ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนร้องระงมแทรกผ่านความเงียบ แสงจากตะเกียงน้ำมันภายในบ้านหลังเล็กส่องสว่างไหววูบให้บรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ หลังจากมื้อเย็นจบลง จื่ออิงก็ช่วยหลี่เฉินเก็บกวาดห้องครัว ล้างจานชาม และจัดของทุกอย่างให้เข้าที่จนเสร็จเรียบร้อย
จื่ออิงเตรียมจะยกกาน้ำร้อนที่ต้มทิ้งเอาไว้เข้าไปในห้องอาบน้ำ เพราะคิดจะอาบน้ำก่อนเข้านอน หากไม่ได้อาบน้ำเสียก่อนเธอคงนอนไม่หลับแน่ แต่หากจะให้อาบน้ำเย็นในเวลานี้ก็คงหนาวจนจับไข้ สภาพอากาศของที่นี่แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนของเธออย่างสิ้นเชิง ที่ที่เธอจากมาเป็นเมืองร้อนที่อากาศมีแต่ร้อนกับร้อนมาก แต่ที่นี่ตอนกลางวันอากาศถือได้ว่าเย็นสบาย แต่พอตกกลางคืนเท่านั้นกลับหนาวเย็นจับใจ
หญิงสาวยกมือขึ้นหมายจะจับกาน้ำร้อน แต่ยังไม่ทันได้แตะ คนตัวโตกว่าก็ก้าวเข้ามายกมันขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ผมยกให้"
จื่ออิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตาคู่นั้นยังคงสุขุมและสงบนิ่งเช่นเคย เธอเอ่ยขอบคุณเขาเสียงเบา
"ขอบคุณค่ะ"
หลี่เฉินพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรต่อ เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ทิ้งให้จื่ออิงยืนมองแผ่นหลังกว้างของเขาเงียบ ๆ ในใจอดรู้สึกดีไม่ได้ที่มีคนใส่ใจเช่นนี้
แรงกระตุกเบา ๆ ทำให้จื่ออิงละสายตาจากคนตัวโต ก้มลงมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังคงยืนเกาะชายเสื้อของเธอไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากจึงคลี่รอยยิ้มหวาน
"เหยียนเหยียน อาบน้ำพร้อมกันกับแม่ดีไหมคะ"
ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อได้ยินคำถามนั้น เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ อย่างดีใจ ก่อนจะยอมปล่อยชายเสื้อแล้วเปลี่ยนมาจับมือมารดาเอาไว้แน่นแทน
จื่ออิงยิ้มอ่อนโยน จูงมือน้อย ๆ ของบุตรสาวไปยังห้องอาบน้ำ เธอเตรียมน้ำอุ่นให้บุตรสาวอย่างตั้งใจ แล้วค่อยๆ ช่วยอาบน้ำให้อย่างทะนุถนอม การได้อาบน้ำให้ลูกสาวตัวน้อย ได้มีโอกาสเลี้ยงดูใครซักคน ได้เฝ้ามองรอยยิ้มไร้เดียงสา และได้สัมผัสถึงความรักที่แสนบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่เธอคิดฝันมานานมากแล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะได้มีโอกาสทำสิ่งนี้จริง ๆ
เหยียนเหยียนยิ้มร่าอย่างถูกอกถูกใจ มือเล็ก ๆ วักน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลิน จื่ออิงมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาอบอุ่น หัวใจพลันรู้สึกเต็มตื้น
เวลาผ่านไปพักใหญ่ กว่าที่ทั้งคู่จะอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ จื่ออิงใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมอ่อนนุ่มของบุตรสาวอย่างใส่ใจ แล้วพาเดินออกจากห้องน้ำ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็ต้องชะงัก
หลี่เฉินที่ออกไปอาบน้ำตรงลานนอกบ้าน ตอนนี้กำลังนั่งเช็ดผมตัวเอง แต่ที่ทำให้จื่ออิงเผลอกลืนน้ำลายลงคอคือชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงผ้าตัวเดียว ภายใต้แสงไฟริบหรี่ เธอมองเห็นแผงอกกว้างแข็งแรง กล้ามเนื้อหนั่นแน่นกระชับดูเต็มไปด้วยพลัง
จื่ออิงรีบเบือนสายตาไปทางอื่นแทบไม่ทัน หัวใจเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่อยู่ สมองอดคิดไม่ได้ว่าเขาจงใจหรือเปล่า
นี่...เขากำลังยั่วยวนเธอใช่ไหม
จื่ออิงสะบัดหัวเล็กน้อย ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป รีบจูงมือบุตรสาวตัวน้อยตรงไปยังห้องนอนของเจ้าตัวด้วยใบหน้าร้อนผ่าว แต่พอถึงหน้าห้องเหยียนเหยียนน้อยกลับไม่ยอมปล่อยมือเธอ ซ้ำยังเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตากลมใสเป็นประกาย
"เหยียนเหยียนมีอะไรหรือ"
เด็กหญิงกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับลังเลใจ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วกอดขาเธอเอาไว้
จื่ออิงมองใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ แววตาใสซื่อที่เต็มไปด้วยความออดอ้อน บอกความต้องการของเจ้าตัวออกมาจนหมดโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด
ดวงตากลมโตที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ทำให้จื่ออิงหัวเราะออกมาเบา ๆ เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็ก ๆ อย่างอ่อนโยน หัวใจอ่อนยวบไปกับความน่ารักของลูกสาว
"เหยียนเหยียนอยากไปนอนกับแม่เหรอคะ"
เด็กหญิงพยักหน้าหงึก ๆ ทันที ดวงตาเป็นประกายวาววับ
"ตกลงจ๊ะ คืนนี้ไปนอนกับแม่ก็แล้วกันนะ"
ทันทีที่ได้รับคำอนุญาติแสนหวาน เหยียนเหยียนน้อยก็ยิ้มกว้างดีใจสุดขีด ก่อนจะกระโดดกอดแขนมารดาแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ จื่ออิงยิ้มพลางส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอ็นดู แล้วพาเด็กน้อยเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเอง
จื่ออิงอุ้มบุตรสาวขึ้นไปนอนบนเตียง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ มือเรียวจัดแจงห่มผ้าให้หนูน้อยอย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากเตียงเตาทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา
หลี่เฉินคงเข้ามาจุดไฟใต้เตียงเตาให้ก่อนหน้านี้
แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่การกระทำกลับสื่อถึงความใส่ใจอย่างลึกซึ้ง จื่ออิงเผลอเอื้อมมือแตะผืนเตียงเบา ๆ ในใจก็อดรู้สึกซาบซึ้งไม่ได้
แต่...ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาทำ ทุกอย่างเป็นเพียงหน้าที่ของสามีที่จำต้องรับผิดชอบเล่า
ไม่ได้ คงต้องดูกันไปนาน ๆ เธอไม่ควรจะรู้สึกดีกับอีกฝ่ายเร็วเกินไป ต้องไม่เผลอใจไปง่าย ๆ ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคลุมเครือเกินไป และหากว่าเขาเกิดรักแม่นางเอกขึ้นมา ในท้ายที่สุด คนที่ต้องเจ็บปวดคงหนีไม่พ้นเธอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จื่ออิงจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ปล่อยวางทุกอย่างในใจลง ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้างบุตรสาว พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กน้อยด้วยความอ่อนโยน
ส่วนแม่หนูน้อยก็ช่างน่าเอ็นดูนัก ขยับตัวกลมป้อมเข้ามาใกล้ ซุกหน้ากับต้นแขนของเธออย่างออดอ้อน ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองหน้าเธอด้วยแววตาเปี่ยมสุข
หัวใจของจื่ออิงอ่อนยวบลงทันที เธอกระชับอ้อมแขน กอดหอม ลูบหลังลูบไหล่เล็ก ๆ อย่างรักใคร่หลงใหล
"เหยียนเหยียนยังไม่ง่วงหรือคะ ถ้าอย่างนั้นแม่เล่านิทานให้ฟังดีไหม"
ดวงตากลมโตของแม่หนูน้อยเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที ริมฝีปากเล็ก ๆ ยกยิ้ม ก่อนพยักหน้าหงึก ๆ อย่างตื่นเต้น
จื่ออิงหัวเราะออกมาเบา ๆ กับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น ฝ่ามือยกขึ้นลูบศีรษะบุตรสาวอย่างอ่อนโยน แล้วจึงเริ่มเล่านิทานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง
เหยียนเหยียนน้อยตั้งใจฟังตาแป๋ว มือเล็ก ๆ กำชายเสื้อของมารดาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป
เพียงไม่นานเปลือกตาของแม่หนูน้อยก็เริ่มหนักอึ้ง เสียงหายใจค่อย ๆ แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เข้าสู่นิทรา
"แล้วเจ้าหญิงน้อยก็เดินเข้าไปในป่า..."
เสียงอ่อนหวานเป็นจังหวะหยุดลง จื่ออิงมองลูกสาวที่หลับสนิทด้วยรอยยิ้ม อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอขยับเข้าไปกอดลูกเบา ๆ แล้วกระซิบเสียงแผ่ว
"ฝันดีนะคะ เหยียนเหยียนของแม่"
จื่ออิงมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่แนบชิดอยู่ข้างกาย รับรู้ได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้น ในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริง เธอมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เธอได้เป็นแม่คนสมใจ
ท่ามความบรรยากาศที่สงบเงียบ รอบกายเต็มไปด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย เสียงทุ้มของหลี่เฉินก็ดังขึ้นแผ่วเบา ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน"อาอิง คุณรู้ตัวหรือเปล่า ว่าคุณดูเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน"จื่ออิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ ดวงตาคู่งามละสายตาจากภาพทิวทัศน์สองข้างทาง ทอดมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า หัวใจของเธอเต้นแรงกับคำพูดนั้น เธอรู้ดีว่าเธอเปลี่ยนไปจริง ๆ เพราะเธอไม่ใช่ ‘หลินจื่ออิง’ คนนั้นเธอคิดว่า ในเมื่อตอนนี้เธอคือหลินจื่ออิงแล้ว เธอก็ควรทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น ในเมื่อเขาเปิดใจมาเช่นนี้แล้ว เธอเองก็ควรเปิดใจกับเขาอย่างตรงไปตรงมา และหลังจากนี้ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร เธอก็จะขอน้อมรับทุกประการ ถือว่าเคลียร์ใจกันไปเลย"ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกค่ะ"จื่ออิงตอบเสียงเบา ทว่าหนักแน่น"ฉันแค่คิดได้ คิดได้ว่าต่อจากนี้ ฉันจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม จะไม่เป็นผู้หญิงที่ยึดติด ฉันควรจะเข้มแข็งด้วยตัวเอง และไม่บีบบังคับใจใครอีก ฉัน รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำก็เท่านั้น"เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง"ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อคุณ ฉันขอโทษนะคะ"
"เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว เราคงต้องขอตัวก่อน ต้องขอโทษด้วยนะซินหยา วันนี้พี่ต้องพาภรรยาไปซื้อของ"หลี่เฉินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น คล้ายต้องการยุติการสนทนาไว้เพียงเท่านี้ และเขาก็ได้รับรอยยิ้มหวานเชื่อมจากภรรยาทันทีที่เอ่ยจบ รอยยิ้มนั้นงดงามราวกับดอกไม้ผลิบานยามเช้า ดึงดูดสายตาจนเขาเผลอจ้องมองอยู่ชั่วขณะ ราวกับเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มนี้เป็นครั้งแรกความอ่อนหวานที่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจและพึงพอใจบนใบหน้า ทำให้เขาอดตกตะลึงไม่ได้เจียงซินหยาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอคลี่ยิ้มบางๆ เก็บซ่อนความผิดหวังและไม่พอใจเอาไว้มิดชิด"อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ได้ถามพี่ก่อน คิดว่า... จะเหมือนกับทุกที"ประโยคสุดท้ายของเจียงซินหยาแผ่วเบา ราวกับเป็นเพียงคำพึมพำที่ไม่ได้คาดหวังให้ใครได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้น จื่ออิงก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนเธอเพียงแค่ยืนเงียบ ๆ มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสุขุม ราวกับเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นดี แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปแม่นางเอกของนักเขียนคนนี้มีครบจบในที่เดียวจริงๆ เพราะนอกจากจะเป็นแม่ดอกบัวขาว เป็นเสี่ยวซานแล้ว ยังเป็นแม่ชาเขียว หรือที่มักเรีย
เจียงซินหยาที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่เฉิน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่ม แล้วต้องชะงักไปเธอเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่กับหลี่เฉินเพียงลำพังรอยยิ้มอ่อนหวานที่เคยแต้มอยู่บนใบหน้าค่อย ๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เมื่อสายตาของเธอปะทะเข้ากับร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ภายในบ้านของเขาผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นใครกันและดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยให้เธอสงสัยนาน เพราะในตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอหลินจื่ออิงรู้ตัวดีว่าตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของผู้มาเยือน และในฐานะเจ้าของบ้าน การเมินเฉยต่อแขกคงไม่ใช่เรื่องสมควรและเป็นการเสียมารยาท เธอจึงหันไปจูงมือบุตรสาวตัวน้อยที่กำลังหันมองคนนั้นที คนนี้ทีด้วยดวงตาใสแจ๋ว พาเดินเข้าไปหาทั้งสองคนฝีเท้าของจื่ออิงก้าวเป็นจังหวะมั่นคง ขณะที่เธอเดินตรงไปหาหลี่เฉินและเจียงซินหยา มือเล็ก ๆ ของบุตรสาวก็กระชับมือของเธอแน่นขึ้น ราวกับกำลังหาที่พึ่งพา ดวงตากลมใสช้อนมองเธออย่างลังเล ก่อนจะหันไปจ้องหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่จื่ออิงขมวดคิ้วเล็กน้อยกับปฏิกิริยานั้น ก้มลงมองสบตาบุตรสาว ดวงตาคู่น้อยสะท้อนความลังเลและอึดอัดอย
หลังจากกินมื้อเช้ากันเรียบร้อย ทั้งสามก็เตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่า..."พี่เฉิน พี่เฉินคะ"เสียงเรียกหวานใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตูรั้ว ก่อนที่ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาในลานหน้าบ้านจื่ออิงที่กำลังสวมรองเท้าให้บุตรสาว หันไปมองต้นเสียง เห็นหญิงสาวเรือนร่างระหงในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีชมพูหวาน เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ใบหน้าหวานสะอาดสะอ้านดูอ่อนโยน หากแต่แววตากลับเปล่งประกายแฝงความมุ่งหวังบางอย่างเธอคือใครกันจื่ออิงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะมองดูหญิงสาวที่เดินตรงเข้าไปหาหลี่เฉินที่กำลังนำตะกร้าหวายสำหรับใส่ของผูกไว้ด้านหน้าจักรยาน ดวงตาหวานซึ้งคู่นั้นจับจ้องมองตรงไปยังหลี่เฉินเพียงคนเดียว โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองรอบตัวเลยด้วยซ้ำ ท่าทางของเธอราวกับมีเพียงเขาเท่านั้นในสายตา และท่าทีคุ้นเคยของคนทั้งสองทำให้จื่ออิงอดสงสัยไม่ได้"ดีจังที่พี่ยังไม่ออกไป"เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีไม่ปิดบัง"ซินหยา มีอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาหาพี่แต่เช้า"หลี่เฉินหยุดมือที่กำลังผูกตะกร้า หันมาถามหญิงสาวผู้มาใหม่ น้
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน...แสงแรกของวันยังไม่ทันส่องพ้นขอบฟ้า จื่ออิงก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตากลมโตยังคงมีประกายง่วงงุนเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดวุ่นวายจนดึกดื่น แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันที่เธอจะได้ออกไปตลาดในอำเภอ และยังเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ก้าวออกจากบ้าน ออกไปสัมผัสโลกภายนอกที่ไม่คุ้นเคย ไปสัมผัสโลกใบใหม่ที่เธอเพิ่งเข้ามาอยู่ มันไม่ใช่แค่ฉากในซีรีส์ ไม่ใช่แค่ภาพจากสารคดี หรือเรื่องราวที่อ่านผ่านตัวหนังสือ แต่เป็นสถานที่จริง ผู้คนจริง ๆ และบรรยากาศของประเทศจีนในปี 1980 จริง ๆ ที่เธอกำลังจะได้เห็นกับตา จื่ออิงพลิกตัวหันไปมองเหยียนเหยียนที่ยังคงนอนหลับปุ๋ย ใบหน้าเล็ก ๆ ซุกอยู่ในผ้าห่ม หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะค่อย ๆ ลุกจากเตียง เพื่อไม่ให้รบกวนหนูน้อยจื่ออิงเดินออกจากห้องอย่างกระฉับกระเฉง และพบว่าหลี่เฉินตื่นก่อนแล้ว ชายหนุ่มเหมือนกำลังยุ่งอยู่กับการทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะไม้กลางห้องโถง "อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ"เสียงหวานใสที่เอ่ยทักทายขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทำให้หลี่เฉินที่กำลังง่วนอยู่กับการซ่อมตะกร้าหวายตรงหน้าชะงักไปเล็กน้อย เขาเงยหน้
จื่ออิงมองคนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะมายืนอยู่หน้าห้องของเธอในเวลานี้แสงไฟสลัวจากตะเกียงน้ำมันส่องกระทบใบหน้าคมเข้มของหลี่เฉิน ทำให้เธอเห็นแววตาที่อ่านไม่ออกของเขา จื่ออิงกะพริบตาปริบ ๆ มองเขาอย่างฉงน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ที่นี่เพราะเหตุใด"มีอะไรหรือคะ" หญิงสาวเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง เสียงของเธอแผ่วเบาเพราะไม่อยากรบกวนเหยียนเหยียนที่เพิ่งหลับไป"คือฉัน...จะออกไปดื่มน้ำ"เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะขยับหลีกทาง หรือเอ่ยสิ่งใดออกมา จื่ออิงจึงบอกจุดประสงค์ของเธอไป เพราะตอนนี้เธอรู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำเป็นอย่างมาก หลี่เฉินยังคงยืนเงียบ ไม่ได้ขยับหลีกทางให้เธอในทันที ดวงตาคมกริบทอดมองใบหน้าหญิงสาวด้วยแววตาซับซ้อนราวกับกำลังพิจารณาบางอย่างจื่ออิงรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เธอขยับตัวเล็กน้อยอย่างอึดอัด ก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง"ฉันจะไปดื่มน้ำค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขึ้นแผ่วเบาทว่าชัดเจนในทุกถ้อยคำ หลี่เฉินกะพริบตาเล็กน้อยเหมือนเพิ่งดึงตัวเองกลับมาจากภวังค์ เขาหลุบตาลงมองกล่องเหล็กในมือ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ขอโทษที ผมเอานี่มาให้ค