Se connecterกัวลี่ลี่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจนรอบตัวกลับมาเป็นปกติ นางยิ้มให้แม่ค้าขนมน้ำตาลอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หูจวี๋กล่าว นางรู้ดีว่าสถานการณ์นี้ไม่ปกติอยู่แล้ว แต่การที่เขาเลือกวิธีนี้ ก็ทำให้รู้สึกขบขันไม่น้อย ดูเหมือนรองแม่ทัพจะเป็นคนระมัดระวังมาก กลัวความเคลื่อนไหวของตนเองจะทำให้เกิดเรื่อง ถึงได้ต้องทำลับๆ ล่อๆ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้
ร้านบะหมี่เหมียนเหมียนเป็นร้านเล็กๆ ข้างทางที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าตลาด แต่บรรยากาศเป็นกันเองและดูอบอุ่น ร้านนี้มีโต๊ะไม้เก่าๆ สี่ห้าตัวตั้งอยู่ริมถนน และมีกลิ่นหอมของน้ำซุปกระดูกที่เคี่ยวจนได้ที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ แรงงาน หรือพ่อค้าที่แวะพักระหว่างวัน
หูจวี๋อยู่ที่โต๊ะริมสุด เขานั่งหันหลังให้กับถนนที่จอแจ ใบหน้าส่วนใหญ่ถูกบดบังด้วยความวุ่นวายของลูกค้าคนอื่น เมื่อกัวลี่ลี่เดินมาถึง นางเห็นบะหมี่ไก่ฉีกชามโปรดของตัวเองถูกยกมาวางไว้ล่วงหน้าแล้วหนึ่งชาม โดยมีอีกชามรอพร้อมอยู่สำหรับเขา
“พี่จวี๋...” กัวลี่ลี่เดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบเ
กัวรั่วชิงหรี่ตามองเขาอย่างระแวดระวัง “นี่ท่านจะกล่าวหาข้าหรือ”“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ข้าไม่ได้กล่าวหาเจ้าสักหน่อย” ซุนจิ่งอี้ยกมือขี้นห้าม “ข้าบอกแล้วว่าเรื่องเหล่านี้แค่ดึงดูดความสนใจเท่านั้นเอง”“ก็แค่ข่าวลือกับการคาดเดา ท่านอย่าเอามาใส่ใจเลย มิเช่นนั้นเราจะขุ่นเคืองกันเปล่าๆ”“ตอนแรก ข้าก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ว่า... คู่ดูตัวก่อนหน้านี้ของเจ้าก็มีเหตุปัจจุบันทันด่วน คนแรกถูกแม่ทัพเรียกตัวกลับชายแดน อีกคนก็ถูกเปิดโปงความลับจนไม่มีน่าแต่งกับสตรีอีก” ซุนจิ่งอี้หยุดแล้วจ้องมองนางอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องเหล่านี้มันวุ่นวายและต่อเนื่อง และผู้เกี่ยวข้องหลักๆ ก็มีแค่ไม่กี่คน จนข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็น ‘ฉากละคร’ ของเจ้ากับคนที่เจ้ามีใจคนนั้น หรือก็คือหวงเชียนเล่อสินะ เพราะมีเขาคนเดียวที่มีข่าวลือกับเจ้า แต่มันดันหายเข้ากลีบเมฆไป”“จริงอยู่ ก่อนข้าจะหย่ากับโจวจื่อหมิงเคยนัดพบกับท่านแม่ทัพจริง แต่นั่นเป็นเรื่องการค้า เรื่องนี้ใครๆ ที่อยู่ที่นั่นต่า
รุ่งเช้ามาถึงอย่างรวดเร็ว กัวรั่วชิงกับซุนจิ่งอี้ขึ้นรถม้าคันใหญ่ เพื่อเดินทางกลับเมืองหลวง บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างผ่อนคลาย ต่างจากความตึงเครียดที่ถูกทิ้งไว้ในค่ำคืนก่อน กัวลี่ลี่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างสารถีอย่างเงียบเชียบ เธอลอบสังเกตสีหน้าของคุณหนูและรองเสนาบดีอย่างระมัดระวังตั้งแต่ขึ้นรถม้า แม้จะสงสัยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ มีแต่ต้องปล่อยให้คุณหนูของตนได้ตัดสินใจเองกัวรั่วชิงทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถม้าที่กำลังแล่นผ่านทิวทัศน์ยามเช้าอันสวยงามของเขาฉงซาน นางรวบรวมความกล้า และจัดระเบียบความคิดทั้งหมดก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับบุรุษที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม“ท่านรองเสนาบดีซุน” กัวรั่วชิงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่หนักแน่น “ข้าขออภัยที่ต้องพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา แต่ข้าเกรงว่าเราคงไม่มีวาสนาต่อกัน”ซุนจิ่งอี้ยกยิ้มเล็กน้อยอย่างเข้าใจ พร้อมกับปิดพัดในมือลงอย่างช้าๆ “ข้าทำอะไรให้คุณหนูกัวไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”“มิได้” กัวรั่วชิงรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้บุรุ
ซุนจิ่งอี้ก้าวไปนั่งลงที่เก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ แล้วกล่าวต่อคล้ายไม่ได้ยินสิ่งที่หวงเชียนเล่อถามก่อนหน้า“จะให้ข้าเดาไหม ว่าเจ้าจะใช้กลวิธีใดในการกำจัดข้าออกไปจากเส้นทางของเจ้า?” ซุนจิ่งอี้ถามด้วยน้ำเสียงที่รื่นหูราวกับกำลังชวนสนทนาเรื่องธรรมดา“ซุนจิ่งอี้ ข้าอุตส่าห์เห็นว่าเจ้าไม่ใช่คนเลวร้าย จึงหมายจะมาเตือนตามตรงแบบลูกผู้ชาย แต่เจ้ากลับยียวนไม่เลิกรา” หวงเชียนเล่อกล่าวเสียงเย็น“ก็เรื่องของเจ้ามันน่าสนใจดีนี่ ข้าอุตส่าห์รอชมเลยนะว่าเจ้าจะเล่นกับข้าแบบไหน” ซุนจิ่งอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างยียวน “เจ้าจะไล่ข้าไปเฝ้าค่ายที่ชายแดน หรือจะหานักแสดงงิ้วมารับบทโศก เพื่อทำให้ข้าเสียชื่อเสียงจนต้องหนีออกจากเมืองหลวงไปดีเล่า”หวงเชียนเล่อถึงกับนิ่งอึ้งทันที เพราะคำถามนั้นแทงเข้ากลางใจเขาอย่างจังแต่เพียงชั่วพริบตา เขาก็สามารถดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว“เจ้าสืบเรื่องของข้าหรือ” หวงเชียนเล่อจ้องเขาเขม็งซุนจิ่งอี้กลับดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับสายตานั้น “เจ้าคิดว
หวงเชียนเล่อหันหลังเดินออกจากสวนหินอย่างเงียบเชียบ เขากลับไปยังเรือนรับรองฝั่งบุรุษที่ตนเองได้จัดการเข้าพักไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยการใช้เทียบเชิญพิเศษในฐานะแม่ทัพฉีหลิง ซึ่งย่อมได้รับความสะดวกในการเข้าพักแม้จะแจ้งทางอารามอย่างกะทันหันก็ตามผู้ติดตามของหวงเชียนเล่อที่นั่งรออยู่ในห้องถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะของผู้บังคับบัญชา “ท่านแม่ทัพ ท่านจะออกไปไหนอีกหรือ” ผู้ติดตามถามอย่างระมัดระวัง ทำท่าจะลุกตามไป“ไม่ต้องตามมา” หวงเชียนเล่อออกคำสั่งเสียงเข้ม “ข้าไปจัดการเรื่องส่วนตัวที่ต้องจบลงในคืนนี้” พูดจบเขาก็ก้าวอาดๆ ออกไปอีกครั้งยามวิกาล อารามเขาฉงซานเงียบสงบยิ่งกว่าที่ใด มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้และแสงสลัวจากโคมไฟกระดาษที่ยังคงส่องทางตามทางเดินหวงเชียนเล่อรู้ดีว่าเรือนพักของซุนจิ่งอี้อยู่ส่วนไหนของอาราม เพราะเขาได้สอบถามอย่างละเอียดตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้ว แม่ทัพหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้เสียงราวกับพยัคฆ์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายเขาไม่ได้สนใจที่จะแอบดู หรือเข้าไปขอพบอีกฝ่ายตามมา
เรือนพักรับรองสำหรับสตรีเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เป็นเรือนไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่ห่างกันพอประมาณ แต่ละหลังมีพุ่มไม้และไม้ประดับโอบล้อมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว เรือนเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้สามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบายราวสี่ถึงห้าคน บรรยากาศโดยรอบล้วนชวนให้รู้สึกสงบเย็นกัวรั่วชิงเหลือบมองเห็นว่า ห้องพักหลายแห่งมีผู้มาแสวงบุญจับจองอยู่แล้ว แม้จะเห็นสาวใช้ หรือคนเดินเข้าออกอยู่บ้าง แต่ทุกเรือนล้วนเงียบสงบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้มาเยือนล้วนแต่สำรวมกายวาจาตามหลักของอารามหลังจากการพักผ่อนในเรือนชิงเหอได้ไม่นาน กัวรั่วชิงและกัวลี่ลี่ก็ออกมายังบริเวณพระอุโบสถหลักตามนัดหมาย ซุนจิ่งอี้ยืนรออยู่ก่อนแล้วในท่าทางที่สงบและสำรวมทั้งสองเข้าไปไหว้พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ในโถงพระอุโบสถ จากนั้นจึงเดินไปยังส่วนรับบริจาค เพื่อบริจาคทานเป็นจำนวนเงินที่พอเหมาะสำหรับการทำบุญใหญ่ของอาราม“ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนทำวัตรเย็น” ซุนจิ่งอี้กล่าว “ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นที่สวนไผ่ของที่นี่ก่อนสักครู่ แล้วค่อยกลับมาทำวัตรเย็น”&ldqu
หลายวันต่อมา ในเช้าที่อากาศเย็นเยียบ ซุนจิ่งอี้ได้เดินทางมาถึงจวนชิงผิงโหวอย่างตรงเวลา เขาอยู่ในชุดลำลองผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่ดูสุภาพและสง่างาม รถม้าของเขาจอดรออยู่หน้าประตูใหญ่ ซึ่งมีนายประตูต้อนรับและให้คนเข้าไปแจ้งข่าวไม่นานนักกัวรั่วชิงก็เดินออกมาจากโถงต้อนรับพร้อมกับ กัวไห่เจินและเฉินเหยียนเฟยที่ตั้งใจมาส่งนางถึงรถม้าซุนจิ่งอี้ซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว รีบโค้งคำนับต่อชิงผิงโหวอย่างนอบน้อม “ท่านโหว ฮูหยิน”“ตามสบายเถิด” ชิงผิงโหวตอบอย่างผ่อนคลาย แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยอำนาจ “การเดินทางไปถือศีลบนเขาถือเป็นเรื่องดี แต่ถนนหนทางก็ยากลำบาก ชิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวที่พวกเราทะนุถนอม ข้าขอฝากให้ท่าน ดูแลนางให้ดี ตลอดการเดินทางและในอารามด้วย”เฉินเหยียนเฟย ยื่นห่อผ้าห่มขนสัตว์บางเบาให้กับกัวลี่ลี่ แล้วกล่าวกับบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง “ไปถือศีลก็อย่าลืมดูแลสุขภาพ อากาศบนเขาย่อมหนาวเย็นกว่าในเมือง เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”“ท่านพ่อท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ” กัวรั่วชิงรับปาก แล้วหันไปทักท







