ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา
เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลย การที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ในตอนนี้ “คุณมีเรื่องอะไร?” ภาคินย้อนถามเสียงขรึม “ผมจะมาคุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอะ..” สิ้นคำถามภาคินมาเฟียหนุ่มก็เปล่งเสียงตอบไปทันที ทว่าไม่ทันจะได้พูดจบประโยคอลินดาที่ยืนอยู่ก็ตวาดเสียงห้ามดังลั่น “คุณหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นพ่อแม่อย่างภาคินกับเอวาถึงกับตกใจไปตาม ๆ กัน และยิ่งทำให้ทั้งสองสงสัยเข้าไปอีก พากันมองหน้าบุตรสาวอย่างจับพิรุธ ก่อนภาคินจะพูดดุบุตรสาวไป “อย่าเสียมารยาทอลิน” “แด๊ดดี้อย่าไปฟังผู้ชายคนนี้นะคะ เขาเป็นคนสติไม่ดี” อลินดาไม่ได้สนใจเสียงดุของคนเป็นพ่อสักนิด นาทีนี้คิดเพียงว่าจะทำยังไงก็ได้ให้สิ่งที่กำลังกลัวไม่เกิดขึ้น พูดใส่ร้ายมาเฟียหนุ่มไปด้วยหวังว่าจะทำให้คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนัก แต่เธอไม่รู้เลยว่าอาการร้อนรน และความกังวลที่เธอเผลอแสดงออกมาทางสีหน้ายิ่งทำให้พ่อแม่สงสัยเข้าไปอีกเพราะทั้งสองรู้นิสัยบุตรสาวดีว่าหากไม่มีอะไรจริง ๆ เธอคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ “หากเขาเป็นคนสติไม่ดี แล้วทำไมลูกต้องร้อนรนขนาดนั้นกลัวเขาจะพูดอะไรอย่างนั้นเหรอ” ภาคินเอ่ยกับบุตรสาวด้วยเสียงที่ดุกว่าเดิมบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธทำให้อลินดาหน้าเจื่อนลงฉับพลัน แต่ก็มิวายพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วพริ้ว “ไม่ใช่นะคะแด๊ดดี๊” “หยุดได้แล้วอลิน หากไม่มีอะไรก็แค่ฟังเงียบ ๆ ก็พอ” เอวาที่เงียบมานานพูดดุอีกคนเมื่อบุตรสาวยังดื้อดึงไม่ยอมสงบปากสงบคำสักทีเธอเองก็อยากรู้จะแย่แล้วว่าชายหนุ่มจะพูดอะไร เพราะดูเหมือนมันจะเกี่ยวกับบุตรสาว ก่อนจะตวัดสายตาเอ่ยกับหนุ่มแปลกหน้า “คุณจะพูดอะไรพูดมาได้เลย” แน่นอนว่ามันเข้าทางมาเฟียหนุ่ม เขาแสร้งทำหน้ารู้สึกผิดแล้วบอกถึงจุดประสงค์ที่มาพบทั้งสองทันที “ผมจะมาขอรับผิดชอบน้องอลินครับ เมื่อคืนก่อนผมเมาแล้วได้ล่วงเกินน้องเขาไป ผมรู้สึกผิดมากจึงอยากมาขอรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับน้องครับ” “ห๊ะ!” คำบอกล่าวจากปากมาเฟียหนุ่มทำเอาอลินดาอ้าปากค้างตาเบิกกว้างเพราะรู้สึกช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพียงเพราะต้องการกำจัดเธอให้พ้นทางของน้องสาวเขา มันบ้าชัด ๆ.. ไม่ใช่แค่อลินดาที่ตกใจเอวากับภาคินก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนภาคินต้องถามย้ำอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะ” “ผมกับน้องอลินเมา แล้วพลาดมีอะไรกันครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติน้องผมจึงอยากรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน หวังว่าท่านทั้งสองจะเห็นด้วยนะครับ” มาเฟียหนุ่มตอบไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทุกคำพูดที่เอ่ยออกไปก็ฟังดูสวยหรูจนใครได้ฟังก็คิดว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่แสนดี คงจะมีแต่อลินดาที่รู้ถึงสันดานแท้จริงของเขา เธอแทบอยากจะอ้วกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่คิดสิ่งสำคัญคือเธอต้องแก้สถานการณ์ตอนนี้ก่อน “แด๊ดดี๊กับมามี๊อย่าไปฟังผู้ชายคนนี้นะคะ เขาโกหกอลินกับเขาไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น” รีบอธิบายกับพ่อแม่ไปเป็นพัลวัน และแน่นอนว่ามาเฟียหนุ่มไม่ยอมให้ทุกอย่างผิดพลาดพูดเน้นย้ำอีกครั้งพร้อมทั้งแสดงสีหน้าท่าทีที่จริงจังบ่งบอกว่าที่เขาพูดไปล้วนเป็นความจริง “ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ หากไม่ใช่เรื่องจริงผมจะมาพูดให้ตัวเองถูกมองไม่ดีทำไมครับ” สร้างความหนักใจให้คนกลางอย่างเอวากับภาคินยิ่งนักในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะฟังใครดี ทั้งสองมองหน้าบุตรสาวกับชายหนุ่มสลับไปมานานหลายนาที ก่อนภาคินจะเป็นคนยิงคำถามใส่ชายหนุ่มโดยการถามถึงความลับของบุตรสาวเพื่อพิสูจน์ว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงไหม “หากคุณมีอะไรกับลูกสาวผมจริง ๆ คุณก็ต้องรู้ว่าบนร่างกายของลูกสาวผมมีตำหนิ หรือรอยแผลเป็นตรงไหนบ้าง” “น้องอลินมีปานแดงใต้ราวนมครับ แล้วก็ยังมีรอยแผลเป็นตรงอะ..” “หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” มาเฟียหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิดเพราะในคืนนั้นเขาสำรวจร่างกายหญิงสาวจนละเอียดยิบให้อธิบายว่าส่วนนั้นของเธอเป็นยังไงเขายังอธิบายถูกเลย แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคอีกคนก็ตวาดเสียงใส่ดังลั่นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก เขาหันไปยกยิ้มมุมปากใส่ร่างบางที่ยืนโกรธจนตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางเรียบนิ่งแตกต่างจากตอนมองหน้าหญิงสาวสิ้นเชิง ก่อนจะเอ่ยประโยคโกหกออกไปเพราะต้องการให้ผู้ใหญ่ทั้งสองยอมรับคำขอของเขา ยังไงเสียเขาจะต้องกำจัดหญิงสาวให้พ้นทางน้องตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อแม้จะต้องใช้วิธีที่ถูกมัดด้วยตัวเองก็ตาม “ผมพูดไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่ท่านทั้งสองจะกรุณาเลยครับ แต่ผมอยากบอกให้รู้ว่าผมชอบน้องอลินครับ และอยากจะรับผิดชอบน้องจริง ๆ จึงได้มาคุยในวันนี้” ภาคินถอนหายใจออกมาอ่อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้วเขากับภรรยาก็คงปฏิเสธไม่ได้เพราะยังไงบุตรสาวก็เป็นฝ่ายเสียหาย เขาสายตาตวัดมองหน้าบุตรสาวชั่วครู่ ก่อนจะเลื่อนกลับมามองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับเปล่งเสียงตอบไป “ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วก็เอาตามที่คุณว่านั่นแหละ ไหน ๆ ลูกสาวผมก็เป็นฝ่ายเสียหาย” อลินดาถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบจากปากผู้เป็นพ่อคิดไม่ถึงว่าท่านจะตกลงอย่างง่ายดายหลังจากฟังคำพูดไม่กี่คำจากผู้ชายสารเลว รีบปฏิเสธไปเป็นพัลวัน "ไม่นะคะแด๊ดดี๊อลินไม่แต่งกับเขา อลินไม่ได้รักเขา" "แล้วยังไงในเมื่อลูกได้เสียกับเขาไปแล้ว ยังไงก็ต้องแต่งงานกัน" ภาคินไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงของบุตรสาวสักนิด ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้อยากบังคับบุตรสาวเลย แต่เพราะมันมีอีกหนึ่งเหตุผลแอบแฝงอยู่ต่างหาก เขารู้ว่าบุตรสาวคบกับผู้หญิงด้วยกันซึ่งบอกตามตรงว่าเขารับไม่ได้ถึงแม้ในปัจจุบันเรื่องแบบนี้จะเปิดกว้างแล้วก็ตามนี่จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ ระหว่างที่สถานการณ์ของสองพ่อลูกกำลังตึงเครียดคงจะมีแค่มาเฟียหนุ่มที่สบายใจเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างนอบน้อมแสดงท่าทีซาบซึ้งออกมาทั้งที่ความจริงรู้สึกเฉย ๆ "ขอบคุณมากนะครับพี่ให้โอกาสผม ผมจะรีบให้พ่อแม่มาคุยอย่างเป็นทางการอีกทีนะครับ" "อืม.." "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับพอดีมีธุระต่อ สวัสดีครับ" หลังจากพ่อของหญิงสาวพยักหน้ารับคำพูดเขาก็ขอตัวกลับทันทีโดยอ้างว่ามีธุระ มือหนายกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้งเพื่อเป็นการร่ำลา จากนั้นก็ลุกหมุนตัวเดินออกจากบ้าน ขณะเดินผ่านหญิงสาวเขาก็ไม่ลืมเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะใส่เธอ คนถูกเยาะเย้ยอย่างอลินดาทำได้แค่กำหมัดแน่นพลางก่นด่าเขาในใจด้วยความโกรธ เขามันสารเลวกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก สารเลวจนไม่มีหาคำไหนมาเปรียบเปรย.."หยก..เธอไปอยู่ที่ไหนกัน" อลินดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟาแม้มาเฟียหนุ่มกับลูกน้องจะออกจากห้องไปหมดแล้วก็ตามเรื่องที่ได้รู้มันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงจริง ๆ เพราะโยษิตาเป็นเสมือนหัวใจของเธอ ทว่าตอนนี้หัวใจดวงนั้นกลับหายไปแล้วโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าหายไปไหน น้ำสีใสยังคงรินไหลออกจากดวงตาคมไม่หยุด ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนร้องไห้อยู่แบบนั้นกระทั่งตระหนักได้ว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้สู้เอาเวลาไปสืบเสาะว่าแฟนสาวอยู่ที่ไหนดีกว่าคิดได้ดังนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจนแห้ง ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแต่งหน้าแต่งตัว จากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดตรงไปสนามบินทันทีเพื่อสืบหาว่าโยษิตาบินไปประเทศไหน โดยเธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของตัวเองมีคนของมาเฟียหนุ่มแอบติดตามเมื่อมาถึงสนามบินเธอก็ใช้เส้นสายของผู้เป็นพ่อขอดูข้อมูลการเดินทางเข้าออกของสนามบิน ทว่าเธอกลับต้องผิดหวังเพราะข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศไม่มีชื่อแฟนสาวเลยสักไฟล์อดทำให้คิดไม่ได้ว่ามาเฟียหนุ่มพูดโกหก ความจริงแล้วแฟนสาวอาจยังอยู่ในประเทศไทย"คนเลว! คุณหลอกฉัน" เธอสบถออกมาด้วยความโกรธมือทั้งสองกำ
วันต่อมา…กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งดังสนั่นไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมปลุกให้อลินดาเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ“โอ๊ย! ใครมาตั้งแต่เช้าเนี่ย” เธอสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใช้มือยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิง ก่อนจะพาตัวลงจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูด้วยความไม่พอใจหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างแรงว่าหากคนที่มากดกริ่งปลุกมีเรื่องไม่สำคัญพอเธอจะด่าเข้าให้โทษฐานที่มากวนเวลานอนแกร็ก!วินาทีที่เปิดประตูออกไปเธอก็ต้องตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือผู้ชายสารเลว และด้านหลังของเขามีลูกน้องสองคนยืนประกอบอยู่ในมือถือถุงใส่ชุดแต่งงานไม่ต่ำกว่าห้าชุด เธออุตส่าห์หนีมาอยู่ที่คอนโดแล้วเขาก็ยังพาชุดแต่งงานตามมาอีกเหรอแต่แล้วยังไงเธอจะไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการเด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก็รีบผลักประตูให้ปิดลง ทว่าเหมือนอีกคนจะเร็วกว่าเพราะเขาดันใช้เท้าดักไว้ก่อนที่ประตูจะปิดลง จากนั้นก็ใช้มือผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างหน้าตาเฉย ตามด้วยลูกน้องอีกสองคน“พวกคุณออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอรีบวิ่งไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับไล่ตะเพิ
“แด๊ดดี๊กับมามี๊รู้จักเขาดีแล้วเหรอคะถึงยอมให้อลินแต่งงานกับเขาง่าย ๆ บางทีเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีก็ได้นะคะ อีกอย่างอลินก็ไม่ได้รักเขาเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาด และเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากนะคะในสมัยนี้” ทันทีที่มาเฟียหนุ่มจากไปอลินดาก็รีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาที่เขาเคยนั่งแล้วพูดคุยกับพ่อแม่ พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มาอ้างหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดพวกท่านได้“รู้จักสิ” ภาคินตอบเสียงเรียบสายตาจับจ้องหน้าบุตรสาวนิ่ง ๆ “แทนไทเป็นลูกมาคัล แอคคาร์โดผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจของไทยเพียบพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะ การศึกษา และหน้าตาดี แล้วมีตรงไหนที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับลูก” “อลินหมายถึงนิสัยค่ะแด๊ดดี๊” อลินดามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนใจ“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นเพราะแด๊ดได้ตกลงไปแล้ว” ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมเพราะเขาต้องการให้บุตรสาวเลิกคบผู้หญิงด้วยกัน ว่าจบก็ลุกเดินขึ้นห้องไปทันทีไม่ฟังเสียงทักท้วงของบุตรสาวที่ดังตามหลังมาสักนิด“มามี๊ช่วยอลินด้วยนะคะ อลินไม่อยากแต่งงานกับเขา มามี๊ช่วยไปพูดกับแด๊ดดี๊ให้หน่อยนะคะ” เมื่อพูดเปลี่ยนใจผู้เป็นพ่อไม่สำเร็
ในประเทศไทยคงจะมีแค่ครอบครัวมาคัลที่ใช้นามสกุลนี้ ซึ่งเขาก็เคยพบเจอมามาคัลบ่อย ๆ ในงานสังสรรค์ต่าง ๆ เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน และยังรู้ว่ามาคัลมีบุตรชายกับบุตรสาวชื่อแทนไทกับโยษิตา เขารู้จักโยษิตาบุตรสาวคนเล็กของมาคัลเพราะเธอเป็นเพื่อนกับบุตรสาวของเขา เคยไปมาหาสู่บุตรสาวที่บ้านบ่อย ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เขาบังเอิญเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกันเกินคำว่าเพื่อนจึงนึกสงสัยเลยแอบตามดูพฤติกรรมทั้งสองห่าง ๆ จนได้รู้ความจริงบางอย่าง ส่วนแทนไทบุตรชายคนโตของมาคัลเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะชายหนุ่มไม่เคยไปออกงาน หรือปรากฏตัวที่ไหนเลยการที่ชายหนุ่มปรากฏกายที่บ้านในวันนี้ทำให้เขาสงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมาก ยิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางแปลก ๆ ของบุตรสาวตอนคุยกับชายหนุ่มเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “ครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาคุยกับท่านทั้งสองครับ” มาเฟียหนุ่มยิ้มรับคำพูดภาคินเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเข้าเรื่องทันทีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ทิ้งให้อีกคนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเพราะทำอะไรไม่
หัวใจดวงน้อย ๆ ของอลินดากระหน่ำเต้นขึ้นมาฉับพลันในตอนที่รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่รั้วบ้านของเธอ รีบหันไปถามร่างสูงข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คุณมาบ้านฉันทำไม คิดจะทำอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”“หึ” คนถูกถามหันไปแสยะยิ้มร้ายมุมปากให้หญิงสาวแทนคำตอบ ก่อนจะเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกกระจกเหมือนเดิม กระทั่งรถจอดสนิทลงหน้าบ้านหญิงสาวจึงหันกลับไปออกคำสั่งกับร่างบางข้าง ๆ “ลงไปสิถึงบ้านเธอแล้ว”“คุณมีแผนอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ใจดีมาส่งฉันที่บ้านอย่างเดียวใช่ไหม” อลินดาเลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าคมคายอย่างหวาดระแวงเพราะเธอไม่เชื่อสักนิดว่าเขาจะใจดีมาส่งเธอแค่อย่างเดียว แต่กลับได้รับความเงียบแทนคำตอบ หนำซ้ำเขายังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่ายิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจเข้าไปอีก พยายามอ่านสายตาของเขาแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยมาเฟียหนุ่มมองสบสายตาหญิงสาวนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจาจรถไปเมื่อเธอยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงสักทีทำให้อลินดาต้องรีบเปิดประตูลงตามไป แล้วรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าร่างสูงที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านของเธอ “คุณจะไปไหน”“…”มาเฟียหนุ่มไม่ตอบเหมือนเดิมเลือกจะเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง ซึ่
วันต่อมา…หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน วันนี้อลินดาก็ตัดสินใจว่าจะไปเฝ้าดูลาดเลาแถว ๆ หน้าบ้านแฟนสาวก่อนเผื่อจะมีโอกาสเข้าไป ให้เธอทนอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวของแฟนสาวเลยเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขใจมันพะหว้าพะวงตลอดเวลา โดยเธอได้กลับไปยืมรถของน้องชายที่บ้านแล้วขับไปยังบ้านแฟนสาวเพราะหากขับรถของตัวเองไปก็เกรงว่ามาเฟียหนุ่ม และคนอื่น ๆ ในบ้านนั้นจะจำได้เธอนั่งดูลาดเลาอยู่ภายในรถบริเวณริมกำแพงบ้านแฟนสาว ทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าคนในบ้านหลังนี้จะออกไปไหนเลย“บ้าเอ๊ย! ใจคอไม่คิดจะออกไปไหนกันเลยเหรอ” เธอสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมแรง ๆ จนยุ่งเหยิงเพื่อระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ด้วยสิ ในวินาทีที่เธอตัดสินใจจะกลับก็มีรถลีมูซีนแล่นออกมาจากบ้าน เธอพยายามใช้สายตาเพ่งมองผ่านกระจกมืดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นมาเฟียหนุ่มกับพ่อของเขานี่แหละเป็นโอกาสดีของเธอที่จะเข้าไปหาแฟนสาว ทันทีที่รถลีมูซีนแล่นออกไปไกลเธอก็รีบขับรถเข้าไปยังบ้านแฟนสาวด้วยความเร็วหัวใจของเธออดสั่นไหวไม่ได้ในตอนที่จอดรถลงหน้าบ้านแฟนสาว แล้วเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำหน้าตาดุดันเดินต