“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้” พาลินกล่าวขอบคุณเมื่อเขาขับรถมาจอดที่หน้าปากซอย
“แล้วไปดูหนังกันอีกนะ ครั้งหน้าพี่จะรีบมาให้ตรงเวลา”
“ครับ พี่อยากดูเรื่องอะไรนัดมาเลยครับ ช่วงนี้ผมว่าง”
“ไม่ไปทำงานเหรอ”
“ไม่ครับ สัปดาห์หน้าก็เปิดเทอมแล้วครับ เลยอยากพักสักหน่อย”
“งั้นค่อยนัดกันอีกทีละกันนะ”
“ครับ พี่โดมอย่าลืมไก่หลังรถนะ” พาลินรีบเตือนเพราะถ้าเขาลืมพรุ่งนี้มันคงได้กลายเป็นไก่เน่าแน่ๆ
“อือ”
พาลินลงจากรถแล้วเดินไปยังหอพักวันนี้มีหลายคนเริ่มกลับมากันบ้างแล้ว เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม บรรยากาศก็เลยดูครึกครื้นเป็นพิเศษ พอเขาเดินมาถึงก็โบกมือให้ดลธรรมเพื่อให้ชายหนุ่มจะได้กลับคอนโดของตัวเอง
“ลิน ไปไหนมา กลับดึกเชียวนะ” เจหรือเจษฎาเพื่อนร่วมหอพักที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนทักทายขึ้น
“ไปดูหนังมา มึงล่ะ เพิ่งมาวันนี้เหรอ”
“อือ เพิ่งมาถึงขนของเพิ่งเสร็จกำลังจะขึ้นห้องก็เห็นมึงเดินมา พี่กันต์มาส่งเหรอ” เจษฎาเป็นรุ่นน้องคณะวิศวะจึงรู้จักกับกันต์ธีร์เป็นอย่างดี
“ไม่ใช่พี่กันต์หรอก กูเลิกกันแล้ว”
“งั้นแฟนใหม่เหรอหาได้เร็วดีนี่”
“แฟนใหม่ที่ไหนล่ะ เขาเป็นน้าชายของเด็กที่กูไปสอนพิเศษช่วงปิดเทอม ว่าแต่มึงเถอะยังไง ไหนว่าปิดเทอมจะกลับไปช่วยพ่อกับแม่ทำงาน กูเห็นนะว่ามึงอยู่กับแฟนตลอด”
“กูก็ช่วยพ่อกับแม่ไง แต่เป็นพ่อแม่แฟน”
“กตัญญูจริงๆ เพื่อนกู แล้วไปไหนแล้วล่ะแฟนมึงอะ”
“นู่นไง” เจษฎาชี้ที่หน้าปากซอยก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินถือถุงอะไรสักอย่างเข้ามา
“งั้นกูขอตัวก่อนนะ”
“อือ”
พาลินรีบเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเองเพราะไม่อยากให้เจษฎากับแฟนมีปัญหา เนื่องจากครั้งหนึ่งมีข่าวลือว่าเจษฎาเคยคิดจะจีบพาลิน พอแฟนรู้ก็เลยไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่
“พี่เจ เมื่อกี้คุยกับใคร”
“ไอ้ลินไง”
“อะไร ยังไง ไหนว่าไม่ได้ชอบแล้ว หรือรู้ว่ามันโสดเลยคิดจะจีบอีกครั้ง”
“อ้าวนี่มะเหมี่ยวก็รู้เหรอว่ามันโสด”
“คนเขารู้กันทั้งนั้นแหละ ก็พี่เขาลบรูปคู่กับพี่กันต์ออกจนเกลี้ยงไอจีขนาดนั้น ตอบคำถามมะเหมี่ยวมาก่อนว่ายังไงจะจีบใช่ไหม”
“ไปกันใหญ่แล้วพี่ก็มีมะเหมี่ยวแล้วจะไปสนใจไอ้ลินมันทำไม มะเหมี่ยวก็รู้ว่าพี่ชอบกินนมกินหอย”
“พี่เจอย่ามาทะลึ่งนะ ขึ้นห้องได้แล้ว อย่าให้มะเหมี่ยวเห็นนะว่าแอบคุยกันอีก”
“จะบ้าเหรอ หึงไม่เข้าเรื่องเลย” เจษฎาส่ายหัว เขาไม่เคยคิดอะไรกับเพื่อนคนนี้เลยสักนิด แต่ที่ลือกันไปอย่างนั้นเพราะมีช่วงหนึ่งที่เขาสนิทกับพาลินมากกว่าใคร
ดลธรรมขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดหยิบถุงไก่จากหลังรถ เดินมาจุดที่เคยเจอเจ้าสุนัขจรจัดเคยอยู่ ดีดนิ้วเรียกไม่กี่ครั้งเจ้าขนปุยก็วิ่งออกมาจากพุ่มไม้เตี้ยๆ
“ว่าไง จมูกไวเชียวนะขนุน อะพี่ซื้อมาฝาก” เขาเอากล่องไก่วางตรงพื้น แอบถ่ายรูปขณะที่มันกำลังดินอย่างเอร็ดอร่อย นั่งรอจนกระทั่งเจ้าขนุนกินจนเกลี้ยงจึงหยิบกล่องและถุงพลาสติกไปทิ้ง ดลธรรมรู้ว่ามันผิดที่แอบเอาอาหารให้กับสุนัขจรจัด แต่เขาก็อดสงสารไม่ได้
“พี่ไปก่อนนะ” เจ้าสุนัขกระดิกหางครางหงิงๆ ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในซอย
ดลธรรมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็นึกถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน เขาเพิ่งรู้ว่าปณิชญากับภูวินทร์กำลังจะเลิกกันแล้ว ตั้งแต่เพื่อนกับอดีตคนรักแต่งงานกันไป เขาก็ไม่ได้สนใจข่าวคราวของทั้งคู่อีกเลย
ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดจะจริงจังกับปณิชญาถึงขั้นแต่งงานเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง โดยไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองต้องฝืนใจมากแต่ไหน ทุกครั้งที่นอนกับเธอเขามีความสุขก็จริง แต่ในใจกลับไม่เคยอิ่มเอมเลยสักนิด
มีอยู่หลายครั้งที่แอบนอกกายเธอไปนอนกับคนอื่นที่เป็นชายแต่พอตัวเองถูกนอกกายบ้างกลับรับไม่ได้ ตอนนั้นเขาจมอยู่กับความทุกข์ถึงสามเดือนเต็ม ทุกข์เพราะไม่คิดว่าคนที่เธอเลือกจะเป็นเพื่อนสนิท แต่ถ้าลองกลับไปบทวนตัวเองอีกทีก็ถือว่าตัวเองมีส่วนผิดอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นคนไม่ซื่อสัตย์กับเธอก่อน
ดลธรรมคิดว่าตัวเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เมื่อคบกับปณิชญาแต่มันก็เป็นเรื่องยากและที่ไม่คิดจะเลิกกับเธอก็เพราะความเห็นแก่ตัวบวกกับกลัวว่าพี่ปรานต์จะไม่พอใจ
หลังจากที่ปณิชญาแต่งงานไปแล้วเขากลับมาเป็นตัวของตัวเองเต็มร้อยอีกครั้ง เขาไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนอีกเลย แต่ไม่จริงจังกับผู้ชายหรือคู่นอนคนไหน เพราะอยากใช้ชีวิตให้สนุกอย่างเต็มที่
แต่หลังจากได้เจอกับพาลินความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เขาอยากจริงจัง อย่างอยู่ใกล้อยากใช้ชีวิตร่วมกัน เหมือนว่ามีแรงดึงดูดบางอย่างในตัวพาลินที่ทำให้เสืออย่างเขาอยากหยุด
เขานั่งไถมือถือไปเรื่อย เข้าไปดูว่าพาลินอัพรูปอะไรบ้างในแต่ละวันส่องทั้งเฟซบุ๊กทั้งไอจี แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าพาลินอัพรูปตั๋วหนังที่ไปดูมาวันนี้
เห็นข้อความที่เพื่อนๆ ของพาลินมาเมนท์แล้วก็ยิ้มเพราะมีหลายคนยินดีที่พาลินมีคนรู้ใจคนใหม่ซึ่งเมื่อเจ้าตัวไม่ออกมาปฏิเสธต่างก็คิดว่ามันคือความจริง
ยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งดีใจเพราะดูแล้วพาลินก็คงไม่ได้รังเกียจตนเอง แต่ที่ยังไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เพราะตัวเองไม่เคยบอกพาลินว่าเป็นเกย์และกำลังจีบอยู่ อีกคนก็เลยปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นพี่ชายเสียมากกว่า
ความสัมพันธ์ครั้งนี้เขาไม่อยากให้มันไปเร็วเพราะรู้ว่าอีกคนเพิ่งเจ็บมา จึงอยากให้พาลินพร้อมมากกว่านี้ แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย เขายังเหลือเวลาใกล้ชิดกับพาลินอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะเปิดเทอม
นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แต่เห็นว่าพาลินยังออนไลน์อยู่จึงกดโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายทันที
“สวัสดีครับพี่โดม โทรมาดึกมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า ก็แค่อยากโทรมาคุยด้วย ง่วงหรือยัง”
“ง่วงแล้ว แต่ยังนอนไม่ได้ กินเยอะไปหน่อยอืดท้องมาก”
“อ้าว ในห้องมียาไหมล่ะ”
“ไม่ถึงขนาดต้องกินยาหรอก เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
“เป็นบ่อยเหรอ” เมื่อเห็นว่าพาลินมาได้ทุกข์ร้อนอะไรกับอาการของตัวเองก็อดถามไม่ได้
“ไม่หรอกครับ วันนี้ผมกินเยอะกว่าทุกวันไง ว่าแต่พี่เอาไก่ไปให้น้องหมาไหม”
“ให้แล้ว กินเกลี้ยงเลยสงสัยหิวมาก เดี๋ยวส่งรูปในไลน์ให้ดูนะ”
“กินเกลี้ยงจริงๆ ด้วย พี่โดม แล้วปกติมันกินข้าวที่ไหนเหรอครับ” พาลินเห็นแล้วนึกสงสารและคิดถึงตัวเองที่ตอนนี้เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
“พี่ก็ไม่รู้แต่ก็คงมีคนให้อาหารแหละ ถ้างั้นคงผอมกว่านี้”
“นั้นสิครับ ดูแล้วคงมีคงเอ็นดูเยอะเลย” เสียงพูดเบาลงเล็กน้อย
“เป็นอะไร สงสารขนุนเหรอ”
“สงสารตัวเองครับ ขนุนยังมีคนเอ็นดูให้อาหาร แต่ตอนนี้ผมไม่เหลือใครเลย” พาลินรู้สึกโดดเดี่ยว ตั้งแต่บิดามารดาจากไปเขาก็มีเพื่อนและกันต์ธีร์คอยอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ทั้งปิดเทอมทั้งเลิกกับแฟนเขาก็เลยไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
“เหลือสิ พาลินยังมีพี่นะ” ดลธรรมพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและจริงจัง เขาอยากให้อีกคนรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดเลย
“...” พาลินเงียบ คำพูดของอีกคนทำให้รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมเงียบครับ” เขาใจคอไม่ค่อยดี กลัวอีกคนจะคิดมากกับคำพูดของตัวเอง
“ผมไม่ทำให้พี่รำคาญใช่ไหมครับ”
พาลินรู้ว่าตัวเองเกาะติดชายหนุ่มมากเกินไป เขายอมรับว่าช่วงนี้กำลังอ่อนไหวและไม่อยากอยู่คนเดียว
“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย”
“ถึงแม้ผมจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชอบอยู่คนเดียว”
“แสดงว่าที่ผ่านมาเหงามาตลอดเลยใช่ไหม”
“ก็เหงาบ้างครับ แต่เปิดเทอมก็ดีหน่อยทำงานกับเพื่อนอยู่กับเพื่อนจนดึกถึงกลับหอ”
“พี่นึกว่าอยู่กับแฟน ขอโทษที่ต้องพูดถึงเขา”
“ไม่เป็นไรครับ ถึงเป็นแฟนก็ไม่ค่อยตัวติดกันหรอกครับ เขาไม่ค่อยชอบให้ผมตามติดเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ผมก็อยู่กับเพื่อน”
“แล้วไม่น้อยใจแย่เหรอ”
“ก็มีบ้างครับ แต่น้อยใจไปก็เท่านั้น”
ดลธรรมนึกเห็นใจชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย เพราะช่วงนี้ทั้งปิดเทอม ทั้งไม่ได้ไปสอนพิเศษพาลินคงเหงามากจริงๆ
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ มาคอนโดไหม มาว่ายน้ำกัน”
“ผมไม่กวนพี่ใช่ไหม”
“ไม่หรอกมาเลย ให้ไปรับไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมจะไปจะโทรบอกก่อนนะครับ” พาลินไม่อยากไปหาใครโดยไม่โทรนัดอีกแล้ว เพราะกลัวไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง ถึงแม้ว่าตัวเองกับดลธรรมไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ภาพแบบนั้นเห็นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ
“ถ้าโทรมาพี่ไม่รับก็มารอในห้องได้เลยเดี๋ยวจะส่งรหัสห้องให้นะ”
“ถ้าพี่ไม่รับผมก็ไม่กล้าไปหาหรอก”
“ไม่ต้องกลัวจะเจอใครหรือเห็นอะไรหรอกน่า” ดลธรรมรู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไร
“แน่นะครับ”
“แน่นอนสิ”
คุยกันอีกกว่าสิบนาทีทั้งสองก็แยกย้ายเข้านอน
สัมผัสที่เร่าร้อนของเรียวปากหยักจูบแลกลิ้นกันอยู่อย่างนั้น พาลินหลงใหลไปกับรสจูบที่คนรักมอบให้ สองมือดันผนังห้องน้ำเอี้ยวคอมาจูบ สะโพกกลมขาวกดแนบชิดกับท่อนเอ็นร้อนเสียงคนพี่ครางในลำคอ เขาอยากกลืนกินคนช่างยั่วตั้งแต่เห็นรูปที่ส่งไปให้ ดลธรรมไม่ลังเลเลยที่จะรีบขับรถกลับมาที่คอนโด แล้วเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อรู้ว่าพาลินกับเขาต่างมีความต้องการเหมือนกัน“พาลินยั่วพี่เองนะครับ”“ถ้าน้องยั่วแล้วพี่ไม่อยากพี่จะกลับมาเหรอ”“นั่นยั่วอีกแล้ว”“น้องยั่วแล้วพี่อยากไหม”“ไม่ยั่วก็อยากครับ ยันผนังไว้นะครับพี่จะลงโทษคนยั่วแล้ว”ดลธรรมจูบไซร้ไปตามท้ายทอยและซอกคอ กัดติ่งหูคนด้านหน้าเบาๆ เพราะเป็นจุดอ่อน แค่นั้นพาลินก็ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวฝ่ามือร้อนไล้ไปทั้งแผงอกบีบคลึงเบาๆ บนยอดสีสวย สะโพกก็กดลงไปยังบั้นท้าย เสียงหวานครางแผ่วเบา สะโพกแอ่นโค้งเด่นคนตัวโตกดครีมอาบน้ำสูตรอ่อนโยนลงบนปลายนิ้วกลางจากนั้นลากไปตามช่องทางสีสวยกดลงไปช้าๆ ค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองและสาม พาลินครางสะท้านรู้สึกถึงความคับแน่นที่กำลังนวดผนังด้านใน“อื้อ...พี่”เขาสะดุ้งเมื่อจุดอ่อนไหวด้านในถูกกระตุ้นเพียงแค่นั้นตัวตนของเขาก็ปวดหนึบ ม
หลังจากตรวจเสร็จและรับยาแล้วรถกระบะคันเดิมก็มาส่งดลธรรมและพาลินที่สนามบิน“พี่หน้าผมยังมีผื่นอยู่ไหม”“ยังมีอีกนิดหน่อย ใส่มาสก์ไปก่อน”“หมอบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไงครับ”“มันต้องใช้เวลาไง เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพถ้าผื่นยังไม่ยุบลงพี่จะพาไปหาหมออีกรอบ”“ไม่เอาแล้วไม่หาแล้ว ไปอีกก็โดนฉีดยาอีก”พาลินทานยาแก้แพ้ตั้งแต่อยู่บนเขาแต่พอมาถึงโรงพยาบาลผื่นก็ยังไม่หายและดูเหมือนจะขึ้นมากกว่าเดิมหมอเลยต้องฉีดยาเพราะมันได้ผลเร็วกว่า รวมถึงให้ยาทาแก้คันมาด้วยตอนนี้พาลินเลยสีชมพูไปทั้งตัว ยังดีที่เขามีเสื้อคลุมแขนยาวเลยไม่ค่อยอายคนเท่าไหร่แต่ที่ต้องอายก็คงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างเพราะเขาเป็นคนทายาให้กับตนเองทั้งตัว“ยามันง่วงเดี๋ยวขึ้นเครื่องเราจะหลับเลยก็ได้ ถึงแล้วพี่จะปลุกเอง”“บินนานไหมครับ” เพราะขามาเขานั่งรถมาเพื่อนๆ เลยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่“ไม่นานครับ ประมาณชั่วโมงหนึ่งครับ หลับแป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้ว”“ผมหวังว่าถึงกรุงเทพแล้วผมจะหายนะ”“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งหายเลย ชมพูไปทั้งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี”“ไม่ตลกนะครับพี่ มันคันไปทั้งตัวเลย”“อดทนอีกนิดนะครับ ถึงคอนโดจะเอาน้ำเย็นเช็ดให้”พอขึ้นเครื่อง
ดลธรรมไม่อยากให้พาลินพลาดการเข้าค่ายอาสาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มทำมาทุกปีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และถ้าปีสุดท้ายมาได้เข้าร่วมคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากถึงแม้จะทั้งหวงทั้งห่วงแต่เขาก็ไม่อยากพรากความทรงจำในวัยเรียนของคนรัก และนั่นก็คือเหตุผลที่ตอนนี้เขามานั่งอยู่ข้างคนขับรถกระบะสีประตูขับเคลื่อนสี่ล้อซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่นักศึกษามาออกค่ายเดิมทีก็ตกลงจะมาด้วยกัน แต่เพราะเขามีงานที่ยังเคลียร์ไม่เรียบร้อยจึงต้องยอมปล่อยให้คนน้องมาเข้าค่ายกับเพื่อนพาลินงอนนิดหน่อยที่เขาไม่ทำตามที่พูด แต่ก็ตัดสินใจมากับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวเขาก็รีบเคลียร์งานแล้วตามมาทีหลังโดยไม่ได้บอกพาลินแค่สองสามที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเขาก็ทรมานเกินไปแล้ว“อันที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอกนะครับ แต่ทางมันค่อนข้างลำบากมันเลยดูเหมือนไกล” เสียงคนขับรถกระบะทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ครับ”ดลธรรมให้ลูกน้องที่บริษัทซึ่งบังเอิญเป็นคนพื้นที่ช่วยติดต่อเช่ารถพร้อมคนขับไปส่งที่หมู่บ้านบนเขาชายหนุ่มนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกตั้งแต่เช้าจากนั้นก็ให้คนขับรถพาไปซื้อไก่ทอด โด
ดลธรรมและพาลินย้ายกลับมาอยู่ที่คอนโดเพราะอยากให้มารดาได้ทำความรู้จักและปรับตัวกับเบจิงได้มากขึ้นแต่เขากับพาลินก็ยังแวะไปทานอาหารเย็นด้วยอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าเบจิงจะเข้ากันได้ดีกับคุณยายของตนเองแม้พาลินจะมีรถเป็นของตัวเองแล้ว แต่ดลธรรมก็ยังมารับส่งที่มหาวิทยาลัยเป็นบางวัน“พี่โดม ขอโทษทีครับคุยกับเพื่อนนานไปหน่อย”“ไม่เป็นไร แล้วตกลงเอาไงเราจะไปค่ายกับเพื่อนไหม” ช่วงวันหยุดยาวติดกันชมรมค่ายอาสาจะพากันไปออกค่ายที่พิษณุโลก“กำลังตัดสินใจอยู่ครับ”“ทำไมดูตัดสินใจยากจัง แต่ก่อนเห็นตื่นเต้นจะไป”“ก็ตอนนั้นยังไม่มีแฟน ตอนนี้มีแฟนแล้วติดแฟนครับ”“ฟังคำตอบแล้วชื่นใจจัง”“ถ้าผมไปพี่จะคิดถึงผมไหม”“ถ้าเราไปพี่ก็ไปด้วยครับ ไม่อยากนอนคนเดียว”“ถ้าผมไม่ไปก็เหมือนจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่ที่ไม่ช่วยออกแรงอะไรเลย”“แต่พี่ก็ช่วยเรื่องคอมไปตั้ง 10 ชุดแล้วนะครับ”“นั้นมันส่วนของพี่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”“ถ้าอยากรู้สึกมีส่วนร่วมกับคอมห้าชุดนั่นก็แค่..”“แค่อะไรครับ” พาลินหันมามองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พอเห็นหน้าเขาก็เดาออกทันทีว่าตอนนี้สิ่งที่คนพี่ต้องการคืออะไร เพียงแค่คิดพาลินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที“นานเ
คุณแพรเพ็ญและจอห์นสามีใหม่บินกลับมาทันทีหลังจากดลธรรมโทรไปบอกว่าย่าของเบจิงจะพาเบจิงไปอยู่ด้วยเธอเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้วจึงไม่อยากจะเสียหลานชายไปอีกคน เพราะรู้ว่าที่ฝ่ายนั้นอยากพาเบจิงไปก็เพื่อต่อรองกับดลธรรมให้รับผิดชอบเด็กในท้องของปณิชญาเท่านั้น“คุณยายครับ ตาจอห์นบอกว่าที่บ้านตามีหิมะด้วยจริงไหมครับ”“จริงสิ เบจิงอยากไปดูหิมะไหม”“อยากไปครับ แต่เบจิงต้องไปโรงเรียนคงไปกับคุณยายไม่ได้”“ที่นั่นก็มีโรงเรียนครับ เดี๋ยวยายจะให้เบจิงดูนะครับว่าโรงเรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง อยากดูไหมครับ”“อยากดูครับ พี่ลินมาดูด้วยกันไหม” เบจิงเรียกพาลินที่กำลังเดินถือผลไม้จานใหญ่ให้มาดูด้วยกันอีกคนแพรเพ็ญเปิดคลิปแนะนำโรงเรียนประถมในประเทศออสเตรียให้กับหลานชายดู เพราะเธอกับสามีคุยกันแล้วว่าจะรับเบจิงไปอยู่ที่นั่นในฐานะลูกชายของทั้งสองคนดลธรรมก็เห็นด้วยกันมารดาเพราะอยากให้เบจิงมีอนาคตที่ดี ลำพังเขากับพาลินคนดูแลเด็กชายได้ไม่ดีพอแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเบจิงว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั่นไหม ตอนนี้ทั้งมาลีและป้าสายก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษกับจอห์นเพราะแพรเพ็ญอยากให้สองนั้นย้ายไปอยู่ด้วยกันทุกคนที่นี่เตรียมวางแผนก
สามเดือนแล้วที่แพรรดาจากไปและเบจิงอยู่กับดลธรรมและพาลินในบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของเด็กชายกลับมาสดใสอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังออกมานอกบ้านจนคนที่เพิ่งมาถึงยิ้มอย่างพอใจ“สวัสดีครับคุณย่า” เบจิงยกมือทักทายผู้เป็นย่าที่เจอกันครั้งสุดท้ายในงานศพของผู้เป็นมารดา“น้าชายเราไปอยู่ไหนแล้วล่ะ”“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับแม่” ดลธรรมยังเรียกเธอว่าแม่อย่างเดิมเพราะอยากให้เกียรติในฐานะที่เธอเป็นย่าของเบจิงเขาค่อนข้างแปลกใจที่คุณปราณีมาหาถึงที่บ้าน เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ท่านไม่เคยแวะมาที่นี่เลยสักครั้ง“แม่เรากลับไปแล้วใช่ไหม” คุณปราณีถามถึงแพรเพ็ญ“เพิ่งบินกลับไปสองวันก่อนมีธุระอะไรกับท่านหรือเปล่าครับ”“เปล่า แม่แค่อยากคุยกับโดมสักหน่อย”“ได้ครับ เบจิงไปหาพี่ลินก่อนนะครับน้าขอไปคุยธุระกับคุณย่าก่อน”“ครับน้าโดม”ชายหนุ่มพาคุณปราณีมายังห้องทำงานของตนเองที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพี่สาวและพี่เขย“โดม แม่จะคุยกับเราเรื่องเบจิง”“มีอะไรเหรอครับ“แม่จะพาเบจิงไปอยู่ด้วย”“แต่เบจิงอยู่กับผมก็มีความสุขดี แม่ก็เห็นว่าเขากลับมาร่าเริงแล้ว”“แต่แม่อยากให้หลานไปอยู่กับแม่”“ผมว่าแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นนะครับ“มีสิ