Главная / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 5 เมื่อหมอกทับซ้อนความจริง

Share

ตอนที่ 5 เมื่อหมอกทับซ้อนความจริง

Aвтор: Abyssgloom
last update Последнее обновление: 2024-10-28 23:06:06

เอรอสเดินงัวเงียผ่านซอกซอยในย่านเมืองหลวง หลังจากที่ไปพบกับกลุ่มผู้เสียหายที่เพิ่งถูกพบตัวไม่นาน หลายคนให้ความร่วมมือกับเขาด้วยท่าทางอ่อนล้า เหมือนยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เต็มที่ บางคนแม้จะมองเห็นเขาอยู่ตรงหน้า แต่ก็เหมือนสายตาล่องลอยออกไปที่อื่น

ขณะที่เอรอสคุยกับพวกเขา เขาสังเกตได้ว่าความทรงจำที่ขาดหายไปนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ช่วงเวลาที่พวกเขาหายตัวไปเท่านั้น แต่ยังมีบางส่วนของเหตุการณ์ก่อนการหายตัวที่ดูเหมือนจะถูกลบออกไปด้วย ผู้เสียหายแต่ละคนต่างจำเหตุการณ์หรือสถานการณ์ก่อนหน้าของตัวเองได้เพียงลางๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาสูญเสียช่วงเวลาสำคัญของตัวเองไป

แม้ว่าการสอบปากคำจะไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่สำคัญ แต่เอรอสยังพอจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง—ร่องรอยของมานาที่ดูแปลกประหลาด แผ่กระจายอำนาจและพลังที่ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของโลก ในนั้นมีความรู้สึกอันรุนแรงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ชัดเจน ราวกับเป็นอำนาจที่สามารถหักล้างทุกกฎที่เคยรู้จัก

หนึ่งในตัวตนที่เขานึกถึงก็คือแม่มด ผู้ที่ลือกันว่าเป็นผู้เดียวที่มีพลังสามารถดัดแปลงและฝืนกฏเกณฑ์ของโลกได้ เอรอสจดบันทึกข้อมูลนี้ไว้ในใจ พลางเดินเปรียบเทียบมานาในอากาศที่ร่องรอยอยู่ทั่วเมือง

เอรอสใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อตระเวนหาเบาะแสร่องรอยของมานาที่แปลกประหลาด แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสัมผัสหรือค้นหาตามจุดต่างๆ ก็ยังไม่พบสิ่งใดที่ใกล้เคียงกับพลังที่เคยสัมผัสได้จากตัวเหยื่อเลย เขาเดินสำรวจตามซอยต่างๆ ทั่วทั้งเมืองอย่างเงียบเชียบ ราวกับกำลังหลอมตัวเข้ากับความมืดของถนนที่เงียบงัน

จนกระทั่งเมื่อเขามาถึงเขตทางใต้ของเมือง สถานที่ๆ เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ช่วงหนึ่งหลังถูกขับไล่ออกจากตระกูล เขตนี้เป็นสลัมที่ถูกทอดทิ้ง ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา เอรอสพบกับบรรยากาศที่คึกคักไม่ต่างจากในตัวเมือง เสียงผู้คนเจรจาซื้อขายดังเซ็งแซ่ พ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า เสียงเหรียญชนกันกระทบเป็นจังหวะ แผงลอยมีตั้งแต่สินค้าทั่วไปไปจนถึงของแปลกที่หาที่ไหนไม่ได้ ทั้งเครื่องรางจากต่างแดน ขวดแก้วใส่น้ำยาแปลกประหลาด และอาวุธแปลกๆที่ดูอันตรายวางเกลื่อนอยู่ข้างถนน

แม้ว่าบรรยากาศจะคล้ายกับตลาดในเมือง แต่ในความคึกคักนั้น เอรอสยังคงรู้สึกถึงสายตาจับจ้องจากซอกซอยแคบที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง มันเป็นสายตาที่มองเงียบๆ ราวกับประเมินหรือเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของเขา ท่ามกลางผู้คนที่แออัด

เอรอสมองไปยังหลังคาของบ้านเรือนที่เรียงตัวอย่างแออัด แม้ใจหนึ่งอยากจะปีนขึ้นไปเพื่อเฝ้าระวังจากมุมสูงให้ปลอดภัยกว่า ทว่าฟ้ายังไม่ทันมืด หากเขาปรากฏตัวบนหลังคาบ้านใครโดยไม่มีเหตุจำเป็นอาจดึงดูดความสงสัยหรือทำให้ชาวบ้านร้องเรียนเอาได้ เขาจึงตัดสินใจรอจนกว่าจะถึงค่ำจึงค่อยกลับมาอีกครั้ง

แต่ก่อนที่เขาจะหันหลังจากไป ความรู้สึกถึงมานาที่แปลกประหลาดก็แผ่กระจายเข้ามาใกล้จนเอรอสต้องหยุดชะงัก พลังที่เขาตามหามาตลอดวันกลับปรากฏขึ้นท่ามกลางตลาดที่คึกคักนี้เอง ความตั้งใจที่จะกลับไปพักค่อยๆ เลือนหาย เขาเริ่มตามร่องรอยมานานั้นไปเรื่อยๆ ด้วยความระมัดระวัง สัมผัสถึงพลังที่แปลกประหลาดยิ่งขึ้นทุกครั้งที่เข้าใกล้

ในที่สุด เอรอสก็มาหยุดอยู่ที่กลางเขตทางใต้ ณ ซอกซอยที่เงียบงันและไร้ผู้คน บรรยากาศรอบตัวดูเงียบผิดปกติ เสียงจอแจของตลาดเริ่มห่างไกลจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของตัวเอง

เอรอสก้าวเดินสำรวจพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง สัมผัสถึงมานาที่แผ่กระจายรอบตัว เขายกมือควานหาลูกบอลสีทองที่ใช้ส่งสัญญาณจากกระเป๋า แต่กลับพบว่ามันหายไป นั่นทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเขาลืมทิ้งมันไว้ที่แผนกสืบสวนโดยไม่ตั้งใจ ความเซ็งเล็กน้อยผุดขึ้นในใจ แต่เขารู้ว่าจำเป็นต้องสำรวจตอนนี้ เพราะไม่แน่ว่ามานานี้จะจางหายไปเมื่อไร

ขณะก้าวลึกเข้าไป มานาที่ลอยอยู่รอบตัวเริ่มเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ราวกับมีเจตจำนงแฝงอยู่ พลังลึกลับนั้นดึงดูดเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เอรอสก้าวตามพลังนั้นไป หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นชักนำเขาเข้าใกล้แหล่งที่มามากขึ้นทุกที

กระทั่ง…

"นี่มัน…ทำไมต้องตอนนี้"

จู่ๆภาพหลอนก็ปรากฏขึ้นมาในหัว ราวกับความทรงจำที่เขาพยายามจะลืมกลับมาแสดงเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง เสียงหัวเราะของเด็กสาวที่คุ้นเคยก้องอยู่ในความคิด หัวใจเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นชั่วขณะหนึ่ง

แต่แล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด—หมอกขาวหนาทึบ ค่อยๆก่อตัวขึ้นจากบริเวณรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว จนบดบังทุกสิ่งในสายตา หมอกหนาทึบนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกขังในโลกที่ไร้ทางออก

"เกิดอะไรขึ้นที่นี่…" เอรอสพึมพำเบาๆรู้สึกถึงความสับสน และ ความหวั่นไหวขณะพยายามฝืนจิตใจให้สงบนิ่ง พลางก้าวเดินไปอย่างระมัดระวัง หวังหาทางออกจากหมอกที่ราวกับจับต้องไม่ได้

เอรอสพยายามตั้งสติ ดึงตัวเองออกจากความสับสนในหมอกที่ปกคลุมรอบตัวเขา เสียงพึมพำเบาๆ ของเขาราวกับจะปลุกตัวเองขึ้นมา

"ไม่...ต้องตั้งสติ นี่ไม่ใช่เวลา…" เขาเตือนตัวเอง พยายามจะก้าวเดินต่อไป แต่ทุกย่างก้าวกลับรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างฉุดรั้งไว้ ทำให้การก้าวท้าวของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น ภาพเด็กสาวผมสีขาวก็โผล่ขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเลือนรางจับต้องไม่ได้ ราวกับเป็นเพียงเงาที่ไม่มีคำอธิบาย รู้สึกคุ้นเคยแต่กลับไม่อาจระลึกได้ว่าเธอเป็นใคร

ภาพถัดมาที่ปรากฏคือ ต้นไม้ใหญ่ที่ดูเก่าแก่และทรงพลัง แผ่กิ่งก้านอย่างสง่างาม ใบสีเขียวเข้มปกคลุมไปทั่ว บรรยากาศสงบร่มรื่นมีแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านกลุ่มใบ ทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูอบอุ่น

ใต้ร่มเงาของต้นไม้นั้น เขาเห็นเด็กสาวสองคนกำลังจูงมือเขาเดินไปข้างหน้า เด็กสาวคนหนึ่งคือเอเลน่า เพื่อนในวัยเด็ก ผมสีทองของเธอส่องประกายในแสงแดดอ่อนๆ รอยยิ้มสดใสของเธอทำให้หัวใจของเขาที่เงียบงันกลับมาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง

แต่เด็กสาวอีกคนข้างๆ เอเลน่ากลับทำให้เขารู้สึกแปลกใจและคุ้นเคยในเวลาเดียวกัน ผมของเธอสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ ใบหน้านั้นยังคงเลือนลาง ราวกับเป็นภาพเงาที่จับต้องไม่ได้

“พวกเราไม่เคยมีเพื่อนคนอื่นเลยนะ” เสียงของเอเลน่าดังก้องขึ้นในความคิด คำพูดนี้กลับขัดแย้งกับภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในความทรงจำ ความอบอุ่นและคุ้นเคยเหล่านั้นก่อตัวขึ้นมา แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่ง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status