แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่ก่อนตายจนกระทั่งตาย หลัวซู่เฟิงไม่เคยถูกใครปฏิเสธ นางเป็นใครกัน เห็นสวยหน่อยก็คิดจะเล่นตัวงั้นหรือ ผีหนุ่มร่ำรวยบุญกุศลอย่างเขามีแต่ผีสาวจะวิ่งเข้าหา ขอแบ่งส่วนบุญ
แล้วนางเล่าเป็นสตรีประเภทไหนกัน ถึงไม่ยินยอม หรือว่าเขาหล่อไม่พอ
กรี๊ดดดดดดดดด!!!! ท่านจ้าวผี
ตอนที่จะเดินเข้าไปหานางอีกครั้ง บรรดาผีสาวอีกหลายตนเมื่อพบเห็นเขากลับรีบกรูกันเข้ามาหา หลายนางส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ต่างก็เสกชุดใหม่ใส่เพื่อเอาอกเอาใจจ้าวหุบเขาผีเช่นเขา
ผิดกับสตรีผู้นั้น ที่มองเหยียด เบ้ปาก ส่ายหัวและเดินจากไปทิ้งให้เขาวุ่นวายอยู่ในดงผีสาว
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร” หลัวซู่เฟิงถาม “หากใครตอบคำถามที่เป็นประโยชน์ได้ ข้าจะแบ่งกุศลให้พวกเจ้า
“ข้ารู้ๆ ๆ” บรรดาผีสาวต่างก็ยกมือกันจ้าละหวั่น ส่วนบุญจากหลัวซู่เฟิงใครจะไม่อยากได้กัน
“ไหนเจ้าลองกล่าวมาให้ข้าได้ฟังหน่อยสิ” ผีหนุ่มผายมือไปทางผีสาวชุดเหลืองที่ยืนบิดเขินอายอยู่ทางซ้ายมือ
“นาง...ข้าพบนางครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนเจ้าค่ะ ไม่มีใครรู้ว่านางมาจากไหน แถมยังแต่งกายประหลาด” ผีสาวชุดเหลืองตอบเท่าที่นางรู้
แม้จะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่หลัวซู่เฟิงก็แบ่งกุศลให้นางหนึ่งตำลึง
“ข้าเจ้าค่ะ ข้าๆๆๆ” ผีสาวชุดม่วงเป็นฝ่ายยกมือบ้าง ครั้นเห็นหลัวซู่เฟิงส่งสัญญาณให้นางกล่าว นางก็เริ่มเล่าให้ฟัง “ดูเหมือนว่านางจะกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่เจ้าค่ะ ได้ยินนางพูดกับลุงผีที่ท้ายตลาด นางกำลังหาบางสิ่ง บางสิ่งที่จะทำให้นางปะติดปะต่อเรื่องราวได้”
หลัวซู่เฟิงหลิ่วตา ข้อมูลที่ผีสาวชุดม่วงกล่าวค่อนข้างมีประโยชน์กับเขา
“ดีมาก เจ้าเอาไปสามตำลึง” ผีหนุ่มโปรยเสน่ห์
ข้อมูลที่เขาได้นั้นมีมากเกินพอ หากอยากได้นางมาครอบครองเขาก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่นางกำลังหา คือสิ่งใด แต่ถ้าไม่รู้ว่าคือสิ่งใด เขาก็กุเรื่องขึ้นมาได้ ถึงเวลานั้น นางก็ได้แต่งงานสาบานเป็นภรรยาเขาไปแล้ว
ถึงตอนนั้นนางก็หนีเขาไม่รอดอยู่ หลัวซู่เฟิงได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่อง
ข่าวลือของผีสาวประหลาด ในชุดสีขาวฟู่ฟ่องถูกร่ำลือไปทั่ว ว่านางคือว่าที่เจ้าสาวของหลัวซู่เฟิงจ้าวหุบเขาผีผู้ร่ำรวยบุญกุศล บรรดาผีสาวตนอื่นจึงเพ่งเล็งนางมากเป็นพิเศษ
“ท่านลุง ทำไมพวกนางจึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ดูพวกนางสิ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความโกรธแค้นอยู่รอบ ๆ ตัวเต็มไปหมด”
“นี่นังหนู เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ?” ลุงผีถามกลับ
“ไม่รู้เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น” ตู้หลิงตอบตามความจริง นางไม่รู้อะไรเลย
วัน ๆ นางได้แต่ร่อนเร่หาเบาะแสของเรื่องราวนี้ไปทั่วทั้งแคว้นจะไปรู้อะไรได้
ป๊อก!!! ลุงผีดีดกะโหลกนางหนึ่งที
“โอ๊ย!!!” ตู้หลิงรู้สึกเจ็บนาง ไม่ได้เจ็บเช่นนี้มาสักพักแล้ว “ท่านลุงดีดหัวข้าทำไมเนี่ย”
“นังหนู เจ้าฟังข้าให้ดี ๆ ข้าน่ะอายุหลายร้อยปีแล้วนะ รู้จักผีมาก็เยอะ และแน่นอนว่าข้าย่อมรู้จักผีในข่าวลือของเจ้า”
“หรือว่าจะเป็นไอ้ชีกอคนนั้น” ตู้หลิงเริ่มเห็นเค้าลางความเป็นไปได้
ลุงผีพยักหน้า
“อืม ผู้นั้นนั่นแหละ หลัวซู่เฟิงจ้าวหุบเขาผีผู้มีอำนาจบารมีและบุญกุศลล้นเหลือ” ลุงผีตอบ
“คนหลงตัวเองเช่นนั้นเหตุใดถึงมีบุญกุศลมากมาย” ตู้หลิงบ่น
“เจ้านั่นอยากได้เจ้าเป็นภรรยา สร้างข่าวลือในหมู่ผี ว่าเจ้าคือเจ้าสาวของเขาในอนาคต” ลุงผีเล่าข่าวที่ลือกันในหมู่ผี “ตอนที่ไอ้เด็กนั่นยังมีชีวิตอยู่ อยากได้ใครก็ต้องได้ พอตายมากลายเป็นผี ก็คงไม่ละทิ้งนิสัยเดิม เจ้าต้องระวังเขาให้มาก ๆ”
“ข้าไม่ได้อยากแต่งกับเขานี่เจ้าคะ ท่านมีวิธีที่จะทำให้ข้าหนีพ้นไปจากเขาหรือไม่” ตู้หลิงเริ่มเครียด นางไม่ได้อยากแต่งงานกับไอ้ผีพรรค์นั้นเสียหน่อย
“ข้าไม่รู้วิธีหนีให้พ้นหรอก แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าจะบอกให้เจ้าต้องระวังเอาไว้ หากแต่งงานกันในโลกวิญญาณจะไม่มีทางแยกจากคู่แต่งงานที่ได้แต่งกันไปได้ จนกว่าจะมีอีกฝ่ายหมดวาระและได้เดินทางเข้าสู่โลกใหม่” ลุงผีบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“เจ้าค่ะ ข้าจะ....” ยังไม่ทันที่ตู้หลิงจะพูดจบ ร่างวิญญาณขอนางก็คล้ายโดนใครสักคนดูดเข้าไปหา
กรี๊ดดดด!!!
“ท่านลุงช่วยข้าด้วย” ตู้หลิงหวีดร้องสุดเสียง
“น้องหญิงเจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก” หลัวซู่เฟิงดูดร่างวิญญาณของตู้หลิงเข้าสู่อ้อมอกของตนเอง และกอดนางเอาไว้แนบแน่น
“ข้าไม่ใช่ภรรยาเจ้า อย่าพูดซี้ซั้วเช่นนี้” นางทั้งดิ้นทั้งผลัก แต่พลังบุญของนางน้อยนิดมีหรือจะสู้แรงของหลัวซู่เฟิงได้
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตามหาสิ่งใด” นิ้วมือของผีหนุ่มเริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายนุ่มนิ่มขาวผ่องของว่าที่เจ้าสาว
ตู้หลิงได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางถึงกับหยุดชะงักไม่ต่อสู้ดิ้นรน
“เจ้ารู้เรื่องของข้างั้นหรือ” ผีสาวแสนสวยทำตาโต
“น้องหญิงของข้าน่ารักจริง ๆ แต่งงานกับข้าสิแล้วข้าจะพาเจ้าไปพบกับสิ่งที่เจ้าตามหา”
ตู้หลิงพิจารณาในสิ่งที่หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับพยายามปกป้องร่างกายของตัวเองจากบุรุษเจ้าชู้ที่ซุกซนหยอกล้อร่างวิญญาณของนางไม่หยุด
“ท่านรู้เหรอว่าสิ่งที่ข้ากำลังหาอยู่ คืออะไร” ตู้หลิงพูดอย่างจับโกหก
แววตาของหลัวซู่เฟิงสั่นไหวเล็กน้อย แน่นอนว่าตู้หลิงจับโกหกได้ทันที
“ข้าย่อมรู้”
“ท่านไม่รู้สินะ”
“ถูกจับได้แล้วสินะ แต่ข้ายังมีอีกหลายวิธีที่จะให้เจ้ามาเป็นภรรยาข้า”
พูดจบหลัวซู่เฟิงก็จุมพิตผีสาวตัวน้อย ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดในทันที
ตู้หลิงรีบตั้งสติ ผีสาวตัวเล็กกัดลิ้นหลัวซู่เฟิงอย่างแรงและไม่ปล่อย
“โอ้ยย.....อ่อยอ้านะ” หลัวซู่เฟิงโอดโอย
ตู้หลิงเบ้ปาก นางค่อย ๆ ขยับตัวถอยหนีไปเรื่อย ๆ ลิ้นของหลัวซู่เฟิงยาวยืดออกไปตามการก้าวขาของนาง
“อั๋นอาอ่อนอ่าอะเอิกอุ้งอับอ้า” ตู้หลิงสร้างข้อเสนอ
“ไอ้ๆๆๆๆ อ้าอะเอิกอุ้งอับเอ้อ” หลัวซู่เฟิงยอมสัญญา
ดี!!! ตู้หลิงคายลิ้นของผีหนุ่มทิ้งและไม่ลืมจะเหยียบซ้ำสักทีสองที
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา