“ครับผมจะรีบไป” ธมกรกดตัดสายทั้งที่เขายังตั้งรับไม่ติดไม่คิดว่าข่าวร้ายจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เขายังไม่ทันที่จะได้ร่ำลาสิกานต์ด้วยซ้ำ ทำไมนะ ทำไมโลกถึงใจร้ายกับเขาขนาดนี้ พรากผู้หญิงที่เขารักที่สุดไปตลอดชีวิต ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะได้ร่ำลากับเธอเพราะคำมั่นสัญญาของผู้ใหญ่ที่ทำให้เขาต้องมาติดแหงกอยู่ตรงนี้ แล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำคนที่จะต้องจดทะเบียนสมรสกับเขา เธอยังให้เขามานั่งรอเกือบชั่วโมง
“เดี๋ยวค่ะ คุณธมกร” ไลลาร้องห้ามเสียงหลงไม่ใช่เธอไม่ตกใจในท่าทางของชายหนุ่มที่บัดนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ น้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มของผู้ชายอกสามศอก เธอรู้ว่าสายโทรศัพท์นั้นคงจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีกับเขาแน่นอน แต่ด้วยทางนฤบดินทร์กำชับมาหนักหนากับเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่ายังไงวันนี้ตีรณาและธมกรจะต้องจดทะเบียนสมรสกันให้เรียบร้อย เธอจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่เลขาให้ดีที่สุด
“ผมมีธุระด่วนน่ะ ผมต้องไปก่อน”
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว ๆ ๆ คือว่า เอ่อ ไหน ๆ เจ้าหน้าที่ก็มาแล้ว แล้วก็เดี๋ยวคุณนาก็กำลังจะออกมาแล้วค่ะ นี่ก็ถึงเวลาก็เก้าโมงเช้าแล้วคุณนาคงจะออกมาอีกไม่ช้าแล้วค่ะ คุณช่วยรอก่อนได้ไหมคะ” ไลลาถือวิสาสะรีบวิ่งมาดึงแขนของเขาเอาไว้แต่แล้วเขาก็หันหน้ามามองเธอด้วยท่าทางไม่พอใจ ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำและมีหยาดน้ำตาเกาะอยู่ที่ขนตาของเขาจนเธอรู้สึกสงสารจับใจ
“คือว่าผู้ใหญ่กำชับมาค่ะว่ายังไงพวกคุณสองคนก็จะต้องจดทะเบียนสมรสกันในวันนี้ เอ่อ..” ไลลารู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมากที่เธอจะต้องเข้าไปยุ่งย่ามกับชีวิตของหนุ่มสาวคู่นี้ แต่จะทำอะไรได้ในเมื่อหน้าที่ก็คือหน้าที่ เขาขยับแขนออกจากการเกาะกุมของเธอ จนไลลาต้องรีบขยับตัวออกห่างเขาเช่นกัน
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจแต่ว่า...”
“ครับ ผมจะจดทะเบียนสมรส” เขาเดินตรงไปยังเจ้าหน้าที่แล้วนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางร้อนรนใจ
“ไหนล่ะครับ ผมจะจดเลยเพราะผมมีธุระด่วนครับ” เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับชายหนุ่มเป็นแน่ด้วยใบหน้าของเขาดูเหมือนกับว่าโลกจะแตกยังไงอย่างนั้น
“เราจะไม่รอฝ่ายหญิงก่อนเหรอครับ”
“ผมเต็มใจจดทะเบียนสมรสครับ ยังไงเราก็ต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่แล้ว ไหนครับเอกสารอะไรบ้างที่ผมจะต้องเซ็น” เมื่อได้ยินว่าธมกรต้องการที่จะจดทะเบียนสมรสกับตีรณา ไลลาก็รีบเดินไปหยิบปากกาบนโต๊ะของตีรณาทันทีแล้วมายื่นให้กับธมกรด้วยท่าทางรีบร้อน เพราะรู้ว่าชายหนุ่มนั้นคงจะร้อนใจเป็นอย่างมากในเวลานี้ เขารับปากกาจากไลลาไปด้วยใบหน้าที่เหมือนคนอมทุกข์และแล้วชายหนุ่มก็รีบจรดปากกาลงในทะเบียนสมรส หยดน้ำตาล่วงเผาะลงบนกระดาษที่เขาลงมือตวัดลายเส้นอย่างขมขื่น
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” เขายื่นปากกาคืนให้กับไลลา
“เรียบร้อยแล้วครับ ถ้าฝ่ายหญิงลงลายมือชื่อก็ถือเป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก็แล้วกันนะครับ”
“แล้วส่วนใบทะเบียนสมรสล่ะครับ” เจ้าหน้าที่ถามขึ้นอีกครั้งเพราะจะต้องเก็บทะเบียนสมรสไว้คนละใบ
“ฝากฝ่ายหญิงไว้ก็แล้วกันครับ” เขาตอบไปเพียงสั้น ๆ พลางลุกขึ้นยืนหมุนตัวเดินตรงไปยังประตูทันทีด้วยอาการที่แทบจะหายใจไม่ออก
“ทางโรงพยาบาลขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คนไข้ได้จากไปอย่างสงบแล้วค่ะ” คำพูดของผู้หญิงที่เขาแน่ใจว่าคงจะเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่โทรมาบอกเขาว่าสิกานต์ได้จากไปแล้ว แต่ใจของเขากลับเจ็บปวดและรวดร้าวเป็นอย่างยิ่ง ทางโรงพยาบาลคงจะโทรมาผิดเบอร์ คงไม่ใช่สิกานต์ผู้หญิงที่เขารักเป็นแน่ เขาพย่าามพร่ำโกหกตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะใจของเขามันไม่สามารถรับความจริงที่ว่าเธอนั้นได้จากเขาไปแล้ว ทำไมเธอถึงอยากจากเขาไปในเวลานี้ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอ ทำไมโลกถึงต้องพรากเธอไปจากเขาด้วยทั้ง ๆ ที่เขาพย่าามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้เธอกับเขาได้อยู่ด้วยกัน จะได้มีชีวิตที่มีความสุขด้วยกันอย่างน้อยเขาก็ขอ ขอสัก 4 ปี ขอให้เขาได้เต็มที่กับรักครั้งนี้ มันเกือบจะถึงปลายอุโมงค์แล้ว เขาและเธอเกือบจะได้เห็นแสงสว่างแต่สุดท้ายมันก็กลับมืดมิดเหมือนเขากำลังจมดิ่งไปในมหาสมุทรที่ลึกจนไม่สามารถเห็นแสงตะวันได้อีกด้วยซ้ำ
“แฟนของผมอยู่ไหนเหรอครับ”
“ตอนนี้เราย้ายเธอไปไว้ที่ห้องดับจิตแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณตามมาทางนี้ค่ะ” คำพูดที่คอยตอกย้ำว่าเธอนั้นจากเขาไปแล้ว จากเขาไปจริง ๆ จากเขาไปโดยไม่มีวันกลับ ทุกการย่างก้าวของเขาแทบจะหมดแรงที่จะพยุงร่างกายที่หนักอึ้งไปให้ถึงห้องดับจิต แต่แล้วป้ายห้อยที่เท้าก็บ่งบอกว่านั่นคือสิกานต์ เขายังคงไม่เชื่อว่าเธอจากเขาไปแล้วจริง ๆ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปยืนประชิดกับร่างเล็กที่มีผ้าขาวปกคลุม เขาพย่าามสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อที่จะมองให้ชัดว่านี้ใช่สิกานต์หรือเปล่า ใช้ผู้หญิงที่เขารักหรือเปล่า
“ขอผมดูหน้าเธอหน่อยครับ” คำขอที่แสนจะแผ่วเบาแต่เจ้าหน้าที่ห้องดับจิตรู้ว่าเขาอยากจะแน่ใจว่าใช่ญาติของเขาหรือเปล่า เมื่อเจ้าหน้าที่จับปลายผ้าขาวและเปิดผ้าให้เขาดู ณ วินาทีนั้นเหมือนกับโลกทั้งใบถล่มลงต่อหน้าเขา ใช่ ใช่เธอจริง ๆ ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ
“กานต์ ทำไมคุณถึงทิ้งผมไป ทำไม” หยาดน้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มเป็นสายไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่เขารักที่สุดกำลังจะทิ้งเขาไปเพราะอะไร เพราะอะไรกัน
“ทำไมละกานต์ ผมกำลังทำอยู่นี่ไง ทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน ทำไมคุณถึงไม่ให้โอกาสผมบ้าง ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปได้” เขาเดินเข้าไปโอบกอดร่างกายที่บัดนี้สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบบนผิวหนังของเธอ ร่างกายที่เคยมีไออุ่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“กานต์ ผมขอโทษ ผมขอโทษ กลับมาหาผมได้ไหม” เขาร้องไห้จนตัวสั่นเทาไม่นึกเลยว่าเขาจะเจ็บปวดขนาดนี้กับการที่ต้องเสียคนที่รักที่สุดไปในเวลาที่ไม่ทันตั้งตัว
“ไหนล่ะ คนที่จะจดทะเบียนสมรสกับฉันน่ะไลลา”
“เอ่อ ๆ คือว่าคุณธมกรเพิ่งออกไปเมื่อกี้นะคะ เห็นบอกว่ามีธุระด่วนแล้วคุณธมกรลงชื่อในทะเบียนสมรสแล้วนะคะ”
“อ๋อ! งั้นเหรอ” เธอหันไปยกมือสวัสดีเจ้าหน้าที่ที่นั่งรอเธออยู่
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าดิฉันติดประชุมขอบคุณด้วยนะคะที่มาในวันนี้ว่าแต่ไหนคะใบทะเบียนสมรส” เธอหันไปถามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่รีบเปิดเอกสารและยื่นให้เธอทันที หญิงสาวลงลายมือชื่อโดยที่ไม่อ่านอะไรเลยด้วยซ้ำ
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ เสร็จแล้วครับ” เจ้าหน้าที่ตอบออกมาด้วยท่าทางตะกุกตะกักสองคนนี้ยังไงกันนะไม่เห็นหน้าค่าตากันแต่ต่างฝ่ายต่างพร้อมใจกันจดทะเบียนสมรสโดยที่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครคือสามีและภรรยาของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นไลลาช่วยดูแลเจ้าหน้าที่ด้วยนะ เดี๋ยวฉันต้องกลับไปประชุมต่ออีก” ว่าแล้วตีรณาก็ยกมือขอบคุณเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ร่างระหงก็เดินเปิดประตูออกไปทันที
“ขอบคุณมากนะคะ มีเอกสารอะไรบ้างคะที่จะให้ไลลาเก็บไว้ พอดีว่าเจ้านายมีประชุมด่วนค่ะ” ไลลาทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีเธอรับเอกสารต่าง ๆ จากเจ้าพนักงานมาแล้วผายมือเดินไปส่งเจ้าพนักงานถึงลิฟต์
หญิงสาวตัวเล็กก็เดินหันหลังตรงเข้าไปยังห้องทำงานของเจ้านายสาว เธอเดินไปเปิดรหัสตู้เซฟแล้ววางเอกสารทะเบียนสมรสของทั้งคู่ไว้ในตู้เซฟและปิดตู้ลงทันที
“ฮัลโหล เจ้ากรตกลงได้จดทะเบียนสมรสกับหนูนาหรือยัง” สายเรียกเข้าของผู้เป็นบิดาทำให้ธมกรหลุดจากภวังค์ ตอนนี้เขานั่งอยู่หน้าโลงศพของผู้หญิงอันเป็นที่รักจนบ่ายคล้อย
“ครับ จดแล้วครับ” เขาตอบเสียงสั่นเครือและเลือกที่จะตัดสายจบการสนทนากับผู้เป็นบิดาแต่เพียงเท่านั้น
ตอนที่ 11ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว “ก็ยังจัดไม่เสร็จดีหรอกค่ะแต่ว่าก็ต้องรีบมาที่นี่ก่อนค่ะ” เธอตอบแล้วชายตาไปมองผู้เป็นแม่เลี้ยงด้วยท่าทางสะใจที่เห็นใบหน้าของกนกขวัญนั้นอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่กับธมกรและไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใด ๆ กันแต่คนที่ต้องมึนงงกับเรื่องนี้คือนฤบดินทร์ลูกสาวของเขาจะย้ายไปอยู่กับธมกรตอนไหนในเมื่อเช้าเขายังเจอตีรณาอยู่ที่บ้านอยู่เลย“แล้วจะย้ายไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงคะ เมื่อเช้าขวัญก็ยังเห็นลูกนาอยู่ที่บ้านอยู่เลยนะคะแล้วก็ไม่เห็นจะเก็บค่าเก็บของย้ายมาอยู่คอนโดกับคุณธมกรเลย” กนกขวัญขัดขึ้นทันทีเพราะเธอไม่เชื่อว่าทั้งสองจะย้ายไปอยู่ด้วยกันได้จริง ๆ“แล้วคุณแม่เลี้ยงนี่เป็นยุงในมุ้งหรือยังไงคะถึงได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนา” เธอหันไปจ้องหน้าผู้เป็นแม่เลี้ยงยังไม่ลดละที่เอาแต่ขัดเธออยู่ตลอดเวลา 
ตอนที่ 10นัดเจอสามีความจริงแล้วธมกรเพิ่งจะวางสายจากผู้เป็นบิดา วันนี้ทั้งสองตระกูลจะต้องกินข้าวพร้อมหน้ากัน ธมกรก้มหน้าดูที่โทรศัพท์มือถือของตัวเองไม่นานเขาก็กดอ่านข้อความที่ตีรณานั้นส่งมาให้“วันนี้เจอกันที่โรงแรม” ข้อความเพียงสั้น ๆ เมื่อเขาอ่านข้อความของตีรณาส่งมาให้เขาเสร็จแล้วเขาก็จัดห้องที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาก็วันนี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเขาก็เดินทางตรงไปยังโรงแรมตามเวลาที่ทั้งสองได้นัดหมายกันไว้ประตูโรงแรมสุดหรูเปิดออกธมกรเดินก้าวเข้ามายังประตูโรงแรมศัตรูและยืนมองไปรอบ ๆ อยู่ยืนอยู่ตรงกลางโรงแรมและได้มองไปรอบ ๆ ผู้คนมากมายแต่งตัวดีเพราะโรงแรมใจกลางเมืองราคาแพงหูฉี่สำหรับลูกค้ากระเป๋าหนักเท่านั้น“เธอจะมาถึงหรือยังนะ” คำถามที่ชวนหงุดหงิดใจไม่รู้ว่าภรรยาที่จดทะเบียนด้วยจะมาถึงหรือยังและแล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าพริ้มเพรา เขาจึงพิมพ์ข้อความถามเธอเข้าไปให้เธอ“คุณใส่เสื้อสีอะไร” ไลลาหันไปมองเจ้านายสาวที่นั่งอยู่ เธอก
ตอนที่ 9การนัดเจอกันของสองตระกูล“อะไรนะครับ”“ก็งแต่งงานไง ในเมื่อหลานจดทะเบียนสมรสตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว หลานก็ควรแต่งงานให้เรียบร้อยใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นดองกับตระกูลนั้นมาตั้งนานแล้วนะ” ธมกรอึกอักไปทันที เมื่อพูดถึงงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงที่เขาจดทะเบียนสมรสด้วย“พอพูดถึงการแต่งงานกับหนูนา ทำไมต้องชะงักฮะเจ้ากร” เขาไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับผู้เป็นย่าและผู้เป็นพ่ออีกแล้ว มันคงจะหมดแล้วสินะกับอิสรภาพที่เขาเคยมีหลังจากที่ตีรณากลับจากสนามบินเธอก็ต้องไปที่บริษัททันทีพร้อม Video Call คุยเรื่องปัญหาของสินค้าที่ส่งไม่ตรงเวลากับวิโรจน์ทันทีกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน“ไลลา” เธอหันไปหาเลขาสาวที่ฟุบหลับอยู่ตรงโซฟา“คะ ว่ายังไงคะคุณนา”“แทนที่เธอจะช่วยจดรายละเอียดกลับมานอนเฝ้าฉันเนี
ตอนที่ 21 วาสนานี้ตา “ขอบคุณมากนะคะที่คุณกรมาส่งตา” ธมกรพยุงร่างกลมกลึงตรงไปยังลิฟต์ของคอนโดที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทนัก หญิงสาวรีบซบเข้าที่อกของแกร่งและกอดเอวเขาไว้แน่นจนธมกรรู้สึกตกใจ “ถึงห้องของสิตาแล้วค่ะ” เธอเปิดเข้าไปในห้องและหันหน้ามาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่คุณกรเข้ามาดื่มน้ำก่อนดีไหมคะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมจะรีบกลับบ้าน” “เข้ามาสักหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่มาส่งตา ถ้าไม่ได้คุณกรตาคงจะแย่กว่านี้” เธอถือวิสาสะดึงแขนของธมกรให้เข้ามาในห้องแล้วรีบปิดประตูทันที ธมกรเดินเข้ามาในห้องเขาเห็นรูปถ่ายของสิตาที่ถ่ายกับสิกานต์วางอยู่บนตู้หนังสือ ชายหนุ่มเดินไปยืนมองทำให้ดวงตาเขาสั่นไหวขึ้นมา ใบหน้าสวยหวานที่เขาคอยจ้องมองในเวลาที่เธอหลับทำให้เขาคิดถึงเธอขึ้นมาไม่น้อย “พี่กานต์ค่ะ เป็นพี่สาวของตาแต่ตอนนี้พี่กานต์เสียชีวิตแล้วค่ะ” ธมกรพย่าามสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันมาพยักหน้าให้เธอ “เราสองคนพี่น้องรักกันมากเลยนะคะและสนิทกันเป็นที่สุด พี่กานต์ไม่น่าเสียไปเร็วเลย” น้ำเสียงของเธอดูสั่นเครือและเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองลงจนหญิงสาวยิ้มเจ้า
ตอนที่ 8ไปรับสามีที่ไม่เคยเห็นหน้า“ก๊อก ๆ ๆ!” เสียงเคาะประตูขัดการประชุมดังขึ้น ตีรณาหันไปมองประตูห้องประชุมที่กำลังเปิดกว้างออกและแล้วก็มีร่างเล็กของไลลาเดินเข้ามายักคิ้วหลิ่วตาเชิงบอกเป็นนัยว่ามีเรื่องสำคัญ ตีรณาหันมองไลลาแล้วขมวดคิ้วมุ่น“คุณนาคือพอดีว่าท่านประธานใหญ่โทรมาหลายสายแล้วนะคะบอกว่าสามีของคุณนากำลังจะกลับมาในวันนี้ค่ะ แล้วก็กำลังจะถึงสนามบินแล้วค่ะ ท่านประธานใหญ่บอกว่าให้คุณนาไปรับคุณธมกรด้วยค่ะ” ไลลากระซิบบอกผู้เป็นเจ้านายสาวทันที ถ้าหากว่าไปช้าคงจะเกิดปัญหาอีกเป็นแน่“เอ่อ! พอดีว่านามีเรื่องด่วนนะคะ ถ้าอย่างนั้นนาขอหยุดการประชุมไว้เพียงเท่านี้ก่อนได้ไหมคะแล้วค่อยมาต่อกันในพรุ่งนี้” เธอรีบบอกยุติการประชุมทันทีเพื่อที่จะไปให้ถึงสนามบินให้เร็วที่สุด“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกวันนี้ล่ะ” น้ำเสียงของเธอเจอแกมดุของตีรณานั้นบ่งบอกว่าเธอร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วไลลาไม่ค่อยจะพลาดเรื่องสำคัญ“ขอโทษทีนะคะคุณนา คือว่า เอ่อ ไลลาลืมค่ะ ไลลาก็ไม่รู
ตอนที่ 7 อดีตที่ขมขื่น“กานต์ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปได้ ผมไม่เข้าใจ” ความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะทิ้งเขาไว้คนเดียวแบบนี้“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่เข้มแข็งพอ ผมไม่มีความกล้า ผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าผมกล้าที่จะบอกกับพ่อว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ผมมันเลว” ชายหนุ่มเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถดูแลปกป้องและไม่กล้ายืดอกรับกับผู้เป็นพ่อของตัวเองว่าเขานั้นได้มีคนที่รักอยู่แล้ว มือหนาที่สั่นเทาจับแผ่นกระดาษมาคลี่เปิดดูยิ่งทำให้หัวใจของเขาบีบรัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกระดาษแผ่นนั้นคือใบอัลตราซาวด์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงที่เปื้อนเลือดของสิกานต์ติดมาด้วย ตอนที่เขาไปส่งเธอถึงนะห้องฉุกเฉินแต่หมอออกมาบอกเขาว่าตอนนี้อาการของเธอแย่มากทำให้เธอตกเลือดและเสียเด็กในท้องไปแล้ว“ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณกำลังท้องหรือที่คุณไม่ยอมรอผมอีกฝั่งของถนนเพราะคุณอยากจะบอกผมว่าคุณกำลังท้อง ทำไมกานต์ ทำไม” เขาร้องไห้อย