"ระ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"
จื่อลู่พยายามขยับข้อมือของตน แต่ยิ่งนางขยับมากเท่าใดเชือกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อบอบบางนั่น
"เจ้าอย่าเพิ่งได้ร้อนใจไป ที่พวกมันจับพวกเรามาโดยยังไม่สังหารคงต้องการสิ่งใดเป็นแน่ ข้าจะลองเจรจากับพวกมันดูก่อนและถ้ามีโอกาสเจ้ารีบวิ่งหนีออกไปเลยนะจื่อลู่"
นางบุ้ยหน้าไปทางบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก คาดคะเนจากสายตาคิดว่าจื่อลู่คงจะกระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างได้โดยง่าย
"บ่าวจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนูเป็นอันขาดเจ้าค่ะ"
"ข้าให้เจ้าไปตามคนมาช่วยต่างหากเล่า เจ้าวิ่งไวกว่าข้ามากนัก และหากข้าคิดไม่ผิดพวกมันคงต้องการตัวข้ามากกว่าเจ้าที่เป็นสาวใช้เป็นแน่"
"คุณหนู..."
"นี่คือคำสั่ง! เข้าใจหรือไม่"
จางเสี่ยวมี่จ้องเขม็งด้วยสายตาคมดุ นางไม่หวั่นหากจะต้องตายอีกครั้ง แต่กับจื่อลู่นั้นไม่เหมือนกัน...
ราวกับพวกโจรมันรู้ว่าพวกนางฟื้นขึ้นมาแล้วจึงได้พากันเดินเข้ามาสองคน ชายผู้เป็นหัวหน้าย่างกรายเข้ามาใกล้จางเสี่ยวมี่กับจื่อลู่ที่นั่งอยู่มุมห้องโถงของวัดร้าง มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของจางเสี่ยวมี่อย่างน่ารังเกียจ เพียงแค่สายตาของมันจางเสี่ยวมี่ก็รู้วัตถุประสงค์ของพวกมันได้ในทันที
คนพวกนี้ต้องการข่มเหงนาง!
"ฟื้นเร็วเหมือนกันนี่ ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างขอรับคุณหนูคนงาม"
น้ำเสียงยียวนเอ่ยถามสตรีผู้อ่อนแอ ฝ่ามือที่หยาบกร้านจับปลายคางของจางเสี่ยวมี่ให้เงยหน้าขึ้น ยิ่งมันได้เห็นโฉมหน้าที่งดงามของจางเสี่ยวมี่แล้ว พลันรู้สึกร้อนรุ่มอยากจะครอบครองบุปผางามดอกนี้ในทันที
"เจ้าต้องการอะไร...เรือนร่างของข้าเช่นนั้นหรือ"
"คุณหนู!" จื่อลู่ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
"ฮ่ะฮ่า พวกเจ้าดูคุณหนูคนงามนี่สิ นางหาได้หวาดกลัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังกล้าเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ได้อีก ถูกใจข้ายิ่งนัก"
"ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสิขอรับหัวหน้า สงสัยว่าคุณหนูคนงามคงจะหลงเสน่ห์ในตัวท่านหัวหน้าของเราเสียแล้ว ถึงได้ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลย"
ชายผู้เป็นหัวหน้าพลันยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ มันยกยิ้มด้วยความลำพองที่ใบหน้าอันโหดเหี้ยมนี้ถูกใจจางเสี่ยวมี่ หญิงสาวที่นั่งฟังพลันจับสังเกตได้ นางจึงแสร้งคลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานที่สุด
"พี่ชายกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าอยู่แต่ในห้องหอไม่เคยพบเจอบุรุษที่ห้าวหาญเช่นนี้มาก่อนเลย พี่ชายท่านนี้ช่างถูกใจข้ายิ่งนัก โอ๊ย!"
จางเสี่ยวมี่แสร้งร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อขยับข้อมือของตน หัวหน้าโจรที่ถูกหญิงงามเอ่ยชมพลันรู้สึกดียิ่งนัก ท่าทีที่ดุดันพลันอ่อนลงไปหลายส่วน ยิ่งเห็นว่าพวกนางทั้งสองก็แค่สตรีที่อยู่แต่ในห้องหอ คงมิอาจจะหลบหนีออกไปได้จึงได้สั่งให้คนแก้มัดให้พวกนาง ข้อมือเล็กและข้อเท้าที่ได้รับอิสระนั้นกลับปรากฏรอยแดงจนน่าหวาดหวั่น ผิวกายที่เคยขาวผ่องบังเกิดรอยแดงให้ระคายสายตา
"เหตุใดมัดแน่นเช่นนี้ ดูสิว่าผิวขาว ๆ ของนางเป็นรอยแดงหมดแล้ว"
ชายผู้เป็นหัวหน้าหันมาตวาดใส่ลูกน้องด้วยความไม่พอใจ แค่สตรีตัวเล็ก ๆ จะต้องรุนแรงไปทำไมกัน
"ขะ ขอโทษขอรับหัวหน้า พวกข้าเกรงว่านางจะหลบหนีออกไปได้"
จางเสี่ยวมี่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขันราวกับได้ยินเรื่องตลก นางค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอ่อนแรงก่อนจะซวนเซเล็กน้อย หัวหน้าโจรรีบเข้ามาประคองนางในทันที เรือนร่างนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมกรุ่นที่โชยออกมานั้น ทำให้มันรู้สึกอยากจะครอบครองนางยิ่งขึ้นไปอีก
"ข้าหรือที่จะกล้าหนีพวกท่านไป แค่แรงจะยืนข้ายังไม่มีเลย พวกท่านคิดมากเกินไปแล้ว"
"พวกเจ้านี่มันไม่ได้เรื่อง ข้าจะสนทนากับพวกนางเพียงสองคน เจ้าเอาสาวใช้ผู้นี้ไปก่อน"
แววตากรุ้มกริ่มมองร่างเล็กในอ้อมแขนตาเป็นมัน จางเสี่ยวมี่เห็นเช่นนั้นรีบเอนกายซบที่หน้าอกหนาของหัวหน้าชายชุดดำ แววตาคู่สวยช้อนสายตามองด้วยความออดอ้อนเอาใจ น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกความสนใจจากผู้เป็นหัวหน้า
"สาวใช้ของข้านางเป็นเพียงสตรีอายุน้อย ลูกน้องของพี่ชายอาจจะทำรุนแรงกับนางก็เป็นได้ มิสู้ให้พวกข้านายบ่าวปรนนิบัติพี่ชายก่อนไม่ดีหรือ"
"คุณหนู!"
จื่อลู่นั่งหน้าซีดด้วยความตกใจ แต่เมื่อนางได้สบสายตาเข้ากับสายตาดุของคุณหนูก็เข้าใจ นี่จะต้องเป็นแผนการของคุณหนูของนางเป็นแน่ คิดได้เช่นนั้นจื่อลู่จึงได้เปลี่ยนท่าทีของตนเอง นางคลานเข้ามาหาหัวหน้าโจรผู้มีใบหน้าน่าหวาดกลัวนั่นด้วยความใจกล้า
"ขะ ข้าอยากมอบสิ่งทำล้ำค่าที่สุดให้นายท่านเจ้าค่ะ คะ คนผู้นั้นหน้าตาน่าชังนัก!"
"นี่เจ้า! ยังจะกล้าปากดีเช่นนี้อีกหรือ"
ชายผู้ที่ถูกเรียกว่าหน้าตาน่าชังรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาตรงเข้ามาหมายจะเตะสาวใช้ปากดีผู้นั้นให้กระเด็น แต่ท่านหัวหน้ากลับเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน
"เจ้าคิดจะทำอะไร! หรือว่าเจ้าคิดว่านางตาบอดที่เลือกข้าเช่นนั้นหรือ ห๊ะ!!"
"ปะ เปล่านะขอรับ ข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้นเอง"
"หึ! พวกเจ้าออกไปได้แล้วค่ำคืนนี้ข้าจะใช้เวลาร่วมกันกับพวกนางทั้งสองคน"
"แต่ว่า..."
"ยังไม่ไสหัวออกไปอีก!"
"ขะ เข้าใจแล้วขอรับ"
ลูกน้องทั้งสองเดินออกมาด้วยความหัวเสีย คราแรกนึกว่าจะได้สาวใช้ผู้นั้นเป็นรางวัล แต่กลับกลายเป็นว่าสตรีที่งดงามทั้งสองต้องตกเป็นของหัวหน้าไปก่อนเสียนี่ ช่างน่าเสียดายนัก!
เซียวจ้านอดจะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เขาพยายามแกะมือของตัวเองออกแต่เหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ง่ายนัก สุดท้ายเขาจึงได้ขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับนาง กายสูงพิงกับเตียงแล้วมองดูหญิงสาวข้างกายนอนหลับอย่างเป็นสุขนางช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดนัก ทั้งที่อยู่กับคนแปลกหน้าเช่นเขานางยังกล้าหลับลงได้อีก ทั้งยังจับมือเขาเอาไปแนบกับแก้มของนางด้วย ช่างเป็นสตรีที่น่าพิลึกนัก"อื้อ...ลูลู่ อย่า อื้อ..."จางเสี่ยวมี่นอนละเมอโดยฝันถึงลูลู่ เจ้าแมวน้อยตัวสีขาวที่เคยเลี้ยงเมื่อครั้งยังเป็นลูกหว้า เจ้าลูลู่นั้นชอบให้กอดเป็นอย่างมาก ทั้งยังชอบเข้ามาออเซาะออดอ้อนด้วย และนางก็จะชอบดึงเจ้าลูลู่มานอนกอดทุกค่ำคืนไป"เจ้า!"เซียวจ้านถึงกับเอ่ยสิ่งใดไม่ออก จู่ ๆ จางเสี่ยวมี่ก็ปีนขึ้นมานอนบนตัวของเขา แล้วมือของนางยังไม่อยู่นิ่งด้วย ทั้งลูบทั้งกอดหน้าอกของเขาเป็นพัลวัน เขาพยายามจะจับมือของนางให้ออกไป แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย เมื่อถูกเซียวจ้านขัดขวางนางก็ยิ่งกอดคอเขาแน่นขึ้น และในความฝันนั้นกำลังนั่งทานขนมกับลูลู่ จางเสี่ยวมี่จึงได้ตรงเข้ามางับที่ลำคอของเซียวจ้านอย่างแรงริมฝีปากเล็กกัดเข้าที่คอของเซียวจ้านอย่างแรงจนข
บทที่ 5นอนละเมอขณะที่จางเสี่ยวมี่นั่งอยู่บนหลังม้าโดยตกอยู่ในอ้อมกอดของเซียวจ้าน นางนั้นรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก แผ่นหลังเล็กเกร็งจนรู้สึกเมื่อยขบเพราะการที่นั่งไม่สบายบนหลังม้า หากนับจากชาติก่อนจนถึงชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้ ในชาติก่อนก็มุ่งแต่ทำงานโดยไม่ได้สนใจมองบุรุษใดเลย ส่วนในชาตินี้นางกับหวังหมิงผู้เป็นอดีตคู่หมั้นนั้น แม้แต่มือยังไม่เคยได้จับเลยสักครั้ง แต่ในตอนนี้เซียวจ้านผู้ที่นางเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกกำลังกักขังนางในอ้อมกอดของเขาเสียงหัวใจอันหนักแน่นมั่นคงของเซียวจ้านเต้นแรงจนแม้แต่จางเสี่ยวมี่ยังได้ยิน หญิงสาวยืดแผ่นหลังเล็กนั่งหลังตรงพยายามไม่ให้ตัวเองโดนตัวเขามากนัก แต่เหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจนักเพราะเวลานี้ร่างกายของทั้งสองมันแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเข้าด้วยกันอยู่แล้ว"อย่าเกร็ง"น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเบา ๆ ข้างใบหูเล็ก ลมหายใจกรุ่นร้อนถูกพ่น มาถูกใบหูเล็กจนจางเสี่ยวมี่รู้สึกขนลุกซู่ "ข้าไม่ได้เกร็งเจ้าค่ะ""อืม..."เซียวจ้านจับสายบังเหียนม้าข้างเดียวแล้วบังคับม้าให้ผ่อนแรงวิ่งช้าลงกว่าปกติมาก ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับเอวเล็กคอ
หย่งหมิ่นที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดพวกโจรข้างนอกได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินไปตรวจสอบศพที่คาดว่าเป็นหัวหน้าโจรป่าที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่"ตายแล้วขอรับนายท่าน""พูด!!"คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม จางเสี่ยวมี่ที่เพิ่งจะได้สติจึงได้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ที่มาใหม่"ข้าถูกพวกมันจับตัวมาเจ้าค่ะ และเป็นข้าที่ใช้ปิ่นนี่สังหารมันด้วยตัวเอง สาวใช้ของข้าหลบหนีไปได้กำลังตามคนให้มาช่วยข้าเจ้าค่ะ""เอ่อ...เช่นนั้นแม่นางเป็นผู้ใดหรือขอรับ"หย่งหมิ่นเอ่ยถามแทนผู้เป็นนายที่ปากหนักเหลือเกิน ดูจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังของสตรีผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่จางเสี่ยวมี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเห็นท่าทางของหย่งหมิ่นจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นทหาร และเมื่อกวาดสายตาไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามีกลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะดั่งทหารชาญศึกที่นางเคยพบเมื่อชาติก่อน"ข้ามีนามว่าจางเสี่ยวมี่เป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง จางอี้อิน!""ฮ้า...ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยขอรับ ข้าน้อยมีนามว่าหย่งหมิ่นขอรับ"จางเสี่ยวมี่พยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองบุรุษที่ยังถือดาบจ่อที่คอของนางอย
บทที่ 4บุรุษผู้ช่วยเหลือจางเสี่ยวมี่ที่เห็นว่าลูกน้องทั้งสองออกไปหมดแล้ว นางจึงได้คิดใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อลู่หนีออกไปเพื่อตามคนมาช่วย และนางจะเป็นผู้ที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ที่นี่เอง เพราะหากจะหนีออกไปพร้อมกันทั้งสองก็เกรงว่าจะถูกจับได้ขึ้นมาเสียก่อนทันทีที่ไม่มีคนมาขวางทางแล้ว ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ผลักร่างของจางเสี่ยวมี่ล้มตัวนอนกับเสื่อผืนเก่าทันที ตามด้วยร่างกายกำยำที่ทาบทับลงมาไม่ห่าง จมูกโด่งสูงซุกไซ้ดอมดมที่ลำคอระหงด้วยความหลงใหล ในจังหวะที่มันกำลังมัวเมาเพราะกลิ่นกายสาวอยู่นั้นมันกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณลำคอ"โอ๊ย!!"มันค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองก่อนจะฟุบลงแน่นิ่งไป ปิ่นทองในมือที่ถูกดึงออกมาจากมวยผมปักเข้าไปที่ลำคอหนาของมันอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระฉูดออกมาเป็นสาย ตรงตำแหน่งที่จางเสี่ยวมี่แทงไปนั้นคือเส้นเลือดใหญ่พอดี ทำให้มันแน่นิ่งไปในบัดดลไม่ทันได้ทำร้ายนางได้อีก จางเสี่ยวมี่รีบผลักร่างที่ไร้วิญญาณของมันล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างรังเกียจ ทั้งยังเอาผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้เช็ดคราบน้ำลายอันน่าขยะแขยงที่ลำคอขาวจนแดงเถือกด้วย สีหน้าของนางนั้นสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้สิ่งใดจื่อลู่
"ระ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"จื่อลู่พยายามขยับข้อมือของตน แต่ยิ่งนางขยับมากเท่าใดเชือกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อบอบบางนั่น"เจ้าอย่าเพิ่งได้ร้อนใจไป ที่พวกมันจับพวกเรามาโดยยังไม่สังหารคงต้องการสิ่งใดเป็นแน่ ข้าจะลองเจรจากับพวกมันดูก่อนและถ้ามีโอกาสเจ้ารีบวิ่งหนีออกไปเลยนะจื่อลู่"นางบุ้ยหน้าไปทางบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก คาดคะเนจากสายตาคิดว่าจื่อลู่คงจะกระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างได้โดยง่าย"บ่าวจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนูเป็นอันขาดเจ้าค่ะ""ข้าให้เจ้าไปตามคนมาช่วยต่างหากเล่า เจ้าวิ่งไวกว่าข้ามากนัก และหากข้าคิดไม่ผิดพวกมันคงต้องการตัวข้ามากกว่าเจ้าที่เป็นสาวใช้เป็นแน่""คุณหนู...""นี่คือคำสั่ง! เข้าใจหรือไม่"จางเสี่ยวมี่จ้องเขม็งด้วยสายตาคมดุ นางไม่หวั่นหากจะต้องตายอีกครั้ง แต่กับจื่อลู่นั้นไม่เหมือนกัน...ราวกับพวกโจรมันรู้ว่าพวกนางฟื้นขึ้นมาแล้วจึงได้พากันเดินเข้ามาสองคน ชายผู้เป็นหัวหน้าย่างกรายเข้ามาใกล้จางเสี่ยวมี่กับจื่อลู่ที่นั่งอยู่มุมห้องโถงของวัดร้าง มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของจางเสี่
บทที่ 3คนร้ายในเงามืดรถม้าของจวนตระกูลจางเคลื่อนไปยังปลายทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนหนทางก็สะดวกสบายค่ำไหนก็นอนพักที่เมืองนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งเข้าสู่วันที่สิบของการเดินทาง ในตอนที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าและขบวนรถม้ายังไม่ได้ออกจากป่าไผ่ ผู้คุ้มกันจึงเล็งเห็นว่าควรหยุดพักที่จุดหยุดพักที่นี่ก่อน หากจะเดินทางต่อในยามกลางคืนก็อันตรายนัก เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายก็เป็นได้"คุณหนูขอรับ คืนนี้เราคงต้องหยุดพักกันที่นี่ก่อนคงต้องรบกวนคุณหนูนอนในรถม้าสักหนึ่งคืนแล้วล่ะขอรับ"อาซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาเกรงว่าคุณหนูอาจจะไม่พอใจแล้วพาลบันดาลโทสะเฉกเช่นคุณหนูในห้องหอผู้อื่น"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ก่อไฟกองใหญ่ ๆ ไว้ด้วยเล่า แล้วผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้ายามในตอนกลางคืนด้วย""ขอรับคุณหนู"อาซ่งพลันรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูของเขาว่าง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก ทั้งยังรอบคอบในเรื่องเวรยามเสียด้วย เช่นนี้การเดินทางไปเมืองอู่เฉิงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเสียงของฟืนดังปะทุเป็นระยะเพราะโดนไฟกิน กองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นกลางที่พักที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เสียงนกร้องและเสียง