แชร์

บทที่ 20

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
เฉียวเนี่ยนรู้จักหมิงอ๋องเป็นอย่างดี

เพราะเต๋อกุ้ยเฟยกับฮูหยินหลินเป็นเพื่อนสนิทมานาน ลูกๆ ของพวกนางจึงเคยเล่นหัวมาแต่เล็ก แต่เนื่องจากหมิงอ๋องเป็นองค์ชาย ฐานะสูงส่ง เวลาเด็กๆ เล่นด้วยกันก็จะมีความระมัดระวังบ้าง

ต่อมาทุกคนต่างเติบใหญ่ หมิงอ๋องต้องเรียนหนัก ไม่ค่อยได้กลับวังบ่อยนัก การไปหามาสู่จึงค่อยๆ ลดลง

เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่นับว่าสนิทมาก เพียงแค่เคยรู้จักเท่านั้น

ตอนเฉียวเนี่ยนไปอยู่กรมซักล้างยังเคยได้พบหมิงอ๋องครั้งหนึ่ง เพียงแต่ตอนนั้นนางสวมชุดประจำตำแหน่งนางกำนัล ตามหลังมามาคุกเข่าอยู่ที่พื้น หมิงอ๋องจึงไม่ทันสังเกตเห็นนาง

แต่ยามนี้หมิงอ๋องนั่งอยู่ด้านข้างเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมเรียบง่ายทำให้มีบุคลิกสง่างามยิ่ง

ทั้งยังมีรูปร่างสูงใหญ่ แม้นั่งอยู่ยังดูสูงกว่าเต๋อกุ้ยเฟยเกือบหนึ่งช่วงหัว

พระพักตร์ดูคล้ายกับฮ่องเต้ เครื่องหน้าดูขึงขัง มีเพียงดวงตาที่คล้ายเต๋อกุ้ยเฟย มองดูผู้ใดก็ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน บางครั้งยังแฝงความเมตตาสงสารต่อผู้นั้นอีก

และในยามนี้เมื่อเขาเห็นเฉียวเนี่ยน ความเห็นใจในดวงตาแทบเอ่อล้นออกมาเสียด้วยซ้ำ

เฉียวเนี่ยนไม่ชอบดวงตาเช่นนี้เลย เพราะ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (5)
goodnovel comment avatar
ทิมทอง​
เห้ย แอบฟิน55555
goodnovel comment avatar
Parewanit
น่าติดตาม เพลินๆดี
goodnovel comment avatar
AM : 01
ถ้าถึงขั้นนี้เเล้วท่านอ๋องสนใจน้องจริง เซียวเหิงอย่ายื่นมือมายุ่งดีกว่า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 968

    เฉียวเนี่ยนหยิบเสื้อผ้าสะอาดที่วางอยู่ข้างๆ มาสวมให้ฉู่จืออี้ แล้วจึงเอ่ย “ข้าไม่เคยกลัวพี่ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นตอนฆ่าวัวหรือตอนที่กลับมาด้วยสภาพเต็มไปด้วยเลือด ข้าก็เพียงแต่คิดว่าตกลงแล้วต้องเคยล่าเหยื่อมากี่ตัวถึงจะฟันลงอย่างเฉียบขาดเช่นนี้ ต้องฆ่าคนมากี่คนถึงจะไม่ใส่ใจว่าตนเองเปื้อนเลือดไปทั้งตัว”พูดมาถึงตรงนี้หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็บีบแน่นขึ้นมานางพยายามหายใจลึกสองครั้งจึงทำให้ตนเองพอจะเอ่ยออกมาอย่างสงบได้ “ทั้งๆ ที่... ท่านเป็นถึง่ทานอ๋องแท้ๆ”ควรจะอยู่สูงส่งเสวยสุขในลาภยศไม่ใช่ต้องเสี่ยงตายเช่นนี้ ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของเฉียวเนี่ยน หัวใจของฉู่จืออี้ก็เหมือนถูกบางสิ่งค่อยๆ ข่วนอยู่ พูดไม่ได้ว่าปวด แต่กลับอึดอัดอย่างยิ่งสงครามโหดร้าย ความตายและการบาดเจ็บย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่มีใครรับประกันได้ว่าในสงครามหนึ่งครั้งใครจะตายใครจะรอดเขาเองก็เช่นกันเมื่อเกราะถูกสวมบนกาย ดาบยาวที่คาดเอวชี้ไปยังศัตรู เขารู้ดีว่ามีอาวุธนับไม่ถ้วนเล็งมาที่เขาแล้วเช่นกันกลัวหรือไม่?ในฐานะแม่ทัพ เบื้องหลังเขามีราษฎรแคว้นจิ้งนับหมื่นนับพัน จะเอ่ยว่ากลัวได้อย่างไร?แต่ใ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 967

    เฉียวเนี่ยนรีบขานรับ “ยังเจ้าค่ะ! พี่รองรอสักครู่!”ว่าจบก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดอย่างรวดเร็ว จึงเปิดม่านกระโจมแล้วเดินออกไปก็เห็นว่าพี่รองได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของเผ่าทูเจี๋ยออกแล้ว ยืนอยู่หน้ากระโจมเฉียวเนี่ยนอดถามไม่ได้ “พี่รองมีธุระอะไรหรือ?”พี่รองขมวดคิ้ว มองไปยังกระโจมของฉู่จืออี้แวบหนึ่ง “พี่ใหญ่บาดเจ็บ ข้า...”“ข้าไปดูเอง!”เฉียวเนี่ยนตกใจ ยังไม่รอให้พี่รองพูดจบก็รีบเดินไปยังกระโจมของฉู่จืออี้ทหารองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้ากระโจมเห็นว่าเป็นเฉียวเนี่ยนก็ไม่ห้ามปรามเฉียวเนี่ยนเปิดม่านกระโจมแล้วเข้าไป “พี่ใหญ่ ท่านบาดเจ็บตรงไหน... กัน”คำพูดยังไม่ทันจบ นางก็หน้าแดงจัดแล้วฉู่จืออี้รีบสวมกางเกงด้วยความลนลานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เจ้า ข้า ข้าไม่เป็นไร เป็นเพียงบาดแผลภายนอกเล็กน้อย”สายตาของเฉียวเนี่ยนจึงตกลงบนร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของฉู่จืออี้เห็นว่าที่แผ่นหลังและแขนของเขามีรอยบาดแผลอยู่หลายแห่งแต่ตามที่ฉู่จืออี้ว่า ก็ไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงอะไรเพียงให้แพทย์ทหารมาทายาและพันแผลก็พอแล้วพี่รองต้องมาเรียกนางด้วยตัวเองทำไมกัน?เฉียวเนี่ยนก็เข้าใจขึ้นมาทันที ว่าตนถูกพี่รองแกล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 966

    ไฟลุกโชนปกคลุมทั่วทั้งค่ายทหารของกลุ่มชนเตอร์กิกเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่บนหลังม้าพันธุ์ดี มองฉู่จืออี้ที่ก้าวออกมาจากแสงของกองเพลิง ใจนางก็เต้นระส่ำไม่อาจควบคุมได้ จึงรีบเบือนสายตาออกไปฉู่จืออี้เต็มไปด้วยเลือด ในมือยังถือดาบฟันที่หยดเลือดร่วงลงมากระทั่งเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเฉียวเนี่ยน เขาจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าตอนนี้ตนดูน่ากลัวเพียงใด จึงได้โยนดาบใหญ่ในมือลงไปด้านข้างพี่ห้าจูงม้ามาตัวหนึ่ง ไม่สนใจความสกปรกบนร่างเขา ก็โผเข้ากอดทันที "ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่ใหญ่จะไม่ตาย!"สายตาของฉู่จืออี้จึงละออกจากเฉียวเนี่ยน ตบไหล่พี่ห้าเบาๆ ปลอบใจเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นม้า นำกองทัพแคว้นจิ้งกลับเมืองชายแดนอาจเพราะชัยชนะ หรือเพราะเห็นฉู่จืออี้ "ฟื้นจากความตาย" พี่ห้าจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษในคืนนี้ พูดพร่ำไม่หยุดเห็นเขาขี่ตามหลังฉู่จืออี้ พูดถึงเจ้าเก้าว่าแกล้งตบตาพวกเขาอย่างไร พี่สามกับพี่เจ็ดก็ถูกหลอกจนร้องไห้คร่ำครวญอย่างไรพูดไปพูดมาเหมือนเพิ่งนึกถึงเฉียวเนี่ยนจึงขี่ม้าเข้ามาข้างเฉียวเนี่ยน เอ่ยว่า "หลินเย่ว์ก็อยากมาด้วย แต่ข้ากลัวว่าเขาจะหุนหันจนเสียการ จึงสั่งให้เขาเฝ้าเมืองไว้"ดีที่แม้หล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 965

    คงเพราะสังเกตเห็นสีหน้าของฉู่จืออี้แปลกไปเล็กน้อย เผ่าทูเจี๋ยผู้นั้นจึงหรี่ตามองฉู่จืออี้ “เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?”ฉู่จืออี้ส่ายหน้าช้าๆ เพียงกล่าวว่า “คงดื่มมากไปหน่อย”ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกตบไหล่ของฉู่จืออี้ “เพิ่งดื่มไปเท่าไหร่เอง? ชายกลุ่มชนเตอร์กิกของเรา ต้องทั้งแข็งแรง ทั้งคอแข็ง มา ดื่มต่อ!”ฉู่จืออี้มองท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกแล้วหยิบไหเหล้าที่เจ้าแปดส่งมาเมื่อครู่ขึ้นมา ริมฝีปากยกยิ้มเย็นชาเล็กน้อย แล้วจึงว่า “ดี ดื่ม!”ชายเผ่าทูเจี๋ยผู้นั้นก็ยกจอกเหล้าขึ้นด้วย ทว่าใครจะรู้ว่าเพียงเงยศีรษะขึ้น มีดสั้นในมือของฉู่จืออี้ก็ได้กรีดลำคอของเขาไปแล้วการเคลื่อนไหวรวดเร็วจนผู้คนรอบข้างยังไม่ทันได้ตั้งตัวจนกระทั่งเผ่าทูเจี๋ยผู้นั้นทิ้งจอกเหล้าในมือ ใช้มือกุมลำคอตนเอง มองฉู่จืออี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง ผู้คนรอบข้างจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นชั่วพริบตา ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกก็ลุกขึ้นด้วยความเดือดดาล ตะโกนใส่ฉู่จืออี้ด้วยความโกรธ “เจ้าคิดจะทำอะไร!”แต่ยังไม่ทันที่เสียงจะสิ้นลง ความมึนงงอย่างรุนแรงก็ถาโถมเข้าใส่ ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกรวมถึง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 964

    มีบางคนก้าวเข้ามา โอบไหล่ฉู่จืออี้ไว้ ยกมือของฉู่จืออี้ขึ้นสูง โห่ร้องล้อมรอบเขาเสมือนเป็นวีรบุรุษมีบางคนนำวัวที่ล้มลงกับพื้นไปเตรียมสำหรับงานเลี้ยงส่วนเฉียวเนี่ยนถูกพาไปยังเบื้องหน้าท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก"เป็นอย่างไร? นักรบของกลุ่มชนเตอร์กิกเรายอดเยี่ยมไร้เทียมทานใช่หรือไม่?"ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกนับว่าถือว่าฉู่จืออี้เป็นคนของเผ่าทูเจี๋ยโดยแท้ ขณะนี้กำลังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวฉู่จืออี้เฉียวเนี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย คิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ หัวใจยังเต้นรัวไม่หยุด พักหนึ่งจึงกล่าวว่า "นักรบผู้นี้ แข็งแกร่งยิ่งนัก""นักรบมาแล้ว!"มีคนร้องขึ้นอย่างยินดี เห็นกลุ่มคนพาฉู่จืออี้มายังเบื้องหน้าท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกในตอนนี้ร่างและใบหน้าของฉู่จืออี้ยังเปื้อนเลือดวัวอยู่ ทว่าพวกคนเผ่าทูเจี๋ยดูจะชินกับความนองเลือดเช่นนี้ มิเห็นว่าเป็นสิ่งสกปรกหรือชวนคลื่นไส้แต่อย่างใดท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกยกจอกสุราขึ้น ส่งให้ฉู่จืออี้ "เจ้าคือนักรบของกลุ่มชนเตอร์กิกเรา ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า! ดื่ม!"ฉู่จืออี้รับสุราไป ดื่มรวดเดียวจนหมดเขาพยายามควบคุมตนเองอย่างที่สุด ตลอดเวลามิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 963

    ชายฉกรรจ์สามคนที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปก็ถูกรุมพยุงกลับเข้าฝูงคนอย่างรวดเร็วส่วนเจ้าวัวที่บันดาลโทสะแล้วก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เสียสติไปทั้งหมดเสียทีเดียวมันยังคงหวาดกลัวฝูงชนดังนั้นหลังจากวิ่งวนอยู่รอบหนึ่ง มันก็พุ่งตรงไปยังฉู่จืออี้เสียงกลองยิ่งเร่งเร้าเสียงกระดิ่งกระดูกในยามนี้ราวกับเป็นตัวเร่งเร้าการสังหารเขาสองขนาดใหญ่โค้งมนของวัวสะท้อนแสงไฟดั่งคมมีดสองเล่ม พุ่งตรงเข้าหาร่างกายเปลือยเปล่าของฉู่จืออี้เสียงโห่ร้องโดยรอบด้วยความตื่นเต้นดังระงมขณะที่ปลายเขาวัวกำลังจะเสียบเข้าสะโพกของฉู่จืออี้ ฉู่จืออี้ก็ยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง คว้าปลายเขาวัวไว้แน่นเขากำลังต่อสู้กับเจ้าวัวด้วยแรงแขนผู้คนรอบด้านต่างพากันสูดลมหายใจอย่างหวาดเสียวในกลุ่มชนเตอร์กิก แรงกายคือสัญลักษณ์ของความสามารถ แต่คนกับสัตว์ก็ยังมีความแตกต่างกันผู้ที่สามารถต่อสู้กับวัวด้วยมือเปล่าได้ ในกลุ่มชนเตอร์กิกนับว่าเป็นนักรบ!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นวัวที่กำลังคลุ้มคลั่งในยามนี้ กล้ามเนื้อทั่วร่างของฉู่จืออี้ล้วนเกร็งแน่น ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงพละกำลังของเขาแม้แต่ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกที่อยู่ไม่ไกลยังเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status