเองกับมือ “ไม่ใช่หนิงกุ้ยเฟย!!”“จะไม่ใช่หรือ? ในเมื่อชื่อที่
“แม่นางหลี่ ช่างแสดงได้สมบทบาทยิ่งนัก” เซียวชิงฉีเอ่ยชม เมื่อเห็นหลี่ชิงหงโยนถุงเงินในมือขึ้นลงอย่างร่าเริงหลี่ชิงหงคว้าถุงเงินที่หล่นลงมาแล้วเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างหวงแหน “ขอบคุณที่ชมเพคะ ท่านอ๋อง”“ค่าติดสินบนแม่นางหลี่เพียงครั้งเดียวมากกว่าค่าชาบูและขนมน้ำชาที่พวกนางสามคนกินหนึ่งมื้อเลยทีเดียว”ใช่แล้ว หลังจากที่หลี่ชิงหงเอ่ยส่งท้าย สามฮูหยินก็หันมาสบตากัน ก่อนที่พี่ใหญ่จะล้วงเงินมาวางหนึ่งตำลึงเป็นค่าอาหารและขนมในมื้อวันนั้น แล้ววางเพิ่มอีกหนึ่งตำลึง เพื่อเป็นค่าติดสินบน ห้ามไม่ให้หลี่ชิงหงทาน้ำยาทาเล็บให้แก่ลูกค้าคนอื่นอีกแต่หลี่ชิงหงก็ก้มหน้าอึกอัก อ้างว่าเป็นคำสั่งของเถ้าแก่โรงน้ำชา หากนางไม่ทำ แล้วเถ้าแก่รู้เข้า นางก็อาจจะถูกไล่ออกได้ บรรดาฮูหยินจึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมและวางเงินให้นางเพิ่มอีกคนละหนึ่งตำลึงจนสุดท้าย หลี่ชิงหงแสร้งอิดออดรับไว้อย่างฝืนใจ ก่อนจะบอกทั้งสามนางว่า ห้ามให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้น นางจะถูกไล่ออก สามคนนั้นจึงได้จากไปด้วยความพอใจ ชูไม้ชูมืออวดความงามบนเล็บอย่างลำพองที่ได้เป็นคนแรกที่มีสินค้าของร้านเยว่หรงบนนิ้วมือ
“อะไรรึ?” สามฮูหยินเอียงตัวเข้าหานางในทันใด เพื่อที่จะฟังว่าความลับสุดพิเศษนั้นคือสิ่งใดหลี่ชิงหงย่อตัวลงต่ำ กระซิบเสียงไม่ดังมากนัก “เถ้าแก่โรงน้ำชากล่าวว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอส่วนลดพิเศษเพิ่มให้แก่คนที่ชอบทานชาบูเหมือนกันได้หรือไม่? เถ้าแก่ร้านเยว่หรงจึงบอกว่า...”“ในวันพรุ่งนี้ที่ร้านเยว่หรงเปิดขายน้ำยาทาเล็บเป็นครั้งแรกนี้ หากลูกค้าคนใดทาเล็บนิ้วเช่นนี้ไป พร้อมแสดงบัตรสมาชิกของร้าน เถ้าแก่ร้านเยว่หรงจะให้ลูกค้าท่านนั้นสามารถเลือกเครื่องประทินโฉมกลับจวนได้เลยหนึ่งชิ้น โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยเจ้าค่ะ!!”สามฮูหยิน “!!!”ต้องกล่าวก่อนว่า ตามปกติแล้ว ร้านเยว่หรงเองก็จะมีนโยบายในการซื้อของที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกสนุกไปกับการใช้จ่าย ไม่เบื่อที่จะแวะเวียนเข้ามาในร้าน แม้ว่าจะยังไม่ได้ต้องการซื้อสิ่งใดตั้งแต่ร้านเยว่หรงเปิดใหม่ ๆ ในเดือนแรก ลูกค้าทุกคนจะได้รับเครื่องประทินโฉมหลากหลายประเภทในขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่าชุดทดลองให้กลับมาลองใช้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่เมื่อเข้าสู่เดือนที่สอง ร้านเยว่หรงเปิดบริกา
“สิ่งนี้คืออะไรรึ?” พี่ใหญ่โน้มตัวเข้ามาใกล้ พลางหยิบขวดแก้วแต่ละขวดขึ้นมาดู “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ฮูหยินท่านนี้ช่างตาแหลมเป็นยิ่งนักเจ้าค่ะ” หลี่ชิงหงชมอย่างเอาใจ ทำให้พี่ใหญ่เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างลำพอง“แน่นอนสิ ข้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเยว่หรงเชียวนะ” พี่ใหญ่กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ใช่เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงหรือไม่ ข้ามองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว”หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงัก แววตาเปล่งประกายด้วยความชื่นชม “เช่นนั้น ฮูหยินจะต้องร่ำรวยเป็นแน่เจ้าค่ะ เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงแต่ละชิ้นนั้นราคาสูงยิ่งนัก ข้าทำงานเก็บเงินอยู่หลายเดือนก็ยังซื้อได้เพียงชิ้นเดียวเองเจ้าค่ะ”น้องสามแค่นเสียง “คนโรงน้ำชาอย่างเจ้าน่ะหรือ ยังอุตส่าห์ได้ใช้เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงด้วย”“ก็เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงล้วนแต่เป็นของดีนี่เจ้าค่ะ สตรีทุกนางย่อมหมายใจอยากได้มาครอบครองกันทั้งสิ้น” หลี่ชิงหงก้มหน้าก้มตากล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าก็อย่าเพิ่งกล่าวให้มากความ” พี่ใหญ่หันไปดุน้องสาม พลางส่งสายตาเตือนว่าอย่าเพิ่งดุด่าสาวใช้ตรงหน้าให้มาก
‘เจ้าจะเอาของเหล่านี้ไปทำสิ่งใดกัน?’ หลี่ชิงหงถามฉินเจียวเยี่ยนในขณะที่ล้วงหยิบเครื่องประทินโฉมประเภทหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ‘เพราะเฟิงอ๋องต้องไปรบกับหมิงอ๋องถึงเมืองชางหลินนี่น่า ข้าเองก็อดเป็นห่วงมิได้’ ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจ ‘อายไลน์เนอร์ไว้สำหรับเขียนจดหมายลับโต้ตอบกัน แล้วเฟิงอ๋องจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?’‘เจ้าเลยจะเอาน้ำยาทาเล็บนี้ไปใช้’ เมื่อเห็นฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้ารัว ๆ ขณะที่หยิบน้ำยาทาเล็บสีดำเก็บลงในกระเป๋า หลี่ชิงหงก็แค่นเสียงในลำคออย่างเยาะเย้ย ‘ข้าขอพนันว่าให้ตาย สามีเจ้าก็ไม่มีทางใช้ อีกอย่างหากเขาซื่อขนาดที่ไม่รู้ว่าคนใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็ไม่น่าจะเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้วล่ะ’ฉินเจียวเยี่ยน ‘...’ ทำไมเจ้าชอบว่าสามีข้านักนะ...ความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับเข้ามา ทำให้ดวงตาของหลี่ชิงหงเปล่งประกายขึ้นมาทันที จนแม้แต่เซียวชิงฉียังแปลกใจ“แม่นางหลี่?”“หม่อมฉันรู้แล้วว่าเราจะระบุตัวตนของพวกนางได้อย







