“กานต์ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปได้ ผมไม่เข้าใจ” ความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะทิ้งเขาไว้คนเดียวแบบนี้
“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่เข้มแข็งพอ ผมไม่มีความกล้า ผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าผมกล้าที่จะบอกกับพ่อว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ผมมันเลว” ชายหนุ่มเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถดูแลปกป้องและไม่กล้ายืดอกรับกับผู้เป็นพ่อของตัวเองว่าเขานั้นได้มีคนที่รักอยู่แล้ว มือหนาที่สั่นเทาจับแผ่นกระดาษมาคลี่เปิดดูยิ่งทำให้หัวใจของเขาบีบรัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกระดาษแผ่นนั้นคือใบอัลตราซาวด์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงที่เปื้อนเลือดของสิกานต์ติดมาด้วย ตอนที่เขาไปส่งเธอถึงนะห้องฉุกเฉินแต่หมอออกมาบอกเขาว่าตอนนี้อาการของเธอแย่มากทำให้เธอตกเลือดและเสียเด็กในท้องไปแล้ว
“ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณกำลังท้องหรือที่คุณไม่ยอมรอผมอีกฝั่งของถนนเพราะคุณอยากจะบอกผมว่าคุณกำลังท้อง ทำไมกานต์ ทำไม” เขาร้องไห้อยู่กับตัวเองนานสองนานเพราะตัวเองไม่มีความกล้าพอที่จะปกป้องดูแลเมียของเขาได้ ถ้าหากว่าสิกานต์บอกเขาสักคำว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาอยู่ เขามั่นใจว่าเขาจะทำให้เธอและลูกมีความสุขที่สุด แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้โอกาสนี้เลยเพราะอะไร
“ก็สมแล้วสินะไอ้กร นายมันขี้แพ้ นายมันเป็นเพียงแค่ไอ้ลูกแหง่ที่คอยฟังคำย่า ฟังคำพ่อไปวัน ๆ ไม่กล้าคิดและกล้าตัดสินใจอะไรเลยจนในที่สุด ฮึ มันก็สมแล้วที่นายจะไม่เหลืออะไร” ธมกรร้องไห้คร่ำครวญอย่างหมดอาลัยตายอยากเพราะเขาไม่เคยกล้าที่จะหลุดพ้นจากการครอบงำของครอบครัวเลยต่างหากที่มันทำให้ชีวิตเขาไม่มีความสุขอยู่ในทุกวันนี้ เขารับรู้มาตั้งแต่เด็กว่าเขานั้นได้หมั้นหมายกับลูกสาวของเพื่อนพ่อ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะไปพบเจอเธอเลยสักครั้ง เพราะเขาไม่คิดว่าการมีชีวิตคู่ที่ถูกคลุมถุงชนจะทำให้เขามีความสุข แต่เมื่อเขาได้เจอกับสิกานต์ผู้หญิงที่เรียนในเอกเดียวกัน เธอทำให้เขาได้มีความสุขและทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทำให้เขารู้สึกว่าเขานั้นได้ปลดแอกและมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีอิสระทางความคิดและกล้าที่จะรักแต่เขาเองเขาคือคนที่ทำร้ายเธอ เขาดึงเธอเข้ามาอยู่ในวังวนที่ไม่มีทางออกจนสุดท้ายเขานั่นแหละที่ทำร้ายเธอ เขาได้แต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น
“ไหนล่ะ เจ้ากรทำไมไม่กลับบ้านมาสักที” วลีถามลูกชายเมื่อนางรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นธมกรกลับบ้าน
“ผมก็ไม่รู้ครับคุณแม่โทรไปก็ไม่รับ”
“นี่อย่าบอกนะว่าเจ้ากรจะขัดคำสั่ง”
“ขัดคำสั่งอะไรล่ะครับคุณแม่ เจ้ากรก็จดทะเบียนสมรสกับหนูนาเรียบร้อยแล้ว เด็กสองคนนั้นคงจะไปฉลองสละโสดกับเพื่อน ๆ แหละครับ”
“ใครจะไปรู้อาจจะไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนก็ได้”
“ไม่หรอกครับ เจ้ากรไม่ใช่คนแบบนั้น คุณแม่ก็อย่ากังวลเลยครับขึ้นไปนอนเถอะครับ”
“ติ่ง!”
“ฉันให้เวลาแกหนึ่งชั่วโมงกลับมาให้ถึงบ้าน” มานิตย์ส่งข้อความไปสั่งลูกชายทันที เมื่อเขาพย่าามโทรหาหลายธมกรต่อหลายครั้งแต่ลูกชายตัวดีก็ไม่ยอมรับสาย
ไม่นานเสียงรถก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เขาจำได้ดีว่ารถคันนั้นคือรถของธมกร เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมาสภาพของเขาดูไม่จืดจนมานิตย์ต้องส่ายหน้าไปมากับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของผู้เป็นลูกชาย
“ทำไมสภาพเป็นแบบนี้เจ้ากร”
“แล้วพ่ออยากให้สภาพของผมเป็นแบบไหนล่ะครับ”
“สภาพของแกก็ควรจะเป็นคนที่ดีใจสิวะที่ได้จดทะเบียนสมรส”
“ผมจะดีใจที่ได้จดทะเบียนสมรสได้ยังไงครับก็ผมไม่ได้ต้องการที่จะจดทะเบียนสมรสกับคู่หมั้นที่คุณพ่อกับคุณย่าหาให้” เมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนั้นมานิตย์ก็โกรธจนควันออกหู
“แกหุบปากไปเลยนะ แกลืมไปแล้วหรือไงว่าแกให้สัญญาอะไรกับฉัน”
“ผมไม่ลืมหรอกครับ ผมจำได้เดี๋ยวผมจะบินไปต่างประเทศพรุ่งนี้เลย”
“อะไรนะ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้นด้วยความโมโห
“จะอะไรซะอีกล่ะครับ ก็ผมจดทะเบียนสมรสกับเธอไปแล้วพอใจคุณพ่อแล้วเพราะฉะนั้นหลังจากนี้ 4 ปีให้ผมได้ใช้ชีวิตของผมบ้าง”
“เออ! ถ้าแกอยากใช้ชีวิตของแกมากนักก็ใช้ไปเลย ใช้ให้มันคุ้มค่าใน 4 ปีนี้ล่ะ แต่เมื่อไหร่ที่แกกลับมาแกจะต้องเป็นสามี เป็นพ่อของลูกของหนูนาเข้าใจไหม” เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยจะรู้ความทุกข์ร้อนของเขาเลยแม้แต่น้อย ในวันที่เขาเจ็บปวดที่สุดในชีวิตผู้เป็นพ่อกลับเอาแต่ชี้นิ้วสั่งในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“มองหน้าฉันแบบนี้หมายความว่ายังไงเจ้ากร” เขาถามผู้เป็นลูกชายด้วยท่าทางหัวเสีย เขาดูแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าธมกรคงจะมีคนที่รักอยู่ในใจแล้วแต่กลับต้องจดทะเบียนสมรสกับตีรณาคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่เคยหมั้นหมายกันเอาไว้ มานิตย์ถอนหายใจยาวเพราะไม่อยากจะคาดคั้นอะไรกับลูกชายของเขามากไปกว่านี้
“เอาเป็นว่าแกไปพักผ่อนเถอะ แต่ก่อนที่แกจะไปขึ้นเครื่องแกก็ควรจะบอกคุณย่าก่อนนะ” ธมกรไม่พูดอะไรเขาเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเองและปิดประตูล็อกทันที ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยความเสียใจ
“กานต์ผมรักคุณ ทำไมกัน ทำไม” เขาตะเบ็งขึ้นเสียงดังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจู่ ๆ สิ่งที่เขารักก็หลุดมือไปเสียหมด
วันรุ่งขึ้นธมกรเก็บเสื้อผ้าออกไปจากบ้านแต่เช้าโดยที่ไม่บอกลาพ่อกับย่าของเขาเลยด้วยซ้ำ เขาขับรถตรงไปยังวัดที่ตั้งศพของสิกานต์ เขานั่งอยู่อย่างนั้นตั้งแต่เช้าจรดเย็นเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่อยากจะทำอะไรแล้วจวบจนถึงวันที่เผาร่างของเธอ ในวันนั้นเองที่เขาตัดสินใจที่จะบินไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเพื่อที่จะบินไปรักษาแผลใจ ถ้าเขาได้เห็นสิ่งเก่า ๆ เขาก็ยังคิดถึงเธอและโทษตัวเองอยู่เรื่อยไป วันแล้ววันเล่าความทรงจำในอดีตยังคงย้อนกลับมาหลอกหลอนเขาไม่หยุด
“กานต์อย่าทิ้งผมไป กานต์รอผมก่อน ผมรักคุณ” มือหนายกขึ้นไขว่คว้าตามร่างบางที่กำลังอุ้มท้องเดินหันหลังให้เขาออกไปไกลทุกที เขาพย่าามวิ่งตามเธอแต่แล้วก็คว้าตามเธอไม่ทัน
“กานต์รอด้วย รอกรด้วย” เขาพย่าามวิ่งตามเธอแต่แล้วเธอก็หายไปในกลุ่มหมอกควันธมกรสะดุ้งและลืมตาผมขึ้นมาเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมขึ้นทั่วใบหน้าและตัวของเขา
ธมกรลุกขึ้นหันมองนาฬิกาข้างหัวโต๊ะนี่ก็ตีห้าแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกคอแห้งจึงเปิดประตูเดินตรงไปยังตู้เย็นและยกน้ำขึ้นมาดื่มให้คลายความกระหาย
“กรยังรักกานต์นะ” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเครือชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพย่าามกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ มันคือความทรมานและความเจ็บช้ำในเวลา 4 ปีที่เขามาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เขาหลับตาลงได้สนิท ไม่เคยมีวันไหนที่เขาไม่คิดถึงเธอ นี่ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่เมืองไทยตามคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับผู้เป็นบิดาแล้ว
ตอนที่ 11ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว “ก็ยังจัดไม่เสร็จดีหรอกค่ะแต่ว่าก็ต้องรีบมาที่นี่ก่อนค่ะ” เธอตอบแล้วชายตาไปมองผู้เป็นแม่เลี้ยงด้วยท่าทางสะใจที่เห็นใบหน้าของกนกขวัญนั้นอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่กับธมกรและไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใด ๆ กันแต่คนที่ต้องมึนงงกับเรื่องนี้คือนฤบดินทร์ลูกสาวของเขาจะย้ายไปอยู่กับธมกรตอนไหนในเมื่อเช้าเขายังเจอตีรณาอยู่ที่บ้านอยู่เลย“แล้วจะย้ายไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงคะ เมื่อเช้าขวัญก็ยังเห็นลูกนาอยู่ที่บ้านอยู่เลยนะคะแล้วก็ไม่เห็นจะเก็บค่าเก็บของย้ายมาอยู่คอนโดกับคุณธมกรเลย” กนกขวัญขัดขึ้นทันทีเพราะเธอไม่เชื่อว่าทั้งสองจะย้ายไปอยู่ด้วยกันได้จริง ๆ“แล้วคุณแม่เลี้ยงนี่เป็นยุงในมุ้งหรือยังไงคะถึงได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนา” เธอหันไปจ้องหน้าผู้เป็นแม่เลี้ยงยังไม่ลดละที่เอาแต่ขัดเธออยู่ตลอดเวลา 
ตอนที่ 10นัดเจอสามีความจริงแล้วธมกรเพิ่งจะวางสายจากผู้เป็นบิดา วันนี้ทั้งสองตระกูลจะต้องกินข้าวพร้อมหน้ากัน ธมกรก้มหน้าดูที่โทรศัพท์มือถือของตัวเองไม่นานเขาก็กดอ่านข้อความที่ตีรณานั้นส่งมาให้“วันนี้เจอกันที่โรงแรม” ข้อความเพียงสั้น ๆ เมื่อเขาอ่านข้อความของตีรณาส่งมาให้เขาเสร็จแล้วเขาก็จัดห้องที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาก็วันนี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเขาก็เดินทางตรงไปยังโรงแรมตามเวลาที่ทั้งสองได้นัดหมายกันไว้ประตูโรงแรมสุดหรูเปิดออกธมกรเดินก้าวเข้ามายังประตูโรงแรมศัตรูและยืนมองไปรอบ ๆ อยู่ยืนอยู่ตรงกลางโรงแรมและได้มองไปรอบ ๆ ผู้คนมากมายแต่งตัวดีเพราะโรงแรมใจกลางเมืองราคาแพงหูฉี่สำหรับลูกค้ากระเป๋าหนักเท่านั้น“เธอจะมาถึงหรือยังนะ” คำถามที่ชวนหงุดหงิดใจไม่รู้ว่าภรรยาที่จดทะเบียนด้วยจะมาถึงหรือยังและแล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าพริ้มเพรา เขาจึงพิมพ์ข้อความถามเธอเข้าไปให้เธอ“คุณใส่เสื้อสีอะไร” ไลลาหันไปมองเจ้านายสาวที่นั่งอยู่ เธอก
ตอนที่ 9การนัดเจอกันของสองตระกูล“อะไรนะครับ”“ก็งแต่งงานไง ในเมื่อหลานจดทะเบียนสมรสตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว หลานก็ควรแต่งงานให้เรียบร้อยใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นดองกับตระกูลนั้นมาตั้งนานแล้วนะ” ธมกรอึกอักไปทันที เมื่อพูดถึงงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงที่เขาจดทะเบียนสมรสด้วย“พอพูดถึงการแต่งงานกับหนูนา ทำไมต้องชะงักฮะเจ้ากร” เขาไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับผู้เป็นย่าและผู้เป็นพ่ออีกแล้ว มันคงจะหมดแล้วสินะกับอิสรภาพที่เขาเคยมีหลังจากที่ตีรณากลับจากสนามบินเธอก็ต้องไปที่บริษัททันทีพร้อม Video Call คุยเรื่องปัญหาของสินค้าที่ส่งไม่ตรงเวลากับวิโรจน์ทันทีกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน“ไลลา” เธอหันไปหาเลขาสาวที่ฟุบหลับอยู่ตรงโซฟา“คะ ว่ายังไงคะคุณนา”“แทนที่เธอจะช่วยจดรายละเอียดกลับมานอนเฝ้าฉันเนี
ตอนที่ 21 วาสนานี้ตา “ขอบคุณมากนะคะที่คุณกรมาส่งตา” ธมกรพยุงร่างกลมกลึงตรงไปยังลิฟต์ของคอนโดที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทนัก หญิงสาวรีบซบเข้าที่อกของแกร่งและกอดเอวเขาไว้แน่นจนธมกรรู้สึกตกใจ “ถึงห้องของสิตาแล้วค่ะ” เธอเปิดเข้าไปในห้องและหันหน้ามาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่คุณกรเข้ามาดื่มน้ำก่อนดีไหมคะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมจะรีบกลับบ้าน” “เข้ามาสักหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่มาส่งตา ถ้าไม่ได้คุณกรตาคงจะแย่กว่านี้” เธอถือวิสาสะดึงแขนของธมกรให้เข้ามาในห้องแล้วรีบปิดประตูทันที ธมกรเดินเข้ามาในห้องเขาเห็นรูปถ่ายของสิตาที่ถ่ายกับสิกานต์วางอยู่บนตู้หนังสือ ชายหนุ่มเดินไปยืนมองทำให้ดวงตาเขาสั่นไหวขึ้นมา ใบหน้าสวยหวานที่เขาคอยจ้องมองในเวลาที่เธอหลับทำให้เขาคิดถึงเธอขึ้นมาไม่น้อย “พี่กานต์ค่ะ เป็นพี่สาวของตาแต่ตอนนี้พี่กานต์เสียชีวิตแล้วค่ะ” ธมกรพย่าามสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันมาพยักหน้าให้เธอ “เราสองคนพี่น้องรักกันมากเลยนะคะและสนิทกันเป็นที่สุด พี่กานต์ไม่น่าเสียไปเร็วเลย” น้ำเสียงของเธอดูสั่นเครือและเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองลงจนหญิงสาวยิ้มเจ้า
ตอนที่ 8ไปรับสามีที่ไม่เคยเห็นหน้า“ก๊อก ๆ ๆ!” เสียงเคาะประตูขัดการประชุมดังขึ้น ตีรณาหันไปมองประตูห้องประชุมที่กำลังเปิดกว้างออกและแล้วก็มีร่างเล็กของไลลาเดินเข้ามายักคิ้วหลิ่วตาเชิงบอกเป็นนัยว่ามีเรื่องสำคัญ ตีรณาหันมองไลลาแล้วขมวดคิ้วมุ่น“คุณนาคือพอดีว่าท่านประธานใหญ่โทรมาหลายสายแล้วนะคะบอกว่าสามีของคุณนากำลังจะกลับมาในวันนี้ค่ะ แล้วก็กำลังจะถึงสนามบินแล้วค่ะ ท่านประธานใหญ่บอกว่าให้คุณนาไปรับคุณธมกรด้วยค่ะ” ไลลากระซิบบอกผู้เป็นเจ้านายสาวทันที ถ้าหากว่าไปช้าคงจะเกิดปัญหาอีกเป็นแน่“เอ่อ! พอดีว่านามีเรื่องด่วนนะคะ ถ้าอย่างนั้นนาขอหยุดการประชุมไว้เพียงเท่านี้ก่อนได้ไหมคะแล้วค่อยมาต่อกันในพรุ่งนี้” เธอรีบบอกยุติการประชุมทันทีเพื่อที่จะไปให้ถึงสนามบินให้เร็วที่สุด“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกวันนี้ล่ะ” น้ำเสียงของเธอเจอแกมดุของตีรณานั้นบ่งบอกว่าเธอร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วไลลาไม่ค่อยจะพลาดเรื่องสำคัญ“ขอโทษทีนะคะคุณนา คือว่า เอ่อ ไลลาลืมค่ะ ไลลาก็ไม่รู
ตอนที่ 7 อดีตที่ขมขื่น“กานต์ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปได้ ผมไม่เข้าใจ” ความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะทิ้งเขาไว้คนเดียวแบบนี้“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่เข้มแข็งพอ ผมไม่มีความกล้า ผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าผมกล้าที่จะบอกกับพ่อว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ผมมันเลว” ชายหนุ่มเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถดูแลปกป้องและไม่กล้ายืดอกรับกับผู้เป็นพ่อของตัวเองว่าเขานั้นได้มีคนที่รักอยู่แล้ว มือหนาที่สั่นเทาจับแผ่นกระดาษมาคลี่เปิดดูยิ่งทำให้หัวใจของเขาบีบรัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกระดาษแผ่นนั้นคือใบอัลตราซาวด์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงที่เปื้อนเลือดของสิกานต์ติดมาด้วย ตอนที่เขาไปส่งเธอถึงนะห้องฉุกเฉินแต่หมอออกมาบอกเขาว่าตอนนี้อาการของเธอแย่มากทำให้เธอตกเลือดและเสียเด็กในท้องไปแล้ว“ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณกำลังท้องหรือที่คุณไม่ยอมรอผมอีกฝั่งของถนนเพราะคุณอยากจะบอกผมว่าคุณกำลังท้อง ทำไมกานต์ ทำไม” เขาร้องไห้อย