“ไทเฮาพ่ะย่ะฮะ อย่าทรงโศกเศร้าเสียพระทัยไปนักเลย ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะฮะ ควรส่งพระศพได้แล้วพ่ะย่ะฮะ พระสนมป่วยไข้เกรงว่าร่างกายจะ ไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น และเอ่อเอ่อ อาจเป็นโรคติดต่อได้” ป๊ะแกสิโรคติดต่อ
เฮอะคิดจะกำจัดฉันหรือ คิดว่าฉันจะเน่าเหม็นหรือ พวกแกนั่นแหละ มือบางค่อยๆ ขยับกำมือไทเฮาไว้ส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่แววตาเศร้าโศกเมื่อครู่ของไทเฮาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และตกใจไม่น้อยรีบดึงมือออก
“ต้าเหนิงเจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ”
พูดราวกับกระซิบ
ต้าเหนิงลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองคนพูด
ไทเฮาสวมกอดต้าเหนิงไว้แน่น ต้าเหนิงยกมือขึ้นกอดตอบแต่ไม่อาจเปล่งเสียงพูด
“ตามหมอหลวง เจายี่รีบตามหมอหลวง”
เปล่งเสียงด้วยความดีใจ ต้าเหนิงถอนหายใจยาว ตัดไปที่เจายี่ที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อมาก็คือกำลังใช้สมองกำลังคิดหาคำแก้ตัว
ถลาเข้ามาข้างในม่าน
“พระสนม โธ่พระสนมไม่เป็นไรแล้วหรือเจ้าคะ”
น้ำตาแห่งความเสแสร้งมาอีกแล้วต้าเหนิงยิ้มเย็น ต้องเน้นๆ แล้วแหละเจายี่เอ๊ย ยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดหน้าของเจายี่อย่างแรงจนนางล้มลงก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการชักกระตุกตาค้างดิ้นทุรนทุราย ไทเฮารีบเข้ามาพยุง
“ต้าเหนิง ต้าเหนิงพวกเจ้าช้าอยู่ไยรีบตามหมอหลวงพระสนมชักใหญ่แล้ว”
ไทเฮาส่งเสียงตวาดดังๆ เจายี่ขยับตัวลุกขึ้นด้วยความงุนงงก็จะไม่งงได้อย่างไรก็โดนถีบยอดหน้าขนาดนั้นถึงกับวินกันเลยทีเดียว
ต้าเหนิง เล่นละครจนพอใจก่อนจะค่อยๆ ชักเกร็งให้ช้าลงกว่าเดิม แล้วค่อยๆ สงบลงในอ้อมแขนของไทเฮา
“หมอหลวงมาหรือยัง”
หมอหลวงถือหลวมยาเดินชมนกชมไม่ได้เร่งรีบอะไร เดินทอดน่องสบายอารมณ์เหมือนกำลังถ่วงเวลาก็ถ่วงเวลานั่นแหละ
“หมอหลวงทำไมมาช้าเสียจริงเรือนรักษาอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว”
หยุดยืนอยู่หน้าตำหนักเก่า สีหมองคล้ำ ป้ายตำหนักเขียนไว้ชัดเจนตำหนัก16สนมคนที่สิบหกของฮ่องเต้
“อะแฮ่ม”
ก่อนจะถลาเข้าไปในห้องด้วยท่าทีร้อนรนผิดกับเมื่อครู่ที่ยังหวานเย็น
“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ โอ้พระสนมข้าน้อยคิดว่าท่านจะ…ตุยไม่น่าเชื่อว่าจะแข็งแกร่งเพียงนี้สวรรค์เมตตาจริงๆ ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะข้าน้อยจะตรวจดูอาการพระสนมอีกครั้งเชิญไทเฮาด้านนอก”
ตรวจอะไรวะทำไมไทเฮาอยู่ไม่ได้ต้าเหนิงคันจมูกขึ้นมา
ดึงมือไทเฮาไว้เวลาแบบนี้จะไว้ใจใครได้ พยายามเปล่งเสียงขอร้องแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“ไม่ต้องกลัวข้าอยู่ด้านนอก ไม่ห่าง ให้ท่านหมอดูแลเจ้า”
“อะอ่าอะอะ” ไทเฮาแกะมือต้าเหนิงออกยิ้มอ่อนโยนตบที่หลังมือต้าเหนิงเบาๆ เดินออกจากม่านไปในทันที ต้าเหนิงหันซ้ายหันขวา
หมอหลวงยิ้มไม่บริสุทธิ์หรือเรียกว่าแสยะยิ้มนั่นแหละ ทรุดกายลงข้างแท่นนอน
“เจายี่ นำน้ำดื่มมาพระสนมต้าเหนิงกำลังจะกินยา”
ยาอะไร จะให้กินยาอะไร สายตาหมอหลวงที่ไม่น่าไว้ใจบวกกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าหมอหลวงนั่นทำเอาต้าเหนิงใจหายแว๊บ
ต้าเหนิงพยายามจะเปล่งเสียงร้องแต่เปล่าประโยชน์หมอหลวงนามซุนเตอหลี่บีบปากให้อ้าออก เจายี่เดินถือจอกน้ำเข้ามา ซุนเตอหลี่ยกยาเม็ดเล็กชูขึ้นตรงหน้าต้าเหนิง ที่ไม่มีทางดิ้นรนเพราะถูกเจายี่จับตัวไว้แน่น
“อย่าดื้อเพคะพระสนมข้าน้อยรู้ดีว่าพระสนมไม่ชอบกินยาแต่นี่จะช่วยพระสนมได้” ต้าเหนิงดิ้นรน หนีเสือปะจระเข้จะเปล่งเสียงก็ไร้ซึ่งสรรพเสียงมือไม้ดิ้นรนเปะปะ เจายี่ตัวร้ายยิ้มอย่างผู้ชนะ
ยกชามน้ำเตรียมกรอกลงปากของต้าเหนิงหมอหลวงก็กำลังจะหย่อนยาลงในปาก
ราวกับมัจจุราชที่พร้อมจะพรากชีวิตของต้าเหนิงไปพยายามทำลำคอให่เล็กที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องกลืนยาแต่โดนบีบปากแต่ต้าเหนิงจะไม่มีทางกลืนยางลงคอแน่ หลับตานับหนึ่งสองสามตั้งใจจะดิ้นรนครั้งสุดท้าย1….2
“เช้งงงงง”
ผ้าม่านสีทึบถูกคมกระบี่ปาดฉับจนขาดวิ่น ร่วงลงพื้นกระจาย ไทเฮายืนมองขมวดคิ้วสีหม่นเข้าหากัน ร่างสูงที่ต้าเหนิงมองเห็นราวกับมีออร่าหรือแสงสว่างรอบตัวเดินเข้ามาพร้อมกับเก็บกระบี่คมเข้าไปในฝัก บุรุษองอาจอีกคนยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง
ยาเม็ดเล็กถูกหย่อนลงคอพร้อมกับหมอหลวงรีบปล่อยมือจากปากต้าเหนิงที่ ดันกลืนยาเข้าไปในลำคอ พวกเขายังไม่ยอมพลาดและทำทีว่าพลั้งมือหย่อนยาไปแล้ว กระบี่ในมือของบุรุษชุดดำตวัดพาดไปที่ลำคอของหมอหลวงซุนเตอหลี่
ที่รีบทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นเสีย
“อั๊กกกก”
คนมาใหม่ที่หล่อราวกับเทพบุตรแล้วดันสวมชุดขาวคนนั้นทรุดกายลงกับแท่นนอนพยุงต้าเหนิงให้นั่งแล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่เต็มแผ่นหลังเล็กจนจุกแอ่ก ทำให้ยาเม็ดเล็กที่หมอหลวงจงใจหย่อนลงไปกระเด็นหลุดออกมา แทบเท้าของเจายี่ที่รีบขยับเท้าเหยียบเม็ดยาไว้เสีย คนชุดขาวก็หาได้ติดใจไม่ ก้มมองหน้าซูบ ร่างผอมบางในอ้อมแขนของตัวเองด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะปล่อยร่างบางของต้าเหนิงให้ร่วงลงบนแท่นนอนดึงผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยออกจากอกเสื้อมาเช็ดถูที่มือไปมาราวกับรังเกียจต้าเหนิงเสียเต็มที
“คงไม่ช้าไป”
คนสนิทท่าทีองอาจนามหานจงประสานมือยิ้มน้อยๆ
เจ้ายี่คุกเข่าลงอีกคน
“ถวายพระพรท่านอ๋องฉิน” สีหน้าที่ปรับให้เป็นเรียบเฉยแต่ความจริงแล้ว
“อ๋องฉิน”
ต้าเหนิงพึมพำได้แค่นั้นก่อนที่สติจะดับวูบลงไป
“อ๋องฉินจวิ้นหวัง (จวิ้นหวัง ตำแหน่งลำดับสองที่ไม่มีผลงานโดดเด่น) มาถึงนี่ ได้อย่างไร”
เสียงอ่อนโยนของไทเฮาทักผู้อาวุโสน้อยกว่าที่มีท่าทีเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย
“ข้าน้อยฉินเกอหลงถวายพระพรไทเฮา ข้าน้อยรับราชโองการจากไทฮองไทเฮาให้มาพาตัวสนมเอ่อต้าหนิง ยังวิหารเทียมฟ้า” น้ำเสียงเรียบเฉยปราศจากความรู้สึก
ไทเฮายิ้มบางๆ
“ไทฮองไทเฮาอย่างนั้นหรือ อืมมมดีทีเดียวข้าตั้งใจจะไปไหว้พระที่นั่นเช่นกันเช่นนั้นคงต้องอาศัยขบวนของอ๋องฉิน คอยอารักขาแต่สนมต้าเหนิงรักษาตัวที่นี่ก็ดีแล้ว มีหมอหลวงคอยดูแล”
อ๋องฉินยิ้มบางๆ ที่เรียกว่าบางจริงๆ เพียงยกมุมปากขึ้นเพียงนิดแทบจะมองไม่เห็นว่าคือรอยยิ้ม
“อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว อ๋องฉินเองก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ไม่ดี หากแต่เป็นบัญชาและไทฮองไทเฮาและเสด็จย่ายังอ้างถึงพระเสาวนีย์ของเสด็จปู่ที่เคยตรัสไว้เรื่องตระกูลเอ่อ”
ไทเฮายิ้มอ่อนโยน
“ดีจริง ต้าเหนิงต่อไปจะอยู่ภายใต้การดูแลของไทฮองไทเฮาแล้ว”
อ๋องฉินยิ้มก่อนจะโบกมือให้คนสนิทนามหานจงพาต้าเหนิงที่หมดสติออกไปจากตำหนักเก่านี้
ฉินเกอหลง ก่อนหน้านั้นเมื่อพันปีก่อนยืนโปรยเถ้ากระดูกของต้าเหนิง ที่ลำน้ำใสไหลเย็น“เดินทางก่อนข้าแล้วอย่าลืม จดจำเรื่องราวของเรา”“ฝ่าบาท ท่านหมอเยี่ยนฉือกับหานจงขอประทานอนุญาตออกเดินท่องยุทธภพ หวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาตในครั้งนี้”เชียวกงเล่อประสานมือตรงหน้า ความรู้สึกเหมือนบางอย่างแหว่งเว้าหายไป กำลังจะมีใครจากไปอีกแล้วสินะถึงจะยื้อไว้เพียงใดพวกเขาก็ต้องจากไปสักวันอยู่ดี“ในที่สุดเราทุกคนก็ได้แค่เพียงเป็นเถ้าธุลี ปลิวหายไปพร้อมกับสายลม ข้าเองแม้จะอยากทำตามใจเพียงใดสุดท้ายข้าก็ได้แค่เพียงสะกดกลั้นความคิดนั้นไว้เสีย”“พ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ..กงเล่อหมายถึงท่านปู่ของฮองเฮาเอ่อถูหวังซวน เสียใจที่ต้องสูญเสียคนของตระกูลเอ่อไปจนไม่เหลือใครแม้กงเล่อขอใช้แซ่ของตระกูลเอ่อแต่ท่านพ่อก็ยังเศร้าโศกเช่นเดิมกงเล่อเข้าใจดีว่าไม่อาจทดแทนกันได้”“จริงสินะในที่สุดตระกูลฉินก็ไม่อาจปกป้องตระกูลเอ่อไว้ได้ ข้าที่ทุ่มเทตั้งแต่วันแรกที่พบนางก็ยังไม่อาจช่วยเหลือนางได้ทันเช่นนั้นจึงเรียกว่าเป็นความผิดของข้า”“ไม่มีใครผิดพ่ะย่ะค่ะสวรรค์กำหนดไว้แล้ว หากไม่มีฝ่าบาทบางที่ตระกูลเอ่ออาจไม่เหลือรอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกฆ่า
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก“อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย” ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูกๆไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำๆที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย“ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายากๆเขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจทุกรายละเอ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุ่งสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเหนื่อยทันที” ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆ วิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว!” ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสอง
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพะรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย“ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโลกมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย“หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล็ก
“นั่นสิคุณน่ะนะยิ่งโดนมือยิ่งน่าฟัดดูสิอกอวบแน่นกับบั้นท้ายที่น่ากระแทกขนาดนี้ใครจะอดใจไหว” ต้าเหนิงยิ้มอายๆ“อีกทีนะคนดี” กดเอวลงช้าๆ เน้นๆ ต้าเหนิงสะดุ้งเฮือกเสียวจนแทบจะทนไม่ไหว“อ่าาาาา” บิดกายสอดรับกับร่างแข็งแรงของอีกคน ความเสียวช่านแผ่ไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า มือบางกอดฉินเกอหลงไว้แน่นซี๊ดปากด้วยความรู้สึกเสียวสุดๆ ฉินเกอหลงยิ้มมองสบตาหวานฉ่ำ“เอาอีกสินะ” อีกคนยิ้มขย่มร่างบางของต้าเหนิงที่กำลังวิงเวียนทั้งหวานทั้งเสียวซ่าน คนหล่อก็ไม่ออมมือยังขย่มด้วยแรงทั้งหมดก่อนจะกอดรวบร่างบางแนบแน่นร่างสงอร่างบดเบียดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันพายุสวาทจบลงแล้ว จูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียนดึงมือบางให้ลุกขึ้น“คราวนี้ลุกได้แล้วไปอาบน้ำแล้วผมจะพาไปทานอะไรก่อนที่จะไปหาหมอให้คุณหมอดนัยดูอาการเสียหน่อย หรือจะให้อุ้มไปที่ห้องน้ำผมอาบน้ำ” ต้าเหนิงทำหน้าเง้าอีกคนจูบที่หลังมือเบาๆ“ไปกันเถอะเดี๋ยวคืนนี้ผมมาจัดเต็มให้อีกตอนนี้หิวแล้วไปหาอะไรกินกันก่อน” ต้าเหนิงยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างว่าง่ายเสียงฝักบัวดังซู่ๆ ฉินเกอหลงกางผ้าขนหนูแล้วกอดร่างเปลือยของต้าเหนิงไว้จูบที่ไหล่เบาๆต้าเหนิงยิ้มทุกอย่างจะต้องเป็นฉินเกอหลงที
ฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถสปอร์ตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที่สุดก็สมหวังยัยหนูลูกเราเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ป๊าของต้าเหนิงพูดกับคุณปทุมยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตา“กำลังคิดว่าคนที่คุณหาให้ต้าเหนิงคนนั้นชื่ออะไรนะฉันเกือบลืม”“กวนหยงเขายังอยากจะแต่งกับยายหนู แต่คนนี้ผมว่าดีสุดล่ะทั้งหล่อทั้งรวยลูกเราตาถึงเหมือนกันนะให้เลือกเองไม่มีพลาดเชียว” รอยยิ้มที่สดใสปรากฏตรงหน้าเรื่องราวร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้วต่อไปเหลือแต่เรื่องราวดีดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในห้องหอที่แม้แต่เตียงยังหวาน ต้าเหนิงนั่งบีบมือตัวเองบนเตียงใหญ่โรยด้วยกลีบกุหลาบความรู้สึกตื่นเต้นกับความรู้สึก เขินอายตีกันวุ่นวาย นั่งรอให้เขาเอาเสาลงหลุม555มือเย็นเฉียบ หน้าคงจะแดงถ้าดูกระจกตอนนี้“ฉินเกอหลงเดินมานั่งลงข้างๆ“อาบน้ำไหม” ต้าเหนิงอ้าปาก“เคยอาบแล้วค่ะ” อีกคนส่ายหน้ายิ้มๆ“แสดงว่าอยากให้ทำอะไรที่ไม่เคยทำใช่ไหม”“มะ มะไม่ไม่ใช่…อุ๊ป” ริมฝีปากอุ่นประกบบางทันทีจูบหวานหยดทั้งเชิญชวนและหลอมละลายที่ไม่ใช่ละล