แชร์

บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 1/2

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-24 20:15:20

บทที่ 4

บุรุษผู้ช่วยเหลือ

จางเสี่ยวมี่ที่เห็นว่าลูกน้องทั้งสองออกไปหมดแล้ว นางจึงได้คิดใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อลู่หนีออกไปเพื่อตามคนมาช่วย และนางจะเป็นผู้ที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ที่นี่เอง เพราะหากจะหนีออกไปพร้อมกันทั้งสองก็เกรงว่าจะถูกจับได้ขึ้นมาเสียก่อน

ทันทีที่ไม่มีคนมาขวางทางแล้ว ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ผลักร่างของจางเสี่ยวมี่ล้มตัวนอนกับเสื่อผืนเก่าทันที ตามด้วยร่างกายกำยำที่ทาบทับลงมาไม่ห่าง จมูกโด่งสูงซุกไซ้ดอมดมที่ลำคอระหงด้วยความหลงใหล ในจังหวะที่มันกำลังมัวเมาเพราะกลิ่นกายสาวอยู่นั้นมันกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณลำคอ

"โอ๊ย!!"

มันค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองก่อนจะฟุบลงแน่นิ่งไป ปิ่นทองในมือที่ถูกดึงออกมาจากมวยผมปักเข้าไปที่ลำคอหนาของมันอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระฉูดออกมาเป็นสาย ตรงตำแหน่งที่จางเสี่ยวมี่แทงไปนั้นคือเส้นเลือดใหญ่พอดี ทำให้มันแน่นิ่งไปในบัดดลไม่ทันได้ทำร้ายนางได้อีก จางเสี่ยวมี่รีบผลักร่างที่ไร้วิญญาณของมันล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างรังเกียจ ทั้งยังเอาผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้เช็ดคราบน้ำลายอันน่าขยะแขยงที่ลำคอขาวจนแดงเถือกด้วย สีหน้าของนางนั้นสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้สิ่งใด

จื่อลู่ที่ตั้งใจจะคว้าแจกันใบเก่าไปตีหัวชายผู้นั้นพลันชะงักค้างอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง นางมองดูร่างที่ไร้วิญญาณของหัวหน้าโจร แล้วมองดูคุณหนูราวกับเห็นผี

คุณหนูของนางกล้าสังหารคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

"คะ คุณหนูเจ้าคะ"

จื่อลู่ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาจางเสี่ยวมี่ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย...

"มันตายแล้ว เจ้ารีบปีนออกทางหน้าต่างนั่นแล้วรีบตามคนมาช่วยข้าเร็ว ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวว่าหัวหน้าของมันตายแล้ว"

"เราไปด้วยกันเถิดเจ้าค่ะคุณหนู"

"ไม่ได้!"

จางเสี่ยวมี่ชี้นิ้วไปที่ข้อเท้าเล็กของนางที่ตอนนี้เขียวช้ำจนน่ากลัว ที่แท้คุณหนูของนางข้อเท้าแพลงจึงมิอาจขยับตัวได้อย่างถนัดนี่เอง

"คุณหนูนี่ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ"

"อย่ามัวแต่สนใจข้า รีบไปตามคนมาช่วยข้าเร็วเข้ามองหาลำธารแล้วเดินเหนือขึ้นไป มิแน่ว่าอาจจะพบกับอาซ่งก็เป็นได้ ข้าคงถ่วงเวลาพวกมันได้สักครึ่งชั่วยามก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว ข้าไว้ใจเจ้านะจื่อลู่"

จางเสี่ยวมี่จำได้ว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมานี้พวกนางมักจะได้แวะข้างลำธารใสเสมอ และวัดร้างแห่งนี้ถ้านางจำไม่ผิดคงเป็นรังของพวกโจรป่าที่แอบซ่องสุมกำลังคนกันเป็นแน่ หากให้จื่อลู่เดินทวนขึ้นไปตามกระแสน้ำจะต้องพบกับอาซ่งอย่างแน่นอน

"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะคุณหนู"

จื่อลู่โขกศีรษะลงกับพื้นแล้วรีบปีนหนีออกไปทางหน้าต่างทันที ก่อนไปนางยังหันกลับมามองคุณหนูอีกครั้ง...

คล้อยหลังที่จื่อลู่จากไปแล้ว จางเสี่ยวมี่ก็ได้ส่งเสียงร้องครวญครางให้คนด้านนอกได้ยิน ทั้งยังแสร้งดัดเสียงเป็นหัวหน้าโจรเป็นเสียงทุ้มต่ำ และโยนข้าวของที่อยู่ภายในห้องโถงให้เกิดเสียงดังไปด้วย

"อื้อ...พี่ชาย อ่า อย่ารุนแรงกับข้านักสิ"

"อ่า...ข้าชอบยิ่งนัก"

จางเสี่ยวมี่นั่งลงพลางบีบนวดข้อเท้าที่แพลงจนเป็นสีม่วงคล้ำด้วยความเจ็บปวด เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปนางก็จะส่งเสียงขึ้นมาเป็นระยะเพื่อให้คนด้านนอกตายใจ คราแรกนางไม่ได้นึกทบทวนให้ดีก่อนจะตระหนักได้ว่าพวกโจรพวกนี้หาใช่โจรป่าทั่วไปไม่ เพราะจากคำพูดและการกระทำคล้ายกับว่าพวกมันจงใจที่จะจับตัวนางมาที่แห่งนี้เพื่อต้องการทำลายเกียรติยศและชื่อเสียงของนาง

ผู้ใดกันที่มีแผนการชั่วร้ายถึงเพียงนี้!

จางเสี่ยวมี่ค่อย ๆ กะเผลกตัวเองไปยังร่างของหัวหน้าโจรแล้วค้นตัวของมัน นางค้นไปสักพักก็พบกับเครื่องประดับทองชิ้นหนึ่งและกระดาษแผ่นเล็กที่เขียนด้วยลายมืองดงามที่คุ้นตายิ่งนัก

'จางเสี่ยวมี่'

แค่ประโยคเดียวนางก็รู้แล้วว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีต้องการทำลายชื่อเสียงของนาง แต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่หรือว่าจะเป็นคนที่หวังจะทำลายตระกูลจางของนางกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งมืดแปดด้าน...

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งได้ยินเสียงต่อสู้จากทางด้านนอก จางเสี่ยวมี่รีบลุกขึ้นยืนเพื่อสังเกตการณ์ ความหวังที่เคยมอดดับพลันสว่างไสวขึ้นมาในทันที จื่อลู่ของนางช่างฉลาดนักสามารถตามคนมาช่วยเหลือนางได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่ทันทีที่ประตูถูกถีบเข้ามาพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำขลิบเงิน จางเสี่ยวมี่พลันรู้สึกว่านางคิดผิดไป

คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก!

บุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่เดินเข้ามาพร้อมถือดาบเล่มใหญ่ในมือ คมดาบที่คมกริบสะท้อนกับแสงสว่างจากภายนอก ใบมืดที่ควรจะเป็นสีเงินแวววาวกลับอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉานของศัตรู

"พูด!"

ดาบเล่มใหญ่จ่อไปที่ลำคอระหง สายตาคมกริบดั่งนัยน์ตาเหยี่ยวจับจ้องสตรีตรงหน้าไม่วางตา พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วจนมาหยุดที่ร่างไร้วิญญาณของหัวหน้าโจร คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถามขณะที่มองไปที่ร่างนั้น

จางเสี่ยวมี่ยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิต นางไล่สายตามองบุรุษตรงหน้าที่แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้นด้วยความหวาดหวั่น แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังทำใจดีสู้เสือ ในเมื่อเขาสังหารพวกโจรป่าไปสิ้นแล้ว เขาคงจะไม่ใช่พวกเดียวกันเป็นแน่แต่ไม่รู้ว่าจะมาดีหรือร้ายเท่านั้นเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 5 นอนละเมอ 2/2

    เซียวจ้านอดจะรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เขาพยายามแกะมือของตัวเองออกแต่เหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ง่ายนัก สุดท้ายเขาจึงได้ขึ้นมานั่งบนเตียงเดียวกับนาง กายสูงพิงกับเตียงแล้วมองดูหญิงสาวข้างกายนอนหลับอย่างเป็นสุขนางช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดนัก ทั้งที่อยู่กับคนแปลกหน้าเช่นเขานางยังกล้าหลับลงได้อีก ทั้งยังจับมือเขาเอาไปแนบกับแก้มของนางด้วย ช่างเป็นสตรีที่น่าพิลึกนัก"อื้อ...ลูลู่ อย่า อื้อ..."จางเสี่ยวมี่นอนละเมอโดยฝันถึงลูลู่ เจ้าแมวน้อยตัวสีขาวที่เคยเลี้ยงเมื่อครั้งยังเป็นลูกหว้า เจ้าลูลู่นั้นชอบให้กอดเป็นอย่างมาก ทั้งยังชอบเข้ามาออเซาะออดอ้อนด้วย และนางก็จะชอบดึงเจ้าลูลู่มานอนกอดทุกค่ำคืนไป"เจ้า!"เซียวจ้านถึงกับเอ่ยสิ่งใดไม่ออก จู่ ๆ จางเสี่ยวมี่ก็ปีนขึ้นมานอนบนตัวของเขา แล้วมือของนางยังไม่อยู่นิ่งด้วย ทั้งลูบทั้งกอดหน้าอกของเขาเป็นพัลวัน เขาพยายามจะจับมือของนางให้ออกไป แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย เมื่อถูกเซียวจ้านขัดขวางนางก็ยิ่งกอดคอเขาแน่นขึ้น และในความฝันนั้นกำลังนั่งทานขนมกับลูลู่ จางเสี่ยวมี่จึงได้ตรงเข้ามางับที่ลำคอของเซียวจ้านอย่างแรงริมฝีปากเล็กกัดเข้าที่คอของเซียวจ้านอย่างแรงจนข

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 5 นอนละเมอ 1/2

    บทที่ 5นอนละเมอขณะที่จางเสี่ยวมี่นั่งอยู่บนหลังม้าโดยตกอยู่ในอ้อมกอดของเซียวจ้าน นางนั้นรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก แผ่นหลังเล็กเกร็งจนรู้สึกเมื่อยขบเพราะการที่นั่งไม่สบายบนหลังม้า หากนับจากชาติก่อนจนถึงชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้ ในชาติก่อนก็มุ่งแต่ทำงานโดยไม่ได้สนใจมองบุรุษใดเลย ส่วนในชาตินี้นางกับหวังหมิงผู้เป็นอดีตคู่หมั้นนั้น แม้แต่มือยังไม่เคยได้จับเลยสักครั้ง แต่ในตอนนี้เซียวจ้านผู้ที่นางเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกกำลังกักขังนางในอ้อมกอดของเขาเสียงหัวใจอันหนักแน่นมั่นคงของเซียวจ้านเต้นแรงจนแม้แต่จางเสี่ยวมี่ยังได้ยิน หญิงสาวยืดแผ่นหลังเล็กนั่งหลังตรงพยายามไม่ให้ตัวเองโดนตัวเขามากนัก แต่เหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจนักเพราะเวลานี้ร่างกายของทั้งสองมันแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเข้าด้วยกันอยู่แล้ว"อย่าเกร็ง"น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเบา ๆ ข้างใบหูเล็ก ลมหายใจกรุ่นร้อนถูกพ่น มาถูกใบหูเล็กจนจางเสี่ยวมี่รู้สึกขนลุกซู่ "ข้าไม่ได้เกร็งเจ้าค่ะ""อืม..."เซียวจ้านจับสายบังเหียนม้าข้างเดียวแล้วบังคับม้าให้ผ่อนแรงวิ่งช้าลงกว่าปกติมาก ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับเอวเล็กคอ

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 2/2

    หย่งหมิ่นที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดพวกโจรข้างนอกได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินไปตรวจสอบศพที่คาดว่าเป็นหัวหน้าโจรป่าที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่"ตายแล้วขอรับนายท่าน""พูด!!"คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม จางเสี่ยวมี่ที่เพิ่งจะได้สติจึงได้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ที่มาใหม่"ข้าถูกพวกมันจับตัวมาเจ้าค่ะ และเป็นข้าที่ใช้ปิ่นนี่สังหารมันด้วยตัวเอง สาวใช้ของข้าหลบหนีไปได้กำลังตามคนให้มาช่วยข้าเจ้าค่ะ""เอ่อ...เช่นนั้นแม่นางเป็นผู้ใดหรือขอรับ"หย่งหมิ่นเอ่ยถามแทนผู้เป็นนายที่ปากหนักเหลือเกิน ดูจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังของสตรีผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่จางเสี่ยวมี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเห็นท่าทางของหย่งหมิ่นจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นทหาร และเมื่อกวาดสายตาไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามีกลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะดั่งทหารชาญศึกที่นางเคยพบเมื่อชาติก่อน"ข้ามีนามว่าจางเสี่ยวมี่เป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง จางอี้อิน!""ฮ้า...ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยขอรับ ข้าน้อยมีนามว่าหย่งหมิ่นขอรับ"จางเสี่ยวมี่พยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองบุรุษที่ยังถือดาบจ่อที่คอของนางอย

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ 1/2

    บทที่ 4บุรุษผู้ช่วยเหลือจางเสี่ยวมี่ที่เห็นว่าลูกน้องทั้งสองออกไปหมดแล้ว นางจึงได้คิดใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อลู่หนีออกไปเพื่อตามคนมาช่วย และนางจะเป็นผู้ที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ที่นี่เอง เพราะหากจะหนีออกไปพร้อมกันทั้งสองก็เกรงว่าจะถูกจับได้ขึ้นมาเสียก่อนทันทีที่ไม่มีคนมาขวางทางแล้ว ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ผลักร่างของจางเสี่ยวมี่ล้มตัวนอนกับเสื่อผืนเก่าทันที ตามด้วยร่างกายกำยำที่ทาบทับลงมาไม่ห่าง จมูกโด่งสูงซุกไซ้ดอมดมที่ลำคอระหงด้วยความหลงใหล ในจังหวะที่มันกำลังมัวเมาเพราะกลิ่นกายสาวอยู่นั้นมันกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณลำคอ"โอ๊ย!!"มันค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองก่อนจะฟุบลงแน่นิ่งไป ปิ่นทองในมือที่ถูกดึงออกมาจากมวยผมปักเข้าไปที่ลำคอหนาของมันอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระฉูดออกมาเป็นสาย ตรงตำแหน่งที่จางเสี่ยวมี่แทงไปนั้นคือเส้นเลือดใหญ่พอดี ทำให้มันแน่นิ่งไปในบัดดลไม่ทันได้ทำร้ายนางได้อีก จางเสี่ยวมี่รีบผลักร่างที่ไร้วิญญาณของมันล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างรังเกียจ ทั้งยังเอาผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้เช็ดคราบน้ำลายอันน่าขยะแขยงที่ลำคอขาวจนแดงเถือกด้วย สีหน้าของนางนั้นสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้สิ่งใดจื่อลู่

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 2/2

    "ระ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"จื่อลู่พยายามขยับข้อมือของตน แต่ยิ่งนางขยับมากเท่าใดเชือกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อบอบบางนั่น"เจ้าอย่าเพิ่งได้ร้อนใจไป ที่พวกมันจับพวกเรามาโดยยังไม่สังหารคงต้องการสิ่งใดเป็นแน่ ข้าจะลองเจรจากับพวกมันดูก่อนและถ้ามีโอกาสเจ้ารีบวิ่งหนีออกไปเลยนะจื่อลู่"นางบุ้ยหน้าไปทางบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก คาดคะเนจากสายตาคิดว่าจื่อลู่คงจะกระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างได้โดยง่าย"บ่าวจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนูเป็นอันขาดเจ้าค่ะ""ข้าให้เจ้าไปตามคนมาช่วยต่างหากเล่า เจ้าวิ่งไวกว่าข้ามากนัก และหากข้าคิดไม่ผิดพวกมันคงต้องการตัวข้ามากกว่าเจ้าที่เป็นสาวใช้เป็นแน่""คุณหนู...""นี่คือคำสั่ง! เข้าใจหรือไม่"จางเสี่ยวมี่จ้องเขม็งด้วยสายตาคมดุ นางไม่หวั่นหากจะต้องตายอีกครั้ง แต่กับจื่อลู่นั้นไม่เหมือนกัน...ราวกับพวกโจรมันรู้ว่าพวกนางฟื้นขึ้นมาแล้วจึงได้พากันเดินเข้ามาสองคน ชายผู้เป็นหัวหน้าย่างกรายเข้ามาใกล้จางเสี่ยวมี่กับจื่อลู่ที่นั่งอยู่มุมห้องโถงของวัดร้าง มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของจางเสี่

  • พลิกชะตาคุณหนูใหญ่ผู้อาภัพ   บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด 1/2

    บทที่ 3คนร้ายในเงามืดรถม้าของจวนตระกูลจางเคลื่อนไปยังปลายทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนหนทางก็สะดวกสบายค่ำไหนก็นอนพักที่เมืองนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งเข้าสู่วันที่สิบของการเดินทาง ในตอนที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าและขบวนรถม้ายังไม่ได้ออกจากป่าไผ่ ผู้คุ้มกันจึงเล็งเห็นว่าควรหยุดพักที่จุดหยุดพักที่นี่ก่อน หากจะเดินทางต่อในยามกลางคืนก็อันตรายนัก เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายก็เป็นได้"คุณหนูขอรับ คืนนี้เราคงต้องหยุดพักกันที่นี่ก่อนคงต้องรบกวนคุณหนูนอนในรถม้าสักหนึ่งคืนแล้วล่ะขอรับ"อาซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาเกรงว่าคุณหนูอาจจะไม่พอใจแล้วพาลบันดาลโทสะเฉกเช่นคุณหนูในห้องหอผู้อื่น"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ก่อไฟกองใหญ่ ๆ ไว้ด้วยเล่า แล้วผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้ายามในตอนกลางคืนด้วย""ขอรับคุณหนู"อาซ่งพลันรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูของเขาว่าง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก ทั้งยังรอบคอบในเรื่องเวรยามเสียด้วย เช่นนี้การเดินทางไปเมืองอู่เฉิงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเสียงของฟืนดังปะทุเป็นระยะเพราะโดนไฟกิน กองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นกลางที่พักที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เสียงนกร้องและเสียง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status