LOGINตอนที่ 10 เริ่มต้นใหม่กับคนที่มีตัวตน
ถึงวันที่สรวิชญ์จะต้องเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมเพื่อนสนิทอย่างอานัส อยู่ๆเขาก็รู้สึกใจหายขึ้นมา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนวันผีดุ “เป็นอะไรวะ ไปขึ้นเครื่องได้แล้ว” อานัสมองหน้าเพื่อนที่กำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่บริเวณทางออกขึ้นเครื่อง “กูคิดถึงผีสาวว่ะ” น้ำเสียงและท่าทางของสรวิชญ์ในตอนนี้ มันดูเศร้าเกินกว่าที่อานัสจะหัวเราะเยาะเพื่อนได้ เขากลับรู้สึกเห็นใจเพื่อนรักเสียมากกว่า “กูว่ามึงตัดใจเถอะเสือ แล้วมึงก็ลองเปิดใจให้ผู้หญิงที่มีตัวตน เสืออย่างมึงจะมาจมปลักกับผีไปทำไมวะ ที่ผ่านมามึงไม่ได้สนใจผู้หญิงเลยนะ นอกจากตอนที่มึงเมาแล้วลากสาวขึ้นเตียง ตื่นเช้ามาทุกอย่างก็จบ ไว้ลายเสือหน่อยดิเพื่อน มึงดูกูเป็นตัวอย่าง รักคนที่มีตัวตน รักคนที่ดี และเขาก็รักเราด้วย ทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้ที่นี่นะเว้ย ลืมเรื่องที่ไม่มีวันเป็นไปได้ กูเป็นห่วงมึงนะเพื่อนรัก ไปขึ้นเครื่องเถอะ” นกยักษ์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า สรวิชญ์คิดทบทวนสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดกับเขา และเขาควรจะทำตามสิ่งที่อานัสบอก “จากนี้ฉันจะลืมเธอ ลืมว่าเธอเคยมาหลอกหลอน ลืมว่าเธอเคยทำให้ฉันรัก ลืมว่าเราเคยมีอะไรกัน ไปผุดไปเกิดเถอะนะผีสาว” เขาพูดพึมพำในลำคอ ก่อนจะหลับตานอน ขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าที่มืดสนิท สองหนุ่มแยกย้ายกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งสองไม่ได้ให้ครอบครัวมารับแต่อย่างใด เพราะพวกเขาต้องการจะเซอร์ไพรส์ครอบครัวเสียมากกว่า “แยกกันตรงนี้นะเว้ย วันไหนว่างๆค่อยนัดกันไปดื่ม” อานัสบอกสรวิชญ์ “โอเคเพื่อนรัก จะไปเซอร์ไพรส์ขอแฟนแต่งงานวันไหนก็บอกกูแล้วกัน” “อีกสามเดือน กูรอให้แฟนกูฝึกงานจบก่อน ค่อยเซอร์ไพรส์” “อืม กูพร้อมเสมอ” “มึงก็อย่าลืมสิ่งที่กูแนะนำนะไอ้เสือ ถ้าเจอคนที่ดี คนที่พอจะทำให้ลืมอดีตได้ มึงก็ควรจะเริ่มต้นกับคนนั้น” “กูจะทำตามที่มึงแนะนำนะไอ้นัส กูไปล่ะ” สองหนุ่มต่างแยกย้ายกันขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน เป้าหมายของสรวิชญ์คือ ดูแลรีสอร์ทหรูกลางกรุง ตามความประสงค์บิดามารดาของเขา ทางด้านอานัสต้องเข้าไปรับตำแหน่งรองประธานบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ “เสือ! ลูกแม่” นางสุวิภาเห็นลูกชายเดินลากกระเป๋าเข้ามาในบ้าน นางถึงกับตกใจและดีใจ ที่ลูกชายกลับประเทศไทยโดยไม่บอกให้รู้ก่อน มารดาของเขาเดินเข้ามาสวมกอดลูกชายที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น “จะกลับบ้าน ทำไมไม่บอกแม่ก่อน แม่จะได้ไปรอรับที่สนามบิน” “ก็ผมอยากเซอร์ไพรส์คุณพ่อกับคุณแม่นี่ครับ” “พ่อก็นึกอยู่แล้วแหละ ว่าเสือจะต้องกลับบ้านช่วงอาทิตย์นี้ แต่เสือกลับเร็วกว่าที่พ่อคิดอีกนะ” “ผมอยากมาช่วยงานคุณพ่อคุณแม่นี่ครับ คุณพ่อคุณแม่จะได้ไปเที่ยวทั่วโลก ตามที่ต้องการ” สรวิชญ์รู้ดีว่าบิดามารดาของเขาชอบการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทั้งสองไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวสักเท่าไหร่ “แหม...ลูกชายของแม่รู้ใจแม่จริงๆเลยนะ วันอาทิตย์ทำตัวให้ว่างนะลูก” “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแม่” “แม่ก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคนเดียวของแม่กลับบ้านไงล่ะ คริคริ” คุณนายสุวิภาหัวเราะชอบใจ นางต้องการจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายสุดที่รัก และอีกแผนหนึ่งก็คือ ต้องการพาลูกสาวของเพื่อนมาเจอกันกับลูกชายของนางนั่นเอง “แล้วแต่คุณแม่เลยครับ ผมว่างอยู่แล้ว” งานเลี้ยงต้อนรับสรวิชญ์ ถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ โดยมีเพื่อนๆของบิดามารดา ประมาณยี่สิบกว่าคน และคุณปู่คุณย่าของเขา ที่มาร่วมสังสรรค์งานเลี้ยงต้อนรับแบบอบอุ่น (บึ๊นนนน) เสียงรถยนต์ขับเคลื่อนเข้ามาจอดในโรงจอดรถของคฤหาสน์หรู “น้าพิมพ์จันทร์กับหนูทับทิมมาแล้ว ตาเสือ มากับแม่เร็วลูก” คุณนายสุวิภาจูงมือลูกชายเดินออกไปที่หน้าบ้าน ทันทีที่เขาเห็นเพื่อนรักของมารดาเดินตรงเข้ามา เขาจึงยกมือไหว้สวัสดีแขกผู้มาใหม่ “สวัสดีครับ คุณน้าพิมพ์จันทร์” “สวัสดีจ้ะเสือ ไปเรียนอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี โตเป็นหนุ่มเต็มตัว น้าเกือบจะจำไม่ได้ นึกว่าพระเอกละครดังหลังข่าวนะเนี่ย” นางพิมพ์จันทร์เอ่ยชมสรวิชญ์ จนลืมไปว่าลูกสาวของนางยืนอยู่ด้านหลัง “หนูทับทิม พี่เสือกลับมาแล้ว มาทักทายพี่เสือหน่อยสิลูก” มารดาสรวิชญ์เรียกหญิงสาวที่ยืนเขินอายอยู่ด้านหลังมารดา “อุ๊ย น้าลืมลูกสาวไปเลยนะเนี่ย ทับทิม สวัสดีพี่เสือสิลูก” คุณนายพิมพ์จันทร์บอกลูกสาว “สวัสดีค่ะพี่เสือ จำทับทิมได้ไหมคะ” หญิงสาวไหว้สวัสดีชายหนุ่มที่มีอายุมากกว่าเธอ 6 ปี เมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเป็นเด็ก ทั้งคู่เคยได้เจอกันบ่อยๆ สรวิชญ์ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หญิงสาวตรงหน้าของเขา โตเป็นสาวแล้วสวยขึ้นมาก เธอสวมชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีฟ้าอ่อน ผมยาวมัดรวบหางม้า และติดโบว์สีครีม “สวัสดีครับ พี่จำทับทิมได้ครับ เรียนอยู่ปีไหนแล้วล่ะ” สรวิชญ์ถามหญิงสาวที่เอาแต่มองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย “กำลังจะจบปีสองค่ะพี่เสือ” นางสุวิภามองดูลูกชายและลูกสาวของเพื่อนด้วยความพอใจ นางพยายามหาโอกาสให้คนทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน “เสือ พาน้องทับทิมไปทานขนมสิลูก น้องไม่มีเพื่อน แม่จะคุยธุระกับน้าพิมพ์จันทร์ก่อน หนูทับทิม อยากทานอะไรก็บอกพี่เสือนะลูก” “ค่ะ คุณป้า” “พิมพ์จันทร์ เราไปคุยกันตรงโน้นดีกว่า” สรวิชญ์เดินนำทับทิมเข้าไปตักอาหาร จากนั้นจึงพาเธอเดินออกมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อน ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน “ทับทิมไม่เจอพี่เสือตั้งเจ็ดปี พี่เสือตัวสูงมากเลยนะคะ ถ้าไปเจอที่อื่นคงจะจำไม่ได้” เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้สรวิชญ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “พี่ก็จำทับทิมไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ โตเป็นสาวแล้วนะเรา ตัวสูงอีกต่างหาก” “ไม่สูงได้ไงล่ะคะ คุณแม่ให้ดื่มนมตลอด ทับทิมสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร พี่เสือสูงเท่าไหร่คะ” “ร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตรครับ” หญิงสาวพยายามชวนสรวิชญ์พูดคุยอยู่ตลอด แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกนึกถึงผีสาวตนนั้น ทั้งๆที่เขาก็พยายามจะลืมไปแล้ว “เสือ น้องทับทิมสวยไหมลูก” นางถามลูกชายหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่องานเลี้ยงจบลง “ก็สวยนะครับ ทำไมครับ” เขาถามมารดาขณะที่เขากำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟา “สวยพอที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่ได้หรือเปล่า” “...” สรวิชญ์ละสายตาจากจอโทรศัพท์มือถือและมองหน้ามารดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ทับทิมยังเรียนอยู่เลยนะครับ” “เรียนแล้วยังไง น้องอายุยี่สิบปีแล้ว จะคบกันเป็นแฟนก็ไม่เสียหายนะ หนูทับทิมออกจะสวยและกิริยามารยาทก็งาม อีกไม่กี่ปีน้องก็เรียนจบแล้ว ถ้าแม่จะมีลูกสะใภ้ แม่ก็อยากได้ลูกสะใภ้ที่กิริยามารยาทอ่อนหวานแบบหนูทับทิม หวังว่าเสือจะไม่รังเกียจน้องนะ” “ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมก็ยังไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น” “ทำไม หรือว่าเสือแอบมีแฟนที่ลอนดอน” “เปล่าครับ” “ถ้าไม่มี เสือก็ควรจะทำความรู้จักน้องให้มากขึ้น น้าพิมพ์จันทร์ก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาส ว่างๆก็ไปรับน้องมาเล่นที่บ้านเราบ้างนะ” สรวิชญ์ไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่เขานึกไปถึงคำที่อานัสเคยบอกเขา “กูว่ามึงตัดใจเถอะเสือ แล้วมึงก็ลองเปิดใจให้ผู้หญิงที่มีตัวตน เสืออย่างมึงจะมาจมปลักกับผีไปทำไมวะ รักคนที่มีตัวตน รักคนที่ดี และเขาก็รักเราด้วย ทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้ที่นี่นะเว้ย ลืมเรื่องที่ไม่มีวันเป็นไปได้” คำพูดของอานัสยังดังอยู่ในหัวสมองของเขา “ถ้าคุณแม่ต้องการให้ผมทำความรู้จักกับทับทิมมากขึ้น ผมก็จะขอเวลาทำความรู้จักกับน้องไปก่อนแล้วกัน” “อุ๊ย ดีมาก ลูกชายแม่ มันต้องแบบนี้สิ งั้นพรุ่งนี้ก็ไปรับหนูทับทิมมาเล่นที่บ้านนะลูก แม่จะโทรบอกน้าพิมพ์จันทร์ให้” “แล้วแต่คุณแม่เลยครับ จะให้ผมไปรับทับทิมตอนไหนก็บอกแล้วกัน ผมขอตัวไปนอนนะครับ” ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสอง “ฉันควรจะหาทางตัดใจจากเธอได้แล้วสินะ ฉันไม่ควรจมปลักอยู่กับรักที่ไม่มีตัวตนอีก จากนี้ฉันจะลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น และฉันจะเริ่มต้นใหม่กับคนที่มีตัวตน และพร้อมที่จะจับมือเดินไปกับฉัน โชคดีนะ ยัยผีสาวแสนสวย” สรวิชญ์พูดคนเดียว ก่อนจะนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ------------------------------------------- พี่เสือกำลังจะตัดใจจากน้ำผึ้งแล้ว ยัยหนูทับทิมก็กำลังจะเข้ามาในชีวิตพี่เสือ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ฝากติดตามตอนต่อไป กดไลค์คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะตอนที่ 33 ผีสาวสุดที่รัก(ตอนจบ)สามเดือนต่อมา“พี่เสือคิดยังไงถึงอยากจะไปปาร์ตี้วันฮาโลวีนที่ลอนดอนคะ”อัญรินทร์ถามสรวิชญ์ ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ“ก็พี่อยากไปฉลองวันครบรอบสองปีที่พี่ได้เจอน้องผึ้งไงครับ ถึงแม้ว่าเรื่องราวในคืนนั้นจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว แต่มันก็มีความหมายสำหรับพี่มาตลอด น้องผึ้งก็ชอบไม่ใช่เหรอครับ”“ใช่ค่ะ ผึ้งชอบเทศกาลฮาโลวีนที่ลอนดอนมาก มันสนุกและตื่นเต้นมาก แต่ผึ้งก็ไม่ได้คิดว่าจะไปที่นั่นอีก เพราะพี่นัสเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังดีที่พี่สะใภ้ของผึ้งคือเอวา อย่างน้อยผึ้งก็ต้องได้ไปเที่ยวบ้านคุณพ่อคุณแม่ของเอวา”“ครับ พี่ก็เลยถือโอกาสชวนน้องผึ้งไปลอนดอน เพราะอย่างน้อยเอวากับไอ้นัสก็อยู่ที่ลอนดอนอีกตั้งสองเดือน ไปครั้งนี้ พี่จะพาน้องผึ้งเที่ยวให้ทั่วเลยครับ”“ดีจังเลยค่ะ”อัญรินทร์ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ไปขึ้นเครื่องกันเถอะครับ”สรวิชญ์และอัญรินทร์ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินราวๆ 12 ชั่วโมง ทั้งสองเดินทางไปที่บ้านของเอวา และอานัสกับเอวาพร้อมครอบครัวของเธอกำลังรอต้อนรับคนทั้งคู่ที่มาเยือน“ตกลงวันฮาโลวีนที่จะถึงนี้ พวกเราจะไปเท
ตอนที่ 32 ผู้หญิงคนนั้นคือว่าที่ลูกสะใภ้งานแต่งของอานัสและเอวาถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หรู แขกที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติสนิทมิตรสหายของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว สรวิชญ์อยู่ช่วยงานเพื่อนรัก และค้างคืนที่บ้านของอานัส แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปในห้องนของอัญรินทร์อีก เพราะเขาให้เกียรติเธอและครอบครัว เขาสารภาพความในใจให้บิดามารดาของเธอรับรู้ ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้ห้ามพี่สรวิชญ์และอัญรินทร์คบกัน มารดาของเธอรู้สึกยินดีอีกต่างหาก แต่ทางด้านบิดามารดาของสรวิชญ์ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ลูกชายหลงรักคือใครกันแน่“เดินเร็วๆสิคุณ แขกมากันเยอะแล้ว ฉันล่ะตื่นเต้นแทนเจ้านัสกับหนูเอวาจริงๆเลย”นางสุวิภาพูดกับสามี ขณะที่ทั้งสองลงจากรถแทกซี่ และกำลังเดินเข้าไปในงานแต่ง “บ้านอานัสใหญ่มากเลยนะคุณ ใหญ่โตมโหฬารกว่าบ้านเราอีก แขกก็มากันเยอะ ดีแล้วที่เรานั่งรถแท็กซี่มา ถ้าขับรถมาเองคงจะเดินไกลกว่านี้”นายวิทวัสพูดพร้อมกับย่างก้าวตามหลังภรรยาเข้าไปในงาน“เอ๊ะคุณ ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”นางสุวิภาพูดกับสามี ขณะที่นางมองไปเห็นอัญรินทร์กำลังยืนต้อนรับแขกอยู่กับบิดามารดาของเธอ “คุณหมายถึงใคร คุณวิภา”นายวิทวัสถามภร
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของอัญรินทร์ทันทีที่บิดามารดาของเธอขับรถออกจากบ้านไป อานัสเป็นคนนำกุญแจมาเปิดห้องของน้องสาวให้เพื่อนรัก สรวิชญ์ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เขาจ้องมองดูคนที่กำลังหลับอยู่“! เข้ามาทำไม ใครอนุญาตให้พี่เสือเข้ามาในห้องผึ้ง ออกไปเลยนะ ผู้ชายหลอกลวง!”ตอนที่ 31 ปรับความเข้าใจอัญรินทร์นอนจ้องหน้าสรวิชญ์อย่างเอาเรื่อง เขาเองก็มองเธอด้วยแววตาเศร้าลงเล็กน้อย“พี่จะมาอธิบายเรื่องทั้งหมด พี่ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ได้พูดความจริงให้น้องผึ้งฟังทั้งหมด พอพี่เล่าจบแล้ว ถ้าน้องผึ้งยังอยากจะไล่พี่ไป พี่ก็จะไม่มาให้น้องผึ้งเห็นหน้าอีก พี่จะหนีไปไกลๆแบบไม่ต้องเจอใครเลยสักคน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า คนฟังรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมอภัยให้เขาง่ายๆ เพราะเธอเองก็อยากจะลองฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน“จะพูดอะไรก็รีบพูดมา ผึ้งจะได้นอน”เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน“พี่กับทับทิมไม่เคยเป็นอะไรกัน ทับทิมเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่พี่ แม่พี่ก็เลยอยากได้ทับทิมมาเป็นลูกสะใภ้ ตอนที่พี่กลับจากลอนดอน แม่พี่ถามว่าพี่มีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มี แม่พี่ก็อยากให้พี่ทำความรู้จักกับ
ตอนที่ 30 ผู้ชายหลอกลวง!เวลาเลยผ่านมาถึงวันที่อานัสและเอวาใกล้จะเข้าพิธีแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวนำโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรัก“ว่าไงไอ้นัส โทรมาตั้งแต่เช้าเลยนะ”สรวิชญ์ถามคนที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “น้ำผึ้งกลับมาบ้านแล้ว”“ว่าไงนะ!”สรวิชญ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกดีใจ“กูไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ จะมาบ้านกูก็รีบมานะ แค่นี้ล่ะ”ร่างสูงรีบลุกจากที่นอนวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย สรวิชญ์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่วันนี้เขาจะได้เจออัญรินทร์ หลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมาเดือนกว่า“วี้ด~วี้ด”เสียงผิวปากเป็นทำนองเพลงดัง ทำให้นางสุวิภาและนายวิทวัสรู้สึกตกใจพอสมควร ลูกชายสุดที่รักกำลังเดินกำลังเดินลงบันไดมา สีหน้าของเขาเบิกบาน แตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา“สะ...เสือ ทำไมวันนี้ถึงได้แต่งตัวหล่อจังเลยลูก เสือจะไปไหน แล้วทำไมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ไม่สบายหรือเปล่าลูก ให้แม่กับพ่อพาไปหาหมอดีไหม”นางสุวิภาถามลูกชายที่ดินผิวปากอยู่แบบนั้น“ผมจะไปง้อเมียผมครับ”สรวิชญ์พูดพร้อมกับยิ้มอย่างคนมีความสุขสุดๆ“เมีย!...แล้วผู้หญิงคนนั้
“คือ...กู...กูคิดถึงน้องสาวมึง”“คิดถึงน้องกู! มึงจะบ้าหรือเปล่า มึงจะไปคิดถึงน้องสาวกูทำไมวะ”อานัสยังคงแสดงท่าทีงุนงงกับสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดออกมา“อุบัติเหตุทำให้มึงเสียสติหรือเปล่าวะ ไอ้เสือ”“กูคิดถึงน้องสาวมึง เพราะน้องสาวมึงเป็นเมียกูแล้ว”“ไอ้เชี่ยเสือ!”ตอนที่ 29 ผิดหวังในความรักอานัสจ้องหน้าสรวิชญ์อย่างเอาเรื่อง เขารู้สึกโกรธ และอีกความรู้สึกก็คิดว่าเพื่อนรักคงจะสมองฟั่นเฟือนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น“กูให้มึงพูดอีกครั้ง เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”“มึงตั้งใจฟังกูนะ และมึงก็ห้ามโวยวาย”“...”อานัสยืนนิ่งเงียบ เอวาต้องลากเก้าอี้อีกตัวมาให้ชายคนรักนั่ง“น้ำผึ้งเป็นเมียกู”“!”แม้ว่าอานัสจะรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังนิ่งเงียบเพื่อฟังเพื่อนรักพูดต่อ“ผีสาวที่กูหลงรักมาตลอด คือน้องสาวของมึง”สรวิชญ์ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนรักฟังทั้งหมด แม้ว่าอานัสจะรู้สึกโกรธสรวิชญ์ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้แล้ว เขาก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา สรวิชญ์ก็พูดกับเขาเสมอว่าเขาหลงรักผีสาวในค่ำคืนนั้นมาตลอด และเพื่อนของเขาก็ไม่เคยไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย เขาจึงมั
ร่างสูงเดินออกจากคฤหาสน์หรูด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มในหัวใจ สรวิชญ์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเขาถึงจะได้คุยกับอัญรินทร์ให้เข้าใจรถสปอร์ตหรู แล่นไปตามถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย สรวิชญ์เอาแต่ครุ่นคิดและเหม่อลอยขณะขับรถ(บึ๊นนนน!)(เอี๊ยดด!)(โคร่ม!)อยู่ๆรถก็เกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง สรวิชญ์ติดอยู่ในรถหรูที่เกิดอุบัติเหตุ พลเมืองดีผ่านมาเจอตอนเกิดเหตุ และได้ติดต่อให้รถกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ แล้วนำร่างของสรวิชญ์ไปส่งที่โรงพยาบาลทันทีตอนที่ 28 น้องสาวมึงเป็นเมียกู“อือ”“ตาเสือลูกแม่!”เสียงครางอู้อี้ดังขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ นางสุวิภาเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้น เนื่องจากลูกชายคนเดียวของนางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา หลังจากที่เขาหลับไปหลายชั่วโมง“เป็นไงบ้างลูก ปวดตรงไหนหรือเปล่า”นายวิทวัสถามลูกชายที่กำลังกวาดสายตามองรอบๆห้อง และมีท่าทีมึนงง“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับคุณพ่อ คุณแม่”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามบิดามารดาด้วยความสงสัย“เสือประสบอุบัติเหตุรถคว่ำน่ะลูก โชคดีนะที่เสือไม่เป็นอะไรมาก แค่หัวแตก”“นั่นสิ แม่ตกใจจนแทบจะเป็นลม ตอนเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลโทรไปบอก เสือเจ็บตรงไหนไหมลูก”บิดา







