หน้าหลัก / โรแมนติก / พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก / บทที่ 19 อย่างไรเสียมันก็เป็นบ้านของเธอ

แชร์

บทที่ 19 อย่างไรเสียมันก็เป็นบ้านของเธอ

ผู้เขียน: พะเนินเทินทึก
บลองช์มองดูพ่อของเขาขับรถออกไปอย่างไม่พอใจ เด็กชายรู้ดีว่าครั้งนี้ตนทำให้พ่อต้องเจ็บปวดจากคำพูดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอันแสนเย็นชาของเขา

เรนนี่ลงมาจากบันได แล้วเดินออกมานอกตัวบ้าน เธอถามพี่พี่ชายของตัวเอง “พ่อไปไหนเหรอคะ?”

“ไม่รู้สิ พี่คิดว่าพี่คงจะทำให้พ่อไม่พอใจแน่เลย” เด็กชายก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด น้ำเสียงดูไม่ดีนักในตอนที่เขาสารภาพกับน้องสาว

“พี่ชายคะ หนูคิดถึงคุณบีจัง!”

ถ้าจะถามว่าแล้วกับพ่อของเธอล่ะ? เขาเป็นอย่างไร? พ่อของเธอเป็นไม่ใช่คนสนุกสนานเฮฮา เขามักจะมองเธอด้วยสายตาอันแสนเย็นชา เธอชอบพ่อของตัวเองน้อยกว่าคุณครูที่ช่างคุยจนน่ารำคาญของตัวเองเสียอีก เรนนี่ ครอว์ฟอร์ดไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอจะมีเวลาช่วงวันหยุดให้เธอหรือไม่

แต่คุณบีต่างออกไป เธอเป็นคนน่ารักแถมยังยิ้มเก่งเสียด้วย

“เรนนี่อยากให้พี่พาไปหาคุณบีที่บ้านของเธอไหม? พี่รู้ว่าคุณบีอยู่ที่ไหน!” บลองช์พูดแล้วจับมือของเรนนี่เอาไว้

เรนนี่พยักหน้ารับ

สองแฝดความต้องการตรงกันในทันที

สองพี่น้องออกจากบ้าน หาแท๊กซี่จากแอปพลิเคชั่น

หลังจากที่พวกเขาบอกจุดหมายปลายทางแก่คนขับ รถยนต์คันนั้นก็มุ่งตรงไปยังระแวกบ้านของเบียงก้า

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคนขับรถของตระกูลครอว์ฟอร์ดได้ขับรถตามหลังรถของพวกเขาไปเช่นกัน

เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงระแวกที่เรียกกันว่าย่านริกัล แคปปิตอล คนขับจึงโทรหาลุคและรายงาน “คุณท่านครับ นายน้อยกับคุณหนูมาที่ย่านริกัล แคปปิตอล พวกเขายังยืนอยู่ด้านนอก เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ครับ”

“ได้ครับ ผมจะจับตาดูพวกเขาไว้”

หลังจากวางสาย คนขับรถกลับไปจับตาดูเด็กทั้งสองคนอย่างไม่ให้คลาดสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว

“พี่คะ เราควรโทรหาคุณบีรึเปล่า?” เรนนี่เงยหน้าขึ้นมองใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมา และเขาเหล่านั้นก็มองเธอกลับมาเช่นกัน และนั่นทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย

พี่ชายของเธอรู้เพียงแค่ว่าคุณบีอาศัยอยู่ในตรอกไหนของที่นี่ แต่เขาไม่รู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ชั้นไหน

บลองช์ขมวดคิ้วเพราะหันไปเห็นรถของตระกูลครอว์ฟอร์ดจอดอยู่ข้างทาง เขารู้ในทันทีเลยว่าพ่อของพวกเขาคงจะส่งใครบางคนมาตามดูเขากับน้องสาว

เขาพาน้องสาวไปยัง ‘โทรศัพท์สาธารณะ’ แต่พวกเขาก็เปลี่ยนใจในทันทีที่หันไปเห็นคุณบีของพวกเขา

ทันทีที่เห็นเด็กทั้งสองคนจูงมือเดินมาหา เบียงก้าก็ถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง

ทำไมลูกของเจ้านายถึงมาหาเธอถึงที่ด้วยนะ...?

จริงอยู่ที่เบียงก้าชอบเด็กทั้งสองคนนี้ แต่มันคงจะไม่ดีนักถ้าหากว่าเธอจะต้องใช้เวลากับพวกเขา หรือสนิทสนมกับพวกเขามากเกินไป ถ้าใครมาเห็นเขา เธอก็ไม่อยากจะคิดว่าพวกเขาจะว่าอย่างไร

และเลวร้ายที่สุด เธออาจจะต้องตกงาน

เบียงก้าเดินเข้าไปหาเด็กทั้งสองอย่างขุ่นเคือง เธอมองใบหน้าอันไร้เดียงสาของพวกเขาแล้วเอ่ยปากถาม “ทำไมหนูทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“ผ...ผมพาน้องสาวขึ้นแท๊กซี่มาครับ พวกเราทะเลาะกับคุณพ่อ คุณพ่อตะคอกใส่เรนนี่ พ่อทำให้เธอร้องไห้ พวกเรา...พวกเราไม่มีที่ไหนให้พึ่งแล้วครับ” บลองช์เริ่มอธิบาย พวกเขาอยากอยู่ที่นี่ จึงได้โยนข้อกล่าวหาให้พ่อของตัวเอง ทำให้เขากลายเป็นผู้ร้าย

เบียงก้าก้มลงไปครุ่นคิดเรื่องความน่าสงสารของเด็ก ๆ เธอลูบไปที่ใบหน้าของเรนนี่ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล “เป็นเด็กดีและกลับบ้านก่อนเถอะนะจ๊ะ? พ่อแม่น่ะไม่โกรธลูกนานนักหรอก ฉันมั่นใจว่าพ่อของพวกหนูแค่อารมณ์ไม่ดีไปวูบเดียวเท่านั้น เขาคงจะเสียใจมากแน่ ๆ ที่โกรธพวกหนู”

เบียงก้ารู้สึกเห็นใจเด็กที่น่าสงสารทั้งสองที่ถูกพ่อตะคอกใส่ แต่อย่างไรเสีย เด็กน้อยทั้งสองก็เป็นลูกของคนอื่น เธอไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่น

เหตุผลในการอยู่ต่อของพวกเขาถูกปัดตกไป บลองช์ได้แต่บีบมือน้องสาวไว้อย่างช่วยไม่ได้

ราวกับเรนนี่ได้รับคำสั่ง เธอก้มหน้าลงในทันทีแล้วเริ่มเบะปาก เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่รบกวนคุณแล้ว ไปกันเถอะ…” บลองช์หน้าตึง ในตอนที่เขาดึงมือเธอเพื่อที่จะจากไป เรนนี่กลับไม่ยอมขยับตาม

พี่ชายดึงมือของเธออีกครั้ง คราวนี้เธอล้มลงกับพื้น

ผิวของเธอทั้งอ่อนนุ่มและบอบบาง เมื่อเธอล้มลงครูดไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยหิน หัวเข่าของเธอก็ถลอก

“ฮือ…”

เรนนี่เริ่มร้องไห้

เบียงก้าละทิ้งทุกอย่างแล้วเข้าไปคว้าเรนนี่ขึ้นจากพื้นขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ เธอลูบหลังของเรนนี่อย่างต้องการปลอบใจ “ไม่เป็นไรจ่ะ ไม่เป็นไร อย่าร้องไห้นะ อย่างร้อง ฉันจะพาพวกหนูไปที่บ้านแล้วหาอะไรอร่อย ๆ ให้ทานนะ”

“ฮือออ…” เรนนี่ที่กำลังร้องไห้อยู่ หยุดร้องทันทีที่ได้ยินว่าหญิงสาวแสนดีคนนี้จะพาพวกเขากลับบ้านด้วย เธอพยักหญ้าแล้วถอยไปหาอ้อมกอดของพี่ชายทันที “ดีค่ะ! คุณบี หนูรักคุณบีที่สุดเลย…”

เบียงก้าลอบถอนหายใจ

บลองช์เดินตามหลังเธอ

เมื่อถึงบ้านของเธอ เบียงก้าปล่อยเรนนี่ลงกับพื้น แล้วหารองเท้าแตะคู่ใหม่ถึงสองคู่ให้เด็กทั้งสองใส่

บลองช์และเรนนี่เดินสำรวจไปรอบอาณาเขตของบ้านด้วยรองเท้าแตะคู่โต ที่นี่ไม่มีอะไรให้สำรวจมากนัก บ้านหลังนี้มีเพียงหนึ่งห้องนอนกับอีกหนึ่งห้องนั่งเล่นเท่านั้น ทำให้มันมีขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดหลายเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ชอบมันมาก

“หนูเรนนี่ มานั่งนี่ก่อนจ่ะ” เบียงก้านำชุดปฐมพยาบาลมาด้วย

เรนนี่นั่งลงอย่างว่าง่าย

“อดทนไว้นะ เข้าใจไหม? ถ้าเกิดหนูรู้สึกเจ็บ ก็บอกได้เลยนะ” เบียงก้านำยาสำหรับทาแผล สำลีและผ้าก๊อซออกมา

มีรอยถลอกเล็กเท่านิ้วมือบนหัวเข่าของเรนนี่

บลองช์ยืนเคียงข้างน้องสาวพลางตบไหล่ด้วยมือเล็ก ๆ ของตัวเอง ถึงอย่างนั้นน้องสาวของเขาก็เข้มแข็งและไม่ปริปากบ่น เธอเพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่นและกัดฟันทนกระทั่งหัวเข่าถูกทำแผลจนเสร็จ

“น่ารักจังเลยค่ะ!”

เรนนี่มองหัวเข่าของเธอราวกับไม่เคยเห็นผ้าพันแผลและผ้าก๊อซถูกพันไว้กับหัวเข่ามาก่อน

เบียงก้าลูบศีรษะของเรนนี่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อเธอเหลือบมองดูนาฬิกาก็พบว่ามันเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว

“ทั้งสองคนทานมื้อกลางวันกันรึยังจ๊ะ?” เบียงก้าเอ่ยถาม

บลองช์ส่ายศีรษะ

“ถ้าอย่างนั้น พวกหนูดูทีวีกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะทำอาหารกลางวันให้แล้วกัน ว่าแต่อยากทานอะไรกันเอ่ย?”

เบียงก้าเปิดทีวีและหาการ์ตูนให้พวกเขาดู ก่อนจะเดินไปสำรวจวัตถุดิบในตู้เย็น

บรานช์มองไปยังเรนนี่ก่อนจะเอ่ยปาก “เรนนี่อยากทานไก่ทอดครับ ส่วนผมทานอะไรก็ได้… ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก”

เรนนี่สวนขึ้นทันที “หนูก็ไม่ใช่คนเรื่องมากเหมือนกันค่ะ”

เบียงก้ารับมือกับเรื่องนี้ได้สบาย ๆ เธอต้องการเพียงแค่อะไรบางอย่างที่จะทำให้เธออิ่มท้อง

เบียงก้าตั้งใจจะทำให้พวกเขาอิ่มท้องก่อนที่จะส่งพวกเขากลับบ้านไป

มันใช้เวลากว่ายี่สิบนาทีกว่าที่ข้าวจะสุก

เบียงก้าไม่เคยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของลุคเอาไว้ เธอจำได้เพียงว่าเบอร์ของเขาเป็นตัวเลขยาวสิบเอ็ดหลัก และดูจำง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของเบอร์กลับเย็นชาและเข้าถึงยาก เธอจึงทิ้งมันไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ และกลัวว่าจะจำมันได้

แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง ถึงแม้ว่าเธอจะบันทึกเบอร์ของเขาเอาไว้ ก็ใช่ว่าเธอจะกล้ากดโทรไปบอกให้เขามารับเด็กน้อยกลับไปเสียที่ไหน

ในเมื่อเด็ก ๆ นั่งแท๊กซี่มาถึงที่นี่ได้ พวกเขาก็ควรจะนั่งแท๊กซี่กลับกันเอง เธอจะไปแอบดูทั้งสองที่ประตูตอนที่พวกเขากลับไป นั่นคือภาพในหัวของเธอ

เธอทำกับข้าวสามอย่าง ตามด้วยซุบอีกหนึ่งถ้วย อาหารทุกอย่างกินง่ายแต่ดีต่อสุขภาพ

เบียงก้าภูมิใจในทักษะการทำอาหารของตัวเองอย่างที่สุด

หลังจากบอกให้เด็กน้อยอยู่กันนิ่ง ๆ เบียงก้าก็คว้ากุญแจแล้วเดินลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อไก่ทอด

บังเอิญจริงที่เธอเจอร้านขายไก่ทอดที่ดูสะอาดและถูกสุขอนามัยที่ด้านล่าง

หลังจากได้ไก่ทอดมาแล้ว เบียงก้าจึงรีบกลับขึ้นไปบนบ้านเพราะกลัวว่าอาหารที่เธอทำไว้จะเย็นชืด

เธอเสียบกุญแจเข้าไปให้เบ้ากุญแจ แล้วเปิดประตูออก

ในตอนแรกเธอคิดว่าเรนนี่คงจะมายืนรอเธอหน้าประตูทันทีที่ได้ยินเสียงลูกบิด แต่เมื่อเบียงก้าเปิดประตูออก เธอกลับเห็นชายที่ดูมีวุฒิภาวะอยู่ตรงหน้าแทน

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้าของเขา และเธอก็กลัวจนเกินกว่าจะกล้าเข้าไปในบ้านของตัวเอง

แต่ที่นี่มันบ้านของเธอ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ภัทรพร พันแตง ผู้ที่ได้รับพรอันประเสริฐ รับทรัพย์ร่ำรวย
ไม่นะจะบล้อคเร็วเลยจร้า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 207 ครอบครัวทั้งสี่คนนอนอยู่ด้วยกัน

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 206 คุณเมารึเปล่า

    เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 205 ลุคแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชน

    “น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 204 เขาอยากครอบครองเธอใจจะขาด

    เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 203 ทำไมคุณถึงขี้อายนักเล่า ผมก็เห็นทุกอย่างไปหมดแล้วนิ

    เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 202 ตัณหาอันแรงกล้าในยามเช้าของลุค

    ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status