“คุณพูดเรื่องอะไร นี่คุณกำลังชวนผมทำเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณของแพทย์เหรอ”
“ฉัน…”
เฟรย์รู้สึกอายขึ้นมาในทันทีเมื่อถูกคุณหมอถามแบบนี้ ถึงจะยอมรับแต่ว่าตอนนี้เธอเองก็เหมือนจะหมดหนทางแล้วจริง ๆ สวนผลไม้ที่แม่ทำมาหลายปี ต่อให้ขายผลไม้ทั้งหมดนั่นก็อาจจะพอแค่ค่าห้อง แต่หลังจากนั้นหากขายทั้งสวนหรือเอาที่ดินไปจำนองก็อาจจะไม่พอด้วยซ้ำ
“คุณณิชมน ผมอยากให้คุณลองคิดให้ดี ๆ ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา”
“หากว่าฉันมีทางอื่นก็คงไม่กล้าเสนอเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ถ้าคุณหมอช่วยไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่เสนอเรื่องน่าอายนี้ออกไป ขอตัวก่อน”
“ผมก็ยังไม่ได้บอกว่ามันน่าอายหรือไม่ตอบรับนะ เรื่องนี้ผมว่าเราน่าจะพอคุยกันได้ นั่งลงก่อนสิ”
เฟรย์หันมาและค่อนข้างตกใจที่คุณหมอหน้านิ่งคนนี้พูดออกมาแบบนี้ เขายังคงมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นหน้าเขาที่ไหน แต่ก็คิดไม่ออก
“ลองบอกข้อเสนอของคุณมาก่อนสิ เผื่อว่าผมอาจจะสนใจแล้วช่วยคุณได้”
“ฉันทำงานให้คุณได้ ตอนนี้ฉันทำงานบริษัทส่งออกอยู่ แต่หลังเลิกงานก็สามารถทำงานพิเศษต่อได้ ถ้าคุณหมออยากให้ฉันทำอะไรก็…”
“ทุกอย่างเลยเหรอ”
“ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานแม่บ้าน เก็บกวาดทำความสะอาด ทำอาหารขับรถหรือดูแลเด็ก ฉันทำได้ทั้งหมดค่ะ ฉันเคยเป็นครูสอนพิเศษเด็ก ๆ ด้วย ถ้าคุณหมอมี…”
“ผมยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแฟนและยังไม่มีลูก อีกอย่างหลานผมก็โตหมดแล้วหรือไม่ก็… ตายไปแล้ว”
เฟรย์ค่อนข้างตกใจที่เขาพูดแบบนี้ออกมา เธอยังไม่ได้ถามอะไรเขาสักหน่อย แต่คุณหมอคนนี้เอาแต่มองด้วยสายตาแปลก ๆ มาตั้งแต่เธอเดินเข้ามา เหมือนเขาจะไม่เต็มใจช่วย แต่อีกครั้งก็เหมือนจงใจให้เธอเดินตกหลุมดำนี้เข้ามาเอง
“ถ้าอย่างนั้น ฉัน…”
“เธอทำอย่างอื่นได้ไหม”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็เข้าใจง่าย ๆ แค่นอนกับผม แลกกับค่ารักษาทั้งหมดของคุณแม่ของคุณ สัญญานี้สิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผมรักษาคุณแม่ของคุณจนหาย ไม่ต้องเสียค่ารักษาเลยแม้แต่บาทเดียว”
“คุณ! ก่อนหน้านี้ยังบอกว่ามันผิดจรรยาบรรณของแพทย์ แต่ตอนนี้…”
“คุณก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่ายินดี เรื่องนี้มันเป็นข้อตกลงระหว่างเราสองคน ไม่เกี่ยวอะไรกับหมอและคนไข้นี่ คุณว่าจริงไหมณิชมน”
เฟรย์รู้สึกชาไปทั้งหน้าเมื่อถูกเขามองอย่างนึกดูถูก เธอไม่ได้เข้าใจผิดแต่ดูเหมือนว่าหมอคนนี้จะรู้จักเธอ แต่ก็คิดไม่ออกเลยว่าเคยเจอเขาที่ไหน
“คุณหมอ เราเคยรู้จักกันเหรอคะ”
“แน่นอนว่าไม่”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงกล้ายื่นเงื่อนไขนี้ให้ฉันละคะ”
“คุณเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย เรื่องมันก็เข้าใจง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเรื่องเซ็กซ์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มนุษย์ที่ไหนก็มีเซ็กซ์กันทั้งนั้น คุณคิดว่าผมเป็นหมอแล้วจะมีชีวิตส่วนตัวไม่ได้เหรอ”
“ฉัน…”
“เอาเถอะผมเข้าใจว่าคุณคงอยากมีเวลาคิด เอาเป็นว่าผมไม่รีบ”
เขาหยิบกระดาษใบเล็กที่มีชื่อของเขามาให้เธออย่างไม่ใส่ใจนัก
“นามบัตรของผม ถ้าคิดได้แล้วก็โทรมาก็แล้วกัน อ้อจริงสิคุณคงต้องรีบตัดสินใจแล้วเพราะแม่ของคุณมีเวลาเหลือน้อยมาก คุณเป็นญาติผู้ป่วยควรรีบตัดสินใจ”
“อติวิชญ์ สหัสวัตโยธิน…”
“มีอะไรเหรอ หรือว่านึกอะไรขึ้นมาได้”
“เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อน”
“เชิญครับ”
เฟรย์รีบเดินออกมาจากห้องของเขาในทันที หน้าเธอยังชาลงไปถึงขาที่แทบจะเดินออกมาไม่ไหว แค่ลุกขึ้นก็เหมือนจะวิงเวียนศีรษะและล้มทั้งยืน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาคุยเรื่องนี้กับคุณหมอเจ้าของไข้ ประตูปิดลงแล้วหมอมาร์คถึงถอดแว่นออกและโยนอย่างไม่ใส่ใจลงบนโต๊ะ เขามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“ต้นกล้า… ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนแก้แค้นให้นายเอง”
วันถัดมา / ห้องไอซียู
เฟรย์นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะคำพูดของคุณหมออติวิชญ์ แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ยื่นเงื่อนไขก่อน แต่เขากลับทำเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้เขา
“แม่คะ เฟรย์จะทำเพื่อแม่ค่ะ”
เธอตัดสินใจและกำเอกสารในมือแน่น เมื่อล้วงไปหานามบัตรที่เขาให้ไว้เมื่อวานนี้เธอจึงตัดสินใจจะโทรไปทันที
“ครับ”
“คุณหมอคะ ฉัน... ณิชมนเองนะคะ”
“ครับ”
“ฉันตกลงค่ะ”
“มาที่ห้องของผม บ่ายสอง”
“ค่ะ”
ห้องพักแพทย์
เฟรย์เดินเข้ามาตามที่นัดเอาไว้ตามเวลา เมื่อเดินเข้าไปนั่งรอแต่คุณหมอยังไม่มา เธอรออยู่ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็เดินเข้ามาในห้อง วันนี้คุณหมอไม่ได้สวมแว่นตา แต่เขาดูยุ่ง ๆ เพราะเหมือนจะพึ่งกลับมาจากห้องตรวจ
“คุณมาแล้วเหรอ จะดื่มอะไรหน่อยไหม”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันแค่มาคุยธุระให้เสร็จ”
“อ้อ รอเดี๋ยวนะขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เขาเดินเข้าไปข้างในและรีบถอดชุดออก ใจของเฟรย์เริ่มเต้นแรงและไม่อยากคิดถึงคำว่า “เปลี่ยนชุด” ของเขาทำให้เธอแอบกลืนน้ำลาย
‘อย่าสิเฟรย์ แกจะหวั่นไหวกับเจ้าหนี้ไม่ได้นะ ถึงเขาจะหล่อแต่เขาเป็นนายตัวร้ายจำเอาไว้’
“นี่คุณ!"
“คะ?”
เฟรย์ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนชุดเร็วขนาดนี้ เมื่อหันกลับมามอง ก็เห็นว่าคุณหมอสวมเสื้อเชิ้ตลำลองออกมาและถอดเสื้อกาวน์ออกไปเท่านั้น
“ผมเรียกคุณอยู่นะ ตกลงว่าจะคุยไหม”
“คุยค่ะ”
“ดี งั้นก็ไปกันเลย”
“ไป? ไปไหนคะ”
“ก็คุณตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาคุณไปที่บ้านผมไงละ”
“บ้าน! คือว่า… ค่ะ”
เฟรย์ไม่คิดว่าเธอจะต้องเริ่มงานเลย นึกว่าวันนี้จะแค่คุยเฉย ๆ แต่เมื่อคุณหมอเดินออกมาจากโต๊ะก็เคาะให้เธอลุกขึ้น เขาเป็นคนพูดน้อยและหน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร ออกจะดุด้วยซ้ำไปหากตามสายตาที่เฟรย์มอง
“หยิบกระเป๋ามาด้วย เรื่องคุณแม่ไม่ต้องห่วงเพราะผู้ป่วยอยู่ในห้องไอซียูห้ามเยี่ยมอยู่แล้ว แค่ตามผมมาก็พอ”
“ค่ะ”
เฟรย์คว้ากระเป๋าและเดินตามเขาออกไปจากห้องทันที คนทั่วไปมองทั้งคู่และไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะโดยปกติคุณหมอมาร์คก็มีคุยกับญาติผู้ป่วยอยู่ตลอดเป็นเรื่องปกติ
“คุณพักที่ไหน”
“ฉันเช่าคอนโดอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานค่ะ แถวสาทร”
“อืม บอกทางมาก็แล้วกันผมไม่ค่อยชอบไปแถวนั้น รถมันติด”
“ปกติฉันใช้รถไฟฟ้าค่ะ”
“แล้วมันช่วยคุณขนของได้เหรอ”
“คะ?”
ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่สายตาที่เขาหันมามองกลับทำให้เธอไม่กล้าถาม
“ช่างเถอะวันนี้ยังไม่ต้อง ไปที่บ้านผมก่อนค่อยว่ากัน”
เฟรย์ไม่กล้าถามและเดินตามเขาออกจากลิฟต์ เมื่อเดินมาที่รถ เขาก็กดเปิดล็อกและหันไปบอกเธออีกครั้ง
“ขึ้นรถสิ”
“ค่ะ”
เฟรย์นั่งนิ่งมาตลอดทาง เมื่อเขาพาเธอขับรถหรูออกจากโรงพยาบาล ไม่นานก็เลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านใจกลางเมืองซึ่งหรูหราและราคาแพง คนภายนอกไม่สามารถเข้ามาได้หากไม่มีการ์ดของหมู่บ้าน
“มองอะไร เริ่มกลัวแล้วเหรอ คิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ”
“เปล่านะคะ ฉันก็แค่…”
เขาไม่ได้ฟังเธอพูด และขับรถเข้ามาที่บ้านเดี๋ยวขนาดกลางซึ่งเป็นหลังที่อยู่ซอยด้านในสุด อีกทั้งละแวกนี้มีบ้านไม่ถึงห้าหลัง ซึ่งดูแล้วราคาคงสูงเกินกว่าสิบล้าน รีโมทสั่งการให้ประตูบ้านเปิดออก รถหรูขับเข้าไปข้างในทันที เมื่อรถจอดสนิทเขาก็เดินลงจากรถ เธอจึงรีบเปิดประตูตามเขาออกมา
“คุณหมอคะ! คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ”
“เข้าไปเธอก็รู้เอง ไม่ต้องมองหาทางหนีหรอก ที่นี่ถ้าไม่มีการ์ดเธอก็เข้าออกตามใจไม่ได้ อย่าแม้แต่จะคิดดีกว่า”
“ไม่ได้นะคะแล้วต้นไผ่ละคะ”“ไม่มีปัญหา ก็แค่โทรบอกให้ต้นน้ำกับคุณน้าไปรับกลับบ้านก็พอแล้ว”“หมายความว่ายังไงคะ นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณเอาหลานมาอ้าง”เขารีบกอดเธอเอาไว้แน่นทันที พร้อมกับสีหน้าออดอ้อนให้เธอยอมยกโทษให้“ขอโทษแต่ทำเพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ ผมก็ไม่ได้อยากเอาเจ้าตัวแสบนั่นมาอ้างหรอก แต่ว่ายังไงก็เริ่มเล่าเรื่องนี้กับคุณไม่ได้ เมื่อวานพอน้าเมตตาบอกว่าอยากมาเยี่ยมคุณชมจันทร์”“อะไรนะคะ คุณบอกว่า…”“เราไปอาบน้ำล้างตัวกันก่อนดีไหมแล้วค่อยคุยกัน ทิ้งไว้นานแบบนี้ก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเป็นห่วงคุณนะ”“ก็ได้ค่ะ แต่อุ้มเฟรย์ไปนะคะ”“คำสั่งเมียใครจะกล้าขัดล่ะ ด้วยความยินดีเลยครับผม”เธอหันไปหอมแก้มเขาครั้งหนึ่งเพื่อเป็นรางวัล เขาหันมายิ้มให้และอุ้มตัวเธอเดินออกไปทั้ง ๆ ที่เปลือยด้วยกันทั้งคู่ กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อไปแช่อ่างจากุชชี่ในห้องนอนใหญ่“ท่านอยากไปเยี่ยมคุณแม่เหรอคะ”“ใช่ แต่ผมก็บอกแล้วว่าตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะ อีกอย่างคุณชมจันทร์ก็พึ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัด ผมไม่อยากให้มีเรื่องกระทบจิตใจเธอก่อนการทำกายภาพบำบัดน่ะ”“ขอบคุณนะคะที่คิดถึงสุขภาพคุณแม่”“ยังไงก็เป็นคนไข้ของผม ไม่ใช่ส
หมอมาร์คค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแล้ว เขาสามารถง้อเธอได้สำเร็จ แม้ว่าจะใช้เวลาค่อนข้างนานก็ตาม“ขอบคุณนะเฟรย์ ขอบคุณมากจริง ๆ”เธอกอดเขากลับไปอีกครั้ง ทั้งคู่เจ็บปวดกับเรื่องนี้มานานมากเกินไปแล้ว ในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเริ่มต้นใหม่กันเสียที มาร์คนอนกอดเฟรย์อยู่บนเตียงเล็กของเธอ“คุณเริ่มสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าต้นไผ่คือลูกของใคร”“ที่จริงก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เห็นหน้าตาของเขาเหมือนกับพี่กล้ามาก เฟรย์ก็เลยคิดว่า…”หมอมาร์คหันมามองหน้าเธอ จมูกของเขาคลอเคลียที่จมูกของเธอจนเฟรย์ไม่กล้าพูดอะไรต่อ“คุณเห็นว่าต้นไผ่หน้าเหมือนต้นกล้าก็เลยเอะใจเหรอ แสดงว่าคุณยังไม่ลืมเขา ยังคิดถึงเขาเหรอ”“หมอคะ อย่าบอกนะว่าคุณหึง”“ช่วยไม่ได้นี่นา คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้เองก็ต้องรับผิดชอบหน่อยสิ จริงไหม”จูบของเขารุนแรงและเร่าร้อน เต็มไปด้วยความต้องการและไม่อาจทนได้อีก ลิ้นร้อนเกลี่ยไปทั่วจนเธอเผลอตัวตอบรับ เขากดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้งและปล่อยเธอให้ได้หายใจ“เมื่อคืนนี้ผมหลับไปก่อนเพราะเสียงหวาน ๆ ของคุณ วันนี้ผมไม่อยากฟังนิทาน ผมอยากฟังเสียงครางและร้องขอให้ผมรักคุ
มาร์คนิ่งไปเพราะไม่คิดว่าเฟรย์จะเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าต้นไผ่คือลูกของต้นกล้า แต่เขาลืมนึกไปว่าเฟรย์ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ต้นกล้านอนด้วยในตอนนั้นท้อง เธอจึงไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่มากกว่านี้“ผมคิดว่าคุณน่าจะเดาออก จากชื่อของต้นไผ่เสียอีก”“ฉันคิดว่าฉันเดาออกจากหน้าตาของเขา แค่ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่หรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ”“กลับบ้านกันเถอะ แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง”“มีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่เคยรู้อีกเหรอคะ”“ผมว่าคุณน่าจะไม่รู้อะไรเลยตั้งแต่แรก และคงยังเก็บความรู้สึกผิดกับต้นกล้าเอาไว้จนถึงตอนนี้ รวมถึงเรื่องที่ผมทำเลวกับคุณด้วย ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันไม่ควรเกิดขึ้น วันนี้ผมจึงตัดสินใจจะคุยเรื่องนี้กับคุณ”“กลับกันเถอะค่ะ”เขาจับมือเธอเดินไปที่รถ โดยไม่ต้องพูดอะไรกันอีก เธอรู้ว่าหลังจากนี้เรื่องที่เขาจะเล่าให้เธอฟังคงเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้ และแน่นอนว่าสี่ปีมานี้เธอเองก็ยังรู้สึกผิดกับต้นกล้ามาโดยตลอด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาฆ่าตัวตายบ้านของหมอมาร์ค“ไปคุยในห้องเถอะ”“ทำไมไม่คุยที่นี่ละคะ”“ไม่สะดวกหรอกผมกลัวคุณหนี จะได้จับคุณแก้ผ้าเอาไว้ก่อนที่คิดจะหนี”“หมอคะ!”“ผมแค่ล้อเล่นเท
“คุณรีบออกไปเลยนะ! ไปเลย”“โอ๊ย ๆ ไปแล้วก็ได้อย่าผลักกันแบบนี้สิ เดี๋ยวมีอารมณ์อื่นขึ้นมา… คุณต้องรับผิดชอบนะ”“ไอ้! …อื้อ”ในที่สุดเขาก็เก็บความอดทนนี้เอาไว้ไม่ได้ มาร์คก้มลงบดริมฝีปากลงไปหาเธอ ลิ้นร้อนฉกหาความหวานที่รอคอยมานาน เฟรย์เองก็เริ่มต่อต้านความต้องการนี้ไม่ไหวและเผลอตอบรับเขาไป“แฮก แฮก”“เมียจ๋า…อีกนิดนะ”“คุณ…อื้อ”เขาดึงผ้าเช็ดตัวของเธอออกและพาไปที่เตียง มือหนาเริ่มควานหาหน้าอกคู่สวยที่คิดถึงมาหลายเดือนอย่างโหยหาจนเธอเผลอแอ่นตัวรับ แต่ปากของทั้งคู่ยังคงบดขยี้กันอย่างไม่ยอมกันอยู่“อื้อ…พอก่อนค่ะ!”“เฮ้อ…. ก็ได้ รอเจ้าตัวเล็กนั่นหลับก่อน แล้วค่อยมาคุยกันต่อ”“ออกไปได้แล้วค่ะ”“ก็ได้ แต่ขอแถมอีกหน่อยนะครับ คิดถึงมานานแล้ว นะ…”“ไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะ…”“อย่าขู่ ไม่งั้นคืนนี้เจอดีแน่”“ถ้างั้นฉันก็จะไม่ออกจากห้องนี้”“ได้ งั้นผมจะรอจนคุณแต่งตัวเสร็จและพาไปที่ห้อง หรือว่าจะให้ผมใส่ให้ดีละ แต่ผมไม่ถนัดใส่นะ ถนัดถอดมากกว่า”“หมอ!! ออกไปเลย!”“เปลี่ยนใจแล้ว ออกไปพร้อมกันดีกว่าเร็วเข้าสิรีบใส่เสื้อผ้า ถ้ายังไม่ใส่ผมจะใส่ของผมเข้าไปแล้วนะ ทนมานานแล้วด้วยคุณก็รู้”“ไอ้คนบ้า ไอ้โรคจิต
“อ้อผมคงเหนื่อยเกินไปจริง ๆ ขอโทษทีนะ”เขากดรีโมทรถทันทีเมื่อเธอหันมามองเขาด้วยท่าทีสงสัย เธอระแวงและพยายามชวนเขาคุยตลอดเส้นทาง ต้นไผ่กำลังสนใจของเล่นชิ้นใหม่อยู่ข้างหลังและไม่ได้สนใจทั้งสองคน“คุณหมอดูจะเหนื่อยนะคะช่วงนี้ ไม่ค่อยได้พักผ่อนเหรอคะ”“มีผ่าตัดติดต่อกันหลายวัน แต่ละเคสค่อนข้างหนักน่ะ อีกอย่างการผ่าตัดสมองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันต้องรอบคอบทุกวินาที ผมไม่อยากทำพลาดให้ส่วนของตัวเอง ดังนั้นก็เลยพยายามทำให้เต็มที่ที่สุดน่ะ”“งานของคุณหมอดูจะกดดันมากเลยนะคะ แล้วนี่ยังต้องมาเลี้ยงต้นไผ่อีก แล้วแม่ของเขาจะกลับเมื่อไหร่คะ”“เห็นว่าอีกสามวัน พรุ่งนี้วันศุกร์แล้ว ไปโรงเรียนอีกวันเดียวก็หยุด โชคดีหน่อย”“แต่วันหยุดของคุณหมอนี่สิคะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็มีคุณคอยช่วยอยู่แล้วนี่ จริงไหม”“แต่คุณแม่…”“คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ ก่อนหน้านั้นผมก็หาพยาบาลมาช่วยดูแลคุณชมจันทร์เป็นอย่างดี ตอนนี้อาการดีกว่าตอนนั้นเยอะเลยนะ อีกอย่างช่วงนี้ก็ใกล้จะได้ทำกายภาพบำบัดแล้ว ผมแนะนำว่าอย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่จำเป็นจะดีกว่า เชื่อผมเถอะ”“ก็ได้ค่ะ ฉันจะยอมเชื่อคุณหมออีกสักครั้ง”“ผมเชื่อใจได้จริง ๆ นะ”เฟรย์
“นะครับพี่เฟรย์คนสวย ไปเลือกของเล่นกับไผ่นะครับ”เฟรย์หันไปยิ้มให้เด็กน้อย เธอใจอ่อนลงทันทีเมื่อถูกเขาอ้อนแบบนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอใจโหดอย่างอติวิชญ์ จะมีหลานชายที่น่ารักขนาดนี้“ก็ได้ค่ะ พี่รับปากค่ะ”หมอมาร์คหันไปคว้าแฟ้มและแอบยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ วันนี้คงต้องให้รางวัลเจ้าตัวเล็กนี้อย่างสมน้ำสมเนื้อสักหน่อยแล้ว ที่ทำให้ภารกิจครั้งแรกของเขาสำเร็จ“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับไปเก็บของที่ห้องก่อน”“ไผ่รออยู่ที่นี่กับพี่เฟรย์นะครับลุงมาร์ค เดี๋ยวพี่เฟรย์หนี”“ตายจริง ฮ่า ๆ แย่แล้วล่ะเฟรย์เอ๊ย เห็นทีจะได้เลี้ยงเด็กน้อยยาวแล้วละมั้งแบบนี้”“แม่ก็… พูดเรื่อยเปื่อย พี่เฟรย์รับปากแล้วไม่หนีหรอกครับ”“ถ้าอย่างนั้นพี่เฟรย์ก็ไปพร้อมกับไผ่ แล้วก็ลุงมาร์คเลยไหมครับ”“เอ่อ ลุงยังต้องทำงานอีกหน่อย ถ้างั้นผม… รบกวนฝากหลานเอาไว้กับคุณสักครู่ได้ไหม”“ได้ค่ะคุณหมอไปทำธุระเถอะค่ะ เสร็จแล้วค่อยมารับ”“ขอบคุณนะครับ”เฟรย์พยักหน้าให้เขา หมอมาร์ครีบคว้าแฟ้มและลาชมจันทร์ออกจากห้องไปทันที เขาดีใจจนแทบอยากจะกระโดดขึ้นมาเมื่อแผนการแรกได้ผล พอมาถึงแผนกก็รีบส่งรายงานและสั่งงานเอาไว้จนเรียบร้อย และเข้าไปที่ห้องพั