เมื่อกลับมาถึงบ้าน กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาต้อนรับหลี่เฉินตั้งแต่หน้าประตู เขาก้าวเข้าไปในครัว เห็นจื่ออิงกำลังง่วนอยู่หน้าเตา ไอร้อนจากกระทะลอยขึ้นจางๆ เธอกำลังทำอาหารด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจ ขณะที่เหยียนเหยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก กำลังเล่นตุ๊กตาอย่างเพลิดเพลิน
"พ่อคะ"
เสียงใสของบุตรสาวดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นเขา ดวงตากลมโตเปล่งประกายด้วยความดีใจ รอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นขึ้น
จื่ออิงหันมามองเขาตามเสียงของบุตรสาว ดวงตาของเธออ่อนโยนและอบอุ่น ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มหวานส่งมาให้
"กลับมาแล้วหรือคะ"
เธอเอ่ยถามพลางวางมือจากงานตรงหน้า ก่อนเดินไปตักน้ำเย็นจากโอ่งหินแล้วยื่นส่งให้เขา
"น้ำค่ะ"
หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาอย่างเช่นทุกวัน ก่อนจะกลับไปจัดการกับอาหารที่เตา
"อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว คุณรออีกเดี๋ยวนะคะ"
เพียงเท่านั้น ความเหนื่อยล้า อารมณ์โกรธ และความหงุดหงิดไม่พอใจทั้งหมดที่คั่งค้างอยู่ในใจของเขาก็ค่อยๆ คลายลง เขาดื่มน้ำจนหมดแก้ว สัมผัสเย็นชื่นใจช่วยบรรเทาความอ่อนล้า ขณะที่ความอบอุ่นอ่อนโยนของคนตรงหน้าค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในใจ ครอบครัวที่ทำให้หัวใจสงบลงได้เสมอ
หลี่เฉินทอดถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปล้างมือ แล้วตรงไปหาเหยียนเหยียน ย่อตัวลงลูบศีรษะเล็กๆ ของบุตรสาว แล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเธอหนึ่งที ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาภรรยา แววตาของเขาอ่อนลง ความรู้สึกหนักอึ้งก่อนหน้าเลือนหายไปจนหมด แทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก
หลี่เฉินก้าวเข้าไปหาจื่ออิง ก่อนจะสอดแขนโอบรอบเอวบอบบางของเธอ ดึงร่างเล็กเข้ามาแนบอกโดยไม่พูดอะไร
"ทะ ทำอะไรคะ"
จื่ออิงตัวแข็งทื่อ รู้สึกถึงไออุ่นจากร่างสูงที่แนบชิดเข้ามา เธอไม่ทันตั้งตัวกับสัมผัสใกล้ชิดกะทันหันนี้ หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าพวกเขาจะเปิดใจให้กันมากขึ้น แต่เธอกับเขาก็ไม่เคยใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อน
เธอเอ่ยถามเสียงแผ่ว ขณะที่พยายามข่มความประหม่า บอกตัวเองว่าตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบอะไร หลี่เฉินเพียงซบใบหน้าลงบนไหล่เล็กของเธอ แนบแก้มกับผิวนุ่มแล้วหลับตาลง ราวกับกำลังซึมซับความอบอุ่นจากเธอ
จื่ออิงไม่กล้าขยับไปไหน ได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้เขากอดเธออยู่อย่างนั้น
หลี่เฉินไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป รู้เพียงแค่ว่า ตอนนี้เขาแค่อยากกอดเธอเอาไว้แน่นๆ ให้หัวใจที่อ่อนล้าได้พิงพักอยู่ตรงนี้ อยู่กับเธอ
หลังจากตั้งสติได้ จื่ออิงค่อยๆ หันไปมองเสี้ยวหน้าคมคายของเขา แววตาฉายความสงสัย ว่าวันนี้เขาไปพบเจอสิ่งใดมา เหตุใดจึงได้ดูเหนื่อยล้าเช่นนี้
"เป็นอะไรไปคะ"
เธอเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยนเจือด้วยความห่วงใย
หลี่เฉินลืมตาขึ้น มองใบหน้างดงามของหญิงสาวในอ้อมแขน ดวงตาของเขาอ่อนโยน ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ราวกับต้องการให้เธอคลายกังวล
"ไม่มีอะไรครับ"
เสียงทุ้มนุ่มลึกของเขาดังขึ้นใกล้ๆ ใบหูเล็ก แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้าสู่หัวใจของเธอพาให้หวั่นไหว ปลายจมูกโด่งเกลี่ยเบาๆ อยู่บริเวณข้างแก้ม ทำให้จื่ออิงสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจพลันเต้นแรงขึ้น
"แค่รู้สึกว่า ผมอยากดูแลคุณให้ดีกว่านี้"
จื่ออิงกะพริบตาปริบๆ ความเงียบโรยตัวอยู่ชั่วขณะ หัวใจเต้นถี่รัวเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่เป่ารดข้างแก้ม ลามลงมาถึงลำคอของเธอ ความร้อนสายหนึ่งแล่นวาบขึ้นมาที่ใบหน้า ลุกลามไปถึงลำคอจนรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด
"ตะ... ตอนนี้คุณก็ดูแลฉันดีอยู่แล้วนี่คะ"
เสียงของเธอแผ่วเบาและสั่นเครือเล็กน้อย แม้จะพยายามทำให้ฟังดูเป็นปกติ แต่ร่างกายกลับไม่เป็นไปตามที่ใจสั่งเลยสักนิด
อ้อมกอดของหลี่เฉินมั่นคงและอบอุ่น ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากร่างกายของเขาค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่หัวใจของเธอทีละนิด ทีละนิด จนเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจต้านทานต่อความอ่อนโยนของเขาได้อีกต่อไป
มื้อเย็นของวันนี้ดูเหมือนบรรยากาศจะอบอวลไปด้วยความหวานชื่น สายลมเย็นพัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง กลิ่นข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่นลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน
จื่ออิงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทุกคน ในขณะที่หลี่เฉินวางจานผัดผัก เนื้อไก่ผัดพริก น้ำแกงเต้าหู้ และไข่ตุ๋นลงบนโต๊ะ เหยียนเหยียนนั่งแกว่งขาเล็กๆ มองอาหารตรงหน้าตาวาว
"กินเยอะๆ นะคะเหยียนเหยียน"
จื่ออิงลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าในใจกลับรู้สึกขัดเขิน เมื่อรับรู้ถึงสายตากรุ้มกริ่มของสามีที่จ้องมองเธออยู่ สายตาที่เธอไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน
หญิงสาวพยายามหลบสายตาที่ทำให้ใจเต้น เลือกที่จะจดจ่ออยู่กับบุตรสาวแทน
หลี่เฉินวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ ก่อนจะก้าวมานั่งลงข้างๆ ภรรยา ดวงตาคมยังคงทอดมองเธอด้วยรอยยิ้ม
"อาหารฝีมืออาอิงอร่อยและน่ากินที่สุด"
คำชมจากสามีทำให้จื่ออิงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"ถ้าอย่างนั้นก็กินเยอะๆ นะคะ"
เธอเอ่ยพร้อมกับคีบเนื้อไก่วางลงในถ้วยข้าวของเขาอย่างเอาใจ ก่อนจะหันไปตักไข่ตุ๋นให้บุตรสาว
"ขอบคุณครับ/ค่ะ"
เสียงของสองพ่อลูกเอ่ยขอบคุณเธออย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่หลี่เฉินจะคีบเนื้อไก่ให้เธอบ้าง
"คุณก็เหมือนกัน กินเยอะๆ"
เขาพูดเสียงนุ่ม จากนั้นถึงได้คีบอาหารเข้าปาก พลางเหลือบมองภรรยาที่นั่งข้างๆ แววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุขมากกว่าทุกวัน
"คุณเฉินคะ"
ในขณะที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดโต๊ะอาหาร จื่ออิงเอ่ยเรียกหลี่เฉินด้วยน้ำเสียงนุ่ม เธออยากจะปรึกษาเขาเรื่องที่เธออยากจะเปิดร้านขายอาหาร หลังจากที่ขบคิดเรื่องนี้มาหลายวัน
ทว่าคำเรียกนั้นทำให้หลี่เฉินชะงักไปเล็กน้อย คิ้วหนาขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
จื่ออิงไม่ได้สังเกตสีหน้าของสามี เธอเช็ดจานใบสุดท้ายเก็บเข้าที่แล้วพูดต่อ
"หลังจากพาลูกเข้านอนแล้ว ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับคุณนิดหน่อยน่ะค่ะ คุณรอฉันก่อนนะคะ"
เธอเอ่ยบอกพร้อมเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย หลี่เฉินเพียงแค่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่คล้ายจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง
จื่ออิงชะงัก หัวใจเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ นี่เธอเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเขาอย่างลังเล ขณะที่หลี่เฉินยังคงมองเธอด้วยสายตาคล้ายคนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ
หลี่เฉินไม่ชอบเลยที่เธอเรียกเขาแบบนี้ 'คุณเฉิน' มันฟังดูห่างเหินเกินไป เขาอยากให้เธอเรียกเขาด้วยคำที่ดูสนิทสนมมากกว่านี้
เขาอยากให้เธอเรียกเขาว่า พี่เฉิน หรืออย่างน้อยก็ สามี หรือ ที่รัก ฟังแล้วดูจะอบอุ่นกว่าเยอะ
"อาอิง"
เขาเอ่ยเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่ม
"คะ"
จื่ออิงขานรับโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีท่าทางเช่นนี้
หลี่เฉินจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงมือเธอมากุมไว้หลวมๆ แล้วพูดขึ้น
"คุณไม่เรียกผมแบบนั้นได้ไหม ผมไม่ชอบเลย มันฟังดูห่างเหินเกินไป"
จื่ออิงกะพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างงุนงง
"งั้น... จะให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะคะ"
ริมฝีปากของหลี่เฉินยกยิ้มจางๆ ดวงตาฉายแววลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย แล้วเอนตัวเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
"พี่เฉิน"
"..."
คำพูดของเขาทำให้จื่ออิงถึงกับหน้าแดงก่ำทันที หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ แค่ให้เรียกเขาแบบนั้น... มันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่นา แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกขัดเขินแบบนี้กันนะ
"หรือจะเรียกสามีก็ได้"
เขาเอ่ยพร้อมกับทำตาเจ้าชู้ใส่เธอ
"คุณเฉิน"
จื่ออิงรีบปรามเขา แต่กลับยิ่งทำให้หลี่เฉินหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
"นั่นไง ยังเรียกแบบเดิมอยู่อีก"
เขาแสร้งถอนหายใจ
"งั้นไม่ต้องเรียกพี่เฉินก็ได้ แต่ลองเรียกที่รักดูหน่อยสิ ผมอยากรู้ว่าหากได้ยินจากปากอาอิงแล้วจะรู้สึกดีขนาดไหน"
จื่ออิงยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม เธอเม้มปากแน่น
"ไม่มีทาง"
หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มของภรรยาเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
"เอาเถอะ ไว้ให้อาอิงเต็มใจเรียกเอง ผมจะรอฟัง"
จื่ออิงรู้สึกขัดเขินไปหมด รีบเดินหนีเขาพาบุตรสาวเข้าไปอาบน้ำ แสร้งทำเป็นไม่สนใจสายตาเจ้าเล่ห์ของสามี แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาต้อนรับหลี่เฉินตั้งแต่หน้าประตู เขาก้าวเข้าไปในครัว เห็นจื่ออิงกำลังง่วนอยู่หน้าเตา ไอร้อนจากกระทะลอยขึ้นจางๆ เธอกำลังทำอาหารด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจ ขณะที่เหยียนเหยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก กำลังเล่นตุ๊กตาอย่างเพลิดเพลิน"พ่อคะ"เสียงใสของบุตรสาวดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นเขา ดวงตากลมโตเปล่งประกายด้วยความดีใจ รอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นขึ้นจื่ออิงหันมามองเขาตามเสียงของบุตรสาว ดวงตาของเธออ่อนโยนและอบอุ่น ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มหวานส่งมาให้"กลับมาแล้วหรือคะ"เธอเอ่ยถามพลางวางมือจากงานตรงหน้า ก่อนเดินไปตักน้ำเย็นจากโอ่งหินแล้วยื่นส่งให้เขา"น้ำค่ะ"หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาอย่างเช่นทุกวัน ก่อนจะกลับไปจัดการกับอาหารที่เตา"อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว คุณรออีกเดี๋ยวนะคะ"เพียงเท่านั้น ความเหนื่อยล้า อารมณ์โกรธ และความหงุดหงิดไม่พอใจทั้งหมดที่คั่งค้างอยู่ในใจของเขาก็ค่อยๆ คลายลง เขาดื่มน้ำจนหมดแก้ว สัมผัสเย็นชื่นใจช่วยบรรเทาความอ่อนล้า ขณะที่ความอบอุ่นอ่อนโยนของคนตรงหน้าค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในใจ ครอบครัวที่ทำให้หัวใจสงบลงได้เสมอหลี่เฉินทอดถอนหายใจเบาๆ
หลี่เฉินยังคงมาทำงานตามปกติ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเจียงซินหยากำลังล้ำเส้น พยายามเข้าหาเขามากขึ้นจนเขารู้สึกอึดอัด และยังแสดงท่าทีให้คนอื่นเข้าใจผิด วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการซ่อมคันไถ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้"พี่เฉิน"หลี่เฉินไม่ต้องเงยหน้าขึ้นดูก็รู้ว่าเป็นใคร"มีอะไร" เขาถามเสียงเรียบโดยไม่ละมือจากงานที่ทำเจียงซินหยาลังเลเล็กน้อย สายตาเหลือบมองเหล่าชาวบ้านที่กำลังส่งสายตามาทางนี้ ก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา ใบหน้าของเธอดูหม่นเศร้าราวกับถูกรังแก ซึ่งระยะหลังมานี้เธอมักจะแสดงท่าทีเช่นนี้เสมอทุกครั้งที่เข้าหาหลี่เฉิน"ฉันแค่ อยากมาช่วยค่ะ"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอเต็มตา"เธอควรกลับไปทำงานในส่วนของเธอนะ"เจียงซินหยากัดริมฝีปากแน่น คล้ายมีเรื่องคับข้องใจ ไม่ยอมถอยกลับง่ายๆ จะอย่างไรวันนี้เธอก็จะต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ตลอดหลายวันมานี้ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามเว้นระยะห่างจากเธอ และที่ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ก็คงเป็นเพราะหลินจื่ออิงคนเดียว "พี่เฉิน พี่ไม่รู้จริงๆ หรือคะ ว่าฉันรู้สึกยังไงกับพี่"เสียงของเจียงซินหยาสั่นไหว
หลังจากที่จื่ออิงหายดี หลี่เฉินก็กลับไปทำงานตามปกติ ท้องฟ้าของเช้าวันใหม่ดูสดใส แสงแดดส่องกระทบผืนนา แปลงข้าวสีเขียวชอุ่มทอดยาวสุดสายตา เสียงจอบกระทบดินและเสียงน้ำในร่องนาขยับไหลตามแรงดังเป็นจังหวะ หลี่เฉินก้มหน้าก้มตาเดินตรวจงานอย่างตั้งใจ แต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูผิดแปลกไปจากปกติเขารู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาทางเขา บางคู่จับจ้องอย่างลังเล บางคู่มีแววสงสัย และบางคู่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น"อ้าว หลี่เฉิน กลับมาทำงานแล้วเหรอ"เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นจากสมุดจดบันทึกตรงหน้า เห็นป้าหวั่นที่ทำงานร่วมกันมาเนิ่นนานเดินเข้ามาหา และเป็นที่รู้กันดีว่าหญิงผู้นี้เป็นหญิงปากมาก ปากยื่นปากยาว เรื่องสั้นแค่คืบนางสามารถสร้างเรื่องราวให้ยาวมากกว่าศอก เรื่องราวที่ควรจบลงในไม่กี่คำ นางสามารถเล่าขยายให้ยาวราวกับเป็นนิทานหลายบท ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับมีประกายของความอยากรู้อยากเห็นอยู่เต็มเปี่ยม"ครับ" หลี่เฉินตอบสั้นๆป้าหวั่นพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น"ได้ข่าวว่าจื่ออิงเมียของเธอหายดีแล้วหรือ"คำถามนั้นดูเหมือนปกติ แต่ท่าทางของคนถามและสายตาของคนรอบข้า
หลี่เฉินกลับมาพร้อมหมอวัยกลางคนที่ประจำอยู่ที่สถานีอนามัยของหมู่บ้าน ชายหนุ่มรีบก้าวเข้ามาอย่างร้อนใจ เห็นภรรยายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ตั่ง ใบหน้าของเธอซีดเซียวแต่ยังมีรอยยิ้มละมุน เขารู้ว่าเธอกำลังเจ็บ แต่ไม่อยากให้เขาและบุตรสาวกังวลจึงได้อดทนไว้หลี่เฉินรีบตรงเข้าไปหา ก้มตัวลงมองสำรวจเธออย่างละเอียดอีกครั้ง พลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเม็ดเล็กๆ บนหน้าผากมนที่เริ่มผุดซึมออกมา"อาอิง เจ็บตรงไหนบ้าง บอกหมอเร็วเข้า"จื่ออิงยิ้มบางๆ"ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ปวดที่ข้อเท้านิดหน่อยเท่านั้น"หมอพยักหน้ารับ ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าจื่ออิง แล้วเริ่มตรวจข้อเท้าของเธออย่างละเอียด"ข้อเท้าได้รับแรงกระแทกค่อนข้างรุนแรง ทำให้เกิดการอักเสบ โชคดีที่ไม่ได้หัก แค่ต้องระวังไม่ให้ขยับมากเกินไป เดี๋ยวหมอจะทายาและพันผ้าเอาไว้ให้"หมอพูดพลางเปิดกล่องพยาบาล จื่ออิงพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ ในใจรู้สึกโล่งอกที่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง"ส่วนที่เหลือก็มีแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อย ทายาวันละสองครั้งก็พอ หมอจะจัดยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบเอาไว้ให้กิน"หมอกล่าวต่อ ขณะใช้ผ้าพันข้อเท้า จื่ออิงเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บ ทว่าเธอยังคงอดทน
"แม่"เสียงเล็กๆ ที่กรีดร้องดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก ทำให้จื่ออิงเบิกตากว้าง เธอตกตะลึงจนลืมความเจ็บไปชั่วขณะ หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่เพราะความตกใจและตื้นตันเหยียนเหยียนพูดได้แล้ว เหยียนเหยียนเอ่ยเรียกเธอร่างเล็กๆ ของเหยียนเหยียนสั่นเทา รีบวิ่งเข้ามาหามารดา น้ำตาไหลอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร เธอทั้งรู้สึกหวาดกลัวและตกใจ เมื่อเห็นมารดาพลัดตกลงมาต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบทรุดตัวลงข้างๆ มือเล็กๆ จับชายเสื้อของมารดาแน่น "ฮือ...แม่ แม่คะ"เสียงเล็กๆ ร้องเรียกสั่นเครือ"อาอิง"หลี่เฉินที่เพิ่งก้าวเข้ามาในลานบ้าน ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของจื่ออิงร่วงลงมากระแทกพื้นต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น ความตกใจแล่นพล่านไปทั่วร่าง โผเข้าไปหาภรรยาทันที นัยน์ตาคมเข้มฉายแววตื่นตระหนก"คุณเจ็บตรงไหน บอกผมเร็วเข้า"เสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน มือไม้สั่นเทา ไม่กล้าแตะต้องภรรยาเพราะกลัวจะทำให้เธอเจ็บหนักกว่าเดิม ยิ่งเห็นภรรยาหลั่งน้ำตาหัวใจยิ่งเหมือนถูกบีบแน่น เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวลจื่ออิงดวงตาร้อนผ่าว น้ำตานองเต็มหน้า แต่ไม่ใช่เพร
จื่ออิงกำลังจดจ่ออยู่กับการตัดเย็บชุดตัวใหม่ให้เหยียนเหยียน เสียงจักรเย็บผ้าดังกึกกักเป็นจังหวะ สายตาของเธอจับจ้องไปยังฝีเข็มที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามเนื้อผ้าทันใดนั้น เสียงเรียกของใครบางคนก็ดังขึ้น"พี่สาว"จื่ออิงชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานที่กำลังเดินเข้ามา เจียงซินหยาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที ไม่ใช่ว่าเธอปิดประตูรั้วแล้วหรอกหรือ แล้วอีกฝ่ายเข้ามาได้อย่างไรจื่ออิงวางผ้าในมือลง ลุกขึ้นยืนมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาราวกับเป็นบ้านตัวเอง"ฉันเห็นรั้วบ้านพี่ปิดไม่สนิท เลยถือวิสาสะเปิดเข้ามา" เจียงซินหยายิ้มบางๆ "ไม่ว่ากันใช่ไหมคะ"คำพูดนั้นทำให้จื่ออิงต้องเม้มริมฝีปาก รั้วปิดไม่สนิทงั้นหรือ เธอมั่นใจว่าปิดสนิทแล้วอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป"มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยิ่งมองคนตรงหน้ายิ่งรู้สึกขัดใจกับสถานะนางเอกของอีกฝ่าย นางเอกอะไรกันไร้มารยาทสิ้นดี"เปล่าหรอกค่ะ แค่วันนี้ฉันว่างเลยพาถังถังมาเยี่ยมเหยียนเหยียน" เจียงซินหยาเอ่ยยิ้มๆ พลางหันไปมองด้านนอก "เด็กๆ ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว ถังถังแกบ่นคิดถึงเหยียนเหยียนน