มนต์มีนาคือหญิงสาวที่ครอบครัวของพิชยะให้ความช่วยเหลือตอนเธอไร้ที่พึ่ง นอกจากนี้เธอยังเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวตัวแสบ การได้อยู่ร่วมชายคากันทำให้เขาและเธอเกิดความชิดใกล้ จนอยู่มาวันหนึ่ง..เพื่อนของน้องสาวดันริจะมีแฟน เขี้ยวเล็บที่พิชยะซ่อนเอาไว้อย่างดีจึงค่อย ๆ งอกออกมา เขารุกและอ่อยเธออย่างหนักจนหัวใจของมนต์มีนาอ่อนปวกเปียกเหลวเป็นวุ้น ยอมเป็นแมงเม่าโบยบินเข้าไปในกองไฟด้วยตัวเอง *สปอยล์เนื้อหาบางส่วน* “เฮียไม่ชอบให้มีนสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น หวง…เข้าใจไหม” เขากระซิบชิดริมหูของเธอ "แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” "ต้องเป็นก่อนใช่ไหมถึงจะหวงได้” สายตาที่มองลงมาเจิดจ้าลุกวาวชวนให้มนต์มีนาหนาวเยือกเย็นขึ้นมา ทั้งที่อุณหภูมิในห้องไม่ได้ส่งผลต่อร่างกาย “ทำไมไม่ตอบล่ะ” เสียงของพิชยะใกล้เข้ามาลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นเหล้ากรุ่นอยู่ข้างแก้ม แล้วฉวยโอกาสหนึ่งสอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากแล้วบดเบียด ลิ้นอุ่นครูดสีไปกับเรียวลิ้นเล็กอย่างเนิบช้าแต่ไม่อ่อนโยน โปรดระวัง คืนหมาหอน แต่จะเป็นหมาหรือหมอต้องดูดี ๆ
View More“เฮียไม่ชอบให้มีนสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น หวง…เข้าใจไหม” เขากระซิบชิดริมหูของเธอ
“แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ" หากเป็นในเวลาปกติมนต์มีนาก็คงจะไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่มีสติให้คิดไตร่ตรอง
“ต้องเป็นก่อนใช่ไหมถึงจะหวงได้” สายตาที่มองลงมาเจิดจ้าลุกวาวชวนให้มนต์มีนาหนาวเยือกเย็นขึ้นมา ทั้งที่อุณหภูมิในห้องไม่ได้ส่งผลต่อร่างกาย
“ทำไมไม่ตอบล่ะ” เสียงของพิชยะใกล้เข้ามาลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นเหล้ากรุ่นอยู่ข้างแก้ม หญิงสาวถดตัวออกห่างจากเขา
ยังไม่เคยผ่านเรื่องบนเตียงมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องพวกนี้
อยากผลักไสหากแต่ร่างกายกลับโอนอ่อน ลิ้นอุ่นร้อนฉวยโอกาสในจังหวะนั้นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอ่อนนุ่มแล้วบดเบียด ลิ้นสากครูดสีไปกับเรียวลิ้นเล็กอย่างเนิบช้าแต่ไม่อ่อนโยน
เธอเคยถูกพิชยะจูบมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ล้ำลึกเนิ่นนานกว่าทุกครั้ง
เขาถอนริมฝีปากออก พรมจูบไปตามซอกคอ มนต์มีนาที่เพิ่งถูกล่อลวงด้วยจุมพิตร้อนแรงแทบไม่รู้ตัว เขาลงมือปลดเกาะอกของเธอออกไปตอนไหน
“ย…อย่าค่ะ” เสียงของเธอสั่นพร่าหวาดหวั่นกับอารมณ์วาบหวามที่แล่นซ่านขึ้นมา ทว่าสัญชาตญาณก็บอกให้เธอยกมือขึ้นปัดป้องมือเขาออกห่าง แต่พิชยะกลับรวบมือเธอตรึงมันไว้เหนือศีรษะ
รอยยิ้มชวนหวั่นไหวระบายอยู่ในดวงตาและบนริมฝีปากของชายหนุ่ม
มือเรียวสวยของเขาเคลื่อนต่ำลงไป ข้อนิ้วไล้ลงบนเนินอกอิ่ม เรื่อยลงไปยังกึ่งกลางระหว่างทรวงอกกลมกลึงทั้งสองข้าง แก่นกลางกายปวดตุบ ๆ ขึ้นมาทั้งที่เม็ดประทุมถันมีซิลิโคนนุ่มนิ่มปกปิดอยู่
มนต์มีนาสูดลมหายใจลึกเข้า ปลายนิ้วของเขาลากลงมายังแผ่นท้องอ่อนนุ่ม ขนอ่อน ๆ บนร่างบอบบางลุกเกรียว
ไม่ได้อยากคล้อยตามเขาแต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง หากแต่ก็ยังกำนิ้วจิกเล็บลงกลางฝ่ามือ ฝืนความรู้สึกอย่างยากลำบาก
“ไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงของพิชยะอ่อนโยนและนุ่มนวล กัดกร่อนอาการแข็งขืนต่อต้านของเธอลงทีละน้อย
“เฮียจะทะนุถนอมมีนเอง” ว่าแล้วเขาก็ขบเม้มเนื้ออ่อนที่ข้างลำคอก่อนจะพูดประโยคต่อมา
“วันนี้จะใช้แค่นิ้วกับลิ้นเท่านั้น”
บทที่ 1 พี่ชายเพื่อน
ค่ำคืนที่มีเม็ดฝนโปรยปรายลงมา หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดรูปก้าวลงจากแท็กซี่สีเขียวเหลืองกลางเก่ากลางใหม่พร้อมกับตำราเรียนสามเล่มได้แล้วก็วิ่งฝ่าสายฝนที่โปรยปรายลงมาหนาตาไปยังตึกหลังใหญ่อย่างคุ้นชิน
สามเดือนที่ผ่านมา ‘มนต์มีนา นรากุล’ อยู่ที่บ้านหลังนี้ในฐานะของผู้อาศัย
ก่อนหน้านี้เธอมีครอบครัวที่อบอุ่น กระทั่งเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมาพ่อของเธอจับได้ว่าแม่ของเธอแอบคบชู้ จากนั้นทั้งสองคนก็มีปากเสียงกันรุนแรงเรื่อยมา จนในที่สุดก็ตัดสินใจหย่าร้างกัน
สุรีพร แม่ของเธอเก็บกระเป๋าออกจากบ้านหลังจากเซ็นต์ใบหย่าเรียบร้อย ทิ้งให้เธออยู่กับ พิพัฒน์ เพราะหากจะพามนต์มีนาไปอยู่ด้วยสุรีพรก็กลัวจะมีปัญหาเพราะทางบ้านของสามีใหม่ไม่อนุญาตให้สุรีพรหอบลูกหอบเต้าไปอยู่ด้วย
หลังจากนั้นมนต์มีนากับพิพัฒน์ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามลำพังสองพ่อลูก พิพัฒน์เป็นพนักงานบริษัทในตำแหน่งบัญชี รายได้แต่ละเดือนหลังจากหักหนี้สินถึงจะเหลือไม่มากแต่ก็พอเลี้ยงดูลูกคนเดียวได้
แต่ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง สองเดือนต่อมาพ่อของเธอก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้าน
เมื่อไม่มีบิดาคนที่รักเธอสุดหัวใจแล้วมนต์มีนาก็ไม่เหลือใคร ครั้นจะให้มารดาเป็นที่พึ่งทางใจในยามนี้แต่กลับติดต่อไม่ได้
ก่อนจากไปสุรีพรได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ไว้ให้เธอ แต่เบอร์โทรนั้นกลับติดต่อไม่ได้ พอไปตามหาที่บ้านก็ไม่เจอใคร เพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงบอกว่าสุรีพรกับสามีไปต่างประเทศไม่รู้กำหนดกลับ
ช่วงเวลาอ่อนแอยากลำบากต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งพิง มนต์มีนากลับไม่มีทั้งพ่อและแม่
เธอเศร้าเสียใจกับการจากไปของบิดาแต่ก็ต้องรีบตั้งสติ จัดการงานศพบิดาอย่างสมเกียรติเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ โดยมีเพื่อนสนิทและเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยมาช่วยงาน
คราวแรกมนต์มีนาตั้งใจเอาไว้ว่าจะนำเงินประกันที่พิพัฒน์ทิ้งเอาไว้ให้ใช้จ่ายอย่างประหยัดเพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอก็จะเรียนจบมหาฯลัยแล้ว
ต่อไปเธอก็จะมีงานทำ สามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อคนบนฟ้ามองลงมาก็จะได้มีความสุขและนอนตายตาหลับ
แต่ยังไม่ทันจะได้เผาศพบิดาก็มีเจ้าหนี้มาทวงเงินเธอต่อหน้าโลงศพพร้อมกับเอกสารที่มีลายเซ็นของพิพัฒน์อยู่
นึกย้อนกลับไป ก่อนที่พ่อกับแม่ของเธอจะตัดสินใจหย่ากันไม่กี่วัน เธอเคยได้ยินทั้งสองคนทะเลาะกันรุนแรง
เสียงทะเลาะที่ดังออกมาจากในห้องนอนของบิดามารดาพอให้จับใจความได้ว่าสุรีพรแอบไปกู้เงินนอกระบบ แต่จะเป็นเงินจำนวนเท่าไรและรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ก็เธอไม่รู้อะไรเลย เพราะตอนนั้นเธอต้องรีบออกไปมหาฯลัย และพิพัฒน์ก็ไม่เคยเปิดปากเล่าปัญหาในบ้านให้ฟัง
เมื่อหลักฐานมัดตัวคนเป็นลูกจึงจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบเพื่อให้พิพัฒน์ได้ขึ้นสวรรค์อย่างขาวสะอาด แต่ยอดหนี้สองล้านบาทก็สูงเกินกว่าที่วงเงินประกันจะพอ
สุดท้าย...เธอเลยจำใจต้องขายบ้านอันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้ แต่ทาวเฮ้าส์ทรุดโทรมในตรอกซอกซอยลึกก็ยากจะขายได้ราคาสูง เธอจึงยังขาดเงินอีกเจ็ดแสน
เมื่อถึงคราวจำเป็นมนต์มีนาจึงนำเงินที่มีอยู่ทั้งหมดกับเงินประกันใช้หนี้สินก้อนนั้นอย่างไม่มีทางเลือก
นอกจากจะสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน มนต์มีนาก็ยังไม่มีแม้แต่บ้านให้ซุกหัวนอน ส่วนญาติที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปีแล้ว
ครอบครัวของพิพัฒน์มีอาชีพทำไร่ทำสวนแต่ขยันทำมาหากินฐานะทางบ้านจึงถือว่าดีในระดับหนึ่ง ในขณะที่ครอบครัวของสุรีพรมีอาชีพรับจ้างทั่วไปแต่ฐานะยากจนเพราะความเกียจคร้าน
เมื่อก่อนแม่ของเธอได้ชื่อว่าเป็นสาวสวยประจำหมู่บ้าน แต่มีนิสัย ชอบแต่งตัว วัน ๆ ไม่ยอมทำอะไรหนังสือก็เรียนไม่จบ ด้านพ่อกับแม่ก็ติดการพนัน ทางครอบครัวของพิพัฒน์จึงไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งคู่และสั่งห้ามไม่ให้คบกัน
แต่พิพัฒน์ก็ยังยืนกรานหนักแน่น จะตกแต่งสุรีพรเป็นภรรยาไม่ยอมรับผู้หญิงที่พ่อแม่หาให้ สุดท้ายเขาเลยถูกครอบครัวประกาศตัดขาดในที่สุด
พิพัฒน์พาสุรีพรที่ตอนนั้นกำลังอุ้มท้องเธออยู่มาปักหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ ขาดการติดต่อกับครอบครัวเช่นเดียวกับสุรีพรตั้งแต่นั้นมา
มนต์มีนาจึงไม่ต่างจากคนไร้ญาติ ตั้งแต่เด็กเธอก็ไม่เคยได้เรียกใครเป็นปู่ย่าตายายเหมือนอย่างคนอื่น
หญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีสูญเสียทุกอย่างราวกับเป็นฝันร้าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าถึงแม้สุรีพรจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว แต่เธอก็ยังโชคดีอยู่ เพราะพิพัฒน์เป็นพ่อที่รักเธอยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้
ทว่าวันนี้…กลับไม่เหลือร่มโพธิ์ร่มไทยให้พักพิง
การใช้หนี้ก้อนนั้นไปทำให้มนต์มีนาไม่มีแม้แต่เงินจะไปเช่าห้องเล็ก ๆ ไม่มีกระทั่งเงินจ่ายค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยในเทอมสุดท้าย หลังจากงานศพเธอเหลือเงินติดตัวอยู่แค่หนึ่งพันบาท
แต่ชีวิตของเธอก็ไม่ได้อับจนหนทางเสียทีเดียวเมื่อเพื่อนสนิทยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยการให้เธอไปอยู่อาศัยที่บ้านด้วย
ตอนนี้เธอจึงอาศัยอยู่ที่บ้าน กิจธาดาวงศ์ ได้ราว ๆ สามเดือนแล้ว
หญิงสาวผลักประตูเข้าไปในตัวบ้านมืดสลัว เวลานี้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ทว่าจังหวะจะเดินผ่านโถงรับแขกมนต์มีนาก็มองเห็นร่างสูงใหญ่ทอดกายนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวจึงวางหนังสือเรียนกับกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะขนาดเล็ก แล้วเดินเข้าไปหาคนที่กำลังหลับใหล
แต่เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่าเจ้าของบ้านเปลือยท่อนบนอยู่ เขาสวมเพียงกางเกงผ้าสีเข้ม ขอบเอวกางเกงเนื้อดีหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกเพรียว
มนต์มีนารู้สึกกระดากเล็กน้อยเพราะเผลอสำรวจเรือนร่างกำยำของชายหนุ่ม แต่หลังจากตั้งสติได้แล้วเธอก็เดินไปหยิบผ้านวมในตู้เก็บของที่อยู่ไม่ห่างมากนักมาคลุมตัวให้ ก่อนจะโน้มตัวลงมองอีกฝ่าย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่เธอมีอาการหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่มองเขา
เขา…ผู้ที่มีสถานะเป็นพี่ชายของเพื่อน
-------------
ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ของไรท์ เพียงเม็ดทราย ด้วยนะคะ
คุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์หันไปมองหน้ากัน ไม่คาดคิดว่าจะเห็นคนอย่างเขายอมคุกเข่าให้กับผู้หญิง“อะไรที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว วันนี้เฮียแค่จะบอกว่าเฮียรักมีนจริง ๆ นะ รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว ไม่ว่ามีนจะให้อภัยเฮียวันไหน เฮียก็จะรอ”“สักสิบปีรอได้ไหมคะ” เขาคำนวณในใจทันที ตอนนี้เขาอายุสามสิบสอง แปลว่าอีกสิบปีข้างหน้า เขาอายุสี่สิบสองวิจัยหนึ่งบอกว่าปัจจุบันนี้ผู้ชายอายุสี่สิบก็เริ่มมีปัญหานกเขาไม่ขัน ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะยังทำเรื่องอย่างว่าได้อยู่ไหมนะไม่สิ คุณภาพมันจะเหลือเท่าไหร่ต่างหาก“ว่าไง ทำไมไม่รีบตอบหนูมีนไปล่ะ” เป็นคุณเพ็ญพิชย์เร่งเอาคำตอบจากลูกชายของตัวเองบ้าง จนในที่สุดเขาก็พูดคำนี้ออกมา“ได้ รอได้”“สิบปีนะคะ ระหว่างนี้ห้ามมาเข้าใกล้มีน” เขาพยักหน้า สิบปีก็สิบปีวะ ต่อไปนี้เขาคงต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่อีกสิบปีข้างหน้าน้องชายของเขาจะยังใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ระหว่างสิบปีนี้มีนจะไปอยู่อเมริกานะคะ”“ไปทำอะไร” ให้รอสิบปียังพอทน แต่ห่างกันสิบปี ใจขาดกันพอดีสิ“ไปเรียนต่อค่ะ แล้วก็จะทำงานอยู่ที่โน่น คุณมุกเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้” ทั้งที่คิดว่าเขากำลังจะได้อุ้มลูก
สามวันให้หลังพิชยะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ คนที่เสียสละทั้งเวลางานและเวลาส่วนตัวเป็นสารถีขับรถให้เขานั่งสบาย ๆ ก็ไม่พ้นคุณหมอธนาเพราะพิธาติดประชุมกับคณะผู้บริหาร“กลับบ้านได้แล้วไม่ดีใจเหรอวะ” ตั้งแต่เข้ามานั่งในรถเขาก็เห็นพิชยะทำหน้าเหมือนตูดลิง“แค่กลับบ้านมีอะไรให้ดีใจ” เป็นเมื่อก่อนก็ว่าไปอย่าง ที่พอเขากลับไปแล้วจะได้เจอมนต์มีนาอยู่ที่บ้านแต่ตอนนี้อย่าว่าแต่ได้เจอ เขาโทรไปหาเป็นร้อย ๆ ครั้งเธอก็ยอมไม่รับสายถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีทางที่เขาจะอยู่เฉยแบบนี้แน่ ต้องตามไปลงโทษกันบ้าง“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะน้องมีนของกูยังไม่ยอมรับโทรศัพท์เหรอวะ เห้ยย อย่านะเว้ย กูพาเสยเสาไฟจริงด้วย เอาสิ” ธนาร้องโวยวายพร้อมกับข่มขู่ตอนที่พิชยะจะยกเท้าขึ้นมาประทุษร้ายที่ธนาพูดจาไม่เข้าหู แถมยังเรียกมนต์มีนาว่า ‘น้องมีนของกู’ อีก “แม้ระหว่างทางจะเกิดสงครามเล็ก ๆ ระหว่างเพื่อนจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ทั้งสองคนก็มาถึงบ้านกิจธาดาวงศ์ด้วยความปลอดภัยธนายังมีธุระที่อื่นต่อ พอเข้าไปทักทายคุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์ที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาด ๆ ก็ขอตัวกลับทันที ตอนนี้ในที่โถงรับแขกจึงมีเพียงพ่อแม่ลูกนั่
ไม่รู้ว่าจะทนอดเปรี้ยวไว้กินหวานได้อีกนานอีกไหน“คุยกับมีนเหรอคะ?” มนต์มีนาเอียงคอถาม มองมาที่ชายหนุ่ม ความจริงหูของเธอได้ยินที่เขาพูดชัดทุกคำ แต่แกล้งทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง“ถ้าเฮียไม่คุยกับมีนแล้วจะให้เฮียคุยกับใคร”“ไม่รู้สิคะ คุยกับพยาบาลไหมล่ะคะ เดี๋ยวมีนไปตามมาให้สักสองสามคน” เรื่องที่พิชยะล้มงานวิวาห์กระจายไปทั่วโรงพยาบาล บรรดาพยาบาลต่างก็ดีใจที่เขากลับมาโสดอีกครั้งแต่พวกเธอก็ดีใจได้ไม่กี่วัน พิชยะก็ให้พิธาบอกกับทุกคนว่าผู้หญิงที่มาเยี่ยมเขาทุกวันคือคนที่เขารักและกำลังตามง้ออยู่ ทำเอาพยาบาลอกหักไปตาม ๆ กันทว่าก็ยังมีพยาบาลหลายคนที่ไม่ถือสาว่าศัลยแพทย์หนุ่มจะมีเจ้าของหัวใจแล้ว ยังแวะเวียนกันเอาของมาเยี่ยมจนหัวกระไดห้องนี้ไม่เคยแห้ง“หึงเหรอ” เขายิ้มที่มุมปาก พอใจที่เห็นความหึงหวงเป็นประกายอยู่ในแววตาของหญิงสาว“ใครหึง มีนไม่ได้หึงสักหน่อย” มนต์มีนาปอกแอปเปิลในมือต่อ ไม่สบสายตาคู่คม กลัวตัวเองจะเผยความรู้สึกนึกคิดออกไปแม้ว่าบาดแผลในใจจะได้รับการเยียวยาจนเกือบจะหายดีแล้วแต่เธอยังไม่สามารถกลับมาคืนดีกับเขาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเธอยังอยากดูความจริงใจจากเขาอีกสหน่อยไม่สิ
กว่าสามสัปดาห์แล้วที่พิชยะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นตามลำดับจนใกล้จะหายดี เมื่อเช้าหมอแจ้งว่าอีกไม่เกินสองสามวันนี้เขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วมนต์มีนามาเยี่ยมชายหนุ่มทุกวัน แต่เธอไม่ได้อยู่นอนเฝ้าอย่างที่ควรจะเป็นเพราะยังต้องไปฝึกงาน ซึ่งตอนนี้การเป็นนักศึกษาฝึกงานของเธฮก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าเธอจะใจอ่อนให้พิชยะไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ถ้าจะให้เธอทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แกรกก…ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา คนซึ่งกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่หน้าต่างห้องรับอาการดี ๆ ของวันใหม่ แทบจะกระโจนขึ้นไปบนเตียงของโรงพยาบาล ก่อนจะทำทีว่าตนเองนอนหลับอยู่ถ้าคนที่เข้ามาเป็นมนต์มีนาอย่างที่ชายหนุ่มคิด เธอก็อาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา แต่บังเอิญว่าเป็นพิธากับธนา พวกเขาจึงรู้เท่าทัน“ลืมตาได้แล้ว พวกกูเอง” พอได้ยินเสียงของหมอธนาพิชยะก็ลืมตาขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์“มาทำไมนักหนาวะ ไม่มีการมีงานทำรึไง”“อ้าว! พูดแบบนี้ มึงหาว่าท่าน ผอ.ของกูอู้งานเหรอวะ” ธนานั่งลงที่โซฟาภายในห้องผู้ป่วยพิเศษ ไม่ใส่ใจกับคำพูดอ้อม ๆ ของพิชยะที่บ่งบ
พิชยะถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที โชคดีที่คมมีดไม่โดนจุดสำคัญตอนนี้เขาจึงปลอดภัยแล้วพิธากับธนารู้ว่าเพื่อนถูกแทงก็รีบมาที่ห้องฉุกเฉินทุกคนในแผนกต่างก็พากันตกใจที่เนื้อตัวของศัลยแพทย์หนุ่มเต็มไปด้วยเลือดไม่กี่วันก่อนพิชยะเพิ่งจะประกาศยกเลิกวิวาห์กลางคัน จนกลายเป็นหัวข้อหลักในวงสนทนาของบรรดาหมอและพยาบาลทั้งวอร์ด วันนี้เขากลับได้รับบาดเจ็บมาพ้นขีดอันตรายจวนจะเข้าวันที่สองแล้วแต่จนป่านนี้พิชยะก็ยังไม่ได้สติ มนต์มีนาเป็นห่วงเขามาก เธอไม่ยอมลุกไปไหนแม้ว่าพิธากับธนาจะหมุนเวียนกันมาเฝ้า เธอนั่งกุมมือเขาไว้ตลอดเวลา หวังเพียงให้เขาตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย แต่ร่างกายที่อ่อนเพลียจากการอดนอนทำให้หญิงสาวฟุบหลับไปมนต์มีนาจึงไม่เห็นตอนที่พิชยะลืมตาขึ้นมา และทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง น้ำตาของลูกผู้ชายก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวตอนนี้เธอจะยอมยกโทษให้เขาหรือไม่นั้น ไม่สำคัญอีกต่อไป แค่เสี้ยวหนึ่งที่เธอเป็นห่วงเขา เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วมือเรียวยาวของชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าไปหาใบหน้าจิ้มลิ้ม ใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงและโหยหามาตลอดนิ้วเรียวยาวนั่นค่อย ๆ วางลงบนพวงแก้มขาวเนียน หัวใจที่เ
วันต่อมา ทั้งวันมนต์มีนาไม่เห็นพิชยะมาที่บริษัทจึงคิดว่าเหตุการณ์วันก่อนคงทำให้เขาถอดใจไปแล้ว สุดสัปดาห์ทีไรบรรยากาศในการทำงานของพนักงานบริษัทตะวันฉายก็จะครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะบางคนวางแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับคนรัก บางคนก็วางแผนจะใช้เวลาในวันหยุดเสาร์อาทิตย์อยู่กับครอบครัว ถึงเวลาเลิกงานมนต์มีนาก็เดินออกมาที่ประตูฝั่งด้านหน้าของบริษัทหลังจากแน่ใจว่าพิชยะไม่ได้มาดักรอเจอเธอ วันนี้อาทิตย์กับมุกรินไม่ได้เข้าบริษัทเพราะมุกรินต้องไปตรวจครรภ์ตามนัด ส่วนเจนจิราขอลาหยุดหนึ่งวันเพราะต้องไปเฝ้าพี่สะใภ้ที่โรงพยาบาลแทนพี่ชาย ส่วนภูวเนศออกไปพบลูกค้าตั้งแต่เช้ายังไม่กลับเข้ามา วันนี้เธอเลยต้องนั่งรถประจำทางกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวเพราะเกศินีที่ชอบไปขลุกอยู่ที่ห้องเธอจนดึกดื่นแทบจะทุกวันขอลาไปทำธุระกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด แต่พอเดินออกมาเธอก็พบว่ามีคนมายืนรออยู่ หญิงสาวกอบกำมือทั้งสองเข้าหากันเมื่อต้องการเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” “ถ้าคุณรสสราจะมาติดต่อเรื่องงานคุยกับพี่มุกโดยตรงได้เลยนะคะ ขอตัวค่ะ” “ไม่ต้องมาแกล้งโง่” ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยการด่าทอเอ่ยไล่หลังหญิงสาวอ
คนที่โง่มันคือเขาต่างหากเขาโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่าผู้หญิงที่เขาลงมือทำร้ายคือคนที่หัวใจของเขาต้องการชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้งไปด้วยความปวดใจจากการกระทำในวันวาน ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหนก็พบแต่ความสิ้นหวัง เห็นเพียงใบหน้าหมางเมินของมนต์มีนาที่ฉายวนซ้ำไปมาคำพูดเชือดเฉือนหัวใจมันยังดังก้องอยู่ภายในหัวของเขา ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนั้นไม่ต่างจากคนไร้วิญญาณ ไหล่ที่เคยสง่าผ่าเผยกลับลู่ลงข้างกายอย่างสิ้นไร้ความหวังเขาจะทำอย่างไรดี เขาควรทำอย่างไรต่อถึงจะตามหัวใจของเขากลับคืนมาได้เมื่อหมดหนทางสุดท้ายคืนนั้นพิชยะก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากอาทิตย์ เจ้าของบริษัทตะวันฉายที่มนต์มีนาฝึกงานอยู่ โดยเขาได้นัดอีกฝ่ายออกมาเจอที่ไนต์คลับของพิธาทั้งสองนั่งพูดคุยกัน ตอนแรกอาทิตย์ปฏิเสธที่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนนอก แต่พอเห็นว่าพิชยะสำนึกผิดจริง ๆ และต้องการจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น อาทิตย์ก็เกิดเห็นใจผู้ชายด้วยกันครั้งหนึ่งอาทิตย์ก็เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่กับมุกริน เขาเลยเข้าใจความรู้สึกของพิชยะดี คนที่ต้องก
“พี่เจนไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีนออกไปคุยกับเขาเอง”“เดี๋ยวก่อนมีน…” เจนจิรากลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเลยรีบตามหญิงสาวออกไป ตอนนั้นพิชยะกำลังจะเดินกลับไปที่รถ เขาเห็นมนต์มีนาจึงหน้าถอดสี“มีน…” ชายหนุ่มเดาได้ทันทีว่ามนต์มีนาอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับไม่ได้มีความกังวลหรือกลัวอะไร เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอยอมออกมาเจอเขา“เอาของพวกนี้กลับไปด้วยค่ะ มีนไม่ต้องการ” มนต์มีนาโยนของที่ถืออยู่ในมือลงพื้นราวกับว่าเป็นสิ่งของเน่าเสีย ชายหนุ่มได้แต่มองของที่หล่นกระจายอยู่ที่พื้นตรงหน้าของเขาด้วยความเจ็บปวด“เฮียยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว มีนให้โอกาสเฮียสักครั้งได้ไหม” นาทีนี้พิชยะแทบจะก้มศีรษะขอโอกาสจากเธอ ทว่าเขากลับได้รับเพียงคำพูดที่ไร้เยื่อใยกลับมา และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกนออกมา แต่คำขอโทษที่มาจากข้างในก็ดังไปถึงความรู้สึกของมนต์มีนาอย่างไม่น่าเชื่ออานุภาพของมันทำให้ขาทั้งสองข้างที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับมามองเขา“มีนไม่มีโอกาสอะไรให้หรอกค่ะ ถ้าไม่อยากให้มีนเกลียดเฮียไปมากกว่านี้ก็อย่ามาให้มีนเห็นหน้าอีก แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ เพราะทุกอย่
พิชยะขับรถมาที่โรงพยาบาลเพราะเขารู้ว่าตัวเองมีไข้สูง ตอนที่มาถึงเขาจึงถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินหมอและพยาบาลรีบเข้ามาตรวจอาการของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะให้ยาลดไข้ในทันทีชายหนุ่มนอนหลับไปครึ่งวัน ตื่นมาอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล“เป็นไงไอ้คนเก่ง ฟื้นแล้วเหรอมึง” ธนาทักเขาเป็นคนแรก ถ้ามาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมง พิชยะอาจจะถูกพิษไข้ที่สูงกว่าสี่สิบองศาเล่นงานจนไม่มีโอกาสได้ไปง้อเมียอีกแน่ ๆ“ไม่ต้องห่วงหรอก กูยังดวงแข็ง”“ปากดีขนาดนี้กูไม่น่าเช็ดตัวให้มึงเลย น่าจะปล่อยให้มึงหนาวตายไปซะ” ธนาพูดด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันไปเห็นว่าพิชชากำลังมองเขม่นมาที่ตัวเอง“แต่ก็เห็นแก่ที่มึงเคยเปิดเมมเบอร์เลาจน์ให้กู หนี้ชีวิตที่กูช่วยเช็ดตัวให้มึงกูไม่คิดก็ได้”“พร่ำอะไรของมึงวะ” พิธาที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง เขาได้รับรายงานเรื่องที่พิชยะจัดการเรื่องผ่าตัดโดยไม่ผ่านระเบียบของโรงพยาบาลแล้ว“มึงมีอะไรจะพูดกับกูไหม”“ไม่มี แล้วแต่มึงจะพิจารณาเลย” ตอนที่ตัดสินใจทำลงไปเขาย่อมรู้ความผิดของตนเองและผลที่จะตามมาอยู่แล้วจึงไม่คิดจะอาศัยความเป็นเพื่อนขอให้พิธาผ่อนปรนโทษให้“งั้นกูหักเงินเดือนมึงทั้งเ
Comments