แชร์

บท 14 บ้านฝรั่ง

ผู้เขียน: ลิขิตา Likita
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-25 15:16:30

เช้านี้ลลิตราได้ของขวัญเซอร์ไพรส์

หญิงสาวกำลังก้าวไปตามทางเดินหิน ที่ทอดยาวจากด้านข้างของคฤหาสน์ ผ่านแนวพุ่มไม้ตัดเรียบ เพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบก้าวก็มาถึงบ้านชั้นเดียวหลังกะทัดรัดสีขาวที่สร้างอยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลัก

"พวกหนูเรียกบ้านนี้ว่าบ้านฝรั่งค่ะ"

น้ำตาลที่เดินตามมาด้วยเอ่ย คงเพราะมันออกแบบให้เป็นสไตล์อิงลิชคอทเทจ ในอาณาเขตกว่าสี่ไร่ของบ้านรชต มีตั้งแต่เรือนกระจกปลูกต้นไม้ไปจนถึงสนามเทนนิส สนามพัตกอล์ฟ และบ้านรับรองแขกหลังเล็กอีกหลายหลัง 

บ้านเล็กหลังนี้ที่พ่อเลี้ยงของเธอเพิ่งให้กุญแจมาก็เป็นหนึ่งในนั้น

"นี่คุณลุงจะให้ฉันอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอเนี่ย!"

"คุณลูกอมชอบหรือไม่ชอบคะ"

"โอ้โห ไม่ชอบได้ยังไงล่ะ บ้านสวยออกขนาดนี้!"

ลลิตราพูดจากใจ น้ำตาลถอนหายใจโล่งอก

"หนูนึกว่าคุณหนูจะน้อยใจที่ไม่ได้อยู่บ้านใหญ่ แต่ต้องมาอยู่ที่นี่คนเดียว"

'คุณหนู' ของน้ำตาลหัวเราะ

"โถ่ ใครจะไปคิดอย่างนั้น ฉันว่าคุณลุงอรรถใส่ใจมากต่างหากล่ะน้ำตาล ท่านคงเข้าใจว่าฉันคงไม่คุ้นชินกับการอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ต้องอยู่รวมกันหลายคน..." หนึ่งในนั้นคือลูกชายของเขา "...แถมฉันก็ยังไปขอใช้ครัวทำขนม ไปเกะกะป้าเดือนอีก ก็เลยให้ฉันมาอยู่ที่นี่เสียเลย"

ลลิตราพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรเคยชินกับความหรูหราที่ได้รับในฐานะลูกเลี้ยงของนายอรรถ รชต

แต่การได้ย้ายมาอยู่ในเรือนหลังเล็กที่สะดวก เป็นส่วนตัว และมีห้องครัวกว้างใหญ่ขนาดนี้

มันยากที่เธอจะปฏิเสธได้จริง ๆ!

หญิงสาวเดินเข้าห้องนั้นทะลุไปห้องนี้อย่างเบิกบาน แต่สักพักก็หยุดคิดแล้วนั่งจุ้มปุ๊กลงบนเก้าอี้ที่มีเบาะสีเขียวอ่อนสดใส

"ไม่ชอบตรงไหนหรือคะคุณลูกอม"

น้ำตาลถามอย่างไม่แน่ใจ ป้าอ้อมสั่งให้เธอกับน้ำค้างมาช่วยกันทำความสะอาดล่วงหน้าแล้วหนึ่งวัน แถมยังจัดมุมต่าง ๆ อย่างที่คิดว่าสวยน่ารักน่าจะถูกใจคุณลูกอม

ดังนั้นเมื่อเห็นสีหน้าลลิตราม่อยลง ก็เลยอดใจแป้วตามไม่ได้

"ไม่ใช่ไม่ชอบจ้ะ แต่ฉันแค่เป็นห่วงแม่"

"ห่วงคุณลินดาเรื่องอะไรหรือคะ"

น้ำตาลถามอย่างพาซื่อ ลลิตราคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่จำเป็นต้องปิดบัง

"แม่ฉันต้องกินยาทุกเช้ากับก่อนนอน ปกติฉันเป็นคนดูแล...เพราะถ้าแม่กินไม่ตรงเวลามันจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่"

"อ๋อ แค่นั้นเอง หนูช่วยดูให้ก็ได้นะคะเพราะตอนนี้คุณผู้หญิงเรียกหาหนูทุกเช้าอยู่แล้ว"

เด็กสาวบอกอย่างภาคภูมิใจ การได้เป็นคนโปรดของนายถือเป็นความรู้สึกมั่นคงอย่างหนึ่งในหัวใจของลูกจ้างอย่างน้ำตาล

"แม่เลี้ยงหนูที่อยู่ลำพูนต้องกินยาความดันเบาหวานอะไรพวกนี้ทุกวันเหมือนกัน ตอนนั้นหนูก็เป็นคนจัดยาให้แกทุกวัน เรื่องพวกนี้หนูทำได้แน่นอนค่ะ คุณลูกอมไม่ต้องเป็นห่วง"

เมื่อเห็นสีหน้าลลิตรายังไม่ค่อยสบายใจนัก น้ำตาลก็รีบเชียร์ต่อ

"อยู่ที่บ้านฝรั่งนี่ คุณน้ำตาลจะได้ทำงานได้เต็มที่ไงคะ จะได้ไม่ต้องทนฟังอีพี่น้ำค้างมันแซะเรื่อย อย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของครัวอย่างนั้นแหละ" น้ำค้างเอ่ยถึงญาติผู้พี่ที่วัยไล่เลี่ยกัน และลลิตราก็ยิ้มขันออกมาได้

นั่นน่ะสิ แม่ของเธอไม่ใช่ผู้ป่วยหนักเสียเมื่อไหร่ แค่เธอย้ายออกมาอยู่เรือนเล็กนี้ที่ห่างออกมาแค่ไม่กี่สิบเมตร เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง คงไม่ใช่เรื่องน่าวิตกอะไร อีกอย่างแม่ก็รับรู้แล้วด้วย เมื่อเช้าแม่ก็ยังยิ้มและคะยั้นคะยอให้ลูกสาวเดินมาสำรวจบ้าน แสดงว่าแม่ก็ต้องเห็นด้วย

เมื่อตกลงกับตัวเองได้ ลลิตราก็ตบมือเบา ๆ อย่างดีใจ...ได้มีพื้นที่ทำขนมโดยไม่ต้องเกรงใจใคร และไม่ต้องอยู่ใต้หลังคาเดียวกับนายอธิปนั่นด้วย เพราะต้องยอมรับกับตัวเองว่าหลายคืนที่ผ่านมา การที่รู้ว่ามีผู้ชายคนนั้นนอนอยู่ในห้องที่ห่างเธอออกไปแค่นิดเดียว มันทำให้เธอหลับไม่ค่อยจะลง

* * * * *

เวโลร่าจิวเวลรี่

อัปสรที่เป็นเจ้าของร้านออกมาให้บริการลูกค้าวีไอพีของวันนี้ด้วยตัวเอง

"ไม่ได้เจอกันนานเลยคุณสร สบายดีนะครับ"

"สบายดีค่ะคุณอรรถ สรไม่ต้องถามคุณอรรถนะคะเพราะเจอกันทีไรก็หนุ่มขึ้นทุกที"

อรรถหัวเราะ ก่อนหันไปแนะนำลินดา

"นี่ภรรยาผมครับ..."

"คุณลินดา!"

แน่นอนว่าข่าวการแต่งงานใหม่ของเจ้าของสายการบินสยามเจ็ตเป็นที่ทราบกันในวงสังคม แต่ที่อัปสรตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวจริงของอดีตนางเอกหนังไทยชื่อดังในยุคที่เธอยังเป็นวัยรุ่น

"สรดูหนังที่คุณลินดาเล่นทุกเรื่องเลยนะคะ ยังเสียดายตอนคุณลินดาลาวงการ ตัวจริงคุณลินดาสวยกว่าในจออีก..."

"ดิฉันอายุมากแล้ว..." ลินดาเอ่ยอย่างขัดเขิน คงเพราะไม่ได้ออกไปเจอผู้คนที่ชื่นชมตัวเองมานาน

"อายุเท่าไหร่ก็สวยค่ะ เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้รับใช้ วันนี้คุณอรรถพาคุณลินดามาเลือกเครื่องเพชรใช่ไหมคะ เดี๋ยวสรจะแนะนำชุดที่สวยที่เหมาะกับคุณลินดาที่สุดให้เลย"

อรรถหัวเราะเบา ๆ นึกชมในใจที่อัปสรขายของเก่ง

"ใช่ครับ ภรรยาผมยังไม่มีเครื่องประดับออกงานดี ๆ สักชุด ฝากคุณสรช่วยแนะนำด้วยนะ"

ที่จริงก่อนมานี่ ลินดาปฏิเสธของมีค่าราคาแพงที่เขาจะให้ แต่อรรถยืนยันว่าเธอควรจะมีเครื่องประดับดี ๆ สักชุดที่เข้ากัน ไว้ใส่ออกงานบ้างตามสมควร

เมื่อครั้งที่เลิกกับจีรานุช นอกจากเงินสดที่เขาให้เธอก้อนใหญ่และค่าเลี้ยงดูรายเดือนตลอดชีพ พวกเครื่องเพชรและของมีค่ายิบย่อยเขาก็มอบให้เธอทั้งหมด ไม่เรียกคืนเลยแม้แต่ชิ้นเดียว จีรานุชจะเก็บไว้ให้โอมหรือจะเอาไปทำอะไรก็สุดแต่เธอ อรรถถือว่านั่นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเวลานับสิบ ๆ ปีที่เธอเคยดูแลเขามา

อัปสรนำเสนอเครื่องเพชรแวววาวหรูหราแต่ลินดากลับสนใจชุดไข่มุกน้ำจืดที่สวยงามครบชุดทั้งสร้อยคอ แหวน และต่างหู โดยเฉพาะต่างหูที่เป็นมุกเม็ดโตมีเหลือบสีชมพูอ่อน ๆ ดูเรียบง่ายแต่สวยสง่าสมฐานะ

"ใส่กลับบ้านเลยดีไหม ดูคุณจะชอบมันมากจริง ๆ"

อรรถเอ่ยยิ้ม ๆ เพราะเห็นลินดาจับถูต่างหูอยู่นานไม่ยอมใส่ลงกล่องสักที อดีตนางเอกยิ้มเขินและพยักหน้ารับ อัปสรจึงช่วยใส่ต่างหูให้ทั้งสองข้าง เมื่อลินดาส่องกระจก ดวงตาก็เป็นประกายด้วยความสุข

ระหว่างที่อัปสรให้พนักงานนำสินค้าไปห่อใส่กล่องอย่างสวยงาม เธอก็ขออนุญาตถ่ายรูปคู่กับลินดา อดีตนางเอกตอบรับอย่างเต็มใจ พนักงานในร้านจึงมาล้อมรอบอดีตนางเอกหนังไทยอย่างชื่นมื่น

อรรถถอยไปยืนนอกวง ปล่อยให้สาว ๆ ได้ใช้เวลาร่วมกัน เขามองภาพนั้นด้วยแววตาอ่อนโยนระคนเห็นใจ...

มันเป็นวิธีที่อรรถมองลินดากับลลิตราโดยไม่รู้ตัวมาตลอด...สงสาร เห็นใจ 

กับลูกสาวอย่างลูกอมยังไม่เท่าไหร่ เพราะเด็กสาวคนนั้นแสดงให้เขาเห็นแล้วว่าเธอแกร่ง ดูแลแม่ด้วยตัวเองมาได้หลายปี

แต่ลินดา...เธอเปราะบาง จนเขาไม่อาจปล่อยมือจากเธอได้ และเขาสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลสองแม่ลูกจนวันสุดท้ายของชีวิตพวกเธอ ต่อให้เขาต้องตายวันนี้ ทั้งลินดาและลลิตราก็จะไม่ลำบากเพราะเขาได้ทำประกันชีวิตไว้จำนวนมากโข

ทำไมเขาต้องทำถึงเพียงนี้ บนโลกนี้คงมีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่รู้

* * * * * 

"พรุ่งนี้โชมีบินแต่เช้าเลยค่ะคุณอาร์ต ไฟลต์นี้ต้องค้างที่สิงคโปร์ด้วย กลับอีกทีมะรืนเลย"

แม้จะเป็นการคุยทางโทรศัพท์ แต่น้ำเสียงเสียดายของโชติรสก็ยังชัดเจน

"ขากลับ ให้ผมไปรับที่สนามบินมั้ย"

อธิปถามทีเล่นทีจริง โชติรสหัวเราะกลับมา

"แหม อย่าท้านะคะ ถ้าคุณอาร์ตมาจริง ๆ คงฮือฮาแน่"

"ทำไมล่ะ เขาห้ามไม่ให้พวกคุณมีแฟนงั้นหรือ"

"ก็คุณอาร์ตไม่ใช่แฟนโชนี่คะ..."

โชติรสพูดไว้แค่นั้น แต่ก็รู้กันดีว่าหมายความว่าอะไร

อธิปนึกอยากบอกเธอว่าจะให้เขาคบกับเธอก็ได้นะ เพราะตั้งแต่กลับมาเมืองไทยได้สามเดือน เขาเปลี่ยนคู่นอนไปแล้วหลายคนจนจำชื่อแทบไม่ได้... ถ้าจะให้ลองคบใครเป็นตัวเป็นตนเขาก็ไม่ติด

"เอาไว้...กลับมาแล้วเจอกันนะครับ บาย"

สุดท้ายเขาเลือกพูดแค่นั้น ยังไม่แน่ใจว่าอยากผูกมัดตัวเองกับใคร แม้จะเป็นการผูกมัดแบบหลวม ๆ ชั่วครั้งชั่วคราวก็ตามที

สามทุ่มกว่าอธิปจึงกลับถึงบ้าน พ่อของเขาคงแปลกใจที่ลูกชายกลับบ้านได้ตั้งแต่หัวค่ำ ชายหนุ่มขี้เกียจจะคุยเลยตั้งใจจะเดินเลี่ยงไปเข้าประตูด้านข้างที่ใกล้กับห้องนอนของเขามากกว่า กำลังจะเปิดประตูก็เหมือนเห็นแสงไฟทางหางตา

"ใครมาวะ"

อธิปพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นภายใน 'บ้านฝรั่ง' สว่างไสว ปกติไฟสนามด้านนอกจะสว่างทุกคืนเพราะมีแผงโซล่าเซล์ที่ตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติ แต่วันนี้ดูเหมือนข้างในจะมีคนมาพัก

 อธิปกำลังเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เขาเลยเดินไปหาเผื่อว่าอาจเป็นเพื่อนพ่อหรือญาติห่าง ๆ ของเขาสักคน แต่ที่แน่ ๆ ต้องเป็นคนที่เขารู้จัก ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่เปิดบ้านฝรั่งให้พักหรอก

แต่บ้านกลับเงียบ เขาเดินขึ้นไปแล้วก็ยังไม่ได้ยินเสียงใคร ได้ยินแค่เสียงพัดลมครางหึ่งเบา ๆ ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น

เมื่ออธิปก้าวเข้าไปเขาก็ชะงักกึก ใจเต้นแรง บนเก้าอี้ยาวกลางห้อง คนมอมแมมคนหนึ่งกำลังนอนหลับปุ๋ย ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีคนเดินเข้ามาถึงในห้องนี้แล้ว...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 16 ความบังเอิญ...ไม่มีจริง

    อธิปหนีกลับไปนอนที่เพนท์เฮาส์จนได้ อย่างน้อยอยู่คนเดียวก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ลุกออกไปปล้ำใครกลางดึก วันรุ่งขึ้นกว่าจะตื่นมาอาบน้ำอาบท่าก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า พ่อของเขาโทรศัพท์หาพอดี"ออกมากินข้าวเที่ยงกับพ่อที่บริษัทหน่อยสิ...พ่อให้สหัสสั่งอาหารจากภัตตาคารแถวนี้ไว้แล้ว"นายอรรถเอ่ยอย่างคาดหวังเขากับลูกชายไม่ได้สนิทกันมากนัก และเรื่องนี้เขาโทษตัวเอง เมื่ออธิปยอมกลับจากต่างประเทศ เขาก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกชายให้มากขึ้นกว่าที่เคย เพื่อชดเชยเวลาที่ผ่านมาอธิปตอบกลับไปอย่างเกียจคร้าน"สั่งอาหารไว้แล้ว? ก็แปลว่าผมต้องไป?""แปลว่าพ่ออยากให้ลูกมากินข้าวกับพ่อ แค่นั้นเอง"อรรถเผื่อใจไว้แล้วว่าลูกชายคงจะปฏิเสธ แต่อธิปกลับตอบตกลงและบอกสั้น ๆ แค่ว่าอีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน* * * * *สำนักงานใหญ่ของสยามเจ็ตแอร์ไลน์ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ริมถนนบางนา-ตราด หลังคาอาคารทรงโค้งดูโดดเด่น ผนังเกือบทุกด้านคือกระจกนิรภัยตัดแสงยูวีจากภายนอกสมเป็นอาคารที่ได้รับรางวัลด้านการประหยัดพลังงานยอดเยี่ยมจากหลายสถาบันพื้นที่ชั้นสิบของอาคารสำนักงานใหญ่จัดเป็น Executive Lounge สงบหรูหราไม่ต่างจากห้องอาหารในโรง

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 15 ขึ้นเตียงกับฉันซะ!

    ลินดากับน้ำตาลเพิ่งกลับออกจากบ้านฝรั่งไปตอนสองทุ่ม หลังเห็นแล้วว่าลลิตราปลาบปลื้มกับที่พักหลังนี้แค่ไหน"พรุ่งนี้ลูกอมจะไปขอบคุณคุณลุงอรรถอีกครั้งงาม ๆ ค่ะแม่"หญิงสาวบอก หน้าตายังมอมแมมนิด ๆ เพราะเพิ่งเก็บข้าวของส่วนตัวให้เข้าที่"แม่ดีใจนะที่ลูกอมชอบ""เหมือนฝันเลยล่ะค่ะ แต่แม่...หนูไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ แม่โอเคใช่ไหมคะ"ลินดายิ้ม ลูบแก้มลูกสาวที่แม้จะมีบางส่วนคล้ายเธอแต่ถ้าใครได้เคยเจอไตรภพ ก็จะรู้ว่าลลิตราเหมือนพ่อมากกว่าแม่"คุณอรรถดูแลแม่ดีมาก น้ำตาลก็เหมือนกัน ใช่ไหมจ๊ะ""ใช่ค่ะคุณผู้หญิง" น้ำตาลยิ้มอยู่ใกล้ ๆเมื่อแน่ใจว่าลูกสาวชอบอกชอบใจบ้านเล็กหลังนี้ ลินดาจึงชวนน้ำตาลกลับเพื่อให้ลลิตราได้ใช้เวลาส่วนตัว แต่สักพักหญิงสาวที่อ่อนเพลียมาทั้งวันก็ผล็อยหลับบนเก้าอี้ยาวในห้องนั่งเล่นเธอฝันด้วย...เงาสีขาวร่างหนึ่งทาบทับลงมาบนตัวเธอหรือจะเป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือน!!!พรุ่งนี้เธอคงต้องจุดธูปขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางอย่างเป็นทางการเสียแล้วล่ะแต่ว่า...เจ้าที่ตัวหอมแบบนี้ทุกคนเลยหรือ...หอมเย้ายวน เซ็กซี่...บ้าน่า! เธอรู้สึกว่าผีเซ็กซี่ไม่ได้สิ!คิ้วเรียวสวยที่ไม่เคยผ่านการตกแต่งขมวดเข้าหากันนิด ๆ

  • พาล Blaming Her Sin   บท 14 บ้านฝรั่ง

    เช้านี้ลลิตราได้ของขวัญเซอร์ไพรส์หญิงสาวกำลังก้าวไปตามทางเดินหิน ที่ทอดยาวจากด้านข้างของคฤหาสน์ ผ่านแนวพุ่มไม้ตัดเรียบ เพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบก้าวก็มาถึงบ้านชั้นเดียวหลังกะทัดรัดสีขาวที่สร้างอยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลัก"พวกหนูเรียกบ้านนี้ว่าบ้านฝรั่งค่ะ"น้ำตาลที่เดินตามมาด้วยเอ่ย คงเพราะมันออกแบบให้เป็นสไตล์อิงลิชคอทเทจ ในอาณาเขตกว่าสี่ไร่ของบ้านรชต มีตั้งแต่เรือนกระจกปลูกต้นไม้ไปจนถึงสนามเทนนิส สนามพัตกอล์ฟ และบ้านรับรองแขกหลังเล็กอีกหลายหลัง บ้านเล็กหลังนี้ที่พ่อเลี้ยงของเธอเพิ่งให้กุญแจมาก็เป็นหนึ่งในนั้น"นี่คุณลุงจะให้ฉันอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอเนี่ย!""คุณลูกอมชอบหรือไม่ชอบคะ""โอ้โห ไม่ชอบได้ยังไงล่ะ บ้านสวยออกขนาดนี้!"ลลิตราพูดจากใจ น้ำตาลถอนหายใจโล่งอก"หนูนึกว่าคุณหนูจะน้อยใจที่ไม่ได้อยู่บ้านใหญ่ แต่ต้องมาอยู่ที่นี่คนเดียว"'คุณหนู' ของน้ำตาลหัวเราะ"โถ่ ใครจะไปคิดอย่างนั้น ฉันว่าคุณลุงอรรถใส่ใจมากต่างหากล่ะน้ำตาล ท่านคงเข้าใจว่าฉันคงไม่คุ้นชินกับการอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ต้องอยู่รวมกันหลายคน..." หนึ่งในนั้นคือลูกชายของเขา "...แถมฉันก็ยังไปขอใช้ครัวทำขนม ไปเกะกะป้าเดือนอีก ก็เลยให้ฉัน

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 13 แค่เรียกชื่อหรือเสียงคราง

    ยิ่งใกล้วันแต่งงานของชลธิชากับกิตติทัศน์ ว่าที่เจ้าสาวก็ยิ่งดูหงุดหงิดง่าย อะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยก็เอ็ดคนรอบข้างจนเด็กรับใช้เข้าหน้ากันแทบไม่ติดตรงข้ามกับน้องสาวอย่างโชติรส ที่ดูอารมณ์ดีชนิดที่วิภาเรียกว่า "กระดี๊กระด๊า""นี่ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้จัก เขาคงคิดว่าคนที่จะมีผัวคือแก ไม่ใช่พี่แกนะยัยโช"วิภาพูดกับลูกสาวคนเล็กระหว่างที่รับประทานอาหารด้วยกัน เพราะหล่อนยังโกรธสามี ไม่ยอมกลับไปกรุงเทพฯ ลูกสาวคนเล็กจึงต้องบินไป ๆ มาๆ กรุงเทพ-เชียงใหม่ เพื่อเอาใจทั้งพ่อและแม่ให้เท่าเทียม"แล้วใครบอกว่าโชไม่มี ผ. ล่ะจ๊ะแม่"วิภาถลึงตาใส่ทันที"รู้ย่ะว่าสภาพนี้ไม่น่าเหลือ แต่ให้มันรู้จักกระมิดกระเมี้ยนหน่อยก็ดี แล้วคงไม่ต้องเตือนใช่มั้ยว่าถ้าจะมีจริง ๆ ก็ให้หาให้ดี ๆ ไม่ใช่พลาดท้องแล้วต้องแต่งแบบพี่สาวแก""แม่พูดแบบนั้นถ้าพี่ชลได้ยินก็กระอักเลือดตาย แค่นี้ก็อารมณ์เหวี่ยงอยู่แล้ว อ้อ แล้วพี่ชลเขาไม่ได้พลาดนะ โชว่าเขาตั้งใจ""จะตั้งใจบ้าอะไร...ไอ้คนนั้นมันร่ำรวยขนาดต้องปล่อยให้ท้องเลยเหรอ"วิภาโต้กลับเคือง ๆไม่เหมือนหล่อนกับสามีที่เป็นพ่อของสองสาวนี่สิ ตอนนั้นนายชาญเจ้าชู้มาก นอนกับหล่อนตั้งหลายครั้งแต่

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 12 แม่ชี

    "แม่ชีครับ มีคนมาหาครับ"เด็กลูกวัดเข้ามาบอกจีรานุชอย่างสุภาพ หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ กำลังนั่งพับดอกบัวอยู่กับแม่ชีและคนนุ่งขาวห่มขาวอีกหลายคน คงเป็นคนที่มาปฏิบัติธรรมเหมือนกันวัดแห่งนี้ค่อนข้างคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่อธิปนึกภาพไว้กระนั้น เมื่อเขาเห็นหน้าจีรานุชที่ลุกเดินออกมาหา ก็ใจหาย...จีรานุชดวงตาเบิกกว้างอย่างยินดี"อาร์ต!"ชายหนุ่มยกมือไหว้เก้ ๆ กัง ๆ "น้า...แม่ชี...""เรียกน้านุชเหมือนเดิมก็ได้จ้ะ"จีรานุชบอกยิ้ม ๆ ถึงเธอจะโกนผมแต่ก็ถือศีลแปดข้อเหมือนเนกขัมมนารีทั่วไป จะเรียกว่าอะไรก็ไม่เป็นปัญหาหรอกแม่ชีจีรานุชพาอธิปไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังอุโบสถ ที่พลุกพล่านน้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ ของวัด"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่""สามเดือนแล้วครับ"เขาหมายถึงกลับจากอังกฤษ เพราะแม้จะเรียนจบแล้วอธิปก็ยังแทบไม่กลับไทย เลือกจะใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่ต่างประเทศ"พ่อเขาคงดีใจนะ ที่ลูกชายคนโตกลับมาอยู่ใกล้ ๆ""น้านุช...สบายดีไหมครับ""ก็ดีจ้ะ สงบใจดี"แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อธิปก็ทันสังเกตเห็นแววหม่นหมองบางอย่างพาดผ่านดวงตาของจีรานุชมันทำให้เขาคิดว่า ผู้หญิงตรงหน้าแค่กำลังพยายามจะมี

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 11 จิตใต้สำนึก

    เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นกลางดึก อธิปที่อยู่ในชุดกางเกงนอนผ้าฝ้ายบาง ๆ ตัวเดียวยังไม่หลับ เขาขมวดคิ้วพลางเดินไปเปิดประตู...'เธอ?'ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะคนที่ยืนเงยหน้าจ้องมองเขาอยู่คือลลิตรา'เรื่องขนม ฉันจัดการให้แล้วนะ''ฉันรู้แล้วค่ะ''ถ้ารู้แล้วมาเรียกฉันดึก ๆ ดื่น ๆ ทำไมอีก'ลลิตราเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่รอให้อนุญาต อธิปที่เป็นเจ้าของห้องมองอย่างงุนงงแต่ก็ยอมหลีกทางให้โดยดี เนื้อตัวของเธอยังมีกลิ่นหอมของขนมอยู่เลย... หอมจนเขาอยากตวัดลิ้นชิมอีกสักหลาย ๆ ครั้ง'คุณทำแบบนั้นกับฉัน คุณต้องรับผิดชอบ'เขาสะดุ้ง เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยากจะทำอะไรยังไม่ทันได้ถามว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ลลิตราก็โผเข้ามาหา อธิปกางแขนรับร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้โดยไม่ทันรู้ตัว พริบตาเดียวเขาและเธอก็ล้มกลิ้งไปบนเตียง'ลูกอม...เธอจะทำอะไรน่ะ'เขาตั้งสติฝืนถามออกไปทั้งที่ใจยังเต้นแรง'คุณเลียแขนฉัน?''ก็ใช่...''คุณต้องรับผิดชอบ!'ชายหนุ่มไม่เข้าใจ แต่วินาทีต่อมาเขากับเธอก็แลกลิ้นกันอุตลุต อธิปบดเบียดความเป็นชายที่แข็งขึงเต็มที่เข้าหาร่างนุ่มนิ่ม มันลึกเข้าไป ลึกเข้าไป ลึกเข้าไป จน..."อ๊าาา..." เขาสะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status