บทนำ
นัยน์ตาคมจ้องมองไปที่ห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มคล้ายเยาะเย้ยคนที่อยู่ในห้องแห่งนั้น
“วันนี้ท่านจะมาประมูลสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
“คุณหนูเหรินมาว่าจ้างพี่ให้หากู่ฉินของปรมาจารย์หลี่เต๋อ เห็นว่าเป็นหนึ่งในของที่เข้าประมูลวันนี้”
‘ดูเหมือนเหรินเสี่ยวเหยาจะใช้เรื่องนี้เข้าหาเขาสินะ’ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนิ่งคิด
“พี่เพียงทำตามหน้าที่ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
“ข้าไม่คิดมากหรอกเจ้าค่ะ เราไม่ได้เป็นอันใดกันสักหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” คนเริ่มมาเยอะแล้วประเดี๋ยวเกิดมีคนรู้จักมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของนางคงป่นปี้หมด
“ซือซือเจ้ากำลังกินน้ำส้ม[1]ใช่หรือไม่ กลิ่นถึงได้ฉุนจมูกยิ่งนัก”
“ข้าไม่ได้...”
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่นางร้ายกาจต่อเจ้าพี่ย่อมเอาคืน วันนี้หากพี่ได้พิณมาในราคาหนึ่งพันตำลึงทอง พี่ก็เพียงไปเก็บเงินนางห้าพันตำลึงทอง แล้วนำส่วนต่างที่ได้เก็บใส่หีบสินสอดเตรียมไว้สู่ขอเจ้า”
“ท่านเป็นพ่อค้าหน้าเลือดเช่นนี้ไม่กลัวจะถูกต่อว่าหรือเจ้าคะ”
“ก็ใครใช้ให้นางร้ายกาจกับเจ้า แล้วก็อย่าได้กังวลหลังจากจบงานที่รับไว้นี้พี่จะไม่รับงานที่นางว่าจ้างอีกต่อไป”
“พี่เซวียน การหาเงินหาทองย่อมสำคัญ หากนางว่าจ้างท่าน แล้วท่านอยากจะรับข้าก็ไม่คิดขัดขวางเจ้าค่ะ”
“ซือซือเจ้าใจกว้างจนพี่ปวดใจ แต่พี่จะบอกอันใดให้เจ้าทราบว่าพี่หาได้ใจกว้างเช่นเจ้าไม่ ดังนั้นพี่ไม่ชอบให้บุรุษใดจ้องมองสตรีของพี่ เข้าใจหรือไม่”
“ที่แท้กลิ่นน้ำส้มที่ท่านว่า มาจากตัวท่านนี่เอง”
“ไม่มีบุรุษใดใจกว้างพอที่จะให้บุรุษอื่นมานั่งมองสตรีของตนเองเช่นนี้”
“หืม! ท่านหมายความว่ามีคนกำลังมองข้าอยู่หรือเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนทำท่าจะหันหน้าออกไปมองด้านนอกห้องส่วนตัว
“แนบชิดอยู่กับพี่เช่นนี้นี่แหละ คนผู้นั้นจะได้เลิกจ้องมองเจ้า”
“กลิ่นน้ำส้มเหม็นคละคลุ้งเชียว” นางยิ้มก่อนจะยกมือโอบรอบคอของเขาเพื่อหยอกเย้า
“สุราของโรงเตี๊ยมหนิงฟางช่างดีจริง ๆ เห็นทีคงต้องซื้อกลับไปหลายไหหน่อย เอาไว้ให้เจ้าได้จิบบ่อยครั้ง จะได้น่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้”
‘เพราะสุราที่ใดกัน ข้าตระหนักความจริงได้แล้วต่างหาก ว่าคนที่ข้าจะสามารถปกป้องข้าให้อยู่รอดจนถึงตอนจบก็คือท่าน’ ซึ่งมันคนละสถานะกับที่คิดได้ก่อนหน้านี้ สหายของน้องสาวไหนเลยจะสำคัญเทียบเท่าฮูหยิน...
[1] หึงหวง
1 สหายที่ดีของเจ้าคือข้าเอง เพิ่งจะลองเปิดใจอ่านนิยายเรื่องแรกเพราะการรบเร้าของหลิวอี้หลานเพื่อนรักที่ชอบเพ้อฝันอยากทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายและได้กลายเป็นนางเอกของนิยายเรื่องนั้น แต่เหตุใดนางที่เพิ่งอ่านนิยายเล่มนั้นไปได้เล็กน้อย ถึงได้รับสิทธิ์นั้นกันเนี่ย ‘เฮ้อ! นี่ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้จริง ๆ เหรอ’ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนในใจตามลำพัง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเธอเองแล้ว ว่าต่อให้เธอถูกฆ่าตายในโลกแห่งนี้ เธอก็ไม่มีทางจะกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศที่โสดสนิทเพราะการทำโอทีฟรีเกือบทุกวันอย่างเหอซือซือในยุคสองพันยี่สิบสี่ เพราะเธอตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไม่มีทางจะไปนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเช่นนางเอกบางเรื่องที่เพื่อนชอบมาเล่าให้ฟัง ‘สวรรค์! คนที่อยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย แก้ไขชะตาชีวิตของตัวละคร เป็นหลิวอี้หรานไม่ใช่ข้า พวกท่านเข้าใจผิดไปหรือไม่’ แม้จะถอนหายใจหรือเงยหน้ามองท้องฟ้าซ้ำ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ร
“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อย่างไรก็มีความเด็ดขาดและกลิ่นอายน่าเกรงขามบางอย่างแฝงอยู่ “แต่เจ้าสามารถบอกหรือตักเตือนข้าได้นะ เราเป็นสหายกันมีเรื่องใดล้วนต้องสนทนากันตามตรง” กล่าวจบนางก็จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงใจ เจียงเซียวเล่อผู้นี้รักสหายเช่นเหอซือซือมากทีเดียว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง “เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าถึงอยากได้เป็นสหายกับเจ้า” ทั่วเมืองหลวงคงมีเพียงคุณหนูเหอผู้นี้กระมังที่ไม่ได้เข้าหานางเพราะพี่ชาย ส่วนคุณหนูคนอื่นน่ะหรือ หึ! อย่าให้กล่าวถึงเลย “ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า” “เจ้าไม่อยากดมน้ำมันหอมกลิ่นหมู่ตานแล้วหรือ” “อยากสิ เช่นนั้นข้าต้องขอเสียมารยาทแล้ว” กล่าวจบนางก็ยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นหอมบริเวณอกเสื้อของสหาย “พอจะได้กลิ่นหรือไม่” “หอมไม่น้อย
“สือหลิว ข้ายิ้มเช่นนี้น่าเอ็นดูหรือไม่” เหอซือซือกระตุกชายอาภรณ์ของสาวใช้ก่อนจะส่งยิ้มให้ดู “ไม่ว่าคุณหนูจะยิ้มเช่นไรก็ล้วนงดงามและน่าเอ็นดูเจ้าค่ะ” สือหลิวกล่าวตามความจริง ดวงหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัว ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อได้สบตากับดวงตาเมล็ดซิ่งของคุณหนู สาวใช้เช่นตนมั่นใจว่าคนผู้นั้นล้วนเอ็นดูคุณหนู “เจ้าเยินยอข้าเช่นนี้ เชื่อได้หรือ” ถามห้าครั้งก็ตอบเช่นนี้ “บ่าวกล่าวตามความจริงเจ้าค่ะ คุณหนูงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไม่ว่าใครพบเจอล้วนอยากทะนุถนอม” “ข้าว่าจะถามเจ้าก็ลืมไปเลย เมื่อวานตอนที่ข้ากำลังสนทนากับเล่อเล่ออยู่ เหตุใดเจ้ากับสาวใช้ของนางถึงได้ดูตกอกตกใจกัน” “แม้คุณหนูเจียงจะเป็นสตรีเช่นเดียวกันแต่อย่างไรการใกล้ชิดเกินไปก็ล้วนไม่เหมาะสม หากเมื่อวานเปลี่ยนเป็นคุณหนูไปทำเช่นนั้นนอกจวนแล้วมีคนมาเห็นเข้าคงเล่าลือกันว่าพวกท่านเป็นตุ้ยสือ[1]” ‘ตุ้ยสือหรือ? ใช่ที่เขาใช้เรียกสตรีที่รักกันหรือไม่’ เหมือนนางจะเคยเห็นในโลกโซเชียล แต่ในโลกเดิมนางกับหลิวอี้หรานที่สนิทกันก็ทำเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่อ
ชาที่นางนั่งจิบยังไม่ทันหายร้อน สือหลิวก็รีบมารายงานว่ารถม้าพร้อมแล้ว ช่างทำงานกันได้รวดเร็วเสียจริง “เจ้าทราบหรือไม่ว่าร้านท่านป้าจางที่ขายเสี่ยวหลงเปาอยู่ที่ใด” “ทราบเจ้าค่ะ แต่ร้านป้าจางเป็นตรอกแคบ รถม้าไม่อาจเข้าไปได้ คุณหนูรออยู่บนรถม้าประเดี๋ยวบ่าวจะลงไปซื้อให้เจ้าค่ะ” “ไม่ได้ เจ้าต้องไปซื้อเกาลัดต้มน้ำตาลที่โรงน้ำชาฉากุ้ยให้ข้า แยกย้ายกันไปซื้อจะได้ไม่ต้องใช้เวลามากประเดี๋ยวไม่ทันเล่อเล่อรับสำรับ” “เจ้าค่ะ” แม้อยากจะโต้แย้งแต่ทว่าก็จนใจด้วยเหตุผล เพราะหากไปด้วยกันคงกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม และอาจจะไม่ทันคุณหนูเจียงรับสำรับ เนื่องจากโรงน้ำชาฉากุ้ยถึงก่อน นางจึงสั่งให้รถม้าจอดเพื่อให้สาวใช้คนสนิทลงไปก่อน “เมื่อซื้อเสร็จแล้วเจ้าก็อยู่รอที่นี่ ข้าจะมารับ” “เจ้าค่ะ” สือหลิวจำใจตอบตกลง พอส่งสาวใช้เสร็จแล้วนางก็สั่งรถม้าให้ไปที่ร้านป้าจางต่อ สายป่านนี้แล้วไม่รู้เสี่ยวหลงเปาจะยังมีอยู่หรือไม่ ‘ขอให้ยังมีเสี่ยวหลงเปาขายอยู่เถิด’ เมื่อวานนางได้บอกกล่าวท่านแม่แล้วว่าจะออ
2 การช่วยเหลือ เพราะต้องการเดินไปถึงจวนแม่ทัพเจียงให้เร็วที่สุด นางจึงรีบร้อนเดินเข้าตรอกเพื่อไปขึ้นรถม้าโดยไม่ทันได้ดูว่าตนเองนั้นได้เดินเข้าผิดตรอก กว่าจะรู้ตัวนั้นเท้าของนางก็คล้ายกับก้าวไปเยือนปรโลกข้างหนึ่งแล้ว “ชะ...” นางกำลังจะส่งเสียงร้องเมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดกำลังวิ่งมาทางนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากแล้วพาตัวนางเข้าไปซ่อนในห้อง ๆ หนึ่งคล้ายกับห้องเก็บฟืน “พวกมันจะฆ่าปิดปากทุกคนที่เห็นหน้า หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตัวให้เงียบที่สุด” เสียงเข้มแฝงข่มขู่ของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ไม้ที่วางระเกะระกะบังตนเอง เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงใช้ฟางที่กองอยู่แถวนั้นคลุมตนเองด้วยเช่นกัน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางมีไม่ด้อยกว่าผู้อื่นหรอกนะ ‘ในเมื่อตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาว ข้าไม่มีทางยอมตายอยู่ที่นี่หรอก’ ตึกตัก ๆ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยคว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรถม้าจากไป อิงอู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธอีกฝ่ายเช่นคุณหนูคนก่อนหน้านี้ แล้วนำเสี่ยวหลงเปาที่ได้รับ ไปตรวจสอบพิษก่อนจะนำไปมอบให้คุณหนูสามผู้เป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษตระกูลเจียง เจียงเซวียนเลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นในสำรับอาหารมีจานใบหนึ่งว่างเปล่า คล้ายกับเจียงเซียวเล่อถูกใจมันมากจนกินหมดไม่เหลือ “ดูเจ้ากินข้าวได้มากทีเดียว” เขากล่าวก่อนจะทรุดกายนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม “ที่คุณหนูกินจนหมดเป็นเสี่ยวหลงเปาที่คุณหนูเหอนำมาให้เจ้าค่ะ” เป็นจี้เอ๋อเอ่ยแทน เพราะนางเกลี้ยกล่อมให้คุณหนูกินอย่างอื่นด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธ “สหายเจ้านำเส
คุณชายรองเจียงก้มมองเทียบเชิญเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของน้องสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบสั่งให้คนเตรียมรถม้าเขาจะออกนอกจวน เท่าที่เขาทราบรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไร้ความทะเยอทะยาน แม้จะค่อนข้างมีเงินถุงเงินถังเพราะเหอฮูหยินเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมขนาดกลางอย่างโรงเตี๊ยมไฉ่เหวินที่ต้อนรับตั้งแต่ชาวบ้านไปถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และแม้จะเปิดมาเกือบสิบเจ็ดปี แต่ทว่ายังมีลูกค้ามากมายสร้างรายได้ให้จวนเหอมากกว่าเบี้ยหวัดของรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอช่างเสียอีก นัยน์ตาราบเรียบกวาดมองสองข้างทางในระหว่างที่เดินไปยังโถงกลางจึงได้เห็นเครื่องประดับและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ทว่าดูดี ทั้งยังมีสวนที่ปลูกดอกไม้ผสมผสานกับผลไม้ซึ่งต่างจากจวนอื่นที่มักจะปลูกต้นไม้มงคล ‘เรียบง่าย
เพราะมัวเหม่อลอยคิดเรื่องหอชายงามอยู่หันกลับมาอีกครั้งเขาก็ปลดเปลื้องอาภรณ์เปลือยแผงอกให้เรียบร้อยแล้ว “ข้าขออนุญาตเข้าไปใกล้ท่านได้หรือไม่” “หากเจ้าไม่เข้ามาใกล้จะพันแผลห้ามเลือดให้ข้าได้เช่นไร” กล่าวจบเขาก็มองหน้านางคล้ายกับต่อว่า ‘ช่างเป็นคำถามที่โง่เขลา’ “เจ้าค่ะ ๆ ข้าผิดเองที่ถามโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน” นางตอบรับก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เขา “...” ชายบาดเจ็บแสร้งเบือนหน้าหนีแต่หางตายังคงจับจ้องใบหน้าของนาง ห้องร้างแห่งนี้ไม่ค่อยสว่างมาก นางจึงต้องยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ตัวเขา ก่อนจะเพ่งมองเพื่อกวาดสายตาหาบริเวณที่เป็นแผล แต่นางไม่รู้เลยว่ายามนางหายใจเป่ารดผิวกายของบุ
‘หลวนจิ้นฝาน หากท่านจะโทษก็โทษเสี่ยวเหยาคนดีของท่านเถิด ที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้’ นางคิดพลางมองกลุ่มคนที่เดินจากไปไกลแล้ว “ไปเถิด เราตามไปสมทบกับคนพวกนั้นเถิด” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับ แต่พอออกมาจากที่ซ่อนก็พบเข้ากับองค์รัชทายาทที่เดินประคองพระชายาเสิ่นมา “พวกท่านยังอยู่ตรงนี้อีกหรือ รีบไปดูความสนุกกันเถิด” เสิ่นอี้หรูเอ่ยวาจาท่าทางสดใส “เพคะ หม่อมฉันก็อยากจะเห็นจริง ๆ ว่าตนเองทำเรื่องบัดสีเช่นใดไปบ้าง” ปล่อยข่าวใหญ่โตว่านางลอบมาทำเรื่องไร้ยางอายกับหลวนจิ้นฝาน พอเรื่องมันไม่เป็นอย่างที่คิดจะเป็นเช่นไรกันนะ แต่คนทั้งสี่ยังไม
“เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่” เจียงเซวียนเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกวาดสายตามองสตรีในดวงใจอย่างพิจารณา “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านเล่า” “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “อะแฮ่ม! พวกเจ้าลืมสิ่งใดไปหรือไม่” “ถวายพระพรพระชายา” “ตามสบาย ถ้าข้าไม่ทัก เจ้าก็คงไม่เห็นข้าหรอกกระมัง” “กระหม่อมมัวแต่ห่วงใยนาง จึงไม่ทันได้สังเกตผู้อื่น” “ปากดีเช่นนี้ ช่างไม่เหมาะสมกับซือซือ”
18 เป็นเพียงความเข้าใจผิด ด้านเหอซือซือที่ยอมเดินตามนางกำนัลผู้นั้นมาก็เพราะมั่นใจในความปลอดภัยของตน ว่าจะไม่พลาดพลั้งเนื่องจากว่าก่อนลงจากรถม้านางได้กินยาถอนหมื่นพิษและยาถอนพิษปลุกกำหนัดมาแล้ว และนางคิดว่าการที่เหรินเสี่ยวเหยาเลือกใช้วิธีสาดพิษปลุกกำหนัดใส่นางเช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงกินยาถอนพิษปลุกกำหนัดมาแล้วเช่นกัน ชั่วช้าไม่เปลี่ยนจริง ๆ&nb
‘ข้าว่าแล้วแท้จริงสองคนนี้ไม่ถูกกัน มิเช่นนั้นคุณหนูเหอคงไม่แสร้งตกใจจนผลักคุณหนูเหรินล้มเช่นนี้’ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าว ‘ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคุณหนูเหอที่ผิด สตรีดีงามเช่นคุณหนูเหรินหรือจะทำร้ายผู้อื่น วันนั้นข้ายังเห็นนางเอาตัวเข้าบังคุณหนูเติ้งเพื่อช่วยเหลือจากการโดนแส้ฟาด’ เป็นสตรีคนหนึ่งป้องปากสนทนากับสหาย ‘ข้าเห็นด้วยกันเจ้า คุณเหอต้องริษยาที่คุณหนูเหรินงดงามและมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่หมายปองของบุรุษมากกว่าตนเป็นแน่’ “นี่พวกเจ้า!” จูเฉ่าเหมยตั้งใจจะหันไปตวาดใส่พวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ตัดสินผู้อื่นแล้ว แต่สหายเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะมือเป็นเชิงห้าม “ช่างเถิดอย่าได้สนใจเลย เราไปกันเถิด” นางหมดอารมณ์จะชมสวนแล้ว แต่ในขณะที่นางกำลังหมุนตัวจะพาสหายเดินจากไป
“คุณหนูเจียงหรือ ใช่บุตรสาวแม่ทัพเจียงหรือไม่” มิใช่ว่ามีคุณหนูอยากเข้าหามากมายหรือ เพื่อใช้เป็นสะพานทอดไปหาพี่ชายคนรองที่มีแต่สตรีหมายปอง “ถูกแล้ว เล่อเล่อนางน่ารักและเป็นสหายที่ดีมาก” “หากคุณหนูเจียงไม่รังเกียจข้าที่เป็นบุตรสาวพ่อค้า ข้าย่อมยินดีที่จะเป็นสหายกับนาง” “ดียิ่ง” นางยิ้มก่อนจะรีบวางจอกชาลงทันที เพราะสนทนากันอย่างเพลิดเพลินจึงลืมตัวหยิบจอกชาขึ้นมาและเกือบจะจิบมันเข้าไปแล้ว “ซือซือ ข้ามองหาเจ้าตั้งนานแท้จริงเจ้ามาหลบอยู่ที่นี่เอง” สตรีดีงามผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากทักทายนาง ‘ตามหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่’ นางคิดก่อนจะปรายตามองฝั่งบุร
‘เขาดูหลงใหลข้าเช่นนี้ดีไม่น้อย’ แค่นางกอดขาเขาให้แน่น เพียงเท่านี้ทางรอดของนางก็สว่างไสวแล้ว หลังจากคืนนั้นคุณชายรองเจียงก็ไม่ว่างมาปีนเข้าเรือนคุณหนูเหออีก มีเพียงจดหมายถามไถ่และเล่าเรื่องราวที่กำลังทำอยู่ให้นางทราบพร้อมทั้งส่งของปลอมประโลมที่ทำให้นางต้องคิดถึงเขาเป็นเครื่องประดับล้ำค่าและน้ำมันหอมสลับกันไปจนถึงวันที่มีการจัดงานเลี้ยงในวังหลวง ว่าด้วยงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ของฮองเฮา ไม่ต่างจากงานเลือกคู่ดูตัวเท่าใดนัก เพราะมีคุณชายคุณหนูวัยออกเรือนเข้าร่วมมากมาย แต่ละคนนั้นแต่ตัวงดงามจนเรียกได้ว่าแย่งชิงความโดดเด่นจากดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในสวน ‘งานเลี้ยงที่ไม่มีเล่อเล่อช่างน่าเบื่อหน่าย’ เหอซือซือลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เห็นสหายว่าติดพ
17 พบเจอสหายคนใหม่ แม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับองค์รัชทายาท เจียงเซวียนก็ยังแวะเวียนมาจวนตระกูลเหอและปีนหน้าต่างเข้าเรือนคุณหนูของจวนหวังจะได้สนทนากันสักสองสามประโยคให้ชื่นใจก็ยังดี “ซือซือ เจ้ามานั่งรอพี่หรือ” วันนี้เขาอารมณ์ดี
ก็อย่างที่เคยบอก มารยาดอกบัวขาวมีแต่บุรุษที่โง่เขลาเท่านั้นแหละที่มองไม่ออก จะมาเทียบมารยาชั้นครูเช่นนางได้อย่างไร ด้านคุณหนูเหรินที่วันนี้ได้รับคำเชิญจากหลวนโหวซื่อจื่อ ให้มาพบที่จวนโหว ได้แต่สะกดกลั้นความไม่พอใจในท่าทางของสตรีที่ตนเคยมองว่าเป็นเบี้ยล่างมาตลอด ก่อนจะยิ้มให้ดูอ่อนหวานที่สุดแล้วเดินเข้าจวนโหว “พี่จิ้นฝานรอข้านานหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพิศ แม้จะรูปงามน้อยกว่าคุณชายรองเจียง แต่ทว่าฮูหยินโหวซื่อจื่อนั้นมีศักดิ์สูงกว่า หรือนางจะเปลี่ยนใจมาล่อลวงบุรุษผู้นี้ดี ในอดีตความสัมพันธ์ก็ดีงาม หากนางต้องการสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “เจ้ามาแล้วหรือ” โหวซื่อจื่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อ
“คุณชายฮุ่ย ข้าเข้าใจนะเจ้าคะ ว่าตัวข้านั้นน่ารักน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมไม่แปลกที่ท่านจะหวั่นไหวและอยากตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกาย แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่ายามนี้ตัวข้านั้นมีบุรุษที่พึงใจแล้ว และเขาก็พึงใจข้า อีกไม่นานเราสองตระกูลก็คงจะได้เกี่ยวดองกัน ดังนั้นข้าไม่อาจตอบรับการตอบแทนบุญคุณของท่านได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” คำพูดของนางคล้ายของหนักที่กดศีรษะของอีกฝ่ายให้ก้มหัวลงเรื่อย ๆ ในขณะที่นางกอดอกกล่าววาจาด้วยท่าทางมั่นใจ แม้เขาจะมีมัดกล้ามที่แน่นน่าสัมผัสไม่น้อย แต่ก็ชะตาชีวิตเขาก็สู้ลูกรักของสวรรค์อย่างเจียงเซวียนไม่ได้ และต่อให้นางมีโอกาสได้เลือกใหม่อีกครั้งนางก็ยินดีจะเลือกพ่อค้าเช่นพี่ชายของสหายมากกว่าหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรอย่างเขาที่มีหน้าที่จะต้องปกป้องผู้สูงศักดิ์ก่อนปกป้องตนเองและครอบครัว เหตุใดนางถึงรู้น่ะหรือ ว่าฮุ่ยหลานซีคนนี้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ก็นางเห็นหยกพกประจำตำแหน่งของเขาอย่างไรเล่า