“ดี! ท่าทางซื่อตรงจริงใจ สมเป็นบุตรชายแม่ทัพ ประเดี๋ยวรับสำรับเสร็จอยู่ก็รับสุราคารวะต่อเลย” รองเจ้ากรมยุติธรรมกล่าว ในเมื่อกล้าเอ่ยปากด้วยสีหน้ามั่นใจเช่นนี้ บิดาเช่นตนก็ยินดีจะสนับสนุนบุตรเขย
“ได้ขอรับท่านพ่อ เอ่อ...ท่านน้า”
“รอได้ฤกษ์ค่อยเรียกท่านพ่อยังไม่สาย” ให้เวลาคนเป็นบิดามารดาทำใจบ้างเถิด ใครบ้างจะไม่ใจหายเมื่อบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ทะนุถนอมต้องออกเรือนไปอยู่จวนอื่น
“ขอรับท่านน้า”
“ท่านพี่หยอกเย้าคุณชายรองเจียงแล้ว”
“ท่านน้าทั้งสองเรียกข้าเจียงเซวียน หรือจะเรียกแต่นามว่าเซวียนก็ได้ขอรับ”
“
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ