สตรีชราสูงศักดิ์คุกเข่าสวดมนต์ภาวนาอยู่ด้านบนของลานอุทิศบุญ นอกจากเหล่าผีแล้ว ยังมีชาวบ้านอีกหลายร้อยมารับสิ่งของบริจาค
ดูท่านางคงเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากจริง ๆ ตู้หลิงอดทึ่งกับความร่ำรวยของสตรีชราผู้นั้นไม่ได้
“ท่านลุง นางเป็นใครเหรอ” ตู้หลิงกระซิบถาม
“นางคือพระพันปีแห่งแคว้นเฉา เป็นผู้ใจบุญใจกุศลทุก ๆ สามเดือนนางจะออกจากวังเช่นนี้หนึ่งครั้ง เพื่อมาอุทิศบุญให้กับบรรพชนผู้ล่วงลับ แล้วก็คอยแจกจ่ายสิ่งของให้กับประชาชนของแคว้น เป็นที่รักของทั้งผีทั้งคน” สายตาของลุงผีมองนางด้วยความชื่นชม
“อ้าว!! นางมาทุกสามเดือนเหตุใดข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ตู้หลิงไม่เข้าใจ ทำไมนางถึงไม่รู้
“ก็เจ้ามันฉลาดน้อย มัวแต่เที่ยวเล่นไปทั่วใช้บุญใช้กุศลที่ติดตัวมาแบบล้างผลาญ ไม่เคยสนใจของแจกพวกนี้ด้วยซ้ำ” ลุงผีดุ
“โธ่ ก็ข้าไม่รู้นี่ ใครบอกข้าเที่ยวเล่นกันเล่า...” ก็จริงอย่างที่ลุงผีกล่าวมาทั้งหมด วัน ๆ นางเอาแต่ล้างผลาญบุญกุศลที่มีอยู่น้อยนิดโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง มัวแต่เที่ยวหาสิ่งที่ตัวนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรอย่างเปล่าประโยชน์
โดนลุงผีบ่นอยู่ครู่ใหญ่ สตรีชราสูงศักดิ์ก็เริ่มแจกจ่ายอาหารการกินให้กับประชาชนที่มารอ บ้างเป็นข้าวสาร บ้างเป็นข้าวต้มที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์
“ท่านลุง แล้วผีอย่างเราจะไปรับของพวกนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ” ถึงจะอยู่มาสองปี แต่นางก็ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมที่ผีเขาทำกัน
“ก็ต้องต่อแถวสิ”
“....” ใบหน้าของตู้หลิงมีแต่คำถาม กระทั่งท่านลุงปฏิบัติให้ดู
“วิธีการก็คือ เจ้าก็แค่จับมือของพวกชาวบ้านแบบนี้ พอเขาตักอาหารเจ้าก็จะได้ถ้วยข้าวมาแบบนี้”
มันเป็นเรื่องที่นางเองก็รู้สึกว่ามหัศจรรย์ หากตอนยังเป็นมนุษย์นางก็คงไม่เข้าใจในเรื่องอะไรแบบนี้
หลังจากกินข้าวต้มเนื้อร้อน ๆ จนพุงกางเรี่ยวแรงวิญญาณของตู้หลิงถึงได้ฟื้นกำลังขึ้นมาบ้าง พลันสายตาก็หันไปเห็นอีกด้าน
“ทางนั้นคืออะไรเหรอเจ้าคะ” ตู้หลิงเห็นผีสตรีสองสามคนกำลังทะเลาะตบตีแย่งชิงอะไรบางอย่าง
“อ้อ ทางนั้นเป็นลานเผาบุญ ถ้าเจ้าอยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ก็แค่ไปรอให้มนุษย์เผาให้ ถ้าตอนเผาระบุชื่อ ของพวกนั้นก็เป็นของเจ้า แต่ถ้าไม่ได้ระบุ....” ลุงผียักไหล่
“ก็จะต้องไปแย่งชิงแบบพวกนางสินะเจ้าคะ” ตู้หลิงเสริม
“ถูกต้อง...” ลุงผีหรี่ตาดูชุดของนาง “เจ้าไม่แย่งชุดจากพวกนางบ้างเหรอ”
ตู้หลิงกอดอก ชุดที่นางใส่อยู่ในตอนนี้คือแบรนด์ดังระดับโลก เจ้าสาวเป็นร้อยคนต้องรอคอยเป็นปี ๆ เผื่อที่จะได้สวมใส่มันสักครั้งเชียวนะ เรื่องอะไรนางจะต้องไปแย่งชิงชุดกระดาษพวกนั้นกันด้วยเล่า
เห็นท่าทีของนางเช่นนั้นลุงผีเองก็เหนื่อยใจ นอกจากเป็นคนต่างถิ่นแล้วนางยังเป็นบ้าด้วยสินะ
หลังจากได้รับอานิสงส์จากลานบุญเรียบร้อยทั้งผีลุง ผีสาวต่างก็แยกย้ายกันไปเที่ยวเล่นตามวิถีผี
ตู้หลิงใส่ชุดสีขาวฟูฟ่องลอยไปลอยมาอยู่เรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็มีบุรุษผู้หนึ่งลอยมาขวางทางนางเอาไว้ ท่าทางไม่น่าไว้ใจ
"สาวน้อย” ผีหนุ่มรูปหล่อเดินเข้ามาขวาง
“ใครเป็นสาวน้อยกัน” ตู้หลิงมองเหยียด นางอายุ 24 แล้วนะมาเรียกสาวนงสาวน้อย
“ก็เจ้ายังไงล่ะคนสวย” หลัวซู่เฟิงมองตู้หลิงด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
เขาได้ยินว่ามีผีสาวที่หน้าตางดงาม เร่ร่อนอยู่เมืองเฉา จึงได้ออกจาก หุบเขาผีมาตามหานางโดยเฉพาะ เมื่อเฝ้ามองนางอยู่หลายวันถึงได้พบว่านางเป็นผีที่งดงามจริง ๆ ถึงจะอยู่ในชุดที่แปลกประหลาดไปหน่อยก็เถอะ
“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ มันน่าขนลุก” ตู้หลิงทำท่ารังเกียจสุดชีวิต
“โธ่ อย่ารังเกียจว่าที่สามีเจ้าเช่นนั้นสิ” หลัวซู่เฟิงลอยเข้าไปใกล้นางมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ใครเป็นสามีข้ากัน” ตู้หลิงแว้ดใส่เสียงดังลั่น
“ก็ข้า....จ้าวหุบเขาผี หลัวซู่เฟิงรูปหล่อผู้นี้ยังไงเล่า”
“หุบเขาผีอะไร ข้าไม่รู้จักและข้าก็ไม่ต้องการจะไปเป็นภรรยาของใครทั้งสิ้น ไอ้จ้าวผีชีกอ” พูดจบ ตู้หลิงก็ทะลุหายเข้าไปหลังกำแพงทันที
จ้าวหุบเขาผีบ้าบออะไรกัน ไอ้หล่อมันก็หล่อดี แต่นางไม่ชอบบุรุษที่มักจะทำตัวเสียมารยาท ถึงตอนนี้นางจะอยู่ในโลกของวิญญาณ ใหญ่โตมาจากไหนก็บังคับนางไม่ได้หรอกนะ
ตู้หลิงหงุดหงิดได้แต่ลอยไปลอยมาในตลาด อย่างเบื่อหน่าย
สายตาของหลัวซู่เฟิงเต็มไปด้วยความชิงชังโกรธเคือง ไม่เคยมีผีคนไหนปฏิเสธความหวังดีของเขา นางเป็นผีที่มาจากโลกอื่น คงยังไม่รู้จักเขาดีพอสินะ
เมื่อเห็นนางอีกครั้งหลัวซู่เฟิงจึงลอยเข้าไปขวางทาง
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบคำถามข้าดี ๆ นะเด็กดี” หลัวซู่เฟิงขวางทางนางอีกครั้ง
ได้เผชิญหน้ากับจ้าวแห่งผีที่ดูเอาแต่ใจอีกครั้ง หัวใจของตู้หลิงกลับรู้สึกหวาดหวั่นอย่างแปลกประหลาด
ครั้งนี้เขาไม่ได้ยิ้มอ่อนโยนเหมือนกับเมื่อครู่
“.....” ตู้หลิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามหาช่องทางในการเอาตัวรอดจากที่แห่งนี้ไปให้ได้
“เจ้าจะยินยอมเป็นเจ้าสาวของข้าหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถามนางอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยแววแห่งการข่มขู่
“ไม่!!!” ตู้หลิงยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดเดี่ยว
“ทำไมล่ะ ข้าไม่หล่อหรืออย่างไร ข้าบุญเยอะนะ แบ่งบุญให้เจ้าได้” หลัวซู่เฟิงเริ่มต่อรอง ใคร ๆ ก็ชอบคนหน้าตาดีทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่หน้าตาดีและรวยบุญกุศลใครจะไม่ชอบกัน
คนที่หล่อกว่าเขานางก็เคยเห็นมาแล้ว นางเบื่อคนหล่อ นางเอือมคนหล่อ เพราะไอ้พวกคนหล่อที่ทำให้นางต้องมาล่องลอยเป็นปีเร่ร่อนอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา