แชร์

บทที่ 1 ชะตาอัปมงคล 2/2

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-24 20:12:22

จางเสี่ยวมี่มองดูมารดาผู้ให้กำเนิดราวกับมองอากาศธาตุ นางไม่แม้แต่จะปริปากพูดสิ่งใดออกมา ในสายตาของนางมีแต่ความเศร้าเสียใจที่หวังหมิงนั้นอายุสั้นเกินไป เขาเป็นบุรุษที่อ่อนโยนและสุภาพ ใบหน้าของเขามักประดับด้วยรอยยิ้มเสมอ ความคิดความอ่านของเขาก็ฉลาดล้ำกว่าคนในยุคนี้มากโดยเฉพาะเรื่องทำการค้า

ครานั้นนางแค่พูดคุยกับเขาสั้น ๆ ชี้แนะไปแค่ประโยคเดียว เขาก็สามารถนำไปปรับใช้กับกิจการของตนได้ และเพราะเหตุนี้เองเขาจึงได้ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอนาง คราแรกนางปฏิเสธหัวชนฝาว่ามิอาจแต่งงานกับเขาได้ เพราะนางคิดกับเขาเป็นแค่สหายคนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะท่านแม่อยากกำจัดนางให้พ้นหูพ้นตาไปเสียจึงตอบตกลงทันที

เรื่องนี้แม้แต่บิดายังไม่เห็นด้วย แต่เมื่อตอบตกลงอีกฝ่ายไปแล้วจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไป

"เป็นอย่างไรเล่า เจ้าเห็นหรือยังว่าเจ้าทำให้บุรุษที่ดีคนหนึ่งต้องจบชีวิตลงเพราะชะตาอัปมงคลของเจ้า เช่นนี้ยังจะมีบุรุษใดกล้ามาสู่ขอเจ้าที่ทำให้ว่าที่คู่หมั้นตายอีก ตระกูลจางของข้าที่มีชื่อเสียงอันดีงามมานานนับร้อยปีต้องมาด่างพร้อยเพราะเจ้าแท้ ๆ เชียว"

มู่ฟางยังคงต่อว่าจางเสี่ยวมี่อย่างไม่ลดละ ยิ่งเห็นว่าบุตรสาวยืนนิ่งไม่พูดสิ่งใดนางก็ยิ่งต่อว่ารุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

"เรื่องการแต่งงานของข้าไม่ต้องให้ท่านแม่เข้ามายุ่งวุ่นวายหรอกเจ้าค่ะ เพราะข้าจะไม่ขออยู่ที่จวนตระกูลจางอีก ต่อไปนี้ท่านแม่จะได้สบายตาสบายใจที่ไม่ต้องมาทนมองหน้าบุตรสาวเช่นข้าอีก!"

จางเสี่ยวมี่มองตรงไปทางมารดาอย่างไม่หลบเลี่ยง นางเกินจะทนรับไหวกับความผิดที่นางไม่ได้ก่อนี้ได้อีกแล้ว ต่อให้เป็นมารดาแล้วอย่างไร ในเมื่อนางเองก็หาใช่บุตรสาวแท้ ๆ ไม่!

"โอหังนัก! เช่นนั้นเจ้าก็เก็บข้าวเก็บของแล้วไสหัวออกไปเลย ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีกต่อไป"

มู่ฟางพลันบังเกิดโทสะที่เห็นท่าทีแข็งกระด้างของบุตรสาว

"เช่นนั้นลูกขอลาเจ้าค่ะ"

จางเสี่ยวมี่ค้อมกายคารวะแล้วเดินจากไปพร้อมกับหนังสือยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย นางกำหนังสือฉบับนั้นแน่นแล้วเดินจากมาพร้อมกับหยาดน้ำตาไหลรินลงมา การตายของหวังหมิงเป็นสิ่งที่นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย นางรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ตระกูลหวังต้องมาสูญเสียบุตรชายผู้เก่งกาจเช่นเขาไป และตัวนางเองก็ต้องสูญเสียสหายที่ดีคนหนึ่งไปเช่นกัน...

ทันทีที่ 'จางอี้อิน' ผู้เป็นเสนาบดีกรมคลังทราบความจากพ่อบ้านว่าฮูหยินกับบุตรสาวมีปากเสียงกันอีกแล้ว และครั้งนี้ยังลุกลามใหญ่โตเสียจนฮูหยินถึงกับเอ่ยปากขับไล่บุตรสาวคนเดียวออกจากตระกูลไป ตัวเขาผู้เป็นคนกลางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก

"ฮูหยิน เจ้าเอ่ยปากขับไล่มี่เอ๋อร์ออกไปหรือ"

บุรุษในวัยกลางคนตรงเข้ามาพูดคุยกับภรรยาของตน แม้เขาจะรักภรรยามากแต่บุตรสาวคนโตเขาก็รักนางมากเช่นกัน อย่างไรนางก็คือบุตรสาวที่เกิดจากเขาและภรรยา

"เจ้าค่ะ ท่านพี่ได้ยินมิผิดหรอกเจ้าค่ะ"

"เหตุใดเจ้าถึงได้จงเกลียดจงชังมี่เอ๋อร์นักเล่า เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้วนะ อีกอย่างสุขภาพของเจ้าตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ทั้งหมดหาได้เป็นความผิดของมี่เอ๋อร์ไม่ ฮูหยินลืมเรื่องนั้นไปเสียเถิด"

จางอี้อินพยายามพูดจาหว่านล้อมภรรยา ด้วยหวังว่าความเกลียดชังภายในใจของนางและความทุกข์ระทมเรื่องในคราวนั้นจะทุเลาลงบ้าง

"ท่านพี่อาจจะลืมสิ่งที่นางทำลงไปได้ และคิดว่านางยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยไร้เดียงสา แต่ข้ามิอาจลืมได้หรอกนะเจ้าคะว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงใด ยิ่งนางเติบโตขึ้นมาจิตใจของนางก็ยิ่งหยาบช้าแข็งกระด้าง ท่านพี่จำไม่ได้หรือเจ้าคะว่าท่านนักพรตผู้นั้นเคยกล่าวไว้ว่านางคือสตรีที่มีชะตาต้องสาป ผู้ใดที่อยู่ใกล้นางล้วนต้องมีอันเป็นไปทั้งสิ้น นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านางเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดวงชะตาของนางเป็นอัปมงคลต่อผู้อื่นจริง ๆ เจ้าค่ะ"

มู่ฟางยังคงยึดมั่นในความคิดของตน ไม่ว่าจะผ่านมานานกว่าสิบปีนางก็มิอาจลืมเรื่องที่บุตรสาวทำเอาไว้ได้เป็นอันขาด!

"พี่เข้าใจความรู้สึกของฮูหยินดีว่าเรื่องนั้นเจ้าต้องเจ็บปวดมากเพียงใด แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว อีกอย่างมี่เอ๋อร์ก็ทำตัวว่านอนสอนง่าย นางไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้นหรอก"

"ท่านพี่อาจจะคิดว่านางคือบุตรสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดู แต่สำหรับข้านั้นไม่ใช่เจ้าค่ะ แม้ท่านพี่จะสามารถลืมเลือนความเจ็บปวดในครั้งนั้นได้ แต่ทุกครั้งที่ข้าเห็นหน้าของนางมันก็ทำให้ข้านึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทุกครั้ง ข้าผิดหรือเจ้าคะท่านพี่?"

มู่ฟางมองสามีของตนแล้วร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจตาย นางเองก็ไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์แม่ลูกต้องย่ำแย่เช่นนี้ แต่นางเองก็ไม่สามารถมองหน้าจางเสี่ยวมี่แล้วคลี่ยิ้มออกมาได้จริง ๆ นางไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้!

"เช่นนั้นพี่จะส่งมี่เอ๋อร์ไปอยู่ที่เมืองอู่เฉิง เช่นนี้เจ้าก็ไม่ต้องทนเห็นหน้านางแล้ว ส่วนเรื่องคุณชายตระกูลหวังพี่จะไปพูดคุยกับท่านเสนาบดีหวังเอง ทางเราเองก็ต้องแสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวดองกันแล้ว แต่อย่างไรความสัมพันธ์ของสองตระกูลก็ไม่ควรจะต้องมาระหองระแหงกันด้วย"

"เจ้าค่ะ คงมีแต่หนทางนี้เท่านั้นเพราะอย่างไรชื่อเสียงของนางก็ด่างพร้อยไปเสียแล้ว ตอนนี้คงไม่มีคุณชายตระกูลใดในเมืองหลวงกล้าสู่ขอนาง บางทีการที่นางได้ไปเยือนเมืองอู่เฉิงคงจะหาบุรุษที่ดีได้บ้าง"

มู่ฟางแสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง นางยังคงคิดเผื่อบุตรสาวในเรื่องของคู่ครองเสมอ

ทุกคนอาจจะเข้าใจว่านางเกลียดชังบุตรสาวเพราะการให้กำเนิดในครั้งนั้นทำให้สุขภาพของนางทรุดโทรม แต่นางรู้ดีที่สุดว่ามันไม่ใช่แค่นั้น อย่างไรจางเสี่ยวมี่ก็เป็นบุตรสาวที่นางตั้งใจให้กำเนิดออกมา แค่การต้องแลกเพราะเรื่องสุขภาพนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่ที่นางเอาแต่พร่ำบ่นเรื่องนั้นก็เพราะไม่ต้องการให้ผู้ใดสงสัยว่าเพราะเหตุใดนางถึงเกลียดชังบุตรสาวมาก เรื่องนี้มีแค่นางกับสามีเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   ตอนพิเศษ 7 ความจริงใจของสุ่ยเหอหมิง

    ตอนพิเศษ 7 ความจริงใจของสุ่ยเหอหมิง คล้อยหลังจากที่สุ่ยเหอหมิงจากไปไกลแล้ว อวี้เซียวจ้านที่เห็นและได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองจึงได้เดินออกมาจากที่ซ่อน เขาเดินเข้ามานั่งข้างจางเสี่ยวมี่แล้วกอดนางเอาไว้แนบอก หัวใจของผู้เป็นพ่ออดจะรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาเสียไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งยินดีและรู้สึกใจหาย ราวกับหัวใจได้ถูกฉุดกระชากของไปจากมือที่มองไม่เห็น "น้องหญิง พี่ทำดีแล้วใช่หรือไม่" "เจ้าค่ะ ท่านพี่ทำดีที่สุดแล้ว เจียวเอ๋อร์เราโตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว เราเป็นพ่อเป็นแม่ก็ทำได้เพียงแค่เฝ้าดู และพร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างนางเจ้าค่ะ" "เฮ้อ...พี่รู้สึกปวดใจนักที่อาจจะต้องสูญเสียเจียวเอ๋อร์ไป พี่ยังรู้สึกว่านางยังเด็กเกินไปเลย" ผู้เป็นฮ่องเต้งอแงกับความจริงในข้อนี้ หรือเขาควรจะกีดกันสุ่ยเหอหมิงดี "ท่านพี่...ลูกโตแล้วนะเจ้าคะ ลูกควรจะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ท่านพี่รู้ใช่หรือไม่ว่าชีวิตก่อนของเจียวเอ๋อร์นั้นมันสาหัสเพียงใดสำหรับนาง" "พี่รู้ดี พี่ถึงอยากให้เจียวเอ๋อร์มีความสุขอย่างไรเล่า" อวี้เซียวจ้านเอ่ยเสียงอ่อนลง เขายอมจำนนแล้ว ที่เหลือก็คงอยู่ที่ความสามาร

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   ตอนพิเศษ 6 ฝ่าด่านจากเหล่าบุรุษตระกูลอวี้

    ตอนพิเศษ 6ฝ่าด่านจากเหล่าบุรุษตระกูลอวี้มื้อเย็นวันนี้ที่ตำหนักคุนหนิงล้วนอบอวลไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะ อวี้เซียวจ้านคอยคีบอาหารให้กับจางเสี่ยวมี่ตลอดเวลา ทางด้านสององค์ชายก็คอยเอาอกเอาใจเสด็จพี่หญิงของตนด้วยกันทั้งคู่ จางเสี่ยวมี่ที่นั่งทานอาหารอยู่นั้นพลางจับสังเกตสีหน้าของอวี้หนิงเจียวได้ แม้ว่านางจะพยายามพูดคุยหัวเราะกับอวี้หนิงเฉิงและอวี้หนิงหวง แต่ในแววตาคู่นั้นกลับฉาบด้วยความสับสนและครุ่นคิดตลอดเวลา"เจียวเอ๋อร์มีสิ่งใดหรือไม่ แม่รู้สึกว่าเจียวเอ๋อร์ดูกังวลใจตลอดเวลา หรือว่าอาการขององค์รัชทายาทไม่ค่อยสู้ดีนัก"ทุกคนที่นั่งล้อมรอบต่างวางตะเกียบแล้วหันมามองอวี้หนิงเจียวเป็นตาเดียว คิ้วกระบี่สามคู่ขมวดมุ่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน"เอ่อ...อาการขององค์รัชทายาททรงดีขึ้นมากแล้วเพคะ รักษาตัวอีกไม่นานก็จะกลับมาหายเป็นปกติแล้วเพคะ""เช่นนั้นลูกกังวลสิ่งใดเล่า"อวี้เซียวจ้านเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็สังเกตได้ว่าสีหน้าของอวี้หนิงเจียวนั้นราวกับคนที่มีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา"หรือว่าองค์รัชทายาทนั่นทำสิ่งใดให้เสด็จพี่หญิงไม่พอพระทัยกันพ่ะย่ะค่ะ" อวี้หนิงหวงโผงขึ้นมาบ้าง"เอ่อ...คือ

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   ตอนพิเศษ 5 เกี้ยวดวงใจของแคว้นอวี้

    ตอนพิเศษ 5เกี้ยวดวงใจของแคว้นอวี้อวี้หนิงหวงมองดูพี่สาวด้วยความรู้สึกโล่งอก เขากับพี่ชายอาจจะคิดมากเกินไปก็เป็นได้ อีกไม่นานหลังจากองค์รัชทายาทผู้นี้รักษาตัวหายดีแล้ว เขาก็ต้องกลับไปยังแคว้นสุ่ย เมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พบเจอกันอีก เสด็จพี่หญิงใหญ่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่สนใจในตัวองค์รัชทายาทผู้หล่อเหลาสง่างามผู้นี้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งได้ยินว่านางไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานมาก่อน เขาก็พลอยรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ท่าทีของเขาจึงผ่อนคลายลงไปด้วย"วางใจแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ออกไปได้แล้ว""พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่หญิง เช่นนั้นข้าจะออกไปรอข้างนอก มื้อเย็นวันนี้เราจะได้ไปร่วมโต๊ะเสวยกับเสด็จแม่ด้วยดีหรือไม่ เสด็จแม่ทรงบ่นหาเสด็จพี่หญิงใหญ่นานหลายวันแล้วพ่ะย่ะค่ะ""เข้าใจแล้ว"อวี้หนิงเจียวอมยิ้มน้อย ๆ กับความเจ้ากี้เจ้าการของน้องชายคนเล็ก ก่อนที่นางจะหันมาสนใจคนเจ็บที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มองเผิน ๆ คงคิดว่าเขายังคงหลับไม่ได้สติ แต่นางที่มีความรู้เรื่องการแพทย์ย่อมมองออกว่าเขารู้สึกตัวแล้ว"จะทรงแอบฟังอีกนานหรือไม่เพคะ องค์รัชทายาทสุ่ยเหอหมิง"เปลือกตาของบุรุษค่อย ๆ ขยับลืมขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาสีนิลดั่งพ

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   ตอนพิเศษ 4 องค์หญิงใหญ่ผู้เข้มงวด

    ตอนพิเศษ 4องค์หญิงใหญ่ผู้เข้มงวดสิบห้าปีผ่านไปวันเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากเด็กน้อยที่ไม่รู้ความเติบใหญ่กลายเป็นองค์หญิงใหญ่ที่มากความสามารถ รอบรู้ในศาสตร์แห่งสตรี เก่งกาจเรื่องสมุนไพร สามารถวินิจฉัยร่วมกับท่านหมอหลวงรักษาอาการของผู้คนได้ ใบหน้าส่อเค้าความงามอย่างโดดเด่นเฉกเช่นฮองเฮา แต่แววตากลับทอประกายแห่งความสุขุมเงียบขรึมเฉกเช่นฮ่องเต้ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ที่เย็นชาโหดเหี้ยมหาผู้ใดเทียบเทียม ทว่าจะมีเพียงฮองเฮาอันเป็นที่รักยิ่ง องค์หญิงใหญ่ องค์ชายใหญ่ และองค์ชายรองเท่านั้นที่จะได้รับความอ่อนโยนจากฮ่องเต้ทุกคนในแคว้นอวี้ต่างรู้กันดีว่าถ้าไม่อยากตายอย่างทุกข์ทรมาน ก็อย่าได้แตะต้องไข่มุกล้ำค่าบนพระหัตถ์ของฮ่องเต้อวี้เซียวจ้าน!นับจากวันที่องค์ชายทั้งสองพระองค์ได้ถือกำเนิด องค์หญิงใหญ่ก็เกาะติดองค์ชายทั้งสองไม่ยอมห่างกายไปไหน กลายเป็นพี่เลี้ยงที่มีทั้งความอ่อนโยน และความเข้มงวดในตอนที่องค์ชายทั้งสองซุกซนเกินไป องค์ชายทั้งสองเชื่อฟังเสด็จพี่หญิงใหญ่ผู้นี้มากกว่าผู้ใด มากเสียยิ่งกว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่เสียอีก และไม่มีผู้ใดที่จะปราบพยศความซุกซนขององค์ชายทั้งสองพระองค์ได้ นอกจ

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   ตอนพิเศษ 3 กำเนิดองค์ชาย

    ตอนพิเศษ 3กำเนิดองค์ชายนับตั้งแต่อวี้เซียวจ้านพาอวี้หนิงเจียวมาออกว่าราชการด้วยกันกว่าครึ่งปี องค์หญิงก็ได้เป็นที่รักของเหล่าขุนนางไปด้วย มีขุนนางไม่น้อยที่เอ็นดูองค์หญิงผู้นี้ยิ่งนัก บางคนก็นึกอยากจะให้บุตรชายของตนได้หมั้นหมายเกี่ยวดองกับองค์หญิงผู้เป็นที่รักของฮ่องเต้ แต่ช่างน่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอำนาจของอวี้เซียวจ้าน"ทูลฝ่าบาท เมืองฝางในแดนใต้ได้เกิดโรคระบาดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ยังไม่ทราบที่มาของการเกิดโรค แต่กระหม่อมได้ส่งท่านหมอเข้าไปในพื้นที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง" บรรยากาศในท้องพระโรงพลันเคร่งเครียดขึ้นเมื่อเกิดเรื่องร้ายที่แดนใต้ เรื่องโรคระบาดนี้หากป้องกันไม่ดีจะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้"มีชาวบ้านกว่าหนึ่งร้อยคนที่ติดโรคระบาดพ่ะย่ะค่ะ มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาการคือท้องเสีย ปวดท้อง ตัวเหลือง อ่อนแรง มีไข้ เล็บเปลี่ยนเป็นสีม่วง แต่ยังโชคดีที่ยังไม่มีใครตายพ่ะย่ะค่ะ""หืม...ว่านราตรีม่วง"น้ำเสียงเล็กจากคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้ได้เรียกความสนใจจากทุกคน"อะไรคือว่านราตรีม่วงหรือเจียวเอ๋อร์""ก็อาการที่บอกไงเพคะ เหมือนคนถูกพิษว่านรา

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   ตอนพิเศษ 2 หนิงเจียวสร้างเรื่อง

    ตอนพิเศษ 2หนิงเจียวสร้างเรื่องบุตรสาวของเสนาบดีกรมโยธามีนามว่าโจวหลี่น่า นางได้มาเยือนวังหลังตามรับสั่งของฮ่องเต้ ทันทีที่นางเห็นองค์หญิงอวี้หนิงเจียวก็ได้มีความคิดชั่วร้ายออกมา หากนางสามารถเอาชนะใจองค์หญิงได้ ในวันข้างหน้านางก็จะต้องมีโอกาสอยู่ในสายพระเนตรของฝ่าบาทอย่างแน่นอน แต่นางคงจะคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงผู้นี้จะฉลาดกว่าที่นางคิดไว้มาก และยังทำกับนางอย่างเจ็บแสบเสียด้วยอวี้หนิงเจียวมองดูผู้มาใหม่ที่จะมาเป็นเพื่อนเล่นให้กับนางด้วยความสงสัย ศีรษะเล็กเอียงคอมองก่อนจะเอ่ยถามออกมา"พี่สาวจะมาเล่นกับเจียวเอ๋อร์หรือ""ใช่แล้วเพคะ ฝ่าบาทเป็นผู้ส่งหม่อมฉันให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับองค์หญิงเพคะ""ทำไมล่ะ"จื่อลู่ที่คอยดูแลข้างกายไม่ห่างรู้สึกไม่ดีนัก นางมองดูสตรีผู้นี้ด้วยความไม่ไว้วางใจ แต่ฮองเฮาบอกกับนางแล้วว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงมองดูอยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว"ก็เพราะฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยในตัวหม่อมฉันอย่างไรเล่าเพคะ""อ้อ...ดี ๆ งั้นพี่สาวมาเล่นวิ่งไล่จับกับเจียวเอ๋อร์นะ""เพคะ"โจวหลี่น่าแย้มยิ้มกว้างด้วยความยินดี ก็แค่เล่นกับองค์หญิงที่ยังเยาว์วัย ไม่เห็นมีสิ่งใดที่ต้องน่าน่าหนักใจเลย องค

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status