Share

บทที่ 10

last update Last Updated: 2025-05-15 22:51:14

มินตราแสร้งถามในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้แก่เขาแล้วจัดความเป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่ตารางนิ้ว "คืนนี้...คุณภาคินว่างหรือเปล่าคะ"

"ทำไม?" มีผู้หญิงถามแบบนี้กับเขาถึงสองคนด้วยกัน ต่างกันเพียงคนหนึ่งเริ่ดหรูดูดีมีชาติตระกูลสูงส่ง แต่อีกคนสวยเพียงเปลือกนอกเพราะผ่านการปรุงแต่งแต่ข้างในแสนจะเน่าเละเทะ เหม็นคุ้ง

"มินอยากจะดินเนอร์กับคุณภาคินค่ะ เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาแปดเก้าเดือนแล้วนะคะ" เธอแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้นั่งจ้องตาเขานอกจากกิจกรรมบนเตียงครั้งล่าสุดเมื่อไหร่...

"ไม่ว่าง"

"ทำไมถึงไม่ว่างล่ะคะ? หรือว่าคุณภาคินมีนัดกับคุณพิรญาณ์?" คำถามนี้ทำให้เท้าที่กำลังก้าวเดินถึงกับหยุดชะงักแล้วหันกลับมาจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยสายตาดุดัน เดี๋ยวนี้เธอกล้ามีปากมีเสียงถามไถ่กับเขางั้นหรือ!

"ผมจะมีนัดกับใครผมจำเป็นต้องรายงานมินทุกเรื่องด้วยเหรอ? รู้แค่ว่าผมไม่ว่าง และไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมานั่งปั้นหน้าทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นเพราะมันดูน่าเบื่อ เข้าใจไหม" ภาคินเกลียดที่สุด! เกลียดตอนที่ใบหน้าจิ้มลิ้มกำลังเบะปากบีบน้ำตาออกมาเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสารให้อีกฝ่ายเห็นใจ "น้ำตาของมินอาจได้ผลกับพ่อของผม แต่มันไม่ได้ผลกับผม จำไว้"

"ทำไมคุณภาคินพูดแบบนี้ค่ะ...คุณลุงเกี่ยวอะไรด้วย" มินตราไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่เขาโมโหเขาก็มักจะดึงคุณดำเกิงเข้ามาเกี่ยวข้องและถูกพูดถึงอยู่เป็นประจำ ทำราวกับว่าตอนนี้เธอกำลังเล่นชู้อยู่กับผู้มีพระคุณน่ะ

"หึ! ลองถามตัวเองดูซิมินตรา ลองถามดู" ภาคินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านหลังนี้...

...

สองวันผ่านไป...

@บริษัทเดชาบวรสกุลกรุ๊ป

ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง พนักงานทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปรับประทานอาหารกลางวันโดยมีช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ห้ามเลท ห้ามสาย ไม่เช่นนั้นจะโดนหักคะแนนความประพฤติ

ห้องประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท

"ตอนนี้แม่ของหนูเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือยัง?" คุณดำเกิงใช้น้ำเสียงโทนอบอุ่นถามไถ่มินตรา แววตาที่เขาจ้องมองยังเธอเต็มไปด้วยความเอ็นดูและความรักใคร่ฉันพ่อลูก ไม่ได้มีจิตใจอกุศลคิดอคติเชิงชู้สาวกับเด็กที่อายุห่างกันหลายรอบเช่นที่บุตรชายของตนกำลังซักทอดข้อหาให้ในขณะนี้หรอก

"ก็สามวันดีสี่วันไข้ตามประสาคนแก่นั่นแหละค่ะ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าปกติและสบายดีค่ะ" มินตราตอบคุณดำเกิง หล่อนเคารพคนผู้นี้เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง เขาคอยให้ความช่วยเหลือ คอยเป็นผู้ใจดีคอยอุปถัมภ์เมตตากรุณาเธอกับแม่มาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มแรกส่งตัวเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลดีๆ จนตอนนี้กลิ่นแก้วแม่ของเธอหายป่วยเป็นปลิดทิ้ง

"ดีแล้ว ไว้วันไหนลุงว่างๆลุงจะไปเยี่ยมก็แล้วกันนะ ฝากบอกแม่ของหนูด้วยว่าขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง จะได้อยู่กับลูกกับหลานไปนานๆ ฉัตรชัยเขาก็จะได้หมดห่วงและหลับอย่างสบายด้วย" เปลือกหย่นเริ่มพริ้มขนตายาวรำแพนปกปิดความกลมโตเท่าไข่ห่านอย่างสลดใจเมื่อถูกกล่าวถึงเรื่องราวของบิดาอีกคราว...ภาพวันนั้นยังคงติดตาเธอมาจนถึงทุกวันนี้

มีรถคันหนึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาคนขับคาดว่าจะเมามายด้วยพิษของแอลกอฮอล์เกินดีกรี ขับรถโซซัดโซเซเลี้ยวไปทางโน้นทีเลี้ยวไปทางนี้ที

...

เหตุการณ์เมื่อ 13 ปีก่อน ตอนนั้นมินตราอายุเพียงแค่ 14 ขวบ...เพิ่งเข้ามัธยมศึกษาปีที่ 2 หมาดๆ...กลางค่ำกลางคืนฉัตรชัยกำลังขับรถพาลูกและเมียกลับบ้านหลังจากเที่ยวทะเลเพื่อดื่มด่ำเฉลิมฉลองงานวันคล้ายวันเกิดของมินตรา

ภายในรถเต็มไปด้วยน้ำเสียงหัวเราะหยอกล้อกันอย่างมีความสุขถือเป็นครอบครัวรื่นรมย์และเปรมปรีดาครอบครัวหนึ่งเลยก็ว่าได้

"พ่อและแม่เตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้มินตราด้วยน๊า" ฉัตรชัยชำเลืองตามองบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวที่ตนรักทะนุถนอมดังเครื่องเพชรมูลค่าหลายร้อยล้านด้วยความเอ็นดู

"มินอยากให้ถึงบ้านเร็วๆจังเลยค่ะ" มินตราตื่นเต้น ก้อนเนื้อสีแดงแทบจะปะทุออกมาจากอกข้างซ้าย ลุ้นและคาดคะเนไปพลางๆว่าของขวัญที่พ่อและแม่เตรียมเอาไว้เนื่องในวาระวันคล้ายวันเกิดจะเป็นสิ่งใด

"ใจร้อนจริงๆเลยลูกสาวแม่" กลิ่นแก้วลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักใคร่ใยดี

"รถคันนั้นขับยังไงน่ะ! เมาหรือเปล่าเนี่ย" ทุกสายตาจับจ้องไปยังรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งถอยออกมาใหม่ๆสดๆเพราะสีของมันยังคงแดงฉาด ซ้ำยังเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วยซ้ำคาดเดาว่าบุคคลภายในนั้นอาจเป็นพวกมีอิทธิพลหรือผู้ร่ำรวยพอสมควร

แต่ทว่าการขับรถของเขาค่อนข้างโซซัดโซเซไม่ค่อยเป็นระเบียบเนื่องจากยืดเยื้อไปทางฝั่งซ้ายบ้างขวาบ้างเหมือนประคองตนไม่อยู่สักเท่าไหร่...

"พี่ชัย ระวัง!!!!" เสียงสุดท้ายของภรรยาถูกจารึกเข้าไปในสมองของฉัตรชัย เขาพยายามหักหลบเพื่อหลีกหนีการพุ่งชนของรถคันนั้นจนปะทะเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางอย่างจังทำให้เกิดเสียงระเบิดปั้ง!!

เศษแก้วแตกกระจัดกระจาย เรือนร่างของทั้งสามคนโยกเยกไปมาโคลงเคลงแต่โชคดีที่คาดเข็มขัดนิรภัย...ทว่า! ในความโชคดีก็ยังมีความโชคร้ายอันเหี้ยมโหดแฝงซ่อนอยู่ รถสปอร์ตคันหรูเมื่อครู่ดันเสียหลักหรืออะไรก็ไม่รู้พุ่งชนทางฝั่งของคนขับรถจนกระแทกเข้ากับร่างของฉัตรชัยอย่างจัง...

ภาพวูบสุดท้ายที่ติดอยู่ในตาของมินตราก่อนดับไปนั่นก็คือเลือดสีแดงสดไหลชโลมอาบนองทั้งเรือนร่าง ใบหน้าและทุกกระเบียดนิ้วของทั้งพ่อ แม่จนแทบแยกไม่ออก...

จำได้ว่าตื่นมาอีกที...ก็กำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้วทราบข่าวพ่อของตัวเองเสียชีวิตคาที่...ส่วนแม่ไม่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญด้านใน ปรากฏเพียงแค่แผลจากการโดนกระจกบาดนอกร่างกายทว่าไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง...

"ลุงจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ลุงขอโทษ..." คุณดำเกิงเดินคอตกเข้ามาในห้องพักฟื้นของเด็กตัวน้อย

"ลุงเป็นใครเหรอคะ?"

"ลุงเป็นคนที่ขับรถชนรถพ่อของหนูจนทำให้พ่อของหนูเสียชีวิต...ลุงขอโทษนะหนู ลุงไม่ได้ตั้งใจ ลุงไม่ได้ต้องการจะให้เหตุการณ์ทุกอย่างมันจบลงแบบนั้น ลุงขอโทษจริงๆ" น้ำเสียงของคุณดำเกิงแลดูรู้สึกผิดที่ตนเป็นต้นเหตุทำให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องสูญเสียพ่อทำให้ครอบครัวของเธอต้องขาดเสาหลัก!

"คุณลุงทำให้พ่อหนูตาย!" ตอนนั้นเธอกรีดร้องโวยวายปาข้าวของใส่คุณดำเกิงสารพัดเพราะความโมโหและเสียใจ "ลุงขับรถบ้าอะไรของลุง! ถ้าเกิดเมาก็ช่วยจอดนอนก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาก็ขับต่อไม่ใช่ทำตัวเป็นเจ้าถนนแล้วสร้างภาระให้คนอื่นแบบนี้ ลุงมันเป็นฆาตกร! ลุงฆ่าพ่อหนู"

มินตราผลักไสไล่ส่งและไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคุณดำเกิงเพราะโกรธแค้นที่อีกฝ่ายเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อ ต้องสูญเสียคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตรองลงมาจากมารดา..

แต่แล้วคุณดำเกิงก็แอบช่วยเหลืออุปถัมภ์และสนับสนุนในเรื่องที่ครอบครัวของมินตราขาดแคลนมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่โตเขาก็พร้อมยื่นมือเข้ามา..จนในที่สุดเมื่อมินตราโตขึ้น ทั้งความคิด ทั้งมันสมอง และองค์ประกอบหลายๆอย่างก็ได้มองโลกเปลี่ยนไป...

เธอไม่ได้ถือโทษโกรธแค้นคุณดำเกิงที่เป็นต้นเหตุนั้นอีกต่อไปละ...เธอคิดเสียว่าฟ้ากำหนดให้พ่อของเธอมีชีวิตเหลืออยู่ได้เพียงเท่านั้น พ่อคงชดใช้เวรชดใช้กรรมหมดแล้วหลังจากนี้จะได้ขึ้นไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์เพื่อทอดมองลงมาเห็นลูกและเมียของเขามีความสุขดี...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 20

    "ใช่ ข้อนั้นฉันยอมรับว่าส่วนหนึ่งความผิดมันก็มาจากคุณพ่อและคุณแม่ อย่างที่นายคิดแม่ของนายไม่ผิดหรอกนะที่เข้ามาเพราะท่านไม่รู้ว่าพ่อของฉันมีเมียมีลูกอยู่แล้ว แล้วแม่ของฉันผิดเหรอที่ไม่พอใจ โมโห โกรธ เจ็บใจที่จู่ๆมารู้ว่าผัวตัวเองแอบไปมีเมียน้อยแถมยังมีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน ในมุมมองอยู่กินกันมาร่วมหลาย 10 ปีเป็นใครๆก็เสียใจ เป็นใครๆก็โมโหทั้งนั้นแหละ! หรือนายจะเถียง" "..." ภาคินเงียบ "ในตอนแรกแม่ของฉันผิดก็จริง อันนี้ฉันยอมรับ แล้วใครรู้บ้างล่ะว่าตลอดระยะเวลาที่แม่พานายมาเลี้ยง พานายมาอุ้มชู เป็นแม่กาเหว่าที่ให้อุปการะคุณลูกกา แม่ฉันน่ะทั้งรัก ทั้งเอ็นดูและให้ทุกๆอย่างกับนายเทียบเท่ากับฉัน และที่แม่พานายมาจากแม่ของนายก็เพราะอยากให้นายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้นายได้ใช้ของดีๆ อยู่ในสังคมที่ดี ตอนแรกฉันก็เคยถามแม่ ท่านบอกว่าก็คิดอยากจะทำให้แม่ของนายเจ็บใจเจ็บช้ำน้ำใจที่โดนพรากลูกออกจากอก เหมือนตนโดนแย่งผัว แต่พอได้เลี้ยงนายเข้าจริงๆ ท่านก็รักนายเหมือนลูกแท้ๆอีกคนหนึ่ง นายเคยรู้บ้างหรือเปล่า!" ภาคีพยายามอธิบายให้น้องชายต่างมารดาได้เข้าใจพ้องต้องกัน "งั้นเหรอ?? ไม่ลำเอียงเลยงั้นเหรอ

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 19

    "ต่อไปนะคะก็จะเป็นบททดสอบแรกในส่วนของคุณภาคินค่ะ ทางคู่ค้าธุรกิจเสนอโครงการด้วยบอกมาว่าข้อเสียของคุณภาคินนั่นก็คือนิ่ง ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่แต่การเจรจาคุยงานด้วยถือว่าราบรื่นเพราะเป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว จริงจังตลอดเวลายามทำงานและที่สำคัญมีเทคนิคมีสกิลในการต่อรองราคาทำให้บริษัทได้เปอร์เซ็นต์ต้นทุนต่ำ กำไรพุ่งสูง ถือได้ว่าส่งผลดีมากๆเลยค่ะ" เลขาสาวคนสวยกล่าวรายงานหากดูจากบททดสอบแรกผู้ชนะก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภาคิน ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกัน แต่ข้อเสียของภาคินก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานหรือเปอร์เซ็นต์กำไรบริษัทที่จะต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินเท่ากับของภาคี ฉะนั้นหากวางให้การงานรุ่งเรืองกิจการมั่นคงก็คงจะต้องเลือกภาคิน..."มาดูบททดสอบต่อไปกันนะคะ..." หลังจากนั้นเลขาสาวคนสวยก็ใช้รีโมทคอนโทรลเลื่อนสไลด์จอผ่านไปเรื่อยๆร่วมประมาณ 20 นาทีจนมาถึงบทสรุปสุดท้ายนั่นก็คือกำไรไตรมาสของบริษัทที่เพิ่มขึ้นในโครงการของทั้งสองคน "ท้ายสุดนี้ก็จะเป็นกำไรไตรมาสบริษัทสำหรับหัวข้อโครงการทำโฆษณานะคะ หนึ่ง ส่วนของคุณภาคีจะเป็นโฆษณาแบรนด์สบู่ผลรวมทั้งหมด ดูแล้วบริษัท

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 18

    วันประกาศผลการแข่งขัน..."ไม่ว่าวันนี้ผลมันจะออกมารูปแบบใด แม่ขอให้ภาคินอย่าโกรธ อย่าเกลียดพ่อเขาเลยนะลูก เพราะพ่อเขารักลูกเท่ากันทุกคน ไม่ได้ลำเอียงรักใครมากกว่ากัน ผลการแข่งขันมันก็ต้องออกมาตามหน้างานที่ปรากฏให้เห็นว่าคนไหนเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้ประธานบริหารมากกว่า" นี่คือสิ่งที่คุณอรุณีกลัวมากที่สุดนั่นก็คือลูกชายจงเกลียดจงชังพ่อตัวเอง! หล่อนไม่อยากให้ภาคินเป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ พยายามพูด พยายามเกลี้ยกล่อม พยายามหว่านล้อมสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำลายกำแพงที่กั้นอยู่ในใจของภาคินให้พังลงได้... ภาคินปลูกฝังและเห็นภาพจำซ้ำๆมาโดยตลอดว่าแม่ของเขาถูกกระทำย่ำยีจากคนบ้านนั้นอย่างไร แม่ของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ตกเป็นตุ๊กตาเริงระบำทั้งๆที่อยากจะหนีไปใจจะขาดแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะลูก คุณดำเกิงใช้ลูกเข้ามาเป็นข้ออ้างในการรั้งอรุณี กักขังหล่อนเอาไว้ในบ้านหลังมอซอเล็กเท่ารูหนูหลังนี้ และในทางกลับกันคุณดำเกิงก็มัดตัวบีบบังคับ ชี้นิ้วสั่งขีดกรอบให้ภาคินทำตามที่เขานิมิตหมายเอาไว้ในหัวโดยใช้แม่ของเขามาเป็นข้ออ้างเช่นเดียวกัน... มันจึงทำให้ภาคินเข้าใจผิดว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคุณดำเกิงเห็นเขาแ

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 17

    ภาคินสั่งลูกน้องคนสนิทให้ช่วยกระจายข่าวและติดต่อนักสืบค้นหาตัวมินตรา ไม่ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหรือมุดน้ำข้ามทะเล ข้ามภูเขาสุดสีทันดรอย่างไรเขาก็จะทำ มันไม่ใช่เขารักหรือรู้สึกพิศวาสในตัวของมินตราจนกระทั่งยอมลงทุนเงินและอยากจะไขว่คว้าตัวเธอกลับมาหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะความรู้สึกอยากเอาชนะที่โดนเธอหักหน้าและเป็นฝ่ายทิ้งเขาก่อนต่างหาก! "คิดว่าจะหนีพ้นฉันงั้นเหรอมินตรา!" ตอนนี้มินตราเป็นผู้หญิงของเขา เขาซื้อมินตรามาด้วยเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่ง แล้วไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ เงินที่ใช้สอยในแต่ละเดือน รถสปอร์ตที่ให้เธอขับทุกๆวันและบ้านหลังนี้ที่ใช้อยู่อาศัยตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีอีก...ถ้าเทียบกับตัวเธอที่เขาเคยระบายความเงี่ยนลงครั้งแล้วครั้งเล่ามันยังไม่ได้เศษเสี้ยวสักนิดที่เขาเสียไปด้วยซ้ำ ฉะนั้นมินตราจะต้องกลับมาชดใช้ให้เขาอย่างสาสม จนกว่าเขาจะรู้สึกพึงพอใจและไม่รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบคดโกงระหว่างเงินจำนวนหลักล้านที่เสียไปและเรือนร่างของเธอ ... @ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รุ่งเช้าวันถัดมาอันแสนเบื่อหน่าย ภาคินต้องแสร้งตีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นสุภาพบุรุษในคราบของพญามารผู้ยิ่งใหญ่ยโสโอหังขับรถสปอร์ตคันหรูที

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 16

    ภาคินกลับมาจากทำงานด้วยสภาพเหนื่อยหน่ายเนื่องด้วยไปเจรจาทุนกับคู่ค้าคนสำคัญเพื่อพิชิตภารกิจสุดท้ายว่าแท้จริงแล้วผู้ใดเหมาะสมจะได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเดชาสกุลกรุ๊ป...การตัดสินนั้นไซร้ถูกรวบรัดให้เร็วขึ้นนั่นก็คือ 4 วันข้างหน้า...ไตรมาสกำไรจะถูกหยิบยกมาพูดเจรจากันในห้องประชุมและดูว่าผู้ใดมีสมรรถภาพมากพอในการบริหารให้เดชาบวรสกุลกรุ๊ปคงขึ้นแท่นบริษัทโฆษณาอันดับหนึ่งของเมืองไทยอยู่... ภาคินถอดเสื้อสูทตัวนอกวางพาดบนโซฟาไล่ตามองรอบๆบ้านที่บัดนี้มันถูกปิดมืดสนิทดำเป็นสีประกายนิลคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าไม่มีคนอยู่แต่เขาสันนิษฐานมินตราอาจจะเพลียและนอนหลับไปแล้วก็เป็นได้...เขาจึงก้าวฉับๆขึ้นชั้นบนของบ้านทว่ากลับเจอเพียงความว่างเปล่า บนเตียงนุ่มนั้นมีหมอน 2 ใบขนาดใหญ่ส่วนผ้านวมผืนนุ่มก็ถูกขึงสี่ทิศให้เนี๊ยบจนเหรียญเด้งคล้ายกับความชำนาญเหมือนพนักงานในโรงแรมหรือรีสอร์ทดังที่ผ่านการร่ำเรียนมาอย่างดี... "ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน!" ยอมรับว่าเขาค่อนข้างหัวเสียเมื่อกลับมาแล้วไม่เจอมินตราอยู่ที่บ้าน เขาเคยสั่งแล้วสั่งเล่าหลังสองทุ่มเป็นต้นไปเธอจะไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนได้อีก น่าแปลกใ

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 15

    @สามวันผ่านไป มินตราลาหยุดหนึ่งวันเพื่อออกไปทำธุระเยี่ยมเยือนมารดาซึ่งอยู่ต่างจังหวัดและไล่ตระเวนหางานทำที่มั่นคงพอประทังชีวิตหากโดนเฉดหัวทิ้งจากภาคินไว้บ้าง...โดยใช้เหตุผลอ้างกับเจ้านายว่าเธอรู้สึกปวดหัวไม่ค่อยสบาย แต่เขาน่ะหรือที่จะสนใจคอยมาดูแลประคบประหงมเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมาเพราะเธอได้รับเพียงประโยคถากถางน้ำใจ กระแนะกระแหน 'เรียกร้องความสนใจ' 'สำออย!' แต่เธอก็กล้ำกลืนฝืนทน...ยิ้มสู้ ปล่อยประโยคของเขาให้กลายเป็นเพียงเศษฝุ่น ทำหูทวนลม เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่ได้ยิน... มินตราพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่บนฟูกเตียงนุ่ม ขณะเวลา 9 นาฬิกา 30 นาที แล้วหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าที่เก็บเงินสะสมซื้อมาด้วยตัวเองขึ้นเปิดแอพพลิเคชันอากู๋ เพราะเพิ่งจะทราบจากปากของเขาเมื่อวานว่าถุงยางอนามัยที่ใช้มาตลอดระยะสามเดือนหมดอายุแล้วทั้งสิ้นเพราะมันคือแพ็คเดียวกันอยู่ในล็อตเดียวกันซึ่งเขาสั่งมาทั้งหมดเกือบ 20 กล่อง... บ้าชะมัด! ร้านนั่นขายถุงยางหมดอายุได้ยังไง 'ใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุไปแล้ว 11 เดือนส่งผลอย่างไรบ้าง' ปรากฏว่า...'ข้อที่หนึ่ง อาจทำให้ถุงยางอนามัยปริ แตก ฉีกขาด รั่วซึม ในขณะที่กำลัง

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 14

    "ค่ะ" มินตราไม่มีทางเลือก อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขา คงจะต้องชดใช้จนกว่าเขาจะพึงพอใจนั่นแหละภาคินถึงยอมปล่อยไปแต่โดยดี เธอลุกขึ้นยืนแล้วปลดเปลื้องเสื้อตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเชื่องช้าด้วยแววตาเหม่อลอย เมื่อเรือนร่างอรชรผิวขาวเนียนดุจน้ำนมยิ่งกว่าหยวกกล้วยได้เปลือยเปล่าต่อสายตาของเขาทุกกระเบียดนิ้วแล้ว อีกฝ่ายก็ยกยิ้มอย่างภูมิใจฉุดกระชากลากถูตัวเธอแล้วโยนทิ้งลงบนโซฟา ก่อนใช้ฝ่ามือสัมผัสมันทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นไหปลาร้า ไหล่ลาดเนียนสวย เต้าอกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่ว บั้นสะโพกกลมมน หรือจุดสงวนใจกลางกายซึ่งเคยผ่านมือเขาและปลายลิ้นของเขามาแล้วทั้งสิ้น... มินตรานอนตัวแข็งทื่อปล่อยอารมณ์ให้ไหลตามเขาในขณะที่น้ำตายังคงหลั่งรินพรั่งพรูลงมาไม่ขาดสาย เกิดภาพเสมือนร่างไร้วิญญาณปล่อยให้เขากระทำชำเราตามอำเภอใจเมื่อเสร็จสรรพแล้วก็ค่อยแยกย้ายเช่นทุกๆครั้งที่ผ่านมา... "เชี้ย! ถุงแตก" ภาคินสบถด่าด้วยถ้อยคำหยาบโลนอย่างตกใจแล้วรีบดึงความเป็นชายออกมาในสภาพใบหน้าซีดเผือก แต่เมื่อพลิกดูข้างกล่องถุงยางอนามัยที่เขาพกเป็นแพ็คและหยิบใช้เป็นประจำก็ปรากฏว่ามันได้หมดอายุไปตั้งแต่เมื่อสิบเอ็ดเดื

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 13

    "มินขอถามคุณภาคินจริงๆเถอะค่ะ คุณภาคินเคยรักมินบ้างไหมคะ" น้ำเสียงเจือแววสะอึกสะอื้นกล้ำกลืนความชอกช้ำเข้าไปในลำคอเป็นช่วงๆ พร้อมกับหยาดน้ำอุ่นร้อนหลั่งรินลงมาด้วยอาการเจ็บปวดรวดร้าวที่มันกำลังกัดกินก้อนเนื้อหัวใจดวงน้อย..."หัดส่องกระจกชะโงกดูเงาบ้างนะมินตราว่าเธอมีค่าพอหรือเปล่าที่จะให้ฉันลดตัวลงไปรัก" มันเหมือนกับมีมีดปลายแหลมปักเข้ากลางอก เลือดสีแดงสดไหลทะลักอาบเรือนร่างขาวเนียนจนแทบแลไม่เห็นผิวหนังมังสา "ผู้หญิงอย่างเธอมากที่สุดก็เป็นแค่นางบำเรอช่วยปรนเปรอฉัน ตอนที่ฉันอยากก็เท่านั้นแหละ อย่าสำคัญ อย่าสำเหนียกตัวเองมากเกินไปว่าที่ฉันทนอยู่กับเธอมาจนถึงทุกวันนี้เพราะรัก" ยัง...ยังไม่พอหรือไง แค่ประโยคแรกหัวใจของเธอก็ป่นปี้บอบสลายไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว แต่นี่เขายังพูดจาถมเถตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าหมายจะให้เนื้อที่เป็นแผลพุพองติดเชื้อเข้ากระแสเลือดจนสาหัสและเจียนตายเลยหรือ? "หากคุณไม่ได้รู้สึกดีด้วย.แล้วคุณจะดึงมินเข้ามาตั้งแต่แรกทำไม!" มินตราทรุดตัวลงนั่งบนพื้นกระเบื้องด้วยความรู้สึกซับซ้อนซ่อนเงื่อนพัวพันกันมั่วไปหมดในสมอง เขาไม่เคยรักเธอเลยสักนิดหรือไง? แล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามัน

  • พันธะร้ายรักเมียเก็บ   บทที่ 12

    "เชิญครับคุณมินตรา นี่ก็ถึงเวลาทำงานแล้ว กรุณาเหน็ดเหนื่อยให้สมกับเงินเดือนที่ทางบริษัทจ่ายไปให้คุณด้วย" ภาคินกดน้ำเสียงต่ำแกมบังคับบีบให้มินตราค่อยๆหลุบลงมองพื้นแล้วถอนตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามบิดาเพื่อกระเถิบตัวตั้งท่าเตรียมรอออกจากห้อง "งั้นหนู...เอ่อ..." มินตราเหลือบขึ้นไปมองสายตาดุ กร้าวของภาคินเมื่อเธอหลุดใช้สรรพนามแทนการเรียกชื่อที่แสนจะคุ้นเคยกับคุณลุงดำเกิง "งั้นดิฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะท่านประธาน" "ตามสบายเลยจ้ะ" เมื่อเป็นเช่นนั้นมินตราจึงขออนุญาตปลีกตัวออกไปจากห้องประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเดชาบวรสกุลกรุ๊ปเพื่อประจำยังโต๊ะทำงานของตนซึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องของภาคินนั่นเอง @ห้องทำงานภาคิน "เข้าไปคุยกับผมในห้อง" ภาคินพูดในขณะที่กำลังเดินผ่านโต๊ะทำงานของมินตรา แกร๊ก!"ไปเสนอตัวให้พ่อผมถึงห้องเลยเหรอ?" ภาคินรั้งตัวร่างบางกระชากเข้าหากายพร้อมกับใช้ฝ่ามือของเขาบีบแขนเรียวบางของเธอจนเนื้อนุ่มบุ๋มยุบตัว "เงินที่ผมให้ใช้ในแต่ละเดือนมันขาดเหลือจนกระทั่งต้องยอมนอนกับผู้ชายที่มีสามีแล้วงั้นเหรอ?" "คุณภาคินพูดอะไรคะ? มินไม่เห็นจะเข้าใจเลย" มินตราไม่รู้ว่าตนจะต้องแสดงความ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status