รู้สึกว่าฉันกำลังตกอยู่ในห้วงความสุข รู้สึกว่าร่างกายของฉันมันวาบหวามไปหมด เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหน
ฝัน ฉันคงกำลังฝัน ฝันว่าหว่างขาของฉันกำลังมีบางอย่างมาสัมผัส
“อือ...” บางอย่างกำลังรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของฉัน ตรงนั้น ที่ตรงนั้น ที่หวงห้ามไม่มีใครเคยสัมผัส
หรือนี่ไม่ใช่ฝัน
ฉันพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่ด้วยสติที่เลือนลางจากความมึนเมาและความมืดจึงเห็นเพียงแค่ร่างหนาของใครบางคน เขาเป็นใครก็ไม่รู้ แต่เขากำลังขยับโถมตัวเข้าหาฉันที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ไม่นานฉันก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ ให้ความร่วมมือทุกอย่างกับใครก็ไม่รู้ บทรักร้อนแรงที่เกิดมาเพิ่งเคยสัมผัสทำเอาฉันใจแตกพล่าน หลงในท่วงท่าราคะที่เขามอบให้ ก่อนที่ฉันจะหลับฝันหลังจากเสร็จสม ชายคนผู้พรากบริสุทธิ์เขาป้อนจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ฉันได้กลิ่นเครื่องดื่มราคาแพงจากกายเขา
ฉันลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกหนักหัวสุด ๆ แทบไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลย ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ ดวงตาเบิกกว้าง แทบจะตื่นเต็มตา ให้ตายเถอะ มันเลยเวลาขึ้นเครื่องของมิ้มไปหลายชั่วโมงแล้ว ป่านนี้มิ้มไปไกลแล้วมั้ง ตาย ๆ ทำไมฉันถึงเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ล่ะ
รวบรวมสติแล้วก็ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ
เอ๋? ความรู้สึกโล่งนี้ ทำไมมันเย็นวาบเหมือนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วยังเจ็บที่ตรงนั้นด้วย ฉันก้มมองสำรวจตัวเอง โป๊ ทำไมฉันแก้ผ้าอะ ใครถอด ฉันหรือใคร?
หันมองสำรวจรอบห้องอย่างเต็มตา นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน เมื่อมองที่เตียงจึงได้เห็นว่ามีคนนอนอยู่
ใครอยู่ใต้ผ้าห่ม
ด้วยร่างกายที่ไวกว่าความคิด ฉันรีบดึงผ้าห่มออก ภาพตรงหน้าทำหัวใจของฉันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อคืนไม่ใชความฝัน ชายที่มีรอยสักรูปมังกรกลางหลังคนนี้เอาเซ็กซ์ครั้งแรกของฉัน แล้วเขาคือใครล่ะ
ด้วยความอยากรู้ฉันจับตัวเขาพลิกนอนหงาย ถึงมันจะหนักแต่ความอยากรู้ทำให้เรามีพลังเพิ่มหลายเท่า และเมื่อได้เห็นหน้าชัด ๆ ของเขา ฉันเข้าใจความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขาไร้เรี่ยวแรงจะยืน หายใจติดขัด ไม่รู้เลยควรอธิบายความรู้สึกนี้ยังไง หัวใจของฉันหน่วงหนึบ มือสั่น ที่เคลื่อนไหวชัดเจนคงเป็นน้ำตาของความเสียใจ ฉันเสียใจจริง ๆ ที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้น
เสียบริสุทธิ์ให้ใครก็ไม่รู้ยังดีกว่ารู้ว่าเสียให้ใคร ฉันอยากให้เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้
เขาลืมตามองฉันที่นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น ลุกขึ้นนั่งแล้วโครงหัวสองสามที เขาลุกเดินโดยที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า ไอ้ตรงนั้นของเขามันขยับไปมาตามจังหวะเดิน เขาหยิบกางเกงบ็อกเซอร์มาสวมตามด้วยกางเกงยีนส์ คว้ากระเป๋าเงินและเดินกลับมาหาฉัน
“เท่าไหร่” คำแรกที่เขาปริปากพูดด้วยใบหน้าเฉยชา
“ฮือ ฮือ พี่กองทัพ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง หนูเป็นเพื่อนมิ้มนะ พี่ก็รู้ แล้วพี่ทำทำไม ทำแบบนี้ได้ยังไง” ฉันกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้ ไม่ได้มองว่าเขาทำหน้ายังไง ฉันไม่รู้ควรจะทำตัวยังไงดี
“งั้นเธอก็เงียบปากสิ เธอไม่พูด ฉันไม่พูด ไม่มีใครรู้ ง่ายจะตาย” ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากปากของพี่กองทัพที่แสนดี ไม่คิดว่าจะเขาพ่นคำพูดโคตรเห็นแก่ตัว
คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกแย่ ฉันลุกขึ้นยืนเผชิญกับเขา ทำไมถึงได้เลวแบบนี้ ริมฝีปากของพี่กองทัพยกยิ้ม มันทำให้ฉันหมดความอดทน เพี้ยะ เสียงดังเพี้ยะเพราะฉันตบที่ใบหน้าหล่อของเขา “เลว พี่ทำกับเพื่อนเบลล์แบบนี้ได้ไง เบลล์ไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้ เสียแรงที่เบลล์คิดมาตลอดว่าพี่เป็นคนดี ไอ้คนทุ... อ่อย”
คำพูดของฉันขาดหายเพราะเขากระชากตัวฉันเข้าหา มือบีบที่สันกราม สายตาของเขาดุร้าย เขามันปีศาจ ซาตานในคราบเทพบุตรที่ใครหลายคนหลงใหล “หรือเธอจะให้ฉันบอกมิ้มเรื่องของเราดีล่ะ เธอว่ามิ้มจะทำหน้ายังไงนะ”
“ยะ อย่านะ เบลล์ไม่อยากให้มิ้มเสียใจ มิ้มรักพี่กองทัพมาก มิ้มต้องเสียใจแน่ ๆ ถ้ารู้เรื่องคาว ๆ ที่เกิดขึ้น” ฉันพูดเสียงกุกกัก แค่คิดว่ามิ้มรู้เรื่องที่เกิดขึ้นฉันก็ไม่รู้จะสู้หน้าเพื่อนยังไงแล้ว มิ้มรักฉันมากก็จริง แต่มิ้มรักพี่กองทัพมากกว่า มิ้มคือคนที่น่าสงสารที่สุด ฉันต้องปิดไว้ ต้องไม่ให้มิ้มรู้เรื่องนี้
“งั้นเธอก็เชื่อฟังฉันสิ แล้วเรื่องของเราจะไม่มีใครรู้” มุมปากกระตุกยิ้ม นิ้วชี้ยกขึ้นจับปอยผมจับทัดที่ใบหูฉัน สายตาเจ้าเล่ห์กำลังมองมา สายตาของความคึกคะนอง สนุกกับเรื่องที่กำลังทำ
“ยังไงคะ”
สองเดือนต่อมา...บ้านชานเมือง“แม่เบลล์คะหนูมีเรื่องจะบอกค่ะ” หมูน้อยกระซิบที่ใบหู ความจริงไม่ต้องกระซิบก็ได้เพราะตอนนี้เราอยู่กันสองคน น้าวันไปซื้อของกับเพื่อนข้างบ้าน“อะไรคะ” ฉันฉีกยิ้มสดใสอีกทั้งทำหน้าอยากรู้อยากเห็นให้สมกับที่ลูกสาวกำลังเล่นใหญ่ ก็หมูน้อยทำหน้าทำตาเหมือนมันเป็นความลับสุดยอด“ตาหนุ่มข้างบ้านเป็นแฟนยายวันของหนูค่ะ” หมูน้อยกระซิบที่หูอีกรอบ“ฮะ หนูรู้ได้ไงคะ” น้าวันเนี่ยนะมีแฟน อันนี้ฉันตกใจจริง“ก็ตาหนุ่มกับยายวันชอบยิ้มให้กัน แล้วตาหนุ่มก็บอกให้หนูเรียกว่าคุณตาเหมือนที่เรียกยายวัน ตาหนุ่มยังบอกอีกนะคะว่าให้หนูช่วยบอกยายวันให้รับรักตาหนุ่มที” หมูน้อยเล่าเป็นฉากเป็นตอนด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังมากตาหนุ่มคงเป็นคนที่น้าวันพูดถึงบ่อย ๆ ได้ยินว่าเมียแกตายไปปีกว่าแกเสียใจมาก น้าวันเลยเข้าไปชวนคุยไปอยู่เป็นเพื่อนเพราะกลัวแกเหงา กลัวจะตรอมใจจะว่าไปเวลาน้าวันเล่าถึงตาหนุ่มน้ำเสียงน้าก็ดูมีความสุข น้าวันของฉันมีความรักใช่ไหมเนี่ย“แล้วหนูทำไมบอกว่าตาหนุ่มกับยายวันเป็นแฟนกันคะ เขาอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้”“ก็อาทิตย์ก่อนที่แม่เบลล์ไม่มา ตาหนุ่มถือดอกไม้ช่อเบอเริ่มมาขอยายวันเป
หลายวันต่อมาเวลา 22:45 น.คอนโด“ค้างด้วยกันสิ” เสียงของสามีเพื่อนที่ข่มขู่จนได้ฉันมาเป็นเมียอีกรอบ วนกลับเข้ามาในลูปเดิม เกิดความผิดพลาดอีกครั้ง เรียกว่าซ้ำซากง่ายกว่า ไม่สมควรได้รับการอภัยโทษ“ไม่ค่ะ แค่นี้ก็ละอายใจมากแล้ว” ฉันปฏิเสธพร้อมทั้งลุกจากเตียง อยากจะหายไปจากคนตรงหน้าเต็มกลืน“อย่าพูดแบบนี้สิครับที่รัก เมื่อกี้เรายังมีความสุขกันอยู่เลย เย็นชาจัง” พี่กองทัพลุกขึ้นมากอดและจูบที่ต้นคอใช่ค่ะ สุดท้ายฉันก็กลัวมิ้มจะเห็นคลิปนั้น ฉันยอมกลับมาเป็นของเล่นของสามีเพื่อน ยอมให้เขาย่ำยี ดีกว่าให้เพื่อนที่แสนดีเสียใจ ฉันยังคงเป็นคนโง่มันคือความบังเอิญหรือพี่กองทัพตั้งใจไว้อยู่แล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อเพื่อนที่แสนดีของฉันโทรมาบอกเล่าให้ฟังว่าเธอต้องไปต่างประเทศด่วนและอาจจะไปอยู่ที่นู่นสองถึงสามเดือน เธอบอกว่ากลับมามีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังและยังย้ำว่าฝากดูแลท่านประธานด้วยมันเลยเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมว!แมวขี้ขโมย แอบเอากันตอนเมียเขาไม่อยู่ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อน จากนั้นหลังเลิกงานฉันต้องมาบำเรอกามอารมณ์ให้สามีของเพื่อนทุกวัน จนฉันรังเกียจตัวเ
เวลา 17:54 น.“บอสจะให้ดิฉันไปส่งที่ไหนคะ” ฉันเอ่ยถามสามีของเพื่อน ก็ตอนนี้เขานั่งอยู่ในรถของฉัน สาเหตุมาจากข้ออ้างที่ว่ามิ้มเอารถกลับไปและเขาไม่มีรถกลับบ้าน เขาจึงอาศัยรถฉันเพื่อมาพบคุณดนัย หลังจากเจรจาธุรกิจเรียบร้อยเราทั้งคู่นั่งอยู่ในรถโดยที่ฉันนั่งประจำที่คนขับ“คอนโดเดิม จำได้ไหม” เขาว่ามาแบบนี้ แล้วฉันจะตอบว่าอะไรดีล่ะ เปิดประเด็นมาแบบนี้เลยเหรอ จำได้ ก็จะหาว่าฉันใส่ใจ จำไม่ได้ ก็จะว่าเสแสร้งใช่ไหมสุดท้ายฉันเลือกที่จะไม่ตอบ ขับรถไปตามเส้นทางของคอนโดหรูที่ฉันไม่เคยลืม เพราะฝังใจ การเงียบ คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบางเรื่อง แต่ไม่ใช่กับทุกเรื่อง“ขอโทษนะ” แล้วจู่ ๆ สามีของเพื่อนที่เป็นบอสของฉันก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา“ขอโทษอะไรคะบอส” ฉันหันหน้ามองเขาเพียงนิดและกลับมาโฟกัสเส้นทาง“ห่างเหินเกินไปนะเบลล์”“รัศมีค่ะ สำหรับบอสควรเรียกฉันแบบนั้น”“หึ” เขาแค่นเสียงในลำคอจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง เราทั้งสองต่างคนต่างเงียบ จนกระทั่งรถจอดที่หน้าคอนโดหรู“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง แต่วานคุณรัศมีถือของขึ้นไปเก็บที่ห้องให้ผมด้วยนะครับ” พี่กองทัพยกยิ้มมุมปาก“คือ...” ฉันอึกอักอึดอัดไปหมด ในหัวเริ่มสับ
ออกจากคอนโดมาแล้วฉันเดินตามทางถนน เดินร้องไห้ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่แคร์สายตาชาวบ้าน ทั้งที่ใจหนึ่งก็เตรียมไว้แล้วว่าสักวันพี่กองทัพคงเบื่อแต่พอเกิดขึ้นจริง ๆ กลับรับไม่ได้ ไหนจะเสียใจกับเรื่องที่เขาให้ไปเอาเด็กออก เสียใจที่รักคนผิด เสียใจที่เกิดมาโง่ มันรู้สึกจุกแน่นอกไปหมด ไม่เข้าใจหัวใจผู้ชายคนนี้ทำด้วยอะไรถึงคิดฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขได้ลง ทำไมตัดสินใจได้เร็วขนาดนั้น หรือว่าเขาไม่มีหัวใจชีวิตของฉันในตอนนี้มีเพียงเช็คเงินสดห้าแสนบาทเท่านั้นที่ติดตัวมา เหลือญาติคนเดียวที่มีมาตั้งแต่เด็กและลูกในท้องที่กำลังจะเกิด ฉันคงต้องเอาเช็คไปขึ้นเงินแม้จะไม่อยากใช้แต่ก็ต้องใช้เพราะไม่มีทางเลือก จากนั้นก็ซมซานกลับไปหาน้าวันที่พึ่งทางใจสุดท้ายของฉันมารหัวขนที่เขาเรียกเป็นเด็กเกิดจากความผิดพลาดก็จริง แต่ฉันไม่คิดจะฆ่าเด็กในท้องอย่างที่เขาบอกไว้ ฉันจะเก็บลูกไว้ ใจฉันไม่ดำขนาดฆ่าลูกในไส้ตัวเองได้ลงคอ ฉันทำไม่ได้ ยังไงก็ทำไม่ได้ เด็กไม่รู้เรื่อง เมื่อเขามาเกิดเขาควรได้เกิด ฉันจะดูแลเองและพี่กองทัพกับฉันไม่มีวันเจอกันอีกหลังจากที่จัดการเรื่องเช็คเรียบร้อย ฉันกลับมายืนที่ห้องเช่าเก่า ๆ ยืนทำใจก่อนจะเข้า
สองเดือนต่อมา...ฉันยังคงใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดของพี่กองทัพ อยู่แค่ที่นี่จริง ๆ ไม่ได้ออกไปไหนเลย วันนั้นที่พี่กองทัพบอกจะพาไปร้านสักก็ไม่ได้ไป เพราะจู่ ๆ พี่กองทัพเขาก็เปลี่ยนใจออกไปคนเดียวซะงั้นและเขายังสั่งห้ามฉันไม่ให้ออกไปไหนเด็ดขาด ฉันก็เชื่อฟังพี่กองทัพกลับมานอนที่นี่ทุกคืน เขาทำให้ฉันเผลอใจรักจนได้ รักทั้งที่ไม่ควรจะรัก ทว่าพักหลังเขาดูแปลกไป เขาไม่เรียกร้องเรื่องบนเตียงกลับมาถึงเข้าห้องนอนกอดฉัน เช้าตื่นมาเขาก็ไป ทุกวันนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรเพราะเรื่องส่วนตัวฉันไม่มีสิทธิ์ถามและต้องบอกก่อนว่าแม้ฉันกับมิ้มจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ฉันก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของมิ้มสักนิดเพราะฉันคิดอยู่เสมอว่าฉันต่ำต้อยกว่ามิ้มจึงไม่อยากถาม ถ้าเรื่องไหนมิ้มอยากเล่ามิ้มก็จะเล่าให้ฟังเอง ฉันจึงไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของพี่กองทัพมิ้มยังคงทักไลน์มาหาอยู่บ่อย ๆ ฉันก็ยังคุยกับเธอปกติแม้จะนอนกกผัวเธออยู่ก็ตาม โคตรจะหน้าด้านไร้ยางอาย รู้สึกผิด รู้ว่าบาปแต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่อยากให้มิ้มรู้เรื่อง กลัวเธอเสียใจที่โดนคนรักและเพื่อนเลว ๆ อย่างฉันหักหลังและตอนนี้มันเลวร้ายมาก เพราะฉันมันไม่สำนึก ไม่รู้จัก
ช่วงเย็นฉันออกไปเก็บเสื้อผ้าบางส่วนและบอกน้าวันว่ามีคนจ้างทำงานเป็นงานพิเศษ มีที่พักให้ น้าวันไม่เอะใจอะไรสักนิดเพราะว่าฉันรับจ้างทำงานหลายอย่างมาตลอด น้าวันก็เลยไว้ใจเวลาสามทุ่มพี่กองทัพเดินเข้ามาในห้องของคอนโดหรู ที่ฉันรู้ว่ามันหรูเพราะฉันเห็นแล้วไงมันหรูมาก ๆ สูงหกสิบชั้นได้มั้ง ย่านคนมีเงินอยู่กันทั้งนั้น คนจนอย่างฉันไม่มีทางได้เฉียดเข้ามาเหยียบหรอก “พี่กินข้าวมาหรือยังคะ”“ทำไมอะ เบลล์อยากไปกินข้างนอกเหรอ” พี่กองทัพถอดเสื้อหนังออก เดินไปแขวนไว้ตรงที่แขวนใกล้ ๆ ตู้เสื้อผ้า“เปล่าค่ะ เบลล์จะบอกว่าเบลล์ทำเผื่อพี่ไว้อยู่ในครัวค่ะ อาหารบ้าน ๆ ไม่รู้พี่จะกินได้ไหม” ฉันก็แค่ทำเผื่อแผ่มนุษย์ร่วมห้องก็แค่นั้น เป็นความเคยชินที่ชอบทำกับข้าวเผื่อใครสักคนเพื่อเตือนตัวเองว่าฉันไม่ได้ตัวคนเดียวพี่กองทัพมายืนด้านหลังโซฟาแล้วโน้มตัวมาหอมแก้มฉัน กลิ่นน้ำหอมอบอวลใกล้ ๆ ตัวฉัน ตึก ตึก ตึก ใจมันเต้นแรง สั่นไหวแปลก ๆ นี่ฉันกำลังคิดไม่ซื่อกับคนรักของเพื่อนงั้นเหรอ ไม่ดิ ไม่ได้ มันผิด ฉันต้องห้ามรู้สึก “ขอบใจนะ กินข้าวกันปะ”“เบลล์กินแล้วค่ะ” ฉันต้องนิ่ง ต้องนิ่งให้มากกว่านี้ อย่าใจสั่นเพียงเพราะเขาหล