“ท่านแม่...ก็อย่างที่ลูกบอกว่าตอนที่ลูกหลับได้พบเรื่องราวมากมายทั้งดีและร้าย ลูกจึงอยากเปลี่ยนแปลงตนเองเพราะลูกรู้ดีว่าคนที่รักลูกมากที่สุดก็คือคนในตระกูลอวี้ ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่และพี่รองต่างรักและเอ็นดูลูกมากกว่าใครทั้งหมด ลูกจึงไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังอีก”
“เจ้าคิดได้เช่นนั้นแม่ก็ดีใจ เอาล่ะแม่จะยกเลิกการกักบริเวณลู่เสียนก็ได้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าน่ารักที่สุด” นางโผเข้ากอดมารดาของตน
“แล้วเจ้าจะไม่บอกแม่จริงๆ หรือ ว่าฝันร้ายที่เจ้าเคยกล่าวถึงว่าไปพบเจอในระหว่างที่หลับไปถึงสามวันสามคืนคือเรื่องใด”
“ลูกไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่สบายใจ บางทีมันอาจจะเป็นแค่ฝันเรื่อยเปื่อยทั่วไปเจ้าค่ะ”
“ไม่บอกก็ไม่บอก ไปหาพี่สาวเจ้าได้แล้ว เจียวเจินมอบตำลึงให้คุณหนูสองถุง”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ใจดียิ่ง”
“อย่าเพิ่งดีใจไป แม่มอบให้เจ้าแค่หนึ่งถุง อีกหนึ่งถุงเป็นของลู่เสียน” แม้จะเป็นบุตรสาวของฮูหยินรอง แต่นางก็เอ็นดูอีกฝ่ายไม่น้อยเพราะได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่สองขวบหลังจากที่ฮูหยินรองจากไป
บางครั้งนางรู้สึกว่าเด็กคนนั้นพยายามต่อต้านอะไรบางอย่าง อาจจะเพราะรู้ดีว่าตนไม่ใช่มารดาแท้ๆ แต่นางก็พยายามหลับตาข้างหนึ่งไม่ยุ่งเกี่ยวมากจนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดใจ ทำให้ตอนนี้แม้อวี้ลู่เสียนจะอายุสิบหกปีแล้ว นางก็ไม่ได้รีบร้อนตอบรับแม่สื่อที่มาเยือนจวนอวี้อย่างไม่ขาดสาย เพราะอยากให้โอกาสเด็กคนนั้นได้เป็นฝ่ายเลือกคู่ครองของตน
“เพิ่มให้อีกถุงไม่ได้หรือเจ้าคะ ท่านแม่ก็รู้ว่าลูกชอบกิน”
“อีกไม่นานก็ปักปิ่นแล้ว อย่ากินให้เยอะ ไปๆ จะไปวัดก็รีบไปสายกว่านี้จะมีเวลาเที่ยวเล่นไม่มาก”
“ท่านแม่รู้ใจข้าจริงๆ เช่นนั้นลูกไปก่อนนะเจ้าคะ ลาเจ้าค่ะ” กล่าวจบบุตรสาวคนเล็กก็วิ่งออกไปจากเรือนของมารดาทันที
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ซุกซนเช่นนี้มิแคล้วจะไม่มีบุรุษใดมาสู่ขอ” และหากเป็นเช่นนั้นฟูจวินของนางและบุตรชายคงปิดจวนฉลองเป็นแน่ เพราะบุรุษสองคนนั้นรักอวี้ซีเยว่ดุจแก้วตาดวงใจ
ด้านอวี้ซีเยว่ที่พอพ้นออกจากเรือนมารดาก็รีบตรงไปยังเรือนของอวี้ลู่เสียน ในความทรงจำของนางพี่รองผู้นี้มักจะถูกมารดาลงโทษบ่อยๆ โทษฐานที่ดูแลนางไม่ดี แม้จะรู้เช่นนั้นแต่เจ้าของร่างกลับไม่เคยสำนึกและยังเล่นซุกซนจนเจ็บตัวอยู่เรื่อย แต่หากกล่าวในนามของผู้อ่านที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ ก็บอกได้เลยว่าสตรีผู้นี้มีชะตาชีวิตที่น่าสงสาร
อวี้ลู่เสียน คิดว่าฮูหยินเอกไม่ได้รักและเอ็นดูตนดั่งเช่นที่แสดงออกต่อหน้าท่านพ่อ จึงไม่ค่อยชอบน้องเล็กที่เป็นต้นเหตุให้ตนโดนลงโทษอยู่ตลอด แต่พอวันหนึ่งนางมีส่วนทำให้น้องเล็กต้องตกน้ำตาย นางที่จมอยู่กับความรู้สึกผิดจึงเคียดแค้นนางเอกของเรื่องที่เข้ามายั่วยุตนจนทำให้เกิดทะเลาะตบตีจนชนน้องเล็กตกน้ำ กว่าคุณหนูรองตระกูลอวี้จะรู้ว่าฮูหยินเอกรักและห่วงใยตนจากใจจริงก็เป็นวันที่ตระกูลอวี้ล่มสลายเพราะพี่ใหญ่ที่แค้นสหายที่ปฏิเสธและทำร้ายจิตใจน้องสาวที่เหลือเพียงคนเดียว จึงไปเลือกเข้าข้างฝ่ายกบฏสุดท้ายโดนประหารทั้งตระกูล ฮูหยินอวี้ที่เป็นห่วงบุตรสาวคนรองที่ยังไม่ได้แต่งงานจึงมอบทรัพย์สินให้นางได้หนีไปใช้ชีวิต แต่อวี้ลู่เสียนไม่ยอมหนีและอยู่รับโทษพร้อมตระกูล สุดท้ายจวนอวี้ของเจ้ากรมพิธีการก็เลือนหายไปจากเมืองหลวงไม่มีใครกล่าวถึงอีกเลย
เมื่อนางต้องอยู่ในร่างนี้อย่างไม่รู้กำหนด นางก็จะพยายามเปลี่ยนโชคชะตาของเหล่าตัวร้ายเพื่อไม่ให้ตนเองต้องร่วมรับโทษประหารชีวิต
การโดนตัดคอคงเจ็บน่าดู นางไม่คิดลองเด็ดขาด
เรือนของอวี้ลู่เสียนมีขนาดพอๆ กับเรือนของนาง บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าท่านแม่ดูแลอีกฝ่ายดั่งบุตรสาวคนหนึ่งจริงๆ
“ท่านพี่ลู่เสียน...” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในเรือนนางก็พบกับสตรีผู้มีใบหน้างดงามกำลังนั่งปักผ้าอยู่ที่สวนดอกไม้ ช่างเป็นภาพที่น่ามอง หากนางเป็นบุรุษมิแคล้วต้องตกหลุมรักพี่สาวเป็นแน่
“ซีเยว่!” ร่องรอยแห่งความยินดีพาดผ่านในดวงตาดอกท้อก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ลู่เสียนเจ้าขาวันนี้ท่านไปไหว้พระกับข้านะเจ้าคะ”
“ไหว้พระ?”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าอยากไปไหว้พระ ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ข้าได้กลับมาหาพวกท่าน”
“แต่พี่โดนแม่ใหญ่กักบริเวณอยู่” เพราะครั้งนั้นน้องเล็กออกไปเที่ยวเล่นกับนางจึงตกน้ำตกท่า
“ท่านแม่ยกเลิกไม่ลงโทษพี่รองแล้วเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ” อวี้ลู่เสียนตอบรับพลางซ่อนประกายยินดีในแววตาเอาไว้อย่างแนบเนียน
สิ่งที่นางยินดีที่สุดก็เห็นจะเป็นน้องสาวต่างมารดาคนนี้ไม่มีท่าทีโกรธเคืองนางที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ที่แท้บุรุษผู้นี้ก็ดีดลูกคิดรางแก้วเอาไว้แล้ว ร้ายกาจ หยางเฟยฉีผู้นี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว มิคาดคิดว่านางมัวแต่ระแวงสตรีดอกบัวขาวเจ้ามารยา แต่กลับลืมระแวงบุรุษดอกบัวขาวผู้นี้ บุรุษดอกบัวขาวที่มักทำตัวเป็นโจรบุปผาผู้นี้ ทั้งร้ายกาจ มากเล่ห์ รู้ตัวอีกทีนางก็ถูกกินเต้าหู้จนหมดตัว ทั้งยังถูกล่อลวงจนหลีกก็ไม่ได้ เลี่ยงเขาก็คงไม่ยอม “ดีๆ เช่นนี้ค่อยน่ารับเป็นบุตรเขยหน่อย” อวี้ผิงกล่าวอย่างดีใจ ในเมื่อรักและเอาใจบุตรสาวเขามากถึงเพียงนี้ “ลู่หมิง เฟยฉี ท่านผู้ตรวจการโจว ลู่เสียน และซีเยว่ พวกเจ้าออกไปเดินเล่นพูดคุยกันข้างนอกเถิด เรื่องหลังจากนี้ ให้เป็นการสนทนาของผู้ใหญ่” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งห้าคนตอบรับก่อนจะพากันเดินออกจากห้องโถ
18 ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร “ข้า...” อวี้ซีเยว่เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะหลุบตาลงมองพื้นราวกับกำลังลำบากใจ ท่าทางเช่นนั้นยิ่งทำให้ผู้เป็นบิดาได้ใจ “หากเจ้าไม่ได้มีใจให้เฟยฉี ก็ไม่ต้องฝืน บิดามารดาเจ้าไม่ว่าอันใดหรอก พวกเราทุกคนยินดียอมรับการตัดสิน
“ไม่ต้องเป็นห่วง...ประเดี๋ยวนะ เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าใครจะแต่งเข้าจวนข้านะขอรับ” เจ้ากรมพิธีการเอ่ยย้ำ “ก็หยางเฟยฉีบุตรชายของพวกเรา เขาส่งจดหมายมาแจ้งว่าจวนอวี้มีกฎไว้ว่าหากอยากแต่งสตรีจวนอวี้เป็นฮูหยิน จะต้องแต่งเข้าเท่านั้น” หยางฮูหยินกล่าวซึ่งพวกตนก็พร้อมจะตามใจบุตรชายที่ไม่อยากสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดา “เรื่องนั้นพวกเราแค่กล่าวล้อเล่นกัน มิได้จริงจังอันใดมากหรอกเจ้าค่ะหยางฮูหยิน” “แต่หากเขาอยากแต่งเข้าจวนอวี้พวกข้าก็ยินยอมเจ้าค่ะ” “กล่าวถึงเรื่องแต่งเข้าจวนอวี้ เฟยฉีเจ้าพึงใจบุตรสาวของน้าคนใดหรือ” แม้คนเอ่ยถามจะเป็นอวี้ฮูหยินแต่คนที่นิ่งฟังกลับเป็นผู้เป็นใหญ่ในจวนอย่างอวี้ผิง&n
คล้อยหลังที่บุรุษรูปงามเดินเข้าจวนไปแล้ว สามพี่น้องตระกูลอวี้และคุณชายหยางก็พากันเดินทางกลับจวน ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงพระจันทร์เงาสองสายกระโดดตามกันไปทางสวนร้างนอกเมือง ก่อนที่ความมืดจะพรางตาจนไม่มีใครเห็นว่าทั้งสองคนหายเข้าไปที่จุดใด “คารวะองค์รัชทายาท” บุรุษชุดดำสองคนคุกเข่าลงตรงหน้าบุรุษที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “ลุกขึ้นๆ ยามอยู่นอกวังเราเป็นแค่คุณชายหนิง อย่าได้มากพิธีจนเป็นที่สังเกต” “นี่คืออวี้ลู่หมิงสหายของข้า” “ขอบคุณเจ้าที่ยื่นมือช่วยเหลือเฟยฉี หากไม่มีพวกเจ้าข้าคงขยับตั
“เช่นนั้นพี่ซ่างกวนป๋อก็ไม่ได้เดินทางกลับกับเราใช่หรือไม่...” นางยังกล่าวไม่ทันจบ บุรุษผู้ชอบซดไหน้ำส้มก็ใช้มือสองข้างที่ยังประคองใบหน้านางไว้ให้อยู่นิ่งแล้วทาบทับริมฝีปากลงบนปากนาง ลิ้นร้อนบุกรุกอย่างดุดันแฝงโทสะ แล้วปิดท้ายด้วยการดูดดึงริมฝีปากอย่างแรงเป็นการลงโทษ “อย่าได้เอ่ยชื่อบุรุษอื่นให้พี่ได้ยิน” โดยเฉพาะบุรุษที่นางเคยเอ่ยชมว่ารูปงาม “ข้าเพียงแค่ถามเพราะอยากรู้ว่าใครจะเดินทางกลับเมืองหลวงกับเราบ้าง ท่านซดน้ำส้มให้น้อยลงได้หรือไม่” มือเรียวพยายามแกะมือเขาที่ยังคงเกาะกุมดวงหน้าหวานของตนอยู่ “พี่รักเจ้า หวงแหนเจ้าถึงเพียงนี้ พี่ย่อมไม่อยากให้สตรีในดวงใจตนเอ่ยถึงบุรุษใด” “ก่อนท่านจะซดน้ำส้ม ท่านก็ควรจะดูที่เจตนาขอ
17 ในที่สุดพี่สาวข้าก็มีสามี และก็เป็นอย่างที่อวี้ลู่หมิงคิด เมื่อในเช้าวันต่อมาคนของสหายที่ซุ่มดูเหตุการณ์ในจวนเจ้าเมืองได้มารายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาจวนเจ้าเมืองหนานโจวได้ถูกคนร้ายบุกเข้าจวนแล้วสังหารคนทั้งจวนไม่เว้นแม้แต่บุตรชายของเจ้าเมืองกับอนุภรรยาคนใหม่ที่อายุเพียงหกเดือน&n