LOGINตอนที่ 11 ตัดใจและเปิดใจ
สรวิชญ์ทำหน้าที่ขับรถไปรับทับทิมที่บ้านของเธอ ตามคำสั่งมารดาของเขา เขานำแว่นตากันแดดมาสวมใส่ขณะขับรถ หญิงสาวคอยชำเลืองมองบ่อยๆ แต่สรวิชญ์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเป็นพิเศษ เขาเพียงต้องการหาใครบางคนมาทดแทนความคิดถึงที่เคยมีให้กับผีสาวตนนั้น “พี่เสือจะพาทับทิมไปเที่ยวที่ไหนเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อกลบความเงียบภายในรถ “ไปบ้านพี่ครับ แม่พี่อยากเจอทับทิมน่ะ” “ค่ะ ปกติทับทิมก็ไปหาคุณป้าบ่อยๆ ไปจนเหมือนไปบ้านตัวเองแล้วค่ะ คุณป้าใจดีกับทับทิมมากเลยนะคะ ทำเหมือนกับทับทิมเป็นลูกสาวเลย” “แม่พี่ก็คงอยากจะมีลูกสาวนั่นแหละ พี่ยังอยากมีน้องสาวเลย” สรวิชญ์พูดตามความรู้สึกของตัวเอง รถ BMW คันสีดำ ขับเข้ามาจอดในคฤหาสน์หรู ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น คุณนายสุวิภายิ้มด้วยความพอใจ เมื่อเห็นลูกชายและลูกสาวของเพื่อนรักเดินมาพร้อมกัน “วันนี้หนูทับทิมสวยเป็นพิเศษเลยนะลูก เสือคิดเหมือนแม่หรือเปล่า” นางพยายามสร้างความสัมพันธ์ให้กับลูกชายและลูกสาวของเพื่อน “ครับ” สรวิชญ์ตอบกลับเพียงสั้นๆ แต่ก็สามารถทำให้ทับทิมยิ้มอย่างเขินอายจนหน้าแดง “อาทิตย์หน้าหยุดเรียนหรือเปล่า หนูทับทิม” คุณนายสุวิภาถามหญิงสาว เพราะเธอมีแผนที่จะพาคนทั้งสองไปเที่ยว “หยุดค่ะคุณป้า คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” “แล้วหยุดกี่วันล่ะ ป้าว่าจะชวนหนูทับทิมกับคุณแม่ของหนูไปเที่ยวภูทับเบิก ป้าอยากไปชมทะเลหมอก ไปกันทั้งสองครอบครัวเรา สนุกคงจะสนุกดี เสือว่าไงลูก” “แล้วแต่คุณแม่เลยครับ ถ้าคุณแม่อยากให้ผมไป ผมก็จะไปด้วย” “ทับทิมหยุดเรียนห้าวันค่ะคุณป้า แต่ก็ต้องถามคุณแม่ก่อน ไม่รู้คุณแม่จะไปหรือเปล่า” “ไม่ต้องถามหรอกจ้ะ ป้าคุยกับแม่ของหนูเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มาถามลูกๆไง ตกลงเราไปเที่ยวภูทับเบิกอาทิตย์หน้านะเสือ” “ครับ” นางพิมพ์จันทร์และลูกสาวเดินทางไปเที่ยวภูทับเบิกด้วยรถตู้ของครอบครัวคุณนายสุวิภา สองแม่ลูกมักจะไปไหนด้วยกันเสมอ เพราะนางพิมพ์จันทร์เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีกันแค่สองคนแม่ลูก รถตู้ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านพักบนภูเขาสูง ทับทิมชวนสรวิชญ์เดินชมบรรยากาศรอบๆภูทับเบิก “ว้าว! สวยจังเลยค่ะพี่เสือ นี่เหรอคะ ที่เขาเรียกว่าทะเลหมอก” หญิงสาวมองดูกลุ่มก้อนสีขาวที่เกาะตัวหนาแน่น จนมองไม่เห็นทิวทัศน์ด้านล่าง “คงจะใช่มั้งครับ” เขาตอบแบบขอทีไปที “พี่เสือช่วยถ่ายรูปให้ทับทิมได้ไหมคะ ทับทิมลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องพัก พอถ่ายเสร็จ พี่เสือค่อยส่งให้ทับทิมทางไลน์ก็ได้ค่ะ” ทับหาโอกาสที่จะได้ช่องทางติดต่อสรวิชญ์ เธอจึงแสร้งลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง “อยากถ่ายมุมไหนก็บอกนะครับ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” หญิงสาวเดินนำสรวิชญ์เพื่อหามุมถ่ายรูป สรวิชญ์เหมือนกับคนที่ไร้ความรู้สึก แต่เขาต้องเตือนสติตัวเองอยู่เสมอ ว่าเขาควรจะใช้ชีวิตให้มีความสุข และลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในห้องนั้น “กลับที่พักกันเถอะค่ะพี่เสือ” เธอบอกชายหนุ่ม หลังจากที่เขาจัดการส่งรูปถ่ายไปในไลน์ของเธอ “ทับทิมกลับก่อนก็ได้นะ พี่ขอนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวสักพัก เดี๋ยวพี่ตามไป พี่จะโทรคุยธุระกับเพื่อนด้วย” “ได้ค่ะ” สรวิชญ์ต่อสายหาอานัสทันทีที่ทับทิมเดินออกไป “ว่าไงไอ้เพื่อนรัก เงียบหายไปหลายวันเลยนะมึง” อานัสถามเพื่อนรักทันทีที่เขารับสาย “กูรู้สึกเพลียน่ะ สงสัยร่างกายยังปรับตัวไม่ทันกับเวลาประเทศไทย นอนอย่างเดียว ก็เลยไม่ได้ทักหามึง” สรวิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ “แล้วนึกยังไงถึงโทรหากูได้วะ” “กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟังว่ะ สะดวกคุยหรือเปล่า” “อือ คุยได้ กูกำลังนั่งรอน้องสาวอยู่ในร้านเสริมสวย มีอะไรพูดมาเลยเพื่อน” “ตอนนี้กูอยู่ภูทับเบิก มาเที่ยวกับครอบครัว” “เออ ก็ดีแล้วนี่ อยู่ห่างจากครอบครัวตั้งหลายปี มีเวลาเที่ยวกับพ่อกับแม่ก็ดีแล้ว” “แต่กูไม่ได้มาแค่กับพ่อกับแม่น่ะสิ” เมื่ออานัสได้ยินสรวิชญ์พูดเช่นนั้น เขาจึงเกิดความอยากรู้ ว่าเพื่อนรักของเขาไปเที่ยวกับสาวที่ไหนหรือเปล่า “แล้วใครไปเที่ยวกับมึงอีกวะ สาวหรือเปล่า” “เพื่อนของแม่กูพาลูกสาวมาด้วย กูคิดว่าแม่กูกำลังจับคู่ให้กูว่ะ” “ก็ดีแล้วนี่ไอ้เสือ มึงจะได้ไม่เหงา จะได้ลืมเรื่องผีสาวสักที” “...” สรวิชญ์ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขานิ่งเงียบไปจนอานัสต้องเรียกชื่อเพื่อนหลายครั้ง “ไอ้เสือ ไอ้เสือ!” “ว่าไงวะ” “มึงเงียบทำไมวะ ยังคุยกันไม่จบเลย ผู้หญิงคนนั้นไม่สวยหรือไง ทำไมมึงไม่สนใจวะ” “สวยสิ แต่กูไม่ได้ชอบแบบนี้ไง กูชอบสวยเซ็กซี่แบบผีสาวว่ะ” อานัสถึงกับถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าเพื่อนของเขายังเอาแต่คิดถึงผีสาวเหมือนเดิม “มึงฟังกูนะไอ้เสือ มึงควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว กูจะไม่บอกไม่เตือนมึงอีกแล้วนะ ให้มึงคิดเอาเอง มึงจะเลือกอยู่กับคนหรือเลือกอยู่กับผี ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นคนดี และเขารักมึงจริง มึงก็ควรจะเปิดใจ อายุยี่สิบหกแล้ว ควรจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว” “กูควรจะเปิดใจให้น้องเขาหรอวะ ไอ้นัส” “ก็แล้วแต่มึงนะเว้ย ลองดูก็ไม่เสียหาย ตอนแรกอาจจะไม่ชอบ พอได้ตอกก็ชอบเองแหละเว้ย ฮ่าๆๆ” อานัสพูดประโยคทะลึ่งชวนขำ แต่สรวิชญ์ไม่ได้รู้สึกขำไปกับเพื่อนเลยสักนิด “กูไม่ได้รู้สึกแบบนั้นน่ะสิ” “เอาน่า เดี๋ยวสักวันมึงก็รู้สึกเอง เปิดใจสิวะเพื่อน” “เออๆ กูจะลองเปิดใจดู ขอบใจมากนะเพื่อน ที่รับฟังกู ถ้ากูจะโทรหาไอ้จอห์น มันก็ไม่รู้เรื่องด้วย มีมึงคนเดียวนี่แหละที่กูคุยด้วยแล้วเข้าใจ” “เออน่า เชื่อกูนะ ลองเปิดใจให้น้องเขาดู” “พี่นัส กลับกันเถอะ ผึ้งทำผมเสร็จแล้ว สวยหรือเปล่า” สรวิชญ์ถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่เล็ดลอดเข้ามาจากปลายสาย “เสียงใครวะ ไอ้นัส” เขารีบถามเพื่อนรักทันที เพราะน้ำเสียงนี้ทำให้เขารู้สึกคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นอีกครั้ง “เสียงน้องสาวกู แค่นี้นะไอ้เสือ ไว้ใกล้ถึงวันที่กูจะเซอร์ไพรส์ขอน้องเอวาแต่งงาน กูจะโทรนัดมึงอีกที” “โอเค ได้เลยเพื่อน แค่นี้ล่ะ กูไม่รบกวนมึงแล้ว” “เออๆ” ยิ่งเขาได้ยินเสียงของน้องสาวของอานัส เขายิ่งรู้สึกว้าวุ่นในใจขึ้นมาอีกครั้ง “กูนี่มันบ้าหลงรักผีจริงๆเลยว่ะ กูควรจะเปิดใจให้คนที่มีตัวตนแบบจริงจังแล้วล่ะ” เขาพูดพึมพำเพื่อเตือนสติตัวเอง ตลอดเวลาสี่วันที่สรวิชญ์ได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับทับทิม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าคนรู้จัก หรือญาติคนหนึ่ง แต่เขาก็พยายามปรับปรุง เพื่อให้ตัวเองชินกับการมีทับทิมอยู่ใกล้ๆ ------------------------------------------- พี่เสือจะเปิดโอกาสให้ยัยหนูทับทิมแล้ว จะได้หมั้นหรือเปล่าน๊า ฝากติดตามตอนต่อไป กดไลค์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะตอนที่ 33 ผีสาวสุดที่รัก(ตอนจบ)สามเดือนต่อมา“พี่เสือคิดยังไงถึงอยากจะไปปาร์ตี้วันฮาโลวีนที่ลอนดอนคะ”อัญรินทร์ถามสรวิชญ์ ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ“ก็พี่อยากไปฉลองวันครบรอบสองปีที่พี่ได้เจอน้องผึ้งไงครับ ถึงแม้ว่าเรื่องราวในคืนนั้นจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว แต่มันก็มีความหมายสำหรับพี่มาตลอด น้องผึ้งก็ชอบไม่ใช่เหรอครับ”“ใช่ค่ะ ผึ้งชอบเทศกาลฮาโลวีนที่ลอนดอนมาก มันสนุกและตื่นเต้นมาก แต่ผึ้งก็ไม่ได้คิดว่าจะไปที่นั่นอีก เพราะพี่นัสเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังดีที่พี่สะใภ้ของผึ้งคือเอวา อย่างน้อยผึ้งก็ต้องได้ไปเที่ยวบ้านคุณพ่อคุณแม่ของเอวา”“ครับ พี่ก็เลยถือโอกาสชวนน้องผึ้งไปลอนดอน เพราะอย่างน้อยเอวากับไอ้นัสก็อยู่ที่ลอนดอนอีกตั้งสองเดือน ไปครั้งนี้ พี่จะพาน้องผึ้งเที่ยวให้ทั่วเลยครับ”“ดีจังเลยค่ะ”อัญรินทร์ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ไปขึ้นเครื่องกันเถอะครับ”สรวิชญ์และอัญรินทร์ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินราวๆ 12 ชั่วโมง ทั้งสองเดินทางไปที่บ้านของเอวา และอานัสกับเอวาพร้อมครอบครัวของเธอกำลังรอต้อนรับคนทั้งคู่ที่มาเยือน“ตกลงวันฮาโลวีนที่จะถึงนี้ พวกเราจะไปเท
ตอนที่ 32 ผู้หญิงคนนั้นคือว่าที่ลูกสะใภ้งานแต่งของอานัสและเอวาถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หรู แขกที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติสนิทมิตรสหายของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว สรวิชญ์อยู่ช่วยงานเพื่อนรัก และค้างคืนที่บ้านของอานัส แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปในห้องนของอัญรินทร์อีก เพราะเขาให้เกียรติเธอและครอบครัว เขาสารภาพความในใจให้บิดามารดาของเธอรับรู้ ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้ห้ามพี่สรวิชญ์และอัญรินทร์คบกัน มารดาของเธอรู้สึกยินดีอีกต่างหาก แต่ทางด้านบิดามารดาของสรวิชญ์ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ลูกชายหลงรักคือใครกันแน่“เดินเร็วๆสิคุณ แขกมากันเยอะแล้ว ฉันล่ะตื่นเต้นแทนเจ้านัสกับหนูเอวาจริงๆเลย”นางสุวิภาพูดกับสามี ขณะที่ทั้งสองลงจากรถแทกซี่ และกำลังเดินเข้าไปในงานแต่ง “บ้านอานัสใหญ่มากเลยนะคุณ ใหญ่โตมโหฬารกว่าบ้านเราอีก แขกก็มากันเยอะ ดีแล้วที่เรานั่งรถแท็กซี่มา ถ้าขับรถมาเองคงจะเดินไกลกว่านี้”นายวิทวัสพูดพร้อมกับย่างก้าวตามหลังภรรยาเข้าไปในงาน“เอ๊ะคุณ ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”นางสุวิภาพูดกับสามี ขณะที่นางมองไปเห็นอัญรินทร์กำลังยืนต้อนรับแขกอยู่กับบิดามารดาของเธอ “คุณหมายถึงใคร คุณวิภา”นายวิทวัสถามภร
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของอัญรินทร์ทันทีที่บิดามารดาของเธอขับรถออกจากบ้านไป อานัสเป็นคนนำกุญแจมาเปิดห้องของน้องสาวให้เพื่อนรัก สรวิชญ์ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เขาจ้องมองดูคนที่กำลังหลับอยู่“! เข้ามาทำไม ใครอนุญาตให้พี่เสือเข้ามาในห้องผึ้ง ออกไปเลยนะ ผู้ชายหลอกลวง!”ตอนที่ 31 ปรับความเข้าใจอัญรินทร์นอนจ้องหน้าสรวิชญ์อย่างเอาเรื่อง เขาเองก็มองเธอด้วยแววตาเศร้าลงเล็กน้อย“พี่จะมาอธิบายเรื่องทั้งหมด พี่ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ได้พูดความจริงให้น้องผึ้งฟังทั้งหมด พอพี่เล่าจบแล้ว ถ้าน้องผึ้งยังอยากจะไล่พี่ไป พี่ก็จะไม่มาให้น้องผึ้งเห็นหน้าอีก พี่จะหนีไปไกลๆแบบไม่ต้องเจอใครเลยสักคน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า คนฟังรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมอภัยให้เขาง่ายๆ เพราะเธอเองก็อยากจะลองฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน“จะพูดอะไรก็รีบพูดมา ผึ้งจะได้นอน”เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน“พี่กับทับทิมไม่เคยเป็นอะไรกัน ทับทิมเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่พี่ แม่พี่ก็เลยอยากได้ทับทิมมาเป็นลูกสะใภ้ ตอนที่พี่กลับจากลอนดอน แม่พี่ถามว่าพี่มีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มี แม่พี่ก็อยากให้พี่ทำความรู้จักกับ
ตอนที่ 30 ผู้ชายหลอกลวง!เวลาเลยผ่านมาถึงวันที่อานัสและเอวาใกล้จะเข้าพิธีแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวนำโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรัก“ว่าไงไอ้นัส โทรมาตั้งแต่เช้าเลยนะ”สรวิชญ์ถามคนที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “น้ำผึ้งกลับมาบ้านแล้ว”“ว่าไงนะ!”สรวิชญ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกดีใจ“กูไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ จะมาบ้านกูก็รีบมานะ แค่นี้ล่ะ”ร่างสูงรีบลุกจากที่นอนวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย สรวิชญ์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่วันนี้เขาจะได้เจออัญรินทร์ หลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมาเดือนกว่า“วี้ด~วี้ด”เสียงผิวปากเป็นทำนองเพลงดัง ทำให้นางสุวิภาและนายวิทวัสรู้สึกตกใจพอสมควร ลูกชายสุดที่รักกำลังเดินกำลังเดินลงบันไดมา สีหน้าของเขาเบิกบาน แตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา“สะ...เสือ ทำไมวันนี้ถึงได้แต่งตัวหล่อจังเลยลูก เสือจะไปไหน แล้วทำไมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ไม่สบายหรือเปล่าลูก ให้แม่กับพ่อพาไปหาหมอดีไหม”นางสุวิภาถามลูกชายที่ดินผิวปากอยู่แบบนั้น“ผมจะไปง้อเมียผมครับ”สรวิชญ์พูดพร้อมกับยิ้มอย่างคนมีความสุขสุดๆ“เมีย!...แล้วผู้หญิงคนนั้
“คือ...กู...กูคิดถึงน้องสาวมึง”“คิดถึงน้องกู! มึงจะบ้าหรือเปล่า มึงจะไปคิดถึงน้องสาวกูทำไมวะ”อานัสยังคงแสดงท่าทีงุนงงกับสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดออกมา“อุบัติเหตุทำให้มึงเสียสติหรือเปล่าวะ ไอ้เสือ”“กูคิดถึงน้องสาวมึง เพราะน้องสาวมึงเป็นเมียกูแล้ว”“ไอ้เชี่ยเสือ!”ตอนที่ 29 ผิดหวังในความรักอานัสจ้องหน้าสรวิชญ์อย่างเอาเรื่อง เขารู้สึกโกรธ และอีกความรู้สึกก็คิดว่าเพื่อนรักคงจะสมองฟั่นเฟือนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น“กูให้มึงพูดอีกครั้ง เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”“มึงตั้งใจฟังกูนะ และมึงก็ห้ามโวยวาย”“...”อานัสยืนนิ่งเงียบ เอวาต้องลากเก้าอี้อีกตัวมาให้ชายคนรักนั่ง“น้ำผึ้งเป็นเมียกู”“!”แม้ว่าอานัสจะรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังนิ่งเงียบเพื่อฟังเพื่อนรักพูดต่อ“ผีสาวที่กูหลงรักมาตลอด คือน้องสาวของมึง”สรวิชญ์ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนรักฟังทั้งหมด แม้ว่าอานัสจะรู้สึกโกรธสรวิชญ์ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้แล้ว เขาก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา สรวิชญ์ก็พูดกับเขาเสมอว่าเขาหลงรักผีสาวในค่ำคืนนั้นมาตลอด และเพื่อนของเขาก็ไม่เคยไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย เขาจึงมั
ร่างสูงเดินออกจากคฤหาสน์หรูด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มในหัวใจ สรวิชญ์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเขาถึงจะได้คุยกับอัญรินทร์ให้เข้าใจรถสปอร์ตหรู แล่นไปตามถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย สรวิชญ์เอาแต่ครุ่นคิดและเหม่อลอยขณะขับรถ(บึ๊นนนน!)(เอี๊ยดด!)(โคร่ม!)อยู่ๆรถก็เกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง สรวิชญ์ติดอยู่ในรถหรูที่เกิดอุบัติเหตุ พลเมืองดีผ่านมาเจอตอนเกิดเหตุ และได้ติดต่อให้รถกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ แล้วนำร่างของสรวิชญ์ไปส่งที่โรงพยาบาลทันทีตอนที่ 28 น้องสาวมึงเป็นเมียกู“อือ”“ตาเสือลูกแม่!”เสียงครางอู้อี้ดังขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ นางสุวิภาเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้น เนื่องจากลูกชายคนเดียวของนางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา หลังจากที่เขาหลับไปหลายชั่วโมง“เป็นไงบ้างลูก ปวดตรงไหนหรือเปล่า”นายวิทวัสถามลูกชายที่กำลังกวาดสายตามองรอบๆห้อง และมีท่าทีมึนงง“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับคุณพ่อ คุณแม่”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามบิดามารดาด้วยความสงสัย“เสือประสบอุบัติเหตุรถคว่ำน่ะลูก โชคดีนะที่เสือไม่เป็นอะไรมาก แค่หัวแตก”“นั่นสิ แม่ตกใจจนแทบจะเป็นลม ตอนเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลโทรไปบอก เสือเจ็บตรงไหนไหมลูก”บิดา







