หลังจากกินมื้อเช้ากันเรียบร้อย ทั้งสามก็เตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่า...
"พี่เฉิน พี่เฉินคะ"
เสียงเรียกหวานใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตูรั้ว ก่อนที่ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาในลานหน้าบ้าน
จื่ออิงที่กำลังสวมรองเท้าให้บุตรสาว หันไปมองต้นเสียง เห็นหญิงสาวเรือนร่างระหงในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีชมพูหวาน เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ใบหน้าหวานสะอาดสะอ้านดูอ่อนโยน หากแต่แววตากลับเปล่งประกายแฝงความมุ่งหวังบางอย่าง
เธอคือใครกัน
จื่ออิงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะมองดูหญิงสาวที่เดินตรงเข้าไปหาหลี่เฉินที่กำลังนำตะกร้าหวายสำหรับใส่ของผูกไว้ด้านหน้าจักรยาน ดวงตาหวานซึ้งคู่นั้นจับจ้องมองตรงไปยังหลี่เฉินเพียงคนเดียว โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองรอบตัวเลยด้วยซ้ำ ท่าทางของเธอราวกับมีเพียงเขาเท่านั้นในสายตา และท่าทีคุ้นเคยของคนทั้งสองทำให้จื่ออิงอดสงสัยไม่ได้
"ดีจังที่พี่ยังไม่ออกไป"
เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีไม่ปิดบัง
"ซินหยา มีอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาหาพี่แต่เช้า"
หลี่เฉินหยุดมือที่กำลังผูกตะกร้า หันมาถามหญิงสาวผู้มาใหม่ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ
ซินหยา
อ้อ ที่แท้ก็แม่นางเอกนี่เอง
จื่ออิงกะพริบตาปริบๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ช่างเป็นการปรากฏตัวที่สมกับบทบาทจริงๆ
เจียงซินหยา นางเอกนิยายของเรื่องนี้ เธอเป็นหลานสาวของผู้นำหมู่บ้านที่พึ่งจะกลับมาอาศัยพึ่งใบบุญของผู้เป็นตาพร้อมกับน้องสาวที่อายุวัยใกล้เคียงกับหลี่ซูเหยียน
ซึ่งแน่นอนชีวิตของนางเอกนิยายมันจะต้องมีความรันทดหน่อยๆ เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากนักอ่าน และมีปมชีวิตให้ฝ่าฟันอุปสรรค
และสาเหตุที่เจียงซินหยาต้องกลับมาอยู่กับผู้เป็นตา เกิดจากการเสียชีวิตของคนเป็นแม่ แม่ของเจียงซินหยาตรอมใจตาย หลังจากพบว่าสามีของตน ซึ่งเป็นถึงนายตำรวจใหญ่ในเมืองมีผู้หญิงคนใหม่ แถมยังมีลูกชายกับผู้หญิงคนนั้น ความรักที่เคยมั่นคงกลับกลายเป็นความเจ็บปวด แม่ของเจียงซินหยาไม่สามารถทนรับความผิดหวังได้ สุดท้ายจึงล้มป่วยและจากไป
หลังจากการจากไปของคนเป็นแม่ พ่อก็พาภรรยาใหม่เข้าบ้านพร้อมกับลูกชายของพวกเขา บ้านที่เคยอบอุ่นเป็นที่พักพิงกายใจ กลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและเย็นชา พ่อของเธอหลงภรรยาใหม่และลูกชายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนละเลยลูกสาวทั้งสองคน ไม่เพียงเท่านั้น แม่เลี้ยงยังกลั่นแกล้งเธอกับน้องสารพัด พยายามหาทางกำจัดเธอออกไปให้พ้นทาง แต่คนเป็นพ่อกลับไม่คิดที่จะปกป้อง เลือกที่จะปิดตาข้างลืมตาข้าง
ในที่สุดเจียงซินหยาจึงตัดสินใจพาน้องสาวออกจากบ้าน กลับมาพึ่งพาผู้เป็นตา หวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในหมู่บ้านที่ไร้ซึ่งความวุ่นวาย และนั่นทำให้เธอได้พบกับหลี่เฉิน ชายหนุ่มที่เป็นผู้ช่วยของตาของเธอ
แล้วก็นะ เป็นนางเอกก็ต้องชมชอบและสะดุดตาพระเอกทันทีที่พบหน้าอยู่แล้ว
สิ่งที่ทำให้เจียงซินหยารู้สึกสะดุดตาไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของพระเอกเท่านั้น แต่รวมถึงความจริงใจและความขยันขันแข็งของเขา เธอรู้สึกประทับใจ เห็นใจ และชื่นชมอีกฝ่ายที่เขาเป็นพ่อที่เอาใจใส่ลูกสาวได้ดีมาก แม้จะต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง
เจียงซินหยามองเห็นเด็กน้อยที่คอยติดตามคนเป็นพ่อไปทุกที่ราวกับหางน้อยๆ หัวใจของเธอพลันอ่อนยวบ เธอจึงอาสาช่วยดูแลเด็กน้อย โดยให้เหตุผลว่า เธอต้องดูแลน้องสาวอยู่แล้ว การดูแลเด็กเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไร
จากความเห็นอกเห็นใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนั้น นำไปสู่สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน หลังจากที่ภรรยาอย่างหลินจื่ออิงตาย จึงทำให้ยิ่งสนิทกัน เห็นอกเห็นใจกัน เจียงซินหยาและหลี่เฉินต่างเข้าใจความเจ็บปวดของกันและกันเป็นอย่างดี พวกเขาค่อย ๆ เรียนรู้กันและกัน ผ่านช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน ความรู้สึกในใจก็ค่อย ๆ พัฒนา จนกลายเป็นความรักที่มั่นคง
นั่นคือเรื่องราวของ ‘นางเอก’ ที่เธอพอจะจดจำได้
แต่ขอโทษค่ะ ตอนนี้เธอยังไม่ตาย และยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้
"คือฉันได้ยินมาว่าวันนี้พี่จะไปตลาดในอำเภอ"
เจียงซินหยาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใส
ซึ่งคำพูดประโยคนั้นทำให้จื่ออิงต้องหรี่ตาลง หัวคิ้วกระตุกยิกๆ อย่างอดไม่อยู่ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกแย่งที่นั่งยังไงยังงั้น
ก็จักรยานของหลี่เฉินมีที่นั่งด้านหลังอยู่แค่ที่เดียว แค่เธอกับเหยียนเหยียนนั่งก็เต็มแล้ว
จื่ออิงแค่นยิ้มในใจ หากหลี่เฉินคิดจะให้เธอสละที่นั่งให้แม่นางเอกนั่นละก็
อย่า! แม้แต่จะคิด
"พอดีว่าฉันมีธุระที่ต้องไปทำ และมีของที่ต้องซื้อด้วย เลยอยากรบกวนพี่ ขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ"
น้ำเสียงอ่อนหวานยังคงเอ่ยต่อ พร้อมกับจ้องมองหลี่เฉินด้วยท่าทางดูเกรงอกเกรงใจ
จื่ออิงกัดฟันแน่น ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา เธออยากจะร้องแหม ลากยาวไปถึงตัวอำเภอ
ช่างคิดได้นะ แผนตื้นๆ แบบนี้
นี่คุณคะ ช่วยหันมามองเมียเขาหน่อยค่ะ ลูกเมียเขายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ตั้งสองคนดันมองไม่เห็น เพราะมัวแต่มองแต่ผู้ชาย
ฮัลโหล หันมามองกันหน่อยค่ะสาว
จื่ออิงหรี่ตามองหลี่เฉิน ตั้งใจฟังว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร
หากเขาตกลงให้แม่นางเอกนั่นไปแทนเธอ วันนี้คงได้มีการหย่าร้างกันเกิดขึ้นแน่ เพราะเธอจะไม่ดึงดันให้ยืดเยื้อ
เหอะ นี่น่ะหรือ นางเอกที่นักเขียนสาธยายว่าดีงาม นิสัยซื่อตรงอ่อนโยน เป็นคนอบอุ่น สดใสร่าเริง และอีกมากมายจนจำไม่หมด
จื่ออิงกลอกตา แอบเบะปากน้อย ๆ ในใจ
ถ้านี่เรียกว่าซื่อตรง ใสซื่อบริสุทธิ์ งั้นอย่างเธอคงเป็นเทพธิดาแห่งความดีไปแล้ว
จื่ออิงกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
ก็ไม่อยากจะว่าอะไรหรอกนะ แต่เธอดูออก
เธอคิดว่าเจียงซินหยาออกไปทาง ‘นางรองสายเสียบ’ มากกว่าจะเป็น ‘นางเอกสายอบอุ่น’
นี่มันแม่ดอกบัวขาวชัด ๆ ทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวขาวที่งดงามผุดผ่องเหนือน้ำ ภายนอกดูเป็นคนดี อ่อนโยน น่าทะนุถนอม แต่ที่จริงแล้วแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ไว้ภายใน ใช้ความไร้เดียงสาของตัวเองหลอกล่อให้บุรุษหลงใหล นี่มันภัยเงียบที่เป็นมลพิษต่อคนอื่นโดยแท้
ในนิยายเรื่องนั้น นักเขียนบรรยายตอนจบแค่ให้พระเอกกับนางเอกครองรักกัน แต่กลับไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวหลังจากนั้นเลย
คนแบบนี้หรือจะเป็นแม่เลี้ยงที่ดีได้ เธอไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด
จื่ออิงเหยียดยิ้มบาง ๆ มองหญิงสาวที่ยังคงพูดจาอ่อนหวานต่อหน้าหลี่เฉิน แต่ไม่แม้แต่จะชายตามามองหรือเอ่ยถามถึงเหยียนเหยียนเลยสักนิด
ส่วนหลี่เฉินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเจียงซินหยาเอ่ยจบ หันกลับไปมองภรรยาทันทีโดยไม่ต้องคิด
เขาเห็นว่าหลินจื่ออิงยืนพิงเสาเรือน กอดอกมองตรงมาทางเขาและเจียงซินหยาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นดูสงบนิ่ง ทว่าดวงตากลับมีประกายบางอย่างที่ทำให้แผ่นหลังของเขาเย็นวาบขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
เมื่อเห็นว่าเขาหันไปมอง ริมฝีปากอิ่มก็คลี่ยิ้มบาง ๆ ส่งมาให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
แค่เห็นท่าทางเหล่านั้น อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าอากาศยามเช้าที่ควรจะสดชื่นกลับร้อนอบอ้าวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ราวกับว่ามีไอร้อนระอุพวยพุ่งอยู่รอบตัว จนทำให้เม็ดเหงื่อเริ่มผุดซึมขึ้นตามกรอบหน้าและแผ่นหลัง ทั้งที่เขายังไม่ได้ออกแรงทำอะไรมากมาย
หลี่เฉินลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองถึงได้รู้สึกเช่นนี้
ท่ามความบรรยากาศที่สงบเงียบ รอบกายเต็มไปด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย เสียงทุ้มของหลี่เฉินก็ดังขึ้นแผ่วเบา ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน"อาอิง คุณรู้ตัวหรือเปล่า ว่าคุณดูเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน"จื่ออิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ ดวงตาคู่งามละสายตาจากภาพทิวทัศน์สองข้างทาง ทอดมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า หัวใจของเธอเต้นแรงกับคำพูดนั้น เธอรู้ดีว่าเธอเปลี่ยนไปจริง ๆ เพราะเธอไม่ใช่ ‘หลินจื่ออิง’ คนนั้นเธอคิดว่า ในเมื่อตอนนี้เธอคือหลินจื่ออิงแล้ว เธอก็ควรทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น ในเมื่อเขาเปิดใจมาเช่นนี้แล้ว เธอเองก็ควรเปิดใจกับเขาอย่างตรงไปตรงมา และหลังจากนี้ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร เธอก็จะขอน้อมรับทุกประการ ถือว่าเคลียร์ใจกันไปเลย"ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกค่ะ"จื่ออิงตอบเสียงเบา ทว่าหนักแน่น"ฉันแค่คิดได้ คิดได้ว่าต่อจากนี้ ฉันจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม จะไม่เป็นผู้หญิงที่ยึดติด ฉันควรจะเข้มแข็งด้วยตัวเอง และไม่บีบบังคับใจใครอีก ฉัน รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำก็เท่านั้น"เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง"ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อคุณ ฉันขอโทษนะคะ"
"เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว เราคงต้องขอตัวก่อน ต้องขอโทษด้วยนะซินหยา วันนี้พี่ต้องพาภรรยาไปซื้อของ"หลี่เฉินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น คล้ายต้องการยุติการสนทนาไว้เพียงเท่านี้ และเขาก็ได้รับรอยยิ้มหวานเชื่อมจากภรรยาทันทีที่เอ่ยจบ รอยยิ้มนั้นงดงามราวกับดอกไม้ผลิบานยามเช้า ดึงดูดสายตาจนเขาเผลอจ้องมองอยู่ชั่วขณะ ราวกับเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มนี้เป็นครั้งแรกความอ่อนหวานที่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจและพึงพอใจบนใบหน้า ทำให้เขาอดตกตะลึงไม่ได้เจียงซินหยาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอคลี่ยิ้มบางๆ เก็บซ่อนความผิดหวังและไม่พอใจเอาไว้มิดชิด"อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ได้ถามพี่ก่อน คิดว่า... จะเหมือนกับทุกที"ประโยคสุดท้ายของเจียงซินหยาแผ่วเบา ราวกับเป็นเพียงคำพึมพำที่ไม่ได้คาดหวังให้ใครได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้น จื่ออิงก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนเธอเพียงแค่ยืนเงียบ ๆ มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสุขุม ราวกับเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นดี แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปแม่นางเอกของนักเขียนคนนี้มีครบจบในที่เดียวจริงๆ เพราะนอกจากจะเป็นแม่ดอกบัวขาว เป็นเสี่ยวซานแล้ว ยังเป็นแม่ชาเขียว หรือที่มักเรีย
เจียงซินหยาที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่เฉิน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่ม แล้วต้องชะงักไปเธอเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่กับหลี่เฉินเพียงลำพังรอยยิ้มอ่อนหวานที่เคยแต้มอยู่บนใบหน้าค่อย ๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เมื่อสายตาของเธอปะทะเข้ากับร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ภายในบ้านของเขาผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นใครกันและดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยให้เธอสงสัยนาน เพราะในตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอหลินจื่ออิงรู้ตัวดีว่าตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของผู้มาเยือน และในฐานะเจ้าของบ้าน การเมินเฉยต่อแขกคงไม่ใช่เรื่องสมควรและเป็นการเสียมารยาท เธอจึงหันไปจูงมือบุตรสาวตัวน้อยที่กำลังหันมองคนนั้นที คนนี้ทีด้วยดวงตาใสแจ๋ว พาเดินเข้าไปหาทั้งสองคนฝีเท้าของจื่ออิงก้าวเป็นจังหวะมั่นคง ขณะที่เธอเดินตรงไปหาหลี่เฉินและเจียงซินหยา มือเล็ก ๆ ของบุตรสาวก็กระชับมือของเธอแน่นขึ้น ราวกับกำลังหาที่พึ่งพา ดวงตากลมใสช้อนมองเธออย่างลังเล ก่อนจะหันไปจ้องหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่จื่ออิงขมวดคิ้วเล็กน้อยกับปฏิกิริยานั้น ก้มลงมองสบตาบุตรสาว ดวงตาคู่น้อยสะท้อนความลังเลและอึดอัดอย
หลังจากกินมื้อเช้ากันเรียบร้อย ทั้งสามก็เตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่า..."พี่เฉิน พี่เฉินคะ"เสียงเรียกหวานใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตูรั้ว ก่อนที่ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาในลานหน้าบ้านจื่ออิงที่กำลังสวมรองเท้าให้บุตรสาว หันไปมองต้นเสียง เห็นหญิงสาวเรือนร่างระหงในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีชมพูหวาน เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ใบหน้าหวานสะอาดสะอ้านดูอ่อนโยน หากแต่แววตากลับเปล่งประกายแฝงความมุ่งหวังบางอย่างเธอคือใครกันจื่ออิงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะมองดูหญิงสาวที่เดินตรงเข้าไปหาหลี่เฉินที่กำลังนำตะกร้าหวายสำหรับใส่ของผูกไว้ด้านหน้าจักรยาน ดวงตาหวานซึ้งคู่นั้นจับจ้องมองตรงไปยังหลี่เฉินเพียงคนเดียว โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองรอบตัวเลยด้วยซ้ำ ท่าทางของเธอราวกับมีเพียงเขาเท่านั้นในสายตา และท่าทีคุ้นเคยของคนทั้งสองทำให้จื่ออิงอดสงสัยไม่ได้"ดีจังที่พี่ยังไม่ออกไป"เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีไม่ปิดบัง"ซินหยา มีอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาหาพี่แต่เช้า"หลี่เฉินหยุดมือที่กำลังผูกตะกร้า หันมาถามหญิงสาวผู้มาใหม่ น้
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน...แสงแรกของวันยังไม่ทันส่องพ้นขอบฟ้า จื่ออิงก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตากลมโตยังคงมีประกายง่วงงุนเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดวุ่นวายจนดึกดื่น แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันที่เธอจะได้ออกไปตลาดในอำเภอ และยังเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ก้าวออกจากบ้าน ออกไปสัมผัสโลกภายนอกที่ไม่คุ้นเคย ไปสัมผัสโลกใบใหม่ที่เธอเพิ่งเข้ามาอยู่ มันไม่ใช่แค่ฉากในซีรีส์ ไม่ใช่แค่ภาพจากสารคดี หรือเรื่องราวที่อ่านผ่านตัวหนังสือ แต่เป็นสถานที่จริง ผู้คนจริง ๆ และบรรยากาศของประเทศจีนในปี 1980 จริง ๆ ที่เธอกำลังจะได้เห็นกับตา จื่ออิงพลิกตัวหันไปมองเหยียนเหยียนที่ยังคงนอนหลับปุ๋ย ใบหน้าเล็ก ๆ ซุกอยู่ในผ้าห่ม หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะค่อย ๆ ลุกจากเตียง เพื่อไม่ให้รบกวนหนูน้อยจื่ออิงเดินออกจากห้องอย่างกระฉับกระเฉง และพบว่าหลี่เฉินตื่นก่อนแล้ว ชายหนุ่มเหมือนกำลังยุ่งอยู่กับการทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะไม้กลางห้องโถง "อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ"เสียงหวานใสที่เอ่ยทักทายขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทำให้หลี่เฉินที่กำลังง่วนอยู่กับการซ่อมตะกร้าหวายตรงหน้าชะงักไปเล็กน้อย เขาเงยหน้
จื่ออิงมองคนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะมายืนอยู่หน้าห้องของเธอในเวลานี้แสงไฟสลัวจากตะเกียงน้ำมันส่องกระทบใบหน้าคมเข้มของหลี่เฉิน ทำให้เธอเห็นแววตาที่อ่านไม่ออกของเขา จื่ออิงกะพริบตาปริบ ๆ มองเขาอย่างฉงน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ที่นี่เพราะเหตุใด"มีอะไรหรือคะ" หญิงสาวเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง เสียงของเธอแผ่วเบาเพราะไม่อยากรบกวนเหยียนเหยียนที่เพิ่งหลับไป"คือฉัน...จะออกไปดื่มน้ำ"เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะขยับหลีกทาง หรือเอ่ยสิ่งใดออกมา จื่ออิงจึงบอกจุดประสงค์ของเธอไป เพราะตอนนี้เธอรู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำเป็นอย่างมาก หลี่เฉินยังคงยืนเงียบ ไม่ได้ขยับหลีกทางให้เธอในทันที ดวงตาคมกริบทอดมองใบหน้าหญิงสาวด้วยแววตาซับซ้อนราวกับกำลังพิจารณาบางอย่างจื่ออิงรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เธอขยับตัวเล็กน้อยอย่างอึดอัด ก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง"ฉันจะไปดื่มน้ำค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขึ้นแผ่วเบาทว่าชัดเจนในทุกถ้อยคำ หลี่เฉินกะพริบตาเล็กน้อยเหมือนเพิ่งดึงตัวเองกลับมาจากภวังค์ เขาหลุบตาลงมองกล่องเหล็กในมือ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ขอโทษที ผมเอานี่มาให้ค