LOGINในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา
เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลย การที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ในตอนนี้ “คุณมีเรื่องอะไร?” ภาคินย้อนถามเสียงขรึม “ผมจะมาคุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอะ..” สิ้นคำถามภาคินมาเฟียหนุ่มก็เปล่งเสียงตอบไปทันที ทว่าไม่ทันจะได้พูดจบประโยคอลินดาที่ยืนอยู่ก็ตวาดเสียงห้ามดังลั่น “คุณหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นพ่อแม่อย่างภาคินกับเอวาถึงกับตกใจไปตาม ๆ กัน และยิ่งทำให้ทั้งสองสงสัยเข้าไปอีก พากันมองหน้าบุตรสาวอย่างจับพิรุธ ก่อนภาคินจะพูดดุบุตรสาวไป “อย่าเสียมารยาทอลิน” “แด๊ดดี้อย่าไปฟังผู้ชายคนนี้นะคะ เขาเป็นคนสติไม่ดี” อลินดาไม่ได้สนใจเสียงดุของคนเป็นพ่อสักนิด นาทีนี้คิดเพียงว่าจะทำยังไงก็ได้ให้สิ่งที่กำลังกลัวไม่เกิดขึ้น พูดใส่ร้ายมาเฟียหนุ่มไปด้วยหวังว่าจะทำให้คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนัก แต่เธอไม่รู้เลยว่าอาการร้อนรน และความกังวลที่เธอเผลอแสดงออกมาทางสีหน้ายิ่งทำให้พ่อแม่สงสัยเข้าไปอีกเพราะทั้งสองรู้นิสัยบุตรสาวดีว่าหากไม่มีอะไรจริง ๆ เธอคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ “หากเขาเป็นคนสติไม่ดี แล้วทำไมลูกต้องร้อนรนขนาดนั้นกลัวเขาจะพูดอะไรอย่างนั้นเหรอ” ภาคินเอ่ยกับบุตรสาวด้วยเสียงที่ดุกว่าเดิมบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธทำให้อลินดาหน้าเจื่อนลงฉับพลัน แต่ก็มิวายพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วพริ้ว “ไม่ใช่นะคะแด๊ดดี๊” “หยุดได้แล้วอลิน หากไม่มีอะไรก็แค่ฟังเงียบ ๆ ก็พอ” เอวาที่เงียบมานานพูดดุอีกคนเมื่อบุตรสาวยังดื้อดึงไม่ยอมสงบปากสงบคำสักทีเธอเองก็อยากรู้จะแย่แล้วว่าชายหนุ่มจะพูดอะไร เพราะดูเหมือนมันจะเกี่ยวกับบุตรสาว ก่อนจะตวัดสายตาเอ่ยกับหนุ่มแปลกหน้า “คุณจะพูดอะไรพูดมาได้เลย” แน่นอนว่ามันเข้าทางมาเฟียหนุ่ม เขาแสร้งทำหน้ารู้สึกผิดแล้วบอกถึงจุดประสงค์ที่มาพบทั้งสองทันที “ผมจะมาขอรับผิดชอบน้องอลินครับ เมื่อคืนก่อนผมเมาแล้วได้ล่วงเกินน้องเขาไป ผมรู้สึกผิดมากจึงอยากมาขอรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับน้องครับ” “ห๊ะ!” คำบอกล่าวจากปากมาเฟียหนุ่มทำเอาอลินดาอ้าปากค้างตาเบิกกว้างเพราะรู้สึกช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพียงเพราะต้องการกำจัดเธอให้พ้นทางของน้องสาวเขา มันบ้าชัด ๆ.. ไม่ใช่แค่อลินดาที่ตกใจเอวากับภาคินก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนภาคินต้องถามย้ำอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะ” “ผมกับน้องอลินเมา แล้วพลาดมีอะไรกันครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติน้องผมจึงอยากรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน หวังว่าท่านทั้งสองจะเห็นด้วยนะครับ” มาเฟียหนุ่มตอบไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทุกคำพูดที่เอ่ยออกไปก็ฟังดูสวยหรูจนใครได้ฟังก็คิดว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่แสนดี คงจะมีแต่อลินดาที่รู้ถึงสันดานแท้จริงของเขา เธอแทบอยากจะอ้วกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่คิดสิ่งสำคัญคือเธอต้องแก้สถานการณ์ตอนนี้ก่อน “แด๊ดดี๊กับมามี๊อย่าไปฟังผู้ชายคนนี้นะคะ เขาโกหกอลินกับเขาไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น” รีบอธิบายกับพ่อแม่ไปเป็นพัลวัน และแน่นอนว่ามาเฟียหนุ่มไม่ยอมให้ทุกอย่างผิดพลาดพูดเน้นย้ำอีกครั้งพร้อมทั้งแสดงสีหน้าท่าทีที่จริงจังบ่งบอกว่าที่เขาพูดไปล้วนเป็นความจริง “ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ หากไม่ใช่เรื่องจริงผมจะมาพูดให้ตัวเองถูกมองไม่ดีทำไมครับ” สร้างความหนักใจให้คนกลางอย่างเอวากับภาคินยิ่งนักในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะฟังใครดี ทั้งสองมองหน้าบุตรสาวกับชายหนุ่มสลับไปมานานหลายนาที ก่อนภาคินจะเป็นคนยิงคำถามใส่ชายหนุ่มโดยการถามถึงความลับของบุตรสาวเพื่อพิสูจน์ว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงไหม “หากคุณมีอะไรกับลูกสาวผมจริง ๆ คุณก็ต้องรู้ว่าบนร่างกายของลูกสาวผมมีตำหนิ หรือรอยแผลเป็นตรงไหนบ้าง” “น้องอลินมีปานแดงใต้ราวนมครับ แล้วก็ยังมีรอยแผลเป็นตรงอะ..” “หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” มาเฟียหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิดเพราะในคืนนั้นเขาสำรวจร่างกายหญิงสาวจนละเอียดยิบให้อธิบายว่าส่วนนั้นของเธอเป็นยังไงเขายังอธิบายถูกเลย แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคอีกคนก็ตวาดเสียงใส่ดังลั่นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก เขาหันไปยกยิ้มมุมปากใส่ร่างบางที่ยืนโกรธจนตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางเรียบนิ่งแตกต่างจากตอนมองหน้าหญิงสาวสิ้นเชิง ก่อนจะเอ่ยประโยคโกหกออกไปเพราะต้องการให้ผู้ใหญ่ทั้งสองยอมรับคำขอของเขา ยังไงเสียเขาจะต้องกำจัดหญิงสาวให้พ้นทางน้องตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อแม้จะต้องใช้วิธีที่ถูกมัดด้วยตัวเองก็ตาม “ผมพูดไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่ท่านทั้งสองจะกรุณาเลยครับ แต่ผมอยากบอกให้รู้ว่าผมชอบน้องอลินครับ และอยากจะรับผิดชอบน้องจริง ๆ จึงได้มาคุยในวันนี้” ภาคินถอนหายใจออกมาอ่อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้วเขากับภรรยาก็คงปฏิเสธไม่ได้เพราะยังไงบุตรสาวก็เป็นฝ่ายเสียหาย เขาสายตาตวัดมองหน้าบุตรสาวชั่วครู่ ก่อนจะเลื่อนกลับมามองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับเปล่งเสียงตอบไป “ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วก็เอาตามที่คุณว่านั่นแหละ ไหน ๆ ลูกสาวผมก็เป็นฝ่ายเสียหาย” อลินดาถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบจากปากผู้เป็นพ่อคิดไม่ถึงว่าท่านจะตกลงอย่างง่ายดายหลังจากฟังคำพูดไม่กี่คำจากผู้ชายสารเลว รีบปฏิเสธไปเป็นพัลวัน "ไม่นะคะแด๊ดดี๊อลินไม่แต่งกับเขา อลินไม่ได้รักเขา" "แล้วยังไงในเมื่อลูกได้เสียกับเขาไปแล้ว ยังไงก็ต้องแต่งงานกัน" ภาคินไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงของบุตรสาวสักนิด ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้อยากบังคับบุตรสาวเลย แต่เพราะมันมีอีกหนึ่งเหตุผลแอบแฝงอยู่ต่างหาก เขารู้ว่าบุตรสาวคบกับผู้หญิงด้วยกันซึ่งบอกตามตรงว่าเขารับไม่ได้ถึงแม้ในปัจจุบันเรื่องแบบนี้จะเปิดกว้างแล้วก็ตามนี่จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ ระหว่างที่สถานการณ์ของสองพ่อลูกกำลังตึงเครียดคงจะมีแค่มาเฟียหนุ่มที่สบายใจเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อมแสดงท่าทีซาบซึ้งออกมาทั้งที่ความจริงรู้สึกเฉย ๆ "ขอบคุณมากนะครับพี่ให้โอกาสผม ผมจะรีบให้พ่อแม่มาคุยอย่างเป็นทางการอีกทีนะครับ" "อืม.." "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับพอดีมีธุระต่อ สวัสดีครับ" หลังจากพ่อของหญิงสาวพยักหน้ารับคำพูดเขาก็ขอตัวกลับทันทีโดยอ้างว่ามีธุระ มือหนายกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้งเพื่อเป็นการร่ำลา จากนั้นก็ลุกหมุนตัวเดินออกจากบ้าน ขณะเดินผ่านหญิงสาวเขาก็ไม่ลืมเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะใส่เธอ คนถูกเยาะเย้ยอย่างอลินดาทำได้แค่กำหมัดแน่นพลางก่นด่าเขาในใจด้วยความโกรธ เขามันสารเลวกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก สารเลวจนไม่มีหาคำไหนมาเปรียบเปรย..วันต่อมา ทั้งสองก็พากันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานทะเบียนต่อ"เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะ ต่อจากนี้ห้ามชายตามองผู้ชายคนไหนแม้แต่นิดเดียว" ทันทีที่ใบทะเบียนสมรสที่มีลายลักษณ์อักษรของหญิงสาวกับตัวเองอยู่ในมือมาเฟียหนุ่มก็ยืดออกแสดงความความเป็นเจ้าของอย่างเต็มภาคภูมิ"แค่ดูเป็นอาหารตาก็ไม่ได้เหรอคะสามี" อลินดาพูดหยอกสามีป้ายแดงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ ขณะกำลังจูงมือกันเดินออกจากสำนักงานทะเบียน"มีผัวหล่อขนาดนี้แล้วจะไปมองผู้ชายคนอื่นทำไม มองผัวนี่แหละครับเป็นอาหารตาชั้นดี" เธอได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พอได้ยินคำพูดจาหลงตัวเองของคนเป็นสามีเธอเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาก็หลงตัวเองเหมือนกัน ต่อให้ที่เขาพูดมาจะจริงก็เถอะ ด้วยความมันเขี้ยวอดพูดแกล้งเขาไปไม่ได้ "พี่หล่อก็จริง แค่มองทุกวันมันก็เบื่อเหมือนกันนะ"คำพูดจากริมฝีปากอิ่มทำคนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่ชอบใจ พลันหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันไปมองหน้าร่างบางพร้อมพ่นคำพูดออกไประรัว"อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามเบื่อ ห้ามเลิกรัก ห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามทิ้งกัน ห.."อลินดาฟังแทบไม่ทันจนเธอต้องรีบยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
เมื่อกลับมาถึงคอนโดเธอยังคงทำตัวปกติรอจนมาเฟียหนุ่มหลับจึงแอบเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจในห้องน้ำ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกระหว่างที่กำลังรอผลตรวจ มันลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก หากถามว่าเธอพร้อมมีลูกในตอนนี้ไหมตอบเลยว่าไม่ แต่หากว่าลูกมาแล้วจริง ๆ เธอก็คงต้องพร้อมให้ได้ "อึก.." เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเพราะความตื่นเต้นไปหยิบที่ตรวจครรภ์ที่วางบนอ่างล้างหน้าขึ้นมาดู "อ่า..ทำไมรีบมาจังลูกแม่ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลย" พอเห็นผลตรวจที่ขึ้นสีแดงสองขีดเธอถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งเธอก็ดีใจแต่อีกใจก็นึกกังวลอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอหลับตาลงพยายามตั้งสติ ขจัดความรู้สึกไม่ดีออกไป จากนั้นก็กำที่ตรวจครรภ์ไว้ในมือแน่นแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ เดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างสูงที่นอนหลับอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวที่เธอท้องคงจะสมใจเขาแล้วสิ นิ้วเรียวยื่นไปกรีดกรายตามแนวคิ้วโก้งทั้งสอง แล้วค่อย ๆ ลากลงตามจมูกโด่งเป็นสันมาหยุดที่ริมฝีปากหยักสีชมพูพลางครุ่นคิดในใจว่าหากเป็นล
เป็นเพราะเธอที่เข้ามาทำให้โลกอันดำมืดของเขาสว่างไสว เธอเป็นคนที่เข้ามาเติมทุกอย่างที่เขาขาดหายให้เต็มแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารัก และขอบคุณเธอได้ยังไงกันสองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้งส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนทั้งสองจะละสายตาจากกันเมื่อหมอวัยกลางคนเดินเข้ามา มีแค่มีที่ยังกอบกุมกันไว้แน่นด้วยลุ้นระทึกกับผลตรวจที่อยู่ในมือหมอ"ผลตรวจร่างกายของคนไข้ปกติทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล" พอได้ฟังผลตรวจทั้งมาเฟียหนุ่มกับอลินดาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยรู้สึกโล่งอกที่ผลออกมาปกติ ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีกับอาการที่เป็นอยู่"แล้วอาการที่ผมเป็นอยู่นี่ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มถามไถ่ไป"จากอาการที่คนไข้บอกมาถ้าร่างกายปกติก็มีเพียงอย่างเดียวครับ" หมอวัยกลางคนกล่าวยิ้ม ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ "แพ้ท้องแทนภรรยา""ห๊ะ!!"สิ้นคำบอกกล่าวจากหมอมาเฟียหนุ่มกับอลินดาถึงกับตาเบิกกว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนฉงน พลันหันมองหน้ากันอัตโนมัติ"ประจำเดือนน้องอลินมารึยังเดือนนี้" มาเฟียหนุ่มรีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นพลางก้มมองหน้าท้องของคนรัก ลึก ๆ ในใจเขาอยากให
หนึ่งเดือนต่อมา.."พี่แทนลุกขึ้นมากินข้าวอย่าเอาแต่นอนแบบนี้" อลินดาเขย่าเรียกคนตัวโตที่เอาแต่นอนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทานด้วยความเป็นห่วงช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยทานบอกว่าเบื่อจนน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโลแล้ว หนำซ้ำยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องปวดหลังราวกับผู้หญิงมีประจำเดือนยังไงยังงั้น แต่พอพาไปหาหมอหมอกลับบอกว่าปกติทุกอย่างถามว่าเขามีความเครียดหรือเปล่าเขาก็บอกว่าไม่เลย เขามีความสุขที่สุดด้วยซ้ำเพราะได้อยู่กับเธอแทบทุกวันทุกคืนตั้งแต่วันที่ไปหาพ่อแม่ของเธอด้วยกัน ได้พูดคุยจนเข้าใจเธอกับเขาก็ไปมาหาสู่ และอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นซึ่งมาเฟียหนุ่มจะมาอยู่ที่คอนโดของเธอเรียกได้ว่าตอนนี้เขาครองห้องเธอไปแล้ว ส่วนเธอก็มีบางคืนที่กลับไปนอนที่บ้านบ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่ว่าเอาได้ว่าอยู่แต่กับผู้ชายจนลืมบ้านลืมช่อง "พี่แทนลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน แล้วค่อยนอนต่อ" เธอเขย่าคนตัวโตแรงกว่าเดิมเมื่อเขายังคงนอนหลับต่อ "ตื่นแล้วครับ" ในที่สุดคนถูกปลุกก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความจำใจ เขายกมือทั้งสองขยี้ตาไล่อาการงัวเงียออก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่
ภายในห้องน้ำเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักของคนทั้งสองไปแล้วน้ำที่ว่าเย็นก็ดับความร้อนแรงนี้ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มเดินหน้ากระแทกไม่หยั่ง อีกคนก็รอรับด้วยความกระสันเสียวและสุขสม กว่าจะอิ่มหนำก็ใช้เวลาไปไม่น้อยอลินดาถึงกับขาอ่อนยืนไม่ไหวเป็นมาเฟียหนุ่มที่ต้องคอยดูแลจัดการอาบน้ำถูสบู่ และสระผมให้ แล้วอุ้มออกมาวางบนเตียง"หึ" มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่นั่งตาปอยอยู่ริมเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วเดินไปเอาผ้าขนหนูอีกผืน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างหลังเธอจัดการเช็ดผมให้อลินดายกยิ้มออกมาน้อย ๆ กับการกระทำแสนอ่อนโยนของคนตัวโตใครจะคิดว่ามาเฟียหนุ่มอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนด้วย เขาอ่อนโยนจนบางทีเธอก็คิดไม่ถึง"ขอบคุณค่ะ" ครั้นเขาเช็ดผมให้เสร็จเธอก็เอี้ยวหน้าไปขอบคุณพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เขาจนตายี มาเฟียหนุ่มจึงใช้จังหวะนั้นจุบปากเธอไปหนึ่งทีถือเป็นค่าเช็ดผม แล้วจึงลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อให้เธอใส่ เขายืนเลือกอยู่สักพักโดยมีอลินดานั่งมองที่เตียง เมื่อเลือกได้ก็พาไปยื่นให้ "ใส่ไปก่อนครับ เดี๋ยวชุดน้องอลินพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักให้"อลินดามองเสื
ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงค่ำ ๆ หลังจากนอนพักเอาแรงกันจนอิ่มแล้วมาเฟียหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้วจึงบอกกล่าวกับร่างบางในอ้อมกอด "ลุกขึ้นไปอาบน้ำครับจะได้ไปหาอะไรกินกัน""ขอนอนนิ่ง ๆ แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" อลินดาแสดงท่าทีงอแงเพราะรู้สึกง่วง ๆ และขี้เกียจน้อย ๆ ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดขัดใจปล่อยให้เธอนอนกอดเขาต่อไปไม่คิดจะลุกหนีผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีจึงเรียกเธออีกครั้ง "พี่ว่าลุกขึ้นได้แล้วครับน้องอลิน""หือ.." อลินดาถึงกับตาโตหูผึ่ง ผงกหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เขาเรียกแทนตัวเองและเธอ มันฟังดูละมุนจนรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจ ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย"หืออะไรครับ ต่อไปนี้เราจะเรียกกันแบบนี้โอเคไหมครับ" "โอเคก็ได้ค่ะ" อลินดาพยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกเขอะเขิน และไม่ชินหูก็ตาม"น่ารักที่สุด" มาเฟียหนุ่มก้มลงหอมหน้ามนฟอดใหญ่ ก่อนจะเคลื่อนลงหอมแก้มซ้ายขวาของเธอต่อด้วยความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่คนถูกหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากเธอตัดสินใจวางทิ้งความรู้ไม่ดีต่อมาเฟียหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องในอดีต และท







