แชร์

บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 1/2

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-24 20:14:09

บทที่ 3

คนร้ายในเงามืด

รถม้าของจวนตระกูลจางเคลื่อนไปยังปลายทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนหนทางก็สะดวกสบายค่ำไหนก็นอนพักที่เมืองนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งเข้าสู่วันที่สิบของการเดินทาง ในตอนที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าและขบวนรถม้ายังไม่ได้ออกจากป่าไผ่ ผู้คุ้มกันจึงเล็งเห็นว่าควรหยุดพักที่จุดหยุดพักที่นี่ก่อน หากจะเดินทางต่อในยามกลางคืนก็อันตรายนัก เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายก็เป็นได้

"คุณหนูขอรับ คืนนี้เราคงต้องหยุดพักกันที่นี่ก่อนคงต้องรบกวนคุณหนูนอนในรถม้าสักหนึ่งคืนแล้วล่ะขอรับ"

อาซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาเกรงว่าคุณหนูอาจจะไม่พอใจแล้วพาลบันดาลโทสะเฉกเช่นคุณหนูในห้องหอผู้อื่น

"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ก่อไฟกองใหญ่ ๆ ไว้ด้วยเล่า แล้วผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้ายามในตอนกลางคืนด้วย"

"ขอรับคุณหนู"

อาซ่งพลันรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูของเขาว่าง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก ทั้งยังรอบคอบในเรื่องเวรยามเสียด้วย เช่นนี้การเดินทางไปเมืองอู่เฉิงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เสียงของฟืนดังปะทุเป็นระยะเพราะโดนไฟกิน กองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นกลางที่พักที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เสียงนกร้องและเสียงแมลงที่หากินในยามกลางคืนต่างร้องระงมไปทั่วป่าไผ่  คนคุ้มกันบางส่วนได้นอนพักเอาแรงเพื่อวันพรุ่งนี้ จางเสี่ยวมี่ที่นอนหลับในยามกลางวันจึงยังตาสว่างอยู่มาก นางหยิบหนังสือนิยายประโลมโลกของยุคนี้ขึ้นมาอ่าน โดยอาศัยแสงไฟจากกองไฟที่ลอดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างรถม้า

"คุณหนูไม่ง่วงหรือเจ้าคะ ฮ้าวว"

จื่อลู่เอ่ยถามทั้งที่นางอ้าปากหาวเพราะความง่วงงุนที่คืบคลานเข้ามา แต่เพราะหน้าที่ของสาวใช้ที่ดีเมื่อเห็นว่าเจ้านายยังไม่นอน นางก็มิอาจจะข่มตาหลับได้อย่างสบายใจนัก

"ข้ายังไม่ง่วงหรอก เจ้านอนก่อนเถอะ"

"บ่าวก็ยังไม่ง่วงเจ้าค่ะ"

จื่อลู่สะบัดหน้าไล่ความง่วงออกไป นางนั่งถ่างตาอยู่เช่นนั้นไม่ยอมล้มตัวลงนอน จางเสี่ยวมี่ที่เห็นเช่นนั้นพลันหัวเราะขำแล้วจึงวางหนังสือไว้ข้างตัว ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ถูกปูไว้โดยฝีมือของจื่อลู่

"ข้าชักจะง่วงแล้วสิ งั้นเรานอนกันเถิด"

"เจ้าค่ะ"

จื่อลู่หยิบผ้าห่มผืนหนาที่ทำจากขนแกะชั้นดีขึ้นมาห่มคลุมกายให้เจ้านายสาว ก่อนที่นางจะล้มตัวลงนอนด้านข้าง เวลาผ่านไปไม่กี่ลมหายใจจางเสี่ยวมี่ก็ได้ยินเสียงนอนกรนเบา ๆ ของจื่อลู่ หญิงสาวที่ยังไม่ง่วงจึงได้หยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มขำสาวใช้ตัวน้อยของตน

"นี่หรือคนไม่ง่วง พอล้มตัวลงนอนก็หลับเชียวนะ"

จางเสี่ยวมี่นึกเอ็นดูจื่อลู่ยิ่งนัก เวลานี้นางก็อายุล่วงเข้าสู่ 18 หนาวแล้ว ส่วนจื่อลู่นั้นอายุน้อยกว่านาง 2 ปี เพราะชีวิตของคนในยุคนี้จึงทำให้เด็กสาวที่ควรจะสดใสตามวัยต้องเติบโตเกินกว่าอายุของตน หากเป็นในยุคที่นางจากมาอายุเพียงเท่านี้ก็คงกำลังเที่ยวเล่น และร่ำเรียนหนังสืออย่างสนุกสนาน หาใช่ต้องมาทำงานอย่างหนักเช่นนี้ไม่

หญิงสาวนึกสะท้อนในยุคสมัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...

"หืม...กลิ่นอะไร หอมประหลาดนัก"

จางเสี่ยวมี่พึมพำกับตนเองด้วยความแปลกใจ นางกำลังจะเอ่ยปากถามอาซ่งพลันรู้สึกถึงความง่วงงุนที่จู่โจมเข้ามา ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลงไปพร้อมกับคนอื่น ๆ 

ทุกคนที่ร่วมเดินทางต่างผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบของผู้ไม่หวังดี เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าทุกคนหลับไปกันหมดแล้วจึงได้ปรากฏกายออกมาจากมุมมืด ชายชุดดำที่โพกใบหน้าที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าเดินเข้ามาเตะขาของอาซ่ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของตนก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความโชคร้าย

"ไปเอาคนมา"

"ขอรับ"

ชายชุดดำสองคนเดินเข้าไปเปิดประตูรถม้า พวกมันเห็นสตรีสองนางก่อนจะผุดยิ้มชั่วร้ายออกมา

"หัวหน้า มีสาวใช้มาด้วยข้าขอได้หรือไม่"

"เออ! รีบเอาตัวออกมาเร็วเข้า เดี๋ยวพวกมันจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน"

ชายชุดดำที่มองจื่อลู่ไม่วางตารีบช้อนร่างของนางเอาขึ้นพาดบ่าทันที ส่วนอีกคนก็อุ้มร่างที่ไร้สติของจางเสี่ยวมี่ออกมา เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พวกมันก็พาตัวสตรีทั้งสองไปยังจุดนัดพบที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า

จางเสี่ยวมี่รู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม เปลือกตาค่อย ๆ ขยับก่อนจะลืมขึ้นแล้วจึงพบว่าบัดนี้นางได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของคนชั่วช้าเสียแล้ว ข้อมือทั้งสองและข้อเท้าต่างถูกพันธนาการด้วยเชือกที่แน่นหนา ไม่ว่าจะขยับอย่างไรก็ไม่มีทางสามารถหลุดพ้นไปได้ 

หญิงสาวหลับตาลงแล้วตั้งสติ นางกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณเพื่อสังเกตการณ์จึงได้พบว่าที่แห่งนี้ดูคล้ายกับวังร้าง เนื่องจากที่ที่นางนอนขดตัวอยู่นั้นคือห้องโถงที่ด้านหลังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แม้ว่าจะดูทรุดโทรมและสกปรกไปบ้างแต่ก็คาดว่าไม่น่าจะผิดไปจากที่คาดไว้นัก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่นอนอยู่ไม่ห่างกันนัก นางเบิกตากว้างก่อนจะขยับกายเข้าไปใกล้ แล้วใช้ไหล่กระแทกอีกฝ่ายให้รู้สึกตัวตื่น

"จื่อลู่ จื่อลู่ รีบตื่นเร็วเข้า จื่อลู่!"

น้ำเสียงกังวานหวานเอ่ยเรียกเสียงเบาด้วยกลัวว่าพวกมันที่อยู่ข้างนอกจะได้ยิน จื่อลู่ที่สลบอยู่ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจกลัวและหวั่นวิตกยิ่งนัก 

"คะ คุณหนู นี่ที่ไหนเจ้าคะ"

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงเป็นวัดร้างที่กลายเป็นรังโจรของพวกมันไปแล้ว"

ทางด้านนอกได้ยินเสียงพูดคุยกันเสียงดังของบุรุษดังมาไม่ขาดสาย พวกมันคงกำลังร่ำสุราและพูดคุยกันด้วยความคึกคะนองเป็นแน่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 5 นอนละเมอ 2/2

    เซียวจ้านอดจะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เขาพยายามแกะมือของตัวเองออกแต่เหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ง่ายนัก สุดท้ายเขาจึงได้ขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับนาง กายสูงพิงกับเตียงแล้วมองดูหญิงสาวข้างกายนอนหลับอย่างเป็นสุขนางช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดนัก ทั้งที่อยู่กับคนแปลกหน้าเช่นเขานางยังกล้าหลับลงได้อีก ทั้งยังจับมือเขาเอาไปแนบกับแก้มของนางด้วย ช่างเป็นสตรีที่น่าพิลึกนัก"อื้อ...ลูลู่ อย่า อื้อ..."จางเสี่ยวมี่นอนละเมอโดยฝันถึงลูลู่ เจ้าแมวน้อยตัวสีขาวที่เคยเลี้ยงเมื่อครั้งยังเป็นลูกหว้า เจ้าลูลู่นั้นชอบให้กอดเป็นอย่างมาก ทั้งยังชอบเข้ามาออเซาะออดอ้อนด้วย และนางก็จะชอบดึงเจ้าลูลู่มานอนกอดทุกค่ำคืนไป"เจ้า!"เซียวจ้านถึงกับเอ่ยสิ่งใดไม่ออก จู่ ๆ จางเสี่ยวมี่ก็ปีนขึ้นมานอนบนตัวของเขา แล้วมือของนางยังไม่อยู่นิ่งด้วย ทั้งลูบทั้งกอดหน้าอกของเขาเป็นพัลวัน เขาพยายามจะจับมือของนางให้ออกไป แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย เมื่อถูกเซียวจ้านขัดขวางนางก็ยิ่งกอดคอเขาแน่นขึ้น และในความฝันนั้นกำลังนั่งทานขนมกับลูลู่ จางเสี่ยวมี่จึงได้ตรงเข้ามางับที่ลำคอของเซียวจ้านอย่างแรงริมฝีปากเล็กกัดเข้าที่คอของเซียวจ้านอย่างแรงจนข

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 5 นอนละเมอ 1/2

    บทที่ 5นอนละเมอขณะที่จางเสี่ยวมี่นั่งอยู่บนหลังม้าโดยตกอยู่ในอ้อมกอดของเซียวจ้าน นางนั้นรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก แผ่นหลังเล็กเกร็งจนรู้สึกเมื่อยขบเพราะการที่นั่งไม่สบายบนหลังม้า หากนับจากชาติก่อนจนถึงชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้ ในชาติก่อนก็มุ่งแต่ทำงานโดยไม่ได้สนใจมองบุรุษใดเลย ส่วนในชาตินี้นางกับหวังหมิงผู้เป็นอดีตคู่หมั้นนั้น แม้แต่มือยังไม่เคยได้จับเลยสักครั้ง แต่ในตอนนี้เซียวจ้านผู้ที่นางเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกกำลังกักขังนางในอ้อมกอดของเขาเสียงหัวใจอันหนักแน่นมั่นคงของเซียวจ้านเต้นแรงจนแม้แต่จางเสี่ยวมี่ยังได้ยิน หญิงสาวยืดแผ่นหลังเล็กนั่งหลังตรงพยายามไม่ให้ตัวเองโดนตัวเขามากนัก แต่เหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจนักเพราะเวลานี้ร่างกายของทั้งสองมันแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเข้าด้วยกันอยู่แล้ว"อย่าเกร็ง"น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเบา ๆ ข้างใบหูเล็ก ลมหายใจกรุ่นร้อนถูกพ่น มาถูกใบหูเล็กจนจางเสี่ยวมี่รู้สึกขนลุกซู่ "ข้าไม่ได้เกร็งเจ้าค่ะ""อืม..."เซียวจ้านจับสายบังเหียนม้าข้างเดียวแล้วบังคับม้าให้ผ่อนแรงวิ่งช้าลงกว่าปกติมาก ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับเอวเล็กคอ

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 2/2

    หย่งหมิ่นที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดพวกโจรข้างนอกได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินไปตรวจสอบศพที่คาดว่าเป็นหัวหน้าโจรป่าที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่"ตายแล้วขอรับนายท่าน""พูด!!"คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม จางเสี่ยวมี่ที่เพิ่งจะได้สติจึงได้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ที่มาใหม่"ข้าถูกพวกมันจับตัวมาเจ้าค่ะ และเป็นข้าที่ใช้ปิ่นนี่สังหารมันด้วยตัวเอง สาวใช้ของข้าหลบหนีไปได้กำลังตามคนให้มาช่วยข้าเจ้าค่ะ""เอ่อ...เช่นนั้นแม่นางเป็นผู้ใดหรือขอรับ"หย่งหมิ่นเอ่ยถามแทนผู้เป็นนายที่ปากหนักเหลือเกิน ดูจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังของสตรีผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่จางเสี่ยวมี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเห็นท่าทางของหย่งหมิ่นจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นทหาร และเมื่อกวาดสายตาไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามีกลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะดั่งทหารชาญศึกที่นางเคยพบเมื่อชาติก่อน"ข้ามีนามว่าจางเสี่ยวมี่เป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง จางอี้อิน!""ฮ้า...ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยขอรับ ข้าน้อยมีนามว่าหย่งหมิ่นขอรับ"จางเสี่ยวมี่พยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองบุรุษที่ยังถือดาบจ่อที่คอของนางอย

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 1/2

    บทที่ 4บุรุษผู้ช่วยเหลือจางเสี่ยวมี่ที่เห็นว่าลูกน้องทั้งสองออกไปหมดแล้ว นางจึงได้คิดใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อลู่หนีออกไปเพื่อตามคนมาช่วย และนางจะเป็นผู้ที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ที่นี่เอง เพราะหากจะหนีออกไปพร้อมกันทั้งสองก็เกรงว่าจะถูกจับได้ขึ้นมาเสียก่อนทันทีที่ไม่มีคนมาขวางทางแล้ว ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ผลักร่างของจางเสี่ยวมี่ล้มตัวนอนกับเสื่อผืนเก่าทันที ตามด้วยร่างกายกำยำที่ทาบทับลงมาไม่ห่าง จมูกโด่งสูงซุกไซ้ดอมดมที่ลำคอระหงด้วยความหลงใหล ในจังหวะที่มันกำลังมัวเมาเพราะกลิ่นกายสาวอยู่นั้นมันกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณลำคอ"โอ๊ย!!"มันค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองก่อนจะฟุบลงแน่นิ่งไป ปิ่นทองในมือที่ถูกดึงออกมาจากมวยผมปักเข้าไปที่ลำคอหนาของมันอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระฉูดออกมาเป็นสาย ตรงตำแหน่งที่จางเสี่ยวมี่แทงไปนั้นคือเส้นเลือดใหญ่พอดี ทำให้มันแน่นิ่งไปในบัดดลไม่ทันได้ทำร้ายนางได้อีก จางเสี่ยวมี่รีบผลักร่างที่ไร้วิญญาณของมันล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างรังเกียจ ทั้งยังเอาผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้เช็ดคราบน้ำลายอันน่าขยะแขยงที่ลำคอขาวจนแดงเถือกด้วย สีหน้าของนางนั้นสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้สิ่งใดจื่อลู่

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 2/2

    "ระ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"จื่อลู่พยายามขยับข้อมือของตน แต่ยิ่งนางขยับมากเท่าใดเชือกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อบอบบางนั่น"เจ้าอย่าเพิ่งได้ร้อนใจไป ที่พวกมันจับพวกเรามาโดยยังไม่สังหารคงต้องการสิ่งใดเป็นแน่ ข้าจะลองเจรจากับพวกมันดูก่อนและถ้ามีโอกาสเจ้ารีบวิ่งหนีออกไปเลยนะจื่อลู่"นางบุ้ยหน้าไปทางบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก คาดคะเนจากสายตาคิดว่าจื่อลู่คงจะกระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างได้โดยง่าย"บ่าวจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนูเป็นอันขาดเจ้าค่ะ""ข้าให้เจ้าไปตามคนมาช่วยต่างหากเล่า เจ้าวิ่งไวกว่าข้ามากนัก และหากข้าคิดไม่ผิดพวกมันคงต้องการตัวข้ามากกว่าเจ้าที่เป็นสาวใช้เป็นแน่""คุณหนู...""นี่คือคำสั่ง! เข้าใจหรือไม่"จางเสี่ยวมี่จ้องเขม็งด้วยสายตาคมดุ นางไม่หวั่นหากจะต้องตายอีกครั้ง แต่กับจื่อลู่นั้นไม่เหมือนกัน...ราวกับพวกโจรมันรู้ว่าพวกนางฟื้นขึ้นมาแล้วจึงได้พากันเดินเข้ามาสองคน ชายผู้เป็นหัวหน้าย่างกรายเข้ามาใกล้จางเสี่ยวมี่กับจื่อลู่ที่นั่งอยู่มุมห้องโถงของวัดร้าง มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของจางเสี่

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 1/2

    บทที่ 3คนร้ายในเงามืดรถม้าของจวนตระกูลจางเคลื่อนไปยังปลายทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนหนทางก็สะดวกสบายค่ำไหนก็นอนพักที่เมืองนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งเข้าสู่วันที่สิบของการเดินทาง ในตอนที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าและขบวนรถม้ายังไม่ได้ออกจากป่าไผ่ ผู้คุ้มกันจึงเล็งเห็นว่าควรหยุดพักที่จุดหยุดพักที่นี่ก่อน หากจะเดินทางต่อในยามกลางคืนก็อันตรายนัก เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายก็เป็นได้"คุณหนูขอรับ คืนนี้เราคงต้องหยุดพักกันที่นี่ก่อนคงต้องรบกวนคุณหนูนอนในรถม้าสักหนึ่งคืนแล้วล่ะขอรับ"อาซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาเกรงว่าคุณหนูอาจจะไม่พอใจแล้วพาลบันดาลโทสะเฉกเช่นคุณหนูในห้องหอผู้อื่น"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ก่อไฟกองใหญ่ ๆ ไว้ด้วยเล่า แล้วผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้ายามในตอนกลางคืนด้วย""ขอรับคุณหนู"อาซ่งพลันรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูของเขาว่าง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก ทั้งยังรอบคอบในเรื่องเวรยามเสียด้วย เช่นนี้การเดินทางไปเมืองอู่เฉิงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเสียงของฟืนดังปะทุเป็นระยะเพราะโดนไฟกิน กองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นกลางที่พักที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เสียงนกร้องและเสียง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status