เข้าสู่ระบบเฟิงอวี่นางถูกเสี่ยวเยว่เตือนเรื่องประตูเมืองที่ปิดไปแล้ว จึงได้เปลี่ยนทิศทางไปที่ด้านหลังตลาดแทน ชายป่าด้านหลังตลาดคือที่ที่นางจะใช้หลบซ่อนตัว แต่ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในของป่า มีกลุ่มอันธพาลเดินเข้ามาขวางหน้านางเสียก่อน
“สาวงามทั้งสองเจ้าจะไปที่ใดหรือ” เฟิงอวี่ดันตัวเสี่ยวเยว่หลบไปอยู่ด้านหลังของนาง
“พี่ชาย ท่านพาจะรู้ทางออกจากเมืองผ่านป่าไปได้หรือไม่”
“ข้ารู้อยู่แล้ว แต่ว่า...เจ้าจะให้สิ่งใดตอบแทน”
“ท่านต้องการสิ่งใดเล่า ข้าล้วนแต่มอบให้ได้”
“คุณหนู” เสี่ยวเยว่ดึงชายเสื้อของนางเอ่ยเสียงสั่นไปด้วยความกลัว
บุรุษกักขระตรงหน้าทั้งห้าคน รูปร่างสูงใหญ่ สายตาที่มองมาทางพวกนางมีแต่ความหื่นกระหาย จะไม่ให้เสี่ยวเยว่นางกลัวได้อย่างไร แต่เฟิงอวี่นางไม่สนใจความกลัวของเสี่ยวเยว่แม้แต่น้อย สายตาของนางมองไปที่บุรุษทั้งห้าอย่างไม่หวั่นเกรง
“ข้าพาเจ้าออกไปได้ แต่เจ้าต้องยอมเล่นสนุกกับพวกข้า”
“หึหึ ไม่มีปัญหา” เฟิงอวี่ยิ้มเย็นออกมา
รอยยิ้มของนางทำให้บุรุษทั้งห้าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จะบอกว่างามก็งามล่มเมือง แต่มันน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้
เฟิงอวี่เดินตามบุรุษทั้งห้าเข้าไปในป่าอย่างไม่หวาดกลัว นางจับมือเสี่ยวเยว่เอาไว้แน่น เมื่อฝ่ามืออุ่นของเฟิงอวี่กุมกับมือที่เหยียบเย็นของเสี่ยวเยว่ ความกลัวของเสี่ยวเยว่ก็ลดลง
เพียงแค่เดินมาครึ่งทาง บุรุษทั้งห้าก็ส่งสายตามองกันอย่างแฝงไปด้วยความหมาย ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ ปืนเก็บเสียงในมือของเฟิงอวี่ก็ยิงเข้าไปที่หัวใจของบุรุษที่อยู่ใกล้ที่สุด
ฝ่าเท้าของอีกสี่คนที่เหลือชะงักนิ่ง ก่อนจะล้มไปกองอยู่กับพื้น สายตาเบิกกว้างมองไปที่สหายที่ล้มลงสิ้นใจทันที เลือดไหลออกจากมุมปาก แผงอกราวกับน้ำป่าที่ทะลักออกมา พวกเขาเห็นเหมือนกันว่า สตรีที่ถือของหน้าตาประหลาดในมือ นางยังไม่ได้เข้าใกล้สหายของตนเลย
“ปะ ปีศาจ”
“ทางที่ดี พวกเจ้าพาข้าออกไปจากเมืองให้เร็วที่สุด หากยังอยากรอดตายกลับไป” นางชี้ปากกระบอกปืนไปที่บุรุษสี่คนที่เหลือ
“จะเดิน หรืออยากเล่นสนุก”
พวกมันต่างกลืนน้ำลายลงคอ เล่นสนุกที่นางว่าคือเอาชีวิตคนหรือ ต่างจากพวกเขาที่คิดจะเล่นสนุกกับเรือนร่างของนางต่างหาก
บุรุษทั้งสี่ฝ่าเท้าของพวกมันแทบจะก้าวต่อไปไม่ออก เมื่อถึงทางแยกที่ด้านหน้าเดินต่อไปพ้นชายป่าก็จะเป็นนอกเมืองแล้ว ปืนในมือของเฟิงอวี่ก็ลั่นไกออกไปเอาชีวิตของทั้งสี่ที่เหลือทันที
“คุณหนู!!!” เสี่ยวเยว่กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคุณหนูของตนจะสังหารจนหมดไม่เหลือ
“ปล่อยไว้จะยุ่งยากในภายหลัง ไปกันเถิด จำไว้...หากเจ้าไม่ฆ่าพวกมัน เจ้าก็จะถูกฆ่า” ปืนในมือหายไปแล้ว เฟิงอวี่เดินต่อไปปล่อยให้เสี่ยวเยว่ยังยืนอยู่ที่เดิม
เสี่ยวเยว่แม้จะกลัวคุณหนูในตอนนี้มากเพียงใด แต่ในเมื่อนางถูกกำหนดมาให้รับใช้เฟิงอวี่แล้ว ก็ไม่กล้าจะคิดทิ้งนาง
ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนฟ้าสว่างก็มาถึงโรงเตี๊ยมที่อยู่นอกเมือง ตอนนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงถึงยี่สิบลี้ ด้วยเดินตลอดทั้งคืนไม่หยุดพัก ร่างกายของทั้งสองก็เหนื่อยล้ายิ่งนัก
“แม่นางเข้าพักกี่ห้องดีขอรับ”
“ห้องที่ดีที่สุดหนึ่งห้อง ขอน้ำร้อนด้วย” เฟิงอวี่โยนเงินสิบตำลึงเงินให้หลงจู๊ ห้องพักมีราคาเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้น เมื่อได้เงินก้อนใหญ่จึงดูแลทั้งสองอย่างดี
“หาซื้อรถม้าให้ข้าสองตัว”
“ได้ ได้ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการให้”
ทองแท่งที่อยู่ภายในมิติของเฟิงอวี่ในที่สุดก็ได้ใช้ นางไม่เสียดายด้วยทองที่มอบให้หลงจู๊ไปเพียงหนึ่งบาทในโลกของนางเท่านั้น นางยังมีมากมายไม่รู้กี่ร้อยแท่ง จะเสียดายเพียงแท่งเดียวได้อย่างไร
“เจ้าไปอาบน้ำก่อน แล้วมาใส่ยา”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าต้องปรนนิบัติคุณหนูก่อน”
“เจ้าไม่ต้องดูแลข้า ต่อไปนี้เรื่องของข้า ข้าจัดการเอง ส่วนใดที่สมควรดูแลก็ดูแล หนทางยังอีกไกล จะให้ตนเองล้มป่วยจนเป็นภาระข้าไม่ได้”
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเยว่รับคำอย่างว่าง่าย นางรีบไปล้างตัวแล้วมาใส่ยาที่เท้า ตามคำบอกของเฟิงอวี่ทันที
ความเหน็ดเหนื่อยทำให้สตรีทั้งสองคน เมื่อล้มตัวลงนอนก็หลับสนิทไปทันที ต่างจากตำหนักองค์ชายรองที่ดูจะวุ่นวายด้วยหาตัวเฟิงอวี่ไม่พบ
พอยังไม่ทันสว่างองครักษ์ต่างก็พากันไปดักอยู่ที่หน้าประตูเมือง เพื่อตรวจคนที่จะเดินทางออกจากเมืองหลวงทุกทิศทาง จนฟ้าเกือบมืดแต่ก็ยังไม่เห็นร่างของสตรีทั้งสองคน
“ไม่ได้เรื่อง!!!” หนิงหวงกวาดทุกสิ่งบนโต๊ะในห้องตำราตกกระจายไปทั่วพื้นห้อง “ต่อให้เก่งเพียงใดก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาไปได้ ออกไปตามหาให้เจอ แม้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องเจอ”
องครักษ์รีบรับคำสั่งแล้วออกไปตามหาทันที โจวเจินที่เดินยกของว่างเข้ามาหาที่ห้องตำราก็ถูกกันเอาไว้อยู่หน้าประตูไม่ให้เข้าไปด้านใน
“พระชายารอง ห้องตำราขององค์ชายรอง มิให้ผู้ใดเข้าขอรับ แม้แต่พระชายาเอกก็เข้าไม่ได้”
“ข้าจะเหมือนนางได้อย่างไร ผู้ใดในตำหนักจะไม่รู้บ้างว่านางไม่เป็นที่โปรดปราน”
“ถึงอย่างไรก็เข้าไม่ได้ขอรับ” พ่อบ้านกล่าวอย่างนอบน้อม
“ไปแจ้งองค์ชายรองประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น...เจ้าจะถูกลงโทษเอง”
“เอ่อ...” พ่อบ้านแสร้งทำสีหน้าหนักใจ ก่อนจะร้องแจ้งเข้าไปด้านใน
“ส่งพระชายารองกลับเรือน” เสียงเย็นของหนิงหวงดังออกมากระแทกเข้าไปในใจของโจวเจินจนน้ำตาของนางเกือบจะไหลออกมา
เป็นครั้งแรกที่นางถูกไล่ ทั้งยังใช้น้ำเสียงที่ไม่เคยใช้มาก่อน พ่อบ้านยกยิ้มอย่างดูแคลนตามแผ่นหลังของโจวเจินที่เดินกลับไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงอวี่นางตื่นขึ้นมาในยามเว่ย (13.00-14.59 น.) ก็ปลุกเรียกเสี่ยวเยว่ให้ตื่นลุกขึ้นเตรียมตัว
“ผ่านไปสักสามหัวเมืองก็ไม่ต้องเร่งเดินทางแล้ว” นางยิ้มน้อยๆ ให้เสี่ยวเยว่ที่ดูเหมือนยังนอนไม่พอ
“เจ้าค่ะ” ตั้งแต่ที่คุณหนูของตนฟื้นขึ้นมา นับเป็นรอยยิ้มครั้งแรกของนาง เสี่ยวเยว่จึงรีบลุกขึ้นช่วยเฟิงอวี่ล้างหน้าล้างตา
ทั้งสองกินอาหารง่ายๆ ในห้องพัก ก่อนจะลงไปด้านล่างของโรงเตี๊ยม หลงจู๊เตรียมม้าไว้ให้พวกนางแล้ว พาเห็นม้าสีดำ รูปร่างสง่าแข็งแรง เฟิงอวี่ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
แม้นางไม่เคยขี่ม้ามาก่อน แต่เจ้าของร่างเดิมมีทักษะเรื่องขี่ม้าไม่น้อย พอขึ้นนั่งบนหลังม้าสัญชาตญาณก็พาให้นางพุ่งตัวออกไปได้ทันที ราวกับว่าร่างกายของเซี่ยเฟิงอวี่ก็ถวิลหาเมืองจินเป่ยไม่น้อยเลย
ฝีเท้าม้าต่อให้ดีเพียงใด อย่างไรก็ไม่เหมือนเครื่องยนต์ มันต้องหยุดพัก เพื่อกินน้ำ กินหญ้า วิ่งได้เพียงร้อยลี้ ทั้งสองก็ต้องหาโรงเตี๊ยมเพื่อเข้าพักแล้ว ด้วยท้องฟ้าด้านนอกเริ่มจะมืดอีกครั้ง
หนิงหวงไม่อาจนิ่งนอนใจอีกได้ ผ่านไปสองวันค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงและทิ้งคนให้เฝ้าประตูเมืองทุกแห่ง แต่ก็ยังไม่พบคน เขาจึงเข้าวังหลวงไปพบเสด็จแม่ของตนเอง
ฮองเฮาเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพระโอรสก็ไล่นางกำนัลออกไปจนหมด หนิงหวงคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฮองเฮาได้ฟัง
“สวรรค์!!! เจ้าโง่ถึงเพียงนี้เลยหรือ ปล่อยให้เรื่องลุกลามไปมากเพียงนี้ เพิ่งจะมาหาแม่” ฮองเฮาขว้างแก้วน้ำชาในมือลงพื้นอย่างมีโทสะ
“ลูกไม่คิดว่านางจะใจกล้าเช่นนี้”
หนิงหวงถอนหายใจออกมา เขากดสูดดมที่เส้นผมของเฟิงอวี่ก่อนจะเอ่ยตอบ“ข้าจะหลอกเจ้าเพื่ออันใด ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ด้วยซ้ำ ตอนนี้เสด็จพ่อได้รับน้ำวิเศษอยู่ตลอด คงจะไม่ลงจากบัลลังก์ง่ายๆ ข้าคิดเอาไว้แล้ว ว่าจะให้โยวอี้เริ่มเรียนรู้งานกับเสด็จพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ต่อไปก็ให้เขาทำหน้าที่แทนข้าเลย”“ท่านคิดดีแล้วหรือ” เฟิงอวี่อดที่จะมองอย่างสงสัยไม่ได้ บัลลังก์ไม่ว่าผู้ใดก็อยากจะครอบครอง อย่างรุ่ยอ๋องที่คิดก่อกบฏจนตัวตาย พี่น้องของหนิงหวงแม้จะเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บอย่างดี แต่ต่อไปจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่คิดอยากจะแย่งชิง“ข้าเบื่อปั้นหน้าเต็มที เจ้าเห็นข้ายินดีหรือตอนที่ต้องเข้าท้องพระโรงทุกวัน ข้าอยากจะนอนกอดเจ้าต่ออีกหน่อยก็ทำไม่ได้”“อืม...ข้ามีเรื่องดีจะบอกท่าน” เฟิงอวี่ดันตัวออกมาจากอ้อมแขนของหนิงหวง พร้อมทั้งดึงมือหนิงหวงไปวางที่ท้องของนาง“จริงหรือ” หนิงหวงเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ“อืม ข้าตั้งครรภ์” นางยิ้มกว้างออกมาเสียงหัวเราะของหนิงหวง ทำให้เด็กทั้งสามที่เล่นอยู่ในลานด้านข้างศาลาริมน้ำ วิ่งเข้ามาภายในศาลาอย่างสนใจ เมื่อรู้ว่าเสด็จแม่ของตนตั้งครรภ์อีกแล้ว เด็กทั้งสามก็กระโดดไปรอบๆ ตัวหนิง
วันที่เซี่ยเหลี่ยงเดินทางกลับชายแดนเหนือ เฟิงอวี่นางมอบระเบิดมือให้เขาไปนับสิบลูก ทั้งยังสาธิตและสอนให้เขาระวังในการเคลื่อนย้ายเช่นใดจะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้นด้วยรู้ดีว่าแคว้นต้าฉี ต้องการจะทำสงครามกับแคว้นต้าซ่ง หากสงครามไม่เกิดขึ้น พี่ชายของนางก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงตายอยู่ในสนามรบ ชีวิตของทหารและชาวบ้านก็จะได้ไม่ต้องล้มตายหรืออยู่กันอย่างหวาดกลัวเฟิงอวี่นางพาเซี่ยหร่วน เซี่ยเหลี่ยงและหนิงหวง ออกไปลองใช้ระเบิดมือที่ภูเขานอกเมือง พื้นที่โดยรอบไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันใดยามที่เฟิงอวี่นางขว้างระเบิดมือออกไป หินก้อนใหญ่เท่าเรือนหนึ่งหลังก็แตกออกเป็นหลายเสี่ยง พร้อมด้วยเสียงกัมปนาทที่ราวกับฟ้าจะถล่มลงมา พื้นที่รอบด้านสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ภายในเมืองหลวงและหมู่บ้านใกล้ๆ ต่างก็ได้ยินเสียง ทุกคนออกมาดู พร้อมหาต้นเสียงว่ามาจากที่ใดก็หาไม่พบ“วิเศษนัก!!! เช่นนี้ แคว้นต้าฉีกับชนเผ่านอกด่านก็ไม่กล้ารุกรานแล้ว” เซี่ยเหลี่ยงร้องออกมาอย่างยินดี“ท่านต้องใช้อย่างระวัง หากตกใกล้ตัวเกินไป หากไม่ตายก็ต้องพิการ ข้าให้ท่านเพื่อใช้ข่มขู่เท่านั้น ระเบิดหนึ่งลูกสามารถคร่าชีวิตคนได้น
ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เด็กทารกในครรภ์ดูเหมือนจะอยากออกมาเต็มที่ ยังดีที่ทั้งสองออกมาจากมิติได้ทัน พอเฟิงอวี่นางขึ้นนอนบนเตียง เสียงเด็กก็ร้องดังลั่นไปทั่วเสี่ยวเยว่กับเถามามาที่ย้ายมานอนเฝ้าอยู่หน้าห้องวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ยังดีที่หนิงหวงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว“อุแว้ อุแว้”“ว้ายยยยย คลอดแล้ว” เสี่ยวเยว่กรีดร้องออกมามีเพียงเถามามาที่ยังได้สติ นางผลักตัวเสี่ยวเยว่ให้รีบไปตามหมอตำแยเข้ามาในห้อง แล้วรีบไล่หนิงหวงที่ยังยืนมองอย่างตกตะลึงให้ออกไปด้านนอก ก่อนจะเข้าไปรับเด็กที่ไหลออกมาจากช่องคลอดของเฟิงอวี่เอาไว้ตำหนักบูรพาวุ่นวายในชั่วพริบตา ต่างไม่มีสัญญาณเตือน หรือได้ยินเสียงร้องของเฟิงอวี่เลยสักนิด ได้ยินเพียงเสียงเด็กน้อยที่ร้องลั่นประท้วงที่ไม่มีคนรอรับเขาตอนออกมาจากท้องของมารดาฮ่องเต้กับฮองเฮาที่เข้านอนไปแล้ว ต่างก็รีบร้อนมาที่ตำหนักบูรพา เมื่อมาถึงก็เห็นหนิงหวงก็อุ้มพระโอรสที่ล้างตัวเรียบร้อยแล้วเอาไว้ในอ้อมแขน“คลอดง่ายหนัก” ฮองเฮาฟังเรื่องของเฟิงอวี่ก็ได้แต่นึกอิจฉา ยามที่นางคลอดหนิงหวงเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ฮ่องเต้จึงไม่ให้นางตั้งครรภ์อีกเลยคนตระกูลเซี่ยก็เร่งรีบมาทั
เฟิงอวี่นางเข้าชมการประหารในวันนี้ด้วย โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของฮองเฮาและมารดาของตนเลย“เจ้าจะมาเพื่ออันใด สตรีตั้งครรภ์สมควรเห็นเรื่องพวกนี้หรือ” เซี่ยหร่วนได้แต่ตำหนิบุตรสาวของตน เถามามาและเสี่ยวเยว่ที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนหน้าที่จะมา บ่าวทั้งสองต่างห้ามปากจนเสียงแทบจะไม่มีแล้ว แต่เฟิงอวี่นางมีหรือที่จะฟัง“หากข้าไม่ได้เห็นนางตาย ข้าคงหลับไปสนิท” นางจะไม่อยากเห็นคนที่ทำให้ชีวิตของนางต้องพบเจอเรื่องร้ายมากมายตายด้วยตนตนเองได้อย่างไรเซี่ยหร่วนถอนหายใจออกมา หากตนเองถูกกระทำเช่นบุตรสาวก็คงอยากจะเห็นจุดจบของมันผู้นั้นเช่นกันก่อนจะทำการประหาร นักโทษที่ใกล้ตายล้วนแต่ได้รับสิทธิ์ให้พูดความในใจหนึ่งประโยค ที่ผ่านมาต่างก็พูดขอความเมตตาหรือไม่ก็พูดขอโทษในสิ่งที่ตนเองทำลงไปแต่ไม่ใช่กับรุ่ยอ๋อง เขารอเวลานี้มานาน“สิ่งที่เปิ่นหวางลงมือทำไป ไม่เคยนึกย้อนเสียใจ อาหวง หลานชายข้า...หึหึ” รุ่ยอ๋องมองไปที่โจวเจิน ก่อนจะถอนสายตากลับมา“พระชายารองของเจ้าช่าง...อึก” เขายังไม่ได้พ่นประโยคน่ารังเกียจออกมา ก็ถูกมีดสั้นที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศใดพุ่งเสียบทะลุคอของเขาเสียแล้วชาวเมืองและขุนนางหลาย
คนของรุ่ยอ๋องไม่มีผู้ใดคิดจะขัดขืน นอกจากวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่ก็ถูกจับตัวกลับมาได้ทั้งหมด หนิงหวงเดินไปหยุดตรงหน้ารุ่ยอ๋อง สายตาที่จ้องมองร่างที่นอนเจ็บปวดอยู่บนพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับมองคนตาย“เรื่องสกปรกที่ท่านทำ คิดว่าผู้อื่นไม่รู้หรือ เพียงแค่ไม่มีผู้ใดอยากจะพูดให้เสียปากเท่านั้น”รุ่ยอ๋องจ้องมองหนิงหวงอย่างโกรธแค้น แต่ไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา ในมือของหนิงหวงยังถืออาวุธประหลาดมาทางเขาอยู่องครักษ์พ่านเดินเข้าไปลากตัวรุ่ยอ๋องที่ยังคงนอนเจ็บปวดอยู่ที่พื้น ลากออกไปจากป่า เพื่อไปรับโทษ ตลอดทางที่พาตัวไปขังในคุกหลวงในวัง รุ่ยอ๋องมิได้พูดสิ่งใดออกมาอีก ความเจ็บปวดที่บาดแผลและเสียเลือดไปจำนวนมาก ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะปากดีชาวเมืองเมื่อรู้ข่าวว่ากบฏรุ่ยอ๋องถูกจับกุมตัวแล้ว ต่างก็ออกมาโห่ร้อง และด่าทอตลอดทางที่รุ่ยอ๋องถูกคุมตัว หนิงหวงที่ได้รับคำสรรเสริญสีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก เซี่ยหร่วนและเซี่ยเหลี่ยงต่างก็ถอนกำลังทหารที่ปิดล้อมตามประตูเมืองต่างๆ ไปรวมตัวกับหนิงหวงที่วังหลวงขุนนางเกือบทั้งหมดยามนี้อยู่ภายในวังหลวงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรุ่ยอ๋องถูกคุมตัวมาถึงฟ้าด้านนอกก็มืดสนิท
ยิ่งเห็นพวงแก้มที่แดงระเรื่อของฮองเฮา เฟิงอวี่เกือบอดใจไม่ไหว ยื่นมือไปหยิกแก้มนางเสียแล้ว“ออกกันไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะให้องครักษ์พ่านไปเชิญฝ่าบาทมาที่ตำหนักของพระองค์”ฮองเฮาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ก่อนจะพากันออกไปด้านนอก เมื่อออกมาแล้ว เฟิงอวี่นางเรียกนางกำนัลคนที่ไปตำหนักนางเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะให้ไปหาผ้ามาปิดหน้าให้ฮองเฮา ด้วยยังไม่สะดวกไล่นางกำนัลคนอื่นออกไปในยามนี้ กลัวว่าจะมีคนคิดร้ายขึ้นมาอีกเฟิงอวี่เองก็สั่งความองครักษ์พ่านให้ไปเชิญฮ่องเต้มาที่ตำหนักของฮองเฮาอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกฮ่องเต้คิดว่าฮองเฮามีอาการไม่สู้ดี แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องด้านข้าง เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของนางก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้“กะ เกิดอันใดขึ้น” ฮ่องเต้เดินเข้าไปจับไหล่ของฮองเฮาเอาไว้“นี่อย่างไรเล่า ที่หม่อมฉันกำลังจะบอกพระองค์”ฮองเฮาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮ่องเต้ฟัง ก่อนจะพากันเข้าไปในมิติของเฟิงอวี่เพื่อแช่ตัว ฮ่องเต้เองก็ตกตะลึงไม่แพ้ฮองเฮา แต่เพียงไม่ได้กรีดร้องออกมา เฟิงอวี่นางไม่ต้องติดตามฮ่องเต้ไปแช่ตัว ด้านข้างพระองค์มีฮองเฮาคอยดูแลอยู่แล้ว จึงเข้าไปนั่งรออยู่ภายในอาคารเพียงไม่นานทั้งสองพระอง







