เฟรย์รู้สึกว่าข้อตกลงที่ได้ทำเอาไว้ ผูกมัดเธอมากกว่าเดิมจนน่ากลัว แต่จะมาถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ตรงหน้าคือหมอหน้าโหดที่พูดน้อย แต่เบื้องหลังคือแม่ของเธอ ซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต ในเมื่อโชคชะตาพาเธอมาถึงตรงนี้ ก็ยากที่จะหนีพ้นไปได้
“เปลี่ยนรองเท้าตรงนี้ จากนี้หน้าที่จัดของเป็นของเธอ กระเป๋าวางตรงนี้ เข้ามาแล้วก็ล้างมือที่อ่างหน้าบ้านก่อน เช็ดให้แห้ง ผ้าเช็ดมือเปลี่ยนวันละครั้งหลังจากฉันออกจากบ้านไปแล้ว เธอฟังทันไหม”
“ค่ะ ทันค่ะ”
“กระเป๋า ของใช้ส่วนตัว มือถือเอาไปในห้องได้แต่ต้องฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก่อน เครื่องพ่นอยู่ทางนั้น”
เฟรย์หันไปมองรอบ ๆ ห้องสีขาวที่ถูกสั่งให้เปิดเครื่องปรับอากาศและไฟสว่าง พื้นห้องที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาว โต๊ะและเฟอร์นิเจอร์เหมือนจะถูกดูแลอยู่ตลอดเวลา เขาหันมามองเธอที่กำลังเอากระเป๋าเข้าไปในตู้พ่นอย่างเงอะงะจึงเดินเข้ามาด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมราคาแพงทำให้เธอรู้สึกวูบวาบที่หลัง
“เอาวางไว้แล้วกดปุ่มนี้ รอแค่สิบวินาทีให้ไฟเขียวขึ้นแล้วค่อยดึงออกมา จำให้ดี ๆ ล่ะ”
“ค่ะ”
เธอดึงกระเป๋าออกมาเมื่อเห็นไฟเขียว แต่เมื่อหันมาก็ชนเข้ากับอกกว้างของเขาที่อยู่ด้านหลัง เฟรย์ไม่เคยเห็นผู้ชายที่หุ่นดีแบบนี้มาก่อน เขาเป็นผู้ชายที่โตคนแรกที่เธอได้ใกล้ชิดขนาดนี้ก็ว่าได้
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ห้องนอนอยู่ข้างบนนี่เอง”
“ไม่ใช่นะคะ ฉันแค่…”
“ตามมานี่ฉันจะพาไปดูครัว”
“ครัวเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ต่อไปหน้าที่ทำอาหาร และดูแลเสื้อผ้า อาหารการกินเธอต้องดูแลทั้งหมด ฉันจะพาไปซื้อของอาทิตย์ละสองครั้งมาเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ฉันเกลียดผักกลิ่นแรง ไม่กินหอยแมลงภู่และแพ้ปลาเนื้ออ่อน จำได้ใช่ไหม”
“ทำอาหารเหรอคะ”
“ทำไม่ได้เหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือว่าเฟรย์นึกว่า...”
“ตรงนั้นเป็นห้องซักล้าง มีเครื่องซักผ้า อบผ้า ด้านหลังมีลานตากอยู่ ผ้าปูที่นอนเปลี่ยนอาทิตย์ละครั้ง น้ำยาซักผ้าและน้ำยาฆ่าเชื้อวางอยู่ในชั้น ส่วนผสมก็เขียนแจ้งเอาไว้แล้ว ไปดูได้”
“ค่ะ”
เขาพาเธอเดินสำรวจบ้านหรูที่เหมือนจะอยู่กันหลายคน แต่เท่าที่ดูทั้งบ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน เหมือนจะมีคนคอยมาทำความสะอาดให้เขาตลอด แต่หลังจากนี้ทุกอย่างในบ้านเป็นหน้าที่ของเธอ
“เข้าใจรายละเอียดทั้งหมดแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ เรื่องแบบนี้ฉันทำได้อยู่แล้วค่ะ ทำไมคุณหมอไม่รีบบอกละคะว่าจะให้ฉันมาทำหน้าที่แม่บ้าน”
เธอเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยคุณหมอหน้าโหดคนนี้ก็ไม่ได้ร้ายเหมือนที่เธอคิด เขาให้เธอแค่มาทำหน้าที่แม่บ้านให้เขาเท่านั้น เมื่อเดินขึ้นไปชั้นสองซึ่งมีห้องนอนอยู่สามห้อง เขาเลือกเดินไปเปิดห้องนอนเล็กที่อยู่ข้างห้องใหญ่ เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่ามันใหญ่พอ ๆ กับห้องเช่าของเธอ
“นี่ห้องของเธอสำหรับพักตอนที่มาทำงานที่นี่ อาทิตย์ละห้าวัน”
“เอ่อ ที่จริงฉันไปกลับก็ได้ค่ะ ที่นี่ก็มีรถไฟฟ้าผ่าน ฉันคิดว่า…”
“ถ้าเธอมีแรงเดินออกไปก็เอาสิ นี่การ์ดเข้าออกของเธอ เก็บให้ดี”
“ขอบคุณค่ะ”
“ในตู้มีผ้าเช็ดตัวและชุดอยู่ ไปอาบน้ำสิ”
“คะ? ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ ถ้าคุณหมอจะให้ทำงานก็เริ่มทำได้เลยค่ะ แต่ฉันว่าบ้านก็ยังดูสะอาดอยู่แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลให้อย่างดี”
“นี่เธอโง่หรือเปล่า เรื่องแม่บ้านนั่นก็อีกเรื่อง แต่ที่ให้เธอไปอาบน้ำเพราะเธอต้องทำหน้าที่ที่ตกลงเอาไว้ หวังว่าจะไม่ลืมนะณิชมน”
เขาเดินเข้ามาใกล้เธอที่ยืนติดอยู่กับประตูตู้เสื้อผ้า แขนของเขาพิงสองข้างของเธอ หน้าตาเฟรย์ตกใจจนเขานึกขำ หมอมาร์คกระตุกยิ้มมุมปากออกมาพร้อมเสียงแค่นแคะ
“เธอคงไม่คิดว่าจะมาทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเดียวหรอกนะ เพราะที่เราตกลงกันเอาไว้… คือเธอต้องบริการเรื่องบนเตียง”
“ฉะ ฉัน… ไม่ลืมค่ะ”
“งั้นก็ดี ไปอาบน้ำเพราะฉันก็จะอาบเหมือนกัน เสร็จแล้วก็สวมชุดคลุมนั่นแล้วไปหาฉันที่ห้องใหญ่ข้าง ๆ อย่านานล่ะฉันไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น”
หมอมาร์คเดินออกไปจากห้องแล้ว เฟรย์ตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น ตอนแรกเธอกลัวมากที่ต้องมาที่นี่ พอเดินเข้ามาและเขาพูดเรื่องเกี่ยวกับงานเธอก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา แต่ตอนนี้เหมือนหมอมาร์คจะกระชากความรู้สึกของเธอลงมาอีกครั้ง
“เพื่อแม่ ท่องเอาไว้เฟรย์”
เธอคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปทันที เฟรย์คิดว่าห้องนี้คงไม่มีใครเคยเข้ามาใช้มาก่อน ข้าวของเครื่องใช้เหมือนจะเป็นของใหม่ทั้งหมดและบางชิ้นก็ยังไม่เคยแกะออกมา เธอเป็นคนแรกที่ใช้ห้องนี้แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของหญิงสาวดีใจเลยแม้แต่น้อย
“นี่ไม่ใช่การบังคับขืนใจสักหน่อย เรื่องนี้เราเต็มใจเองอย่ากลัว เดี๋ยวก็ผ่านไป”
เธอเดินเข้าไปอาบน้ำ หมอมาร์คที่เข้าไปในห้องก็เช่นกัน เขาใช้น้ำเย็นราดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเพื่อดับอารมณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้น ไม่คิดเลยว่ากลิ่นของผู้หญิงตัวเล็กนั่น จะทำให้เขาอารมณ์กระเจิงทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย
“เธอร้ายมาก มิน่าละถึงได้ปั่นหัวเจ้าต้นกล้าจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนั้น”
เขาอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำมานั่งรอเธอที่เตียงในห้อง ไม่นานหลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“เชิญ”
เฟรย์ค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตื่นเต้นกับเรื่องเซ็กซ์ที่มันเคยเกิดขึ้นมานับไม่ถ้วน สำหรับเขาไม่เคยจะขาดเรื่องผู้หญิง แต่ไม่เคยมีใครที่เข้ามาถึงบ้านอย่างเธอมาก่อน
“เข้ามาสิ”
เฟรย์ที่สวมแต่ชุดคลุมอาบน้ำเดินเข้ามาใกล้ ๆ เขา เตียงใหญ่ที่น่าจะมากกว่าหกฟุตทำให้เธอใจเต้นแรงผิดปกติ แม้แต่คนตรงหน้าถึงเขาจะเป็นหมอที่ดูสุภาพเวลาอยู่โรงพยาบาล แต่เวลาเขาสวมแค่ชุดคลุมอาบน้ำเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเซ็กซี่มากจริง ๆ ทำให้เธอหวั่นไหวและรู้สึกตื่นเต้นมากกว่ากลัว
“เธออาบน้ำนานเหมือนกันนะ”
“ฉัน… ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไร”
หมอมาร์คเดินลงจากเตียงและเดินมาหาเธอ ตัวของหญิงสาวสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ถึงจะอาบน้ำแล้วแต่กลิ่นกายของชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังเย้ายวนใจเกินกว่าจะจินตนาการได้
“ถอดออกสิ”
“อ๊ะ!”
เขาดึงเชือกชุดคลุมของเธอออกแต่เฟรย์ยังไม่พร้อมจึงได้แต่จับเอาไว้แน่น สีหน้าเธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูก หมอมาร์คเมื่อเห็นแบบนี้ก็ยิ่งเร้าอารมณ์และรู้สึกอยากฉีกกระชากชุดนี้ออกเหลือเกิน เขาดึงเธอเข้ามาและค่อย ๆ ก้มไปที่ซอกคอ กลิ่นครีมอาบน้ำของเขาที่อยู่บนตัวเธอทำให้อารมณ์ของเขากระเจิดกระเจิง
“เดี๋ยวค่ะคุณหมอ!”
“อะไรอีกละ ถ้าคิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทันแล้วนะ เพราะว่าตอนนี้อารมณ์ของผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว เธอรับรู้ได้นี่ จับมันดูสิมันแข็งรออยู่นานแล้ว”
เฟรย์หลับตาไม่กล้ามอง แต่ก็ยอมรับว่าเธอเองก็อยากลองสักครั้ง แม้ว่าเรื่องเซ็กซ์ที่จริงจังเธอจะไม่เคยมีกับใครมาก่อนก็ตาม แต่กลับหมอมาร์ค เธอรู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นจนอยากจะลอง
“เฟรย์ว่า…เอาไว้วันหลังไหมคะ ตอนนี้ ว้าย!”
เขาดันเธอลงไปที่เตียงและดึงเชือกผูกชุดออกทันที เฟรย์ไม่คิดว่าหมอจะป่าเถื่อนแบบนี้ ร่างเปลือยของเธอปรากฏต่อสายตาเขาตรงหน้า สีหน้าของหมอหนุ่มตะลึงกับความสวยเซ็กซี่ตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นแรงเลือดลมสูบฉีดและต้องการระบายออก
“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกเดี๋ยวเธอก็จะลืมคำพูดทั้งหมดนั่นแล้วจะขอร้องให้ฉันทำต่อ เพราะฉะนั้นตอนนี้เลิกพูดได้แล้ว”
“ไม่ได้นะคะแล้วต้นไผ่ละคะ”“ไม่มีปัญหา ก็แค่โทรบอกให้ต้นน้ำกับคุณน้าไปรับกลับบ้านก็พอแล้ว”“หมายความว่ายังไงคะ นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณเอาหลานมาอ้าง”เขารีบกอดเธอเอาไว้แน่นทันที พร้อมกับสีหน้าออดอ้อนให้เธอยอมยกโทษให้“ขอโทษแต่ทำเพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ ผมก็ไม่ได้อยากเอาเจ้าตัวแสบนั่นมาอ้างหรอก แต่ว่ายังไงก็เริ่มเล่าเรื่องนี้กับคุณไม่ได้ เมื่อวานพอน้าเมตตาบอกว่าอยากมาเยี่ยมคุณชมจันทร์”“อะไรนะคะ คุณบอกว่า…”“เราไปอาบน้ำล้างตัวกันก่อนดีไหมแล้วค่อยคุยกัน ทิ้งไว้นานแบบนี้ก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเป็นห่วงคุณนะ”“ก็ได้ค่ะ แต่อุ้มเฟรย์ไปนะคะ”“คำสั่งเมียใครจะกล้าขัดล่ะ ด้วยความยินดีเลยครับผม”เธอหันไปหอมแก้มเขาครั้งหนึ่งเพื่อเป็นรางวัล เขาหันมายิ้มให้และอุ้มตัวเธอเดินออกไปทั้ง ๆ ที่เปลือยด้วยกันทั้งคู่ กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อไปแช่อ่างจากุชชี่ในห้องนอนใหญ่“ท่านอยากไปเยี่ยมคุณแม่เหรอคะ”“ใช่ แต่ผมก็บอกแล้วว่าตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะ อีกอย่างคุณชมจันทร์ก็พึ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัด ผมไม่อยากให้มีเรื่องกระทบจิตใจเธอก่อนการทำกายภาพบำบัดน่ะ”“ขอบคุณนะคะที่คิดถึงสุขภาพคุณแม่”“ยังไงก็เป็นคนไข้ของผม ไม่ใช่ส
หมอมาร์คค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแล้ว เขาสามารถง้อเธอได้สำเร็จ แม้ว่าจะใช้เวลาค่อนข้างนานก็ตาม“ขอบคุณนะเฟรย์ ขอบคุณมากจริง ๆ”เธอกอดเขากลับไปอีกครั้ง ทั้งคู่เจ็บปวดกับเรื่องนี้มานานมากเกินไปแล้ว ในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเริ่มต้นใหม่กันเสียที มาร์คนอนกอดเฟรย์อยู่บนเตียงเล็กของเธอ“คุณเริ่มสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าต้นไผ่คือลูกของใคร”“ที่จริงก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เห็นหน้าตาของเขาเหมือนกับพี่กล้ามาก เฟรย์ก็เลยคิดว่า…”หมอมาร์คหันมามองหน้าเธอ จมูกของเขาคลอเคลียที่จมูกของเธอจนเฟรย์ไม่กล้าพูดอะไรต่อ“คุณเห็นว่าต้นไผ่หน้าเหมือนต้นกล้าก็เลยเอะใจเหรอ แสดงว่าคุณยังไม่ลืมเขา ยังคิดถึงเขาเหรอ”“หมอคะ อย่าบอกนะว่าคุณหึง”“ช่วยไม่ได้นี่นา คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้เองก็ต้องรับผิดชอบหน่อยสิ จริงไหม”จูบของเขารุนแรงและเร่าร้อน เต็มไปด้วยความต้องการและไม่อาจทนได้อีก ลิ้นร้อนเกลี่ยไปทั่วจนเธอเผลอตัวตอบรับ เขากดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้งและปล่อยเธอให้ได้หายใจ“เมื่อคืนนี้ผมหลับไปก่อนเพราะเสียงหวาน ๆ ของคุณ วันนี้ผมไม่อยากฟังนิทาน ผมอยากฟังเสียงครางและร้องขอให้ผมรักคุ
มาร์คนิ่งไปเพราะไม่คิดว่าเฟรย์จะเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าต้นไผ่คือลูกของต้นกล้า แต่เขาลืมนึกไปว่าเฟรย์ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ต้นกล้านอนด้วยในตอนนั้นท้อง เธอจึงไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่มากกว่านี้“ผมคิดว่าคุณน่าจะเดาออก จากชื่อของต้นไผ่เสียอีก”“ฉันคิดว่าฉันเดาออกจากหน้าตาของเขา แค่ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่หรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ”“กลับบ้านกันเถอะ แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง”“มีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่เคยรู้อีกเหรอคะ”“ผมว่าคุณน่าจะไม่รู้อะไรเลยตั้งแต่แรก และคงยังเก็บความรู้สึกผิดกับต้นกล้าเอาไว้จนถึงตอนนี้ รวมถึงเรื่องที่ผมทำเลวกับคุณด้วย ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันไม่ควรเกิดขึ้น วันนี้ผมจึงตัดสินใจจะคุยเรื่องนี้กับคุณ”“กลับกันเถอะค่ะ”เขาจับมือเธอเดินไปที่รถ โดยไม่ต้องพูดอะไรกันอีก เธอรู้ว่าหลังจากนี้เรื่องที่เขาจะเล่าให้เธอฟังคงเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้ และแน่นอนว่าสี่ปีมานี้เธอเองก็ยังรู้สึกผิดกับต้นกล้ามาโดยตลอด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาฆ่าตัวตายบ้านของหมอมาร์ค“ไปคุยในห้องเถอะ”“ทำไมไม่คุยที่นี่ละคะ”“ไม่สะดวกหรอกผมกลัวคุณหนี จะได้จับคุณแก้ผ้าเอาไว้ก่อนที่คิดจะหนี”“หมอคะ!”“ผมแค่ล้อเล่นเท
“คุณรีบออกไปเลยนะ! ไปเลย”“โอ๊ย ๆ ไปแล้วก็ได้อย่าผลักกันแบบนี้สิ เดี๋ยวมีอารมณ์อื่นขึ้นมา… คุณต้องรับผิดชอบนะ”“ไอ้! …อื้อ”ในที่สุดเขาก็เก็บความอดทนนี้เอาไว้ไม่ได้ มาร์คก้มลงบดริมฝีปากลงไปหาเธอ ลิ้นร้อนฉกหาความหวานที่รอคอยมานาน เฟรย์เองก็เริ่มต่อต้านความต้องการนี้ไม่ไหวและเผลอตอบรับเขาไป“แฮก แฮก”“เมียจ๋า…อีกนิดนะ”“คุณ…อื้อ”เขาดึงผ้าเช็ดตัวของเธอออกและพาไปที่เตียง มือหนาเริ่มควานหาหน้าอกคู่สวยที่คิดถึงมาหลายเดือนอย่างโหยหาจนเธอเผลอแอ่นตัวรับ แต่ปากของทั้งคู่ยังคงบดขยี้กันอย่างไม่ยอมกันอยู่“อื้อ…พอก่อนค่ะ!”“เฮ้อ…. ก็ได้ รอเจ้าตัวเล็กนั่นหลับก่อน แล้วค่อยมาคุยกันต่อ”“ออกไปได้แล้วค่ะ”“ก็ได้ แต่ขอแถมอีกหน่อยนะครับ คิดถึงมานานแล้ว นะ…”“ไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะ…”“อย่าขู่ ไม่งั้นคืนนี้เจอดีแน่”“ถ้างั้นฉันก็จะไม่ออกจากห้องนี้”“ได้ งั้นผมจะรอจนคุณแต่งตัวเสร็จและพาไปที่ห้อง หรือว่าจะให้ผมใส่ให้ดีละ แต่ผมไม่ถนัดใส่นะ ถนัดถอดมากกว่า”“หมอ!! ออกไปเลย!”“เปลี่ยนใจแล้ว ออกไปพร้อมกันดีกว่าเร็วเข้าสิรีบใส่เสื้อผ้า ถ้ายังไม่ใส่ผมจะใส่ของผมเข้าไปแล้วนะ ทนมานานแล้วด้วยคุณก็รู้”“ไอ้คนบ้า ไอ้โรคจิต
“อ้อผมคงเหนื่อยเกินไปจริง ๆ ขอโทษทีนะ”เขากดรีโมทรถทันทีเมื่อเธอหันมามองเขาด้วยท่าทีสงสัย เธอระแวงและพยายามชวนเขาคุยตลอดเส้นทาง ต้นไผ่กำลังสนใจของเล่นชิ้นใหม่อยู่ข้างหลังและไม่ได้สนใจทั้งสองคน“คุณหมอดูจะเหนื่อยนะคะช่วงนี้ ไม่ค่อยได้พักผ่อนเหรอคะ”“มีผ่าตัดติดต่อกันหลายวัน แต่ละเคสค่อนข้างหนักน่ะ อีกอย่างการผ่าตัดสมองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันต้องรอบคอบทุกวินาที ผมไม่อยากทำพลาดให้ส่วนของตัวเอง ดังนั้นก็เลยพยายามทำให้เต็มที่ที่สุดน่ะ”“งานของคุณหมอดูจะกดดันมากเลยนะคะ แล้วนี่ยังต้องมาเลี้ยงต้นไผ่อีก แล้วแม่ของเขาจะกลับเมื่อไหร่คะ”“เห็นว่าอีกสามวัน พรุ่งนี้วันศุกร์แล้ว ไปโรงเรียนอีกวันเดียวก็หยุด โชคดีหน่อย”“แต่วันหยุดของคุณหมอนี่สิคะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็มีคุณคอยช่วยอยู่แล้วนี่ จริงไหม”“แต่คุณแม่…”“คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ ก่อนหน้านั้นผมก็หาพยาบาลมาช่วยดูแลคุณชมจันทร์เป็นอย่างดี ตอนนี้อาการดีกว่าตอนนั้นเยอะเลยนะ อีกอย่างช่วงนี้ก็ใกล้จะได้ทำกายภาพบำบัดแล้ว ผมแนะนำว่าอย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่จำเป็นจะดีกว่า เชื่อผมเถอะ”“ก็ได้ค่ะ ฉันจะยอมเชื่อคุณหมออีกสักครั้ง”“ผมเชื่อใจได้จริง ๆ นะ”เฟรย์
“นะครับพี่เฟรย์คนสวย ไปเลือกของเล่นกับไผ่นะครับ”เฟรย์หันไปยิ้มให้เด็กน้อย เธอใจอ่อนลงทันทีเมื่อถูกเขาอ้อนแบบนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอใจโหดอย่างอติวิชญ์ จะมีหลานชายที่น่ารักขนาดนี้“ก็ได้ค่ะ พี่รับปากค่ะ”หมอมาร์คหันไปคว้าแฟ้มและแอบยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ วันนี้คงต้องให้รางวัลเจ้าตัวเล็กนี้อย่างสมน้ำสมเนื้อสักหน่อยแล้ว ที่ทำให้ภารกิจครั้งแรกของเขาสำเร็จ“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับไปเก็บของที่ห้องก่อน”“ไผ่รออยู่ที่นี่กับพี่เฟรย์นะครับลุงมาร์ค เดี๋ยวพี่เฟรย์หนี”“ตายจริง ฮ่า ๆ แย่แล้วล่ะเฟรย์เอ๊ย เห็นทีจะได้เลี้ยงเด็กน้อยยาวแล้วละมั้งแบบนี้”“แม่ก็… พูดเรื่อยเปื่อย พี่เฟรย์รับปากแล้วไม่หนีหรอกครับ”“ถ้าอย่างนั้นพี่เฟรย์ก็ไปพร้อมกับไผ่ แล้วก็ลุงมาร์คเลยไหมครับ”“เอ่อ ลุงยังต้องทำงานอีกหน่อย ถ้างั้นผม… รบกวนฝากหลานเอาไว้กับคุณสักครู่ได้ไหม”“ได้ค่ะคุณหมอไปทำธุระเถอะค่ะ เสร็จแล้วค่อยมารับ”“ขอบคุณนะครับ”เฟรย์พยักหน้าให้เขา หมอมาร์ครีบคว้าแฟ้มและลาชมจันทร์ออกจากห้องไปทันที เขาดีใจจนแทบอยากจะกระโดดขึ้นมาเมื่อแผนการแรกได้ผล พอมาถึงแผนกก็รีบส่งรายงานและสั่งงานเอาไว้จนเรียบร้อย และเข้าไปที่ห้องพั