สิ่งที่นางยินดีที่สุดก็เห็นจะเป็นน้องสาวต่างมารดาคนนี้ไม่มีท่าทีโกรธเคืองนางที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
สามวันที่เด็กคนนี้นอนนิ่งอยู่บนเตียง เป็นเวลาที่นางรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้น้องเล็กปลอดภัย
หลายวันมานี้นางเพิ่งเข้าใจว่าแท้จริงตนเองรักและห่วงใยน้องสาวคนนี้มากเพียงใด ไม่ใช่แค่รู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้น้องเล็กตกน้ำ แต่นางไม่อยากสูญเสียคนที่ตนรักไป ที่ผ่านมาแม้จะมีโกรธเคืองบ้างที่น้องเล็กมักจะไม่ระวังจนเจ็บตัวบ่อยๆ ทำให้นางโดนลงโทษ แต่บทลงโทษพวกนั้นก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าการคุกเข่าในศาลบรรพชนหรือกักบริเวณ
‘ต่อจากนี้พี่สัญญาว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ซีเยว่’ และจะทำให้น้องสาวคนนี้มีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า
“จริงเจ้าค่ะ ท่านแม่ฝากข้านำเงินมาให้ท่านด้วย แบ่งกันคนละถุงให้ใช้ตามใจปรารถนา” อวี้ซีเยว่กล่าวพลางส่งถุงเงินที่เก็บไว้ในอกเสื้อจนพองให้พี่สาว
“ขอบคุณน้องเล็ก”
“เช่นนั้นเรารีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่ายิ่งออกจากจวนช้า เราจะมีเวลาเที่ยวเล่นน้อย”
“ได้ๆ พี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“ข้าจะรอเจ้าค่ะ” อวี้ซีเยว่โบกมือพลางยิ้มสดใสให้พี่สาว
‘รอยยิ้มของเจ้าทำให้พี่ใจอ่อนยอมตามใจอีกแล้ว’
อวี้ลู่เสียนหายไปเพียงไม่นานก็เดินกลับมาในชุดพร้อมออกนอกจวน
ผ่านไปราวๆ สองเค่อรถม้าจวนอวี้ก็จอดนิ่งสนิทในบริเวณวัดเฟิงกวาง สตรีสองคนที่เพิ่งลงจากรถม้ามองป่าใบเฟิง[1]ที่อยู่รอบๆ วัดด้วยสายตาเป็นประกาย
“พี่รอง ก่อนกลับเราไปเดินเล่นที่ลานใบเฟิงตรงนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ได้สิ เรารีบเข้าไปไหว้พระขอพรกันเถิด”
“เจ้าค่ะ” นางยิ้มรับสดใสก่อนจะกอดแขนพี่สาวให้เดินไปพร้อมกัน
“เดินดีๆ หน่อยน้องเล็ก” แม้จะได้ยินเสียงเตือนแต่ทว่านางไม่สนใจหรอก
เรื่องไร้ยางอายนั้นหากนางกล่าวว่าตนเป็นอันดับสอง คงไม่กล้ามีใครอ้างตนเป็นอันดับหนึ่ง หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือนางไม่สนใจมารยาทใดๆ หรอก นางจะทำในสิ่งที่ตนอยากทำเท่านั้น
สองพี่น้องต่างมารดาก้มกราบพระตรงหน้าเสร็จก็พากันหยิบถุงเงินเพื่อบริจาคตำลึงให้กับทางวัด ซึ่งนางเห็นแก่วัดที่งดงามดั่งภาพวาดจึงตั้งใจจะหยิบเงินไว้เพียงก้อนเดียวก่อนจะใส่เงินทั้งถุงลงไปในกล่องบริจาค
“อมิตาพุทธ อาตมาต้องขอบคุณโยมทั้งสองที่บริจาคเงินให้กับทางวัด” เสียงและการปรากฏตัวของหลวงจีนรูปหนึ่งทำให้สองสาวที่เพิ่งโยนถุงเงินลงไปในกล่องบริจาคตกใจ
“คารวะไต้ซือเจ้าค่ะ” สตรีทั้งสองแสดงความเคารพ
“เคราะห์กรรมผันผ่าน ชะตาหวนคืน จากนี้จะทำอันใดให้มีสติ คิดไตร่ตรอง สิ่งที่ต้องการจึงจะประสบผล” หลวงจีนชรากล่าวจบก็ก้าวเท้าเดินจากไป
“ไต้ซือเจ้าคะ อย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ” คำกล่าวนั่นช่างสะกิดใจนางเหลือเกิน หรือหลวงจีนผู้นี้จะรู้ว่านางไม่ใช่คนของโลกนี้
ใช่แล้ว! ต้องเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดินเหมือนในนิยายหลายเรื่องที่เคยอ่าน
“ซีเยว่อย่าเสียมารยาท”
“ไต้ซือเจ้าคะ ได้โปรดหยุดสนทนากับข้าก่อน”
‘ลิขิตฟ้ามิอาจแพร่งพราย รู้เท่าที่สวรรค์ให้รู้พอแล้ว’ เสียงของไต้ซือผู้นั้นดังขึ้น
“ข้าอยากรู้เพิ่มไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“ซีเยว่เจ้าอยากรู้อันใด”
“ก็ที่ไต้ซือบอกว่ารู้เท่าที่ควรรู้”
“เจ้าหูแว่วแล้ว ไต้ซือไม่ได้กล่าวอันใดเลย”
“พี่รองไม่ได้ยินหรือเจ้าคะ”
“ไม่นะ”
“ข้าอยากสนทนาธรรมกับไต้ซือเพิ่ม พี่รองรออยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ” อวี้ซีเยว่ดึงข้อมือตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของพี่สาว ก่อนจะสาวเท้าเดินตามหลวงจีนชราออกมาด้านนอก
ว่างเปล่า! ด้านนอกไม่มีใครอยู่เลยสักคน บริเวณรอบๆ มีแต่ป่าเฟิง ไม่มีกระท่อมหรือเรือนให้คนเข้าไปได้
หลวงจีนคนเมื่อครู่เป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นเทพเซียนสักองค์ที่มักจะมาล้อเล่นกับโชคชะตาของมนุษย์เหมือนที่เคยได้อ่านในนิยายหลายเรื่อง
‘เคราะห์กรรมผันผ่าน ชะตาหวนคืน จากนี้จะทำอันใดให้มีสติ คิดไตร่ตรอง สิ่งที่ต้องการจึงจะประสบผล’ หมายความว่าอย่างไรกัน หรือที่นางต้องโผล่มาอยู่ในร่างนี้ มันคือชะตาของนางที่ควรเป็น
‘ลิขิตฟ้ามิอาจแพร่งพราย รู้เท่าที่สวรรค์ให้รู้พอแล้ว’ หากไม่บอกนางก็ไม่สงสัย แล้วเหตุใดท่านถึงได้ทิ้งปริศนาทำให้ผู้น้อยอยากรู้กันเล่า
สุดท้ายแล้วอวี้ซีเยว่ได้แต่เก็บความรู้สึกค้างคาเอาไว้ในใจ
[1] ใบเมเปิ้ล
2 พี่น้องข้าต้องอยู่ให้ห่างไกลจากตัวหายนะ ผ่านไปยังไม่ถึงชั่วจิบชาด้วยซ้ำ หายนะที่นางพยายามดึงพี่รองให้หลบหนีก็ตามมาถึงที่ ไวกว่าความคิดอวี้ซีเยว่ได้ดึงตัวพี่รองของตนไปหลบซ่อนที่หลังต้นไม้ใหญ่ด้วยกัน “รอข้าประเดี๋ยวเจ้าค่ะท่านพี่เฟยฉี” “มีอันใด” บุรุษหน้าน
สุดท้ายแล้วอวี้ซีเยว่ได้แต่เก็บความรู้สึกค้างคาเอาไว้ในใจ ป่าเฟิงของวัดเฟิงกวางช่างงดงาม นอกจากจะมีคุณหนูเช่นนางและพี่สาวแล้วยังมีผู้ใจบุญเดินทางมาไหว้พระขอพรและทำบุญมากพอสมควร “ลู่เสียน ซีเยว่” เสียงทุ้มของบุรุษผู้หนึ่งดึงความสนใจของพวกนางให้หันไปมอง “พี่ใหญ่” อวี้ลู่เสียนพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี พอได้ยินที่พี่รองเอ่ย ดวงตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความยินดี พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างหน้าคล้ายกับพี่ชายที่ตายไปแล้วในโลกก่อน “พี่ใหญ่เป็นท่านจริงๆ ด้วย ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” อวี้ซีเยว่วิ่งเข้าไปหาบุรุษผู้มีหน้าตาหล่อเหลาดั่งพระเอกซีรี่ย์จีน “พี่ก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน” อวี้ลู่หมิงกอดตอบน้องสาว “ใช่แล้ว เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่” นางผละออกก่อนจะเอ่ยถามพี่ชาย การได้เจอหน้าครอบครัวของตนเองในโลกที่แปลกประหลาดแห่งนี้มันดีเหลือเกินแม้จะเป็นแค่คนหน้าเหมือนแต่มันก็ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจ “เพราะท่านแม่บอกว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ พี่จึงมารับ” “พี่ใหญ่มาถึงตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ” อวี้ลู่เสีย
สิ่งที่นางยินดีที่สุดก็เห็นจะเป็นน้องสาวต่างมารดาคนนี้ไม่มีท่าทีโกรธเคืองนางที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด สามวันที่เด็กคนนี้นอนนิ่งอยู่บนเตียง เป็นเวลาที่นางรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้น้องเล็กปลอดภัย หลายวันมานี้นางเพิ่งเข้าใจว่าแท้จริงตนเองรักและห่วงใยน้องสาวคนนี้มากเพียงใด ไม่ใช่แค่รู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้น้องเล็กตกน้ำ แต่นางไม่อยากสูญเสียคนที่ตนรักไป ที่ผ่านมาแม้จะมีโกรธเคืองบ้างที่น้องเล็กมักจะไม่ระวังจนเจ็บตัวบ่อยๆ ทำให้นางโดนลงโทษ แต่บทลงโทษพวกนั้นก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าการคุกเข่าในศาลบรรพชนหรือกักบริเวณ ‘ต่อจากนี้พี่สัญญาว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ซีเยว่’ และจะทำให้น้องสาวคนนี้มีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า “จริงเจ้าค่ะ ท่านแม่ฝากข้านำเงินมาให้ท่านด้วย แบ่งกันคนละถุงให้ใช้ตามใจปรารถนา” อวี้ซีเยว่กล่าวพลางส่งถุงเงินที่เก็บไว้ในอกเสื้อจนพองให้พี่สาว “ขอบคุณน้องเล็ก” “เช่นนั้นเรารีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่ายิ่งออกจากจวนช้า เราจะมีเวลาเที่ยวเล่นน้อย”
“ท่านแม่...ก็อย่างที่ลูกบอกว่าตอนที่ลูกหลับได้พบเรื่องราวมากมายทั้งดีและร้าย ลูกจึงอยากเปลี่ยนแปลงตนเองเพราะลูกรู้ดีว่าคนที่รักลูกมากที่สุดก็คือคนในตระกูลอวี้ ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่และพี่รองต่างรักและเอ็นดูลูกมากกว่าใครทั้งหมด ลูกจึงไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังอีก” “เจ้าคิดได้เช่นนั้นแม่ก็ดีใจ เอาล่ะแม่จะยกเลิกการกักบริเวณลู่เสียนก็ได้” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าน่ารักที่สุด” นางโผเข้ากอดมารดาของตน “แล้วเจ้าจะไม่บอกแม่จริงๆ หรือ ว่าฝันร้ายที่เจ้าเคยกล่าวถึงว่าไปพบเจอในระหว่างที่หลับไปถึงสามวันสามคืนคือเรื่องใด” “ลูกไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่สบายใจ บางทีมันอาจจะเป็นแค่ฝันเรื่อยเปื่อยทั่วไปเจ้าค่ะ” “ไม่บอกก็ไม่บอก ไปหาพี่สาวเจ้าได้แล้ว เจียวเจินมอบตำลึงให้คุณหนูสองถุง” “เจ้าค่ะ” “ท่านแม่ใจดียิ่ง” “อย่าเพิ่งดีใจไป แม่มอบให้เจ้าแค่หนึ่งถุง อีกหนึ่งถุงเป็นของลู่เสียน” แม้จะเป็นบุตรสาวของฮูหยินรอง แต่นางก็เอ็นดูอีกฝ่ายไม่น้อยเพราะได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่สองขวบหลังจากที่ฮูหยินรองจากไป
1 จู่ๆ ก็ได้เป็นพี่น้องกับตัวร้าย นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเธอเนี่ย ทำไมเธอได้โผล่มาอยู่ในที่แห่งนี้ เจ้าของดวงตาเมล็ดซิ่งได้แต่กะพริบตาปริบๆ พลางจ้องมองตนเองในกระจก ใบหน้าที่น่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของเด็กสาววัยสิบสี่ปี ก่อนจะใช้สองมือเล็กดึงทึ้งผมตนเองราวกับคนเสียสติ “คุณหนูเจ้าคะ ให้บ่าวช่วยผัดหน้าเติมชาดหรือไม่เจ้าคะ” เจียวลู่ที่ถูกสั่งให้รออยู่ด้านนอกส่งเสียง “ไม่เป็นไร ข้าทำเองได้” กล่าวจบนางก็รีบหยิบหวีมาสางผมจัดการตนเองให้เรียบสวยดังเดิม “เฮ้อ...” สามวันมานี้นางถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนยังอยู่ในที่แห่งนี้ดังเดิม ‘คงต้องยอมรับความจริงแล้วละมั้ง’ แต่มันจะเป็นความจริงที่ว่านางทะลุมิติมาอยู่ในโลกจีนโบราณ ย้อนอดีตชาติกลับมา หรือตายไปแล้วเลยมาเข้าร่างผู้อื่นกันล่ะ อ่านนิยายแนวจีนโบราณมาก็ตั้งมากมายใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะไ