Share

บทที่ 637

Author: โม่เสียวชี่
แต่แล้วในขณะนั้นเอง ร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่นอกเรือนอย่างกะทันหัน

ฉู่จืออี้มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฉงนเล็กน้อย

ดวงตาคมกริบกวาดผ่านใบหน้าแม่เซียว ไล่ไปยังผู้คนในเรือน ก่อนจะมาหยุดที่เฉียวเนี่ยน “กลับไหม?”

เพียงสองคำสั้น ๆ ไร้ซึ่งคำพูดใดเพิ่มเติม

แต่หัวใจของเฉียวเนี่ยน กลับสงบนิ่งลงอย่างประหลาดตั้งแต่วินาทีที่เห็นฉู่จืออี้

แม้เสียงร้องไห้ของแม่เซียวจะยังคงดังก้องอยู่ข้างหู นางก็สามารถตอบได้อย่างมั่นใจไม่ลังเลแม้แต่น้อย “กลับ!”

เมื่อพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ก้าวเท้าจะเดินไปทางฉู่จืออี้ทันที

แต่ไม่คาดคิดเลยว่าแม่เซียวจะร้องตะโกนขึ้นมาอีก “เนี่ยนเนี่ยน! เจ้า… เจ้าจะใจจืดใจดำไม่ใส่ใจเหิงเอ๋อร์ไม่ได้นะ! ตอนนี้เขาต้องการเจ้า เจ้าถือเสียว่าข้าขอร้องเถอะ ได้หรือไม่? เจ้าช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาสักหน่อย… ได้หรือไม่?”

เซียวเหอขมวดคิ้ว เขาพยายามเต็มที่แล้วที่จะประคองแม่เซียวเอาไว้

เขาไม่อยากเห็นเนี่ยนเนี่ยนต้องลำบากใจ และไม่อยากเห็นแม่เซียวของตนเองตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้

แต่ยามนี้ นอกจากกอดแม่เซียวไว้ไม่ให้พุ่งตัวเข้าหาเนี่ยนเนี่ยนเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย…

เขาเกลียดนัก ที่ตน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 644

    แสงสนธยาอ่อนจาง เส้นขอบของเมืองหลวงถูกแสงสุดท้ายของวันแต่งแต้มอย่างลางเลือนฉู่จืออี้ไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะรอเขาอยู่หน้าวังหลวงตลอด หลังขึ้นรถม้าแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เหตุใดถึงไม่กลับไปก่อน?”จวนอ๋องผิงหยางอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงนัก เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วเฉียวเนี่ยนกลับยิ้มให้ฉู่จืออี้ “พี่ไป๋เป็นห่วงข้า ข้าย่อมต้องห่วงพี่ไป๋เช่นกัน”นางมองออกถึงแววจำยอมในสายตาของฮ่องเต้ในวันนี้ นางรู้ว่าฉู่จืออี้เข้าเฝ้าเพราะนางดังนั้นนางจึงสมควรรอเขาอยู่หน้าวัง!รถม้าเคลื่อนไปอย่างช้าๆ มุ่งสู่จวนอ๋องผิงหยางฉู่จืออี้มองเฉียวเนี่ยนอยู่ก่อน แล้ว จู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ข้าอาจต้องนำทัพออกศึก”เมื่อได้ยินดังนั้นเฉียวเนี่ยนก็สะดุ้ง “นำทัพ? ชายแดนเกิดศึกแล้วหรือ?”ฉู่จืออี้ตอบรับเบา ๆ “กลุ่มชนเตอร์กิกของเผ่าทูเจี๋ยล้ำแดนอยู่บ่อยครั้ง เสด็จพี่จึงอยากให้บทเรียนพวกมัน”เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าลงโดยไม่กล่าวอะไรการนำทัพออกศึกก็เพื่อปกป้องบ้านเมือง ดังนั้นนางจึงไม่รู้จะพูดอะไรดีในเวลานี้แต่นางก็อดห่วงไม่ได้จริง ๆดาบหอกไร้ตา เมื่อขึ้นสู่สนามรบแล้ว ย่อมมีโอกาสบาดเจ็บ หรืออาจเสียชี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 643

    ฉู่จืออี้จึงหันไปมองฮ่องเต้ น้ำเสียงหนักแน่น “เสด็จพี่ทรงอยากให้ข้านำทัพหรือ?”แม้จะเป็นคำถาม แต่ในน้ำเสียงไม่มีแม้แต่ความสงสัยฮ่องเต้ยังนึกว่า ฉู่จืออี้คงรู้สึกลำบากใจท้ายที่สุด ความวุ่นวายของกษัตริย์ทั้งห้าเคยฝากบาดแผลในใจฉู่จืออี้ไว้ ฮ่องเต้คิดว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ ฉู่จืออี้อาจไม่อยากจับอาวุธออกรบอีกเลยฮ่องเต้จึงถอนพระปัสสาสะเบา ๆ “เดิมทีศึกครั้งนี้ ควรจะเป็นเซียวเหิงที่ออกไปจัดการ แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าสภาพของเซียวเหิงตอนนี้ อย่าว่าแต่ออกรบ แม้แต่จะลุกจากเตียงยังลำบาก”ส่วนเซียวเหอ นอนเป็นคนพิการมากว่าห้าปี เพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่นาน เขาจะใจดำส่งคนเช่นนั้นกลับสู่สนามรบได้อย่างไร?ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บอีกขึ้นมาจะทำอย่างไร?ในราชสำนักก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีขุนศึกคนอื่นเลยแต่มีสักคนหรือไม่ ที่พอออกศึกแล้วพวกชาวเตอร์กิกของเผ่าทูเจี๋ยได้ยินก็หนาวสะท้าน? ที่จะสามารถปราบพวกเผ่าทูเจี๋ยจนยอมศิโรราบ?คิดไปคิดมา ก็มีเพียงฉู่จืออี้เท่านั้นที่เหมาะสมที่สุดฉู่จืออี้ย่อมเข้าใจดี แต่กลับกล่าวว่า “ความหมายของกระหม่อมคือ เสด็จพี่กล้าให้กระหม่อมกุมอำนาจทัพหรือ?”ในปีนั้น ความวุ่นวายของกษัตริย์ทั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 642

    เฉียวเนี่ยนเข้าใจความหมายของฮ่องเต้ดีสิ่งที่พระองค์ต้องการจะสื่อก็คือ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน อนาคตจะเกิดอะไร ไม่มีใครล่วงรู้ได้แต่นั่นคือเรื่องของอนาคต ส่วนตอนนี้ นางยังไม่ต้องการเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนกลับเข้าสู่ความเงียบ อีกครั้งฮ่องเต้ก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย กำลังจะรับสั่งให้ปล่อยนางกลับ แต่แล้วจู่ ๆ ขันทีคนหนึ่งก็เร่งเข้ามาจากนอกห้องทรงอักษร ทำความเคารพแล้วกล่าวเสียงดัง “ขอพระราชทานกราบทูลฝ่าบาท อ๋องผิงหยางขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็พลันแสดงแววทรงจนปัญญาออกมาเล็กน้อยครั้งก่อน ฉู่จืออี้กล่าวชัดเจนแล้วว่าเขาจะปกป้องเฉียวเนี่ยน คราวนี้จึงเลือกช่วงเวลาที่ฉู่จืออี้ไม่อยู่ให้คนพานางเข้าวังแต่ไม่คิดว่า… เจ้าหมอนั่นจะรู้ข่าวรวดเร็วถึงเพียงนี้!ฮ่องเต้จึงโบกพระหัตถ์ “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ! ให้อ๋องผิงหยางเข้ามาเข้าเฝ้าเรา”"พ่ะย่ะค่ะ"เฉียวเนี่ยนทำความเคารพแล้วถอยออกไปแต่ก่อนจะพ้นประตูห้องทรงอักษร นางก็แหงนหน้าขึ้นมองฮ่องเต้อีกครั้งเห็นอีกฝ่ายดูไม่ได้กริ้วมากนัก นางจึงค่อยเบาใจลงฉู่จืออี้ยืนรออยู่หน้าห้องทรงอักษร เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมาก็กวาดตามองนางอย่างละ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 641

    หากเป็นปัญหาของนาง นางจะรับมืออย่างไรก็ย่อมได้ในกรณีเลวร้ายที่สุด ก็แค่ทำตามที่เคยคิดไว้ นั่นคือการสละชีพเพื่อแสดงจุดยืนแต่ครั้งนี้ ที่ฮ่องเต้ทรงเรียกนางมา เห็นชัดว่ามิใช่เพราะเรื่องสมรส หากแต่เป็นเพราะเรื่องท่านหมอ!เช่นนั้นนางจะปล่อยให้ท่านหมอต้องถูกลากมาเกี่ยวพันด้วยไม่ได้เด็ดขาด!ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น ฮ่องเต้ก็ทรงเอ่ยขึ้น “เราก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่า บนโลกนี้ยังมีคนเก่งถึงเพียงนี้ จนแม้แต่ฮ่องเต้อย่างเราก็ยังไม่อาจได้พบหน้า”เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ทรงเริ่มกริ้วแล้วเฉียวเนี่ยนรีบคุกเข่าก้มกราบลงกับพื้น “ขอฝ่าบาททรงคลายพิโรธ หมอเทวดานั้นไม่ประสงค์ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก จึงต้องปิดบังตัวตน ครั้งนั้น หม่อนฉันเคยสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่เปิดเผยร่องรอยของเขา เขาถึงยอมถ่ายทอดวิธีรักษาโรคขาให้ หากเขารู้ว่าหม่อมฉันได้เอ่ยถึงเรื่องของเขาต่อหน้าฝ่าบาท เกรงว่าเขาอาจจะจากไปโดยไม่หวนคืน ยิ่งหากถึงคราวคับขัน เขาอาจจะลุกขึ้นต่อต้านด้วยชีวิตเพคะ”อันที่จริงเฉียวเนี่ยนเข้าใจพระทัยของฮ่องเต้ดีพระองค์สนใจท่านหมอก็เพราะวิชาแพทย์อันสามารถชุบชีวิตฟื้นคืนกระดูกและเลือดเนื้อของเขานั่นเองคราวนี้นางจงใจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 640

    เฉียวเนี่ยนเดินตามหลังขันทีผู้นำทาง มุ่งหน้าไปยังห้องทรงอักษรอย่างเงียบเชียบนางมองดูขันทีผู้นั้นที่ไม่พูดจาสักคำ ความปั่นป่วนในใจของนางก็ยิ่งทวีความรุนแรงนางไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงมีเหตุอันใด จึงได้มีพระราชดำริเรียกตัวนางเข้าเฝ้าอย่างกะทันหันแต่นางกลับนึกถึงสิ่งที่ฉู่จืออี้เคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้เขาเคยพูดว่าฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์จะจับคู่ให้นางกับเซียวเหิงและครั้งนี้… เซียวเหิงบาดเจ็บสาหัส แถมยังพร่ำเพ้อเรียกแต่นางตลอดเวลาหรือฮ่องเต้จะทรงใจอ่อน แล้วมีพระราชดำริให้นางแต่งกับเซียวเหิง?ตลอดทาง เฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความกระวนกระวายนางคิดว่า ถ้าหากฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสจริง ๆ นางควรจะทำอย่างไรดี?ฆ่าตัวตายเพื่อแสดงจุดยืนงั้นหรือ?เมื่อเดินทางถึงหน้าห้องทรงอักษร หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็เต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ได้ยินเสียงขันทีด้านในขานเรียกเข้าเฝ้า นางจึงสูดลมหายใจลึกสองครั้ง บังคับตนเองให้สงบลง จากนั้นก็ก้มหน้าต่ำ เดินเข้าห้องทรงอักษรอย่างสง่างาม“หม่อมฉันเฉียวเนี่ยน ขอถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”นางถวายพระพรด้วยท่วงท่าที่เรียบร้อยงดงาม ภายนอกดูสงบนิ่ง ไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อยแต่เมื่อเส

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 639

    ฉู่จืออี้เห็นได้ชัดว่า คิ้วเรียวงามของเฉียวเนี่ยนขมวดมุ่นเล็กน้อยเขาเลยพลอยขมวดคิ้วตาม ก่อนจะยื่นมืออีกข้างออกไป บังแสงแดดที่ส่องเข้ามาแล้วก็เห็นว่า ระหว่างคิ้วของเฉียวเนี่ยนค่อย ๆ คลายออกฉู่จืออี้จึงคลายคิ้วตาม แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกตัวว่าเขากำลังยิ้มอยู่เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น เป็นธรรมชาติเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจอย่างแท้จริง ไม่ถูกความมืดมิดใด ๆ ฉุดรั้งทั้งที่จริง เขาติดอยู่ในฝันร้ายนั้นมานานถึงแปดปีจะเป็นไปได้ยังไง?ฉู่จืออี้ยังคงยื่นมือข้างหนึ่งรองรับศีรษะเฉียวเนี่ยน อีกข้างกันแสงแดดให้ แล้วก็ค่อย ๆ เดินทางกลับถึงจวนอ๋องผิงหยางรถม้าจอดลง สารถีไม่รู้ว่าในรถม้ามีเฉียวเนี่ยนที่กำลังหลับสนิทอยู่ จึงรตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านอ๋อง ถึงแล้วขอรับ!”เฉียวเนี่ยนสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาก็เห็นฉู่จืออี้อยู่ในท่าแปลกประหลาดอยู่ตรงหน้านางชะงัก แล้วเพิ่งรู้ตัวว่าศีรษะของตนเองกำลังหนุนอยู่บนมือของฉู่จืออี้นางรีบเด้งตัวนั่งตรง พลางยกมือขึ้นมาเช็ดมุมปากอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวท่าทีตกใจลนลานของนาง ไม่อาจรอดพ้นสายตาของฉู่จืออี้เขาหัวเราะอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงนิ่งเรียบ แค่ชักมือกลับ แล้วกล่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status